ตอนที่ 10-5 ออกดอกออกผล
ยามดึก ภายในห้องหนังสือที่เงียบสงัดมีเพียงโต๊ะทำงานหนึ่งตัวกับโคมไฟหรี่แสง
บนโต๊ะ มีบุรุษร่างผอมจมูกงองุ้มเหมือนเหยี่ยวไว้ผมยาวสีม่วง คนผู้นี้กำลังพลิกหนังสือเล่มหนา ลักษณะของคนจมูกเหยี่ยวไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน แต่ในขณะนั้นเอง “ก๊อก ก๊อก กีอก” เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา” บุรุษจมูกเหยี่ยวไม่เงยหน้าขึ้นยังคงอ่านหนังสือต่อไป
“แอ๊ดดดด” ประตูผลักเปิดออกและบุรุษวัยกลางคนผมทองรูปหล่อเดินเข้ามา ทันทีที่เข้ามาแล้วเขาปิดประตู จากนั้นคำนับด้วยความเคารพ “ใต้เท้าตุลาการ! กองกำลังของลินลี่ย์ยึดหัวเมืองโมแอ็ตไปแล้ว”
บุรุษจมูกเหยี่ยวคือหัวหน้าตุลาการแห่งศาลศาสนจักรกลางแห่งศาสนจักรเจิดจรัสโอเซนโน
ต่อหน้าสาธารณะจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จะเป็นผู้นำศาสนจักรเจิดจรัส อย่างไรก็ตามศาสนจักรจะต้องกระทำตนเองให้ดูบริสุทธิ์สูงส่ง เมื่อต้องจัดการกับยอดฝีมือบางคน พวกเขามีศาลศาสนจักรคอยรับภารกิจอย่างโหดอำมหิตเต็มที่ หัวหน้าของพวกเขาตุลาการเป็นคนในศาสนจักรเจิดจรัสเองมีพลังและอำนาจไม่น้อยไปกว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
“เหรอ” โอเซนโนยังคงอ่านหนังสือต่อไป
บุรุษผมทองพูดด้วยความเคารพต่อ “ยืดหัวเมืองโมแอ็ตเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่สำคัญกว่า..ด้านลินลี่ย์ใช้อสูรชั้นเซียนลึกลับเป็นอสูรประเภทเสือดำบุกทำลายกำแพงเมือง!”
“พวกเขาใช้อสูรชั้นเซียนด้วยหรือ?” โอเซนโนเงยหน้าทันที
ตาของโอเซนโนลึกล้ำเหมือนทะเล บุรุษผมทองรู้สึกว่าหัวใจของเขาสั่นสะท้านจากการจ้องมองของโอเซนโน แต่ข่มความกลัวและพูดต่อ “ใต้เท้าตุลาการ ฝ่ายลินลี่ย์ใช้เซียนเข้าสู้รบนี่เป็นเรื่องยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด”
กล่าวโดยทั่วไปเซียนจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการสู้รบ
เมื่อมีเซียนเข้ามาเกี่ยวข้องนั่นหมายความว่าจะไม่มีอะไรเบี่ยงเบน ไม่มีโอกาสปรองดองกันได้มีแต่ต้องสู้ตายเท่านั้น
เนื่องจากหัวเมืองโมแอ็ตไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของศาสนจักรเจิดจรัส เพราะลินลี่ย์กระทำเช่นนั้นไม่ได้เป็นการยั่วยุตรงต่อศาสนจักรเจิดจรัส แต่สำหรับเขาการมีอสูรเวทระดับเซียนเข้าร่วมทำศึก..นี่คือการแสดงท่าที ท่าทียั่วยุที่มีต่อศาสนจักรเจิดจรัส ความตั้งใจของลินลี่ย์ค่อนข้างชัดเจน...
อสูรเวทของข้าแสดงตัวแล้ว กองกำลังเหล่านี้เป็นของข้า ลินลี่ย์ ดังนั้นศาสนจักรเจิดจรัสของเจ้าจะทำอะไรได้?
ขณะเดียวกันฝ่ายลินลี่ย์ก็กำลังแสดงกำลังของเขา ‘เนื่องจากข้ากล้าส่งอสูรเวทระดับเซียนเข้าสู้รบ ถ้าศาสนจักรเจิดจรัสเจ้าต้องการสู้รบกับข้า จะดีที่สุดให้พวกเจ้านำเซียนมาด้วย อย่าได้เปลืองกำลังทหารเลย’
“ใต้เท้าตุลาการ?” บุรุษผมทองมองโอเซนโน
ดวงตาลึกล้ำของโอเซนโนไม่อาจหยั่งคาด ทันใดนั้นโอเซนโนกล่าว “จำเอาไว้ จากวันนี้ไป อย่าสู้กับลินลี่ย์โดยตรง เราจะอดทน!” บุรุษผมทองตกใจและเขามองดูโอเซนโนอย่างเหลือเชื่อ
โอเซนโนคือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างมากแน่นอน
ในฐานะหนึ่งในเสาหลักของศาสนจักรเจิดจรัส พลังของเขาไม่ต่ำกว่าเฮนด์เซนและบางทีอาจสูงล้ำกว่า ศาสนจักรเจิดจรัสมีเซียนอยู่สองสามคนในแดนอนารยชนเช่นกันไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องกลัวลินลี่ย์
“ใต้เท้าตุลาการ, ฝ่ายลินลี่ย์รวมกับเขาด้วย มีอสูรเวทระดับเซียนอยู่สองตัว” บุรุษผมทองพูดอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ
โอเซนโนพูดอย่างใจเย็น “ไม่, เขาไม่ได้มีเซียนแค่เพียงสองสามคน ห้าพี่น้องบาร์เกอร์ ถ้าเราคาดการณ์ได้ถูกก็น่าจะเป็นเชื้อสายของอาร์มันด์ ตอนนี้ทุกคนเป็นนักรบระดับเก้าแล้ว เมื่อแปลงร่างพวกเขาจะเป็นเซียนระดับต้น มีแต่ยอดฝีมือชั้นเซียนระดับกลางจึงจะเอาชนะพวกเขาได้”
“นักรบอมตะ?” บุรุษผมทองมีท่าทางตกใจ
โอเซนโนมองเขา
เมื่อซีซาร์ช่วยบาร์เกอร์และน้องๆ พวกเขาได้ขู่สเตลห์ไว้,จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไฮเดนส์สงสัยว่าพี่น้องบาร์เกอร์คือคนของตระกูลอาร์มันด์ ที่สำคัญคือซีซาร์ลงมืออย่างแข็งขันจริงจัง...ไม่มีคำอธิบายเป็นอย่างอื่น
“พวกเขาไม่ได้อ่อนแอกว่าเรา” โอเซนโนก้มหน้าอ่านหนังสืออีกครั้ง เขาพูดย้ำอย่างใจเย็น “จำไว้ อดทน”
“อย่างนั้นถ้าลินลี่ย์ตั้งอาณาจักรปกครองอิสระและเริ่มรุกรานดินแดนของเรา?” บุรุษผมทองถาม แม้ว่าเขาจะเป็นผู้สั่งการระดับสูงของกองกำลังศาสนจักรเจิดจรัสในแดนอนารยชน แต่ตอนนี้โอเซนโนอยู่ที่นี่ โอเซนโนย่อมมีอำนาจเหนือกว่าเป็นธรรมดา
โอเซนโนพูดอย่างใจเย็น “ถ้าพวกเขารุกรานดินแดนของเรา เราจะถอยและปล่อยให้เขายึดไป”
“หือ...” บุรุษผมทองจ้องมองโอเซนโนอย่างตกใจ
โอเซนโนพูดอย่างใจเย็น “พวกเขายั่วยุเรา เราจะทน ถ้าพวกเขาโจมตีดินแดนของเรา เราจะถอย! ปล่อยให้ลินลี่ย์คิดว่าเรากลัวพวกเขาและว่าพลังของเราน้อยกว่าพวกเขา...อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจเรื่องนี้ไว้ด้ว้ย เมื่อเขายึดดินแดนของเรา เขาจะต้องจัดระเบียบและใช้ทหารของเมืองเป็นธรรมดา”
“อา!” ตาของบุรุษผมทองเป็นประกาย เขาเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ของโอเซนโน
“ใต้เท้าตุลาการช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก” บุรุษผมทองพูดอย่างตื่นเต้น
โอเซนโนหัวเราะอย่างใจเย็น “นี่คือวิธีการที่สงครามเป็นไปอยู่เสมอ ทรัพยากรมนุษย์คือสิ่งที่สำคัญสูงสุด! ในแง่ของความจงรักภักดีจะมีอะไรที่ทรงพลังมากกว่าความศรัทธา? ลินลี่ย์.. ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าพลังของความศรัทธาน่ากลัวเพียงไหน”
บุรุษผมทองลอบสะท้านใจ
โอเซนโนน่ากลัวเกินไปจริงๆ
พวกเขามีพลังยิ่งใหญ่และมียอดฝีมือหลายคน แต่พวกเขายังใช้วิธีการที่น่ากลัวแบบนั้น บุรุษผมทองสามารถมองเห็นภาพทั้งหมด...กองทัพที่อวดดีจองหองของลินลี่ย์คงจะต้องพ่ายแพ้กลับไปยังจุดเริ่มต้น
“ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” โอเซนโนก้มหน้าอ่านหนังสือขณะเขาพูดอย่างใจเย็น
“ขอรับ, ใต้เท้าตุลาการ”
บุรุษผมทองเดินออกมาจากห้องด้วยความเคารพปล่อยให้โอเซนโนอยู่คนเดียวในห้องหนังสือที่มีแสงสลัว เขายังคงอ่านหนังอย่างเงียบงัน ข้างๆตัวเขานั้นมีม้วนเอกสารซึ่งมีหนังสือเขียนไว้ด้านบน ‘ลินลี่ย์ บาลุค’
…..
ในพื้นที่ตอนเหนือของดินแดนอนารยชนในอึดใจเดียวพวกเขาก็ยึดหัวเมืองใหญ่หนึ่งเมืองและเมืองน้อยอีกเก้าเมือง,ก่อตั้งเขตแคว้นปกครองมีพลเมืองในบังคับเก้าล้านคน แต่แม้ว่าพวกเขาตีเมืองโมแอ็ตได้ แต่ศูนย์กลางการปกครองฝ่ายลินลี่ย์ยังคงอยู่ในเมืองแบล็คเดิร์ท
เมืองแบล็คเดิร์ทในปัจจุบันนี้พัฒนาไปมาก
นโยบายยกเว้นภาษี ทำให้หลายคนต้องการอพยพเข้าเมืองแบล็คเดิร์ทและทำให้เมืองแบล็คเดิร์ทล้นทะลักจากตามชายตะเข็บ นี่เป็นผลให้ฝ่ายบริหารในเมืองแบล็คเดิร์ทเพิ่มนโยบายมีข้อกำหนดการอพยพเข้าเมือง แต่เมืองแบล็คเดิร์ทที่เป็นศูนย์กลางการปกครองพื้นที่นี้ยังคงดึงดูดผู้อพยพมาเป็นจำนวนมาก
“พี่ใหญ่, เมืองแบล็คเดิร์ทเปลี่ยนแปลงไปมากเลย” บีบียืนอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์ขณะที่ลินลี่ย์เดินไปตามถนนหลัก
ลินลี่ย์ยังคงมองดูโรงแรมรอบๆ ร้านเสื้อผ้าและร้านอาวุธตั้งอยู่สองฝั่งข้างถนน เมื่อลินลี่ย์มาถึงเมืองแบล็คเดิร์ทครั้งแรก พลเมืองท้องถิ่นแต่งตัวด้วยผ้าขาดรุ่งริ่งส่วนใหญ่ตัวเหลืองเหมือนเป็นโรคขาดอาหาร แต่ในช่วงไม่กี่เดือนนี้ เมืองแบล็คเดิร์ทเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ร้านเก่าโกโรโกโสได้รับการปรับปรุงหมด
ถนนได้รับการซ่อมแซมเช่นกัน และมีต้นไม้สองข้างฝั่งถนน ในบางโรงแรมลินลี่ย์เห็นประชาชนทั่วไปกำลังดื่มเหล้าสนทนากันตามปกติ เกือบทุกคนคุยเรื่องห้าเทพสงครามของพวกเขา
ภายใต้การนำของห้าเทพสงครามผู้ไร้เทียมทานนี้ ชีวิตของพวกเขามีความมั่นคงยิ่งขึ้น และการงดเว้นภาษีทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นกว่าเดิมมากมายหลายระดับ
“ถ้าห้าเทพสงครามพ่ายแพ้เล่า....” ขณะนั้นคนผู้หนึ่งในโรงแรมพูดขึ้น...
“แม่มันเอ๊ย...เจ้าผายลมอะไรอีกเล่า?”
“เทพสงครามเหล่านั้นไร้เทียมทาน พวกเขาจะพ่ายแพ้ได้ยังไง? เด็กน้อย เจ้าระวังปากเจ้าไว้ดีกว่า”
หลายคนเริ่มก่นด่าเขาอย่างโกรธเคือง ประชาชนเหล่านี้ลึกๆแล้วพอใจกับความสงบสุขในปัจจุบันของพวกเขา เป็นธรรมดาที่พวกเขาไม่ต้องการให้ชีวิตของพวกเขาต้องระหกระเหิน
“ในจักรวรรดิโอเบรียนและสหภาพศักดิ์สิทธิ์ชีวิตที่สงบสุขหาได้ง่ายมาก แต่ในดินแดนอนารยชน ชีวิตแบบนั้นมีคุณค่ามาก” ลินลี่ย์ตื่นเต้นมากทันที “นี่คือสาเหตุให้เกิดความวุ่นวาย”
“ถ้าสักวันหนึ่งแดนอนารยชนสามารถเป็นอันหนึ่งเดียวกันได้ ความวุ่นวายก็จะสิ้นสุดลง...”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของประชาชนทั่วไปแล้ว ทันใดนั้นลินลี่ย์ตระหนักได้ว่าหัวใจของเขามีความสุข มีความรู้สึกพอใจ
“รวบรวมแผ่นดิน?” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะและหัวเราะ
เขาไม่ตั้งใจจะทำแบบนี้ สามารถทำให้คนที่เขารักมีความสุขและทำให้ตนเองก้าวหน้าในการฝึกฝนนี่ก็ทำให้เขาพอใจมากอยู่แล้ว
“จะดีที่สุดคือปล่อยให้ซาสเลอร์และบาร์เกอร์รับมือกับเรื่องสงครามต่อไป” ร่างของลินลี่ย์หายวับไปกับสายลม
ภายในจวนเจ้าเมืองในเมืองแบล็คเดิร์ท เจนน์ รีเบ็คกา ลีนาและคนอื่นๆกำลังทานมื้อกลางวันในห้องโถง ทันใดนั้นลินลี่ย์มาปรากฏต่อหน้าประตู..
“ใต้เท้า” บาร์เกอร์ลุกขึ้นยืนทันที และคนอื่นๆ ก็ทำเช่นกัน ลินลี่ย์รีบกล่าว “นั่งเถอะ ทุกคนข้าแค่มาเยี่ยมพวกเจ้าและคุยด้วยสองสามคำ” ลินลี่ย์ยิ้มขณะที่เขาเดินเข้ามาที่เก้าอี้และนั่งลง
ซาสเลอร์พูดทันที “ลินลี่ย์, เราตั้งใจจะไปหาเจ้าและหารือพูดคุยความก้าวหน้ากับเจ้า ตอนนี้เจ้าก็มาแล้ว, เจนน์.. เจ้ารายงานให้ลินลี่ย์ทราบ ”ตอนนี้เจนน์เป็นระดับผู้บริหารชั้นสูงของพวกเขา
เพียงแค่เจนน์กำลังจะอ้าปากพูด ลินลี่ย์หัวเราะและยื่นมือห้ามนาง “เจนน์ นั่งก่อน ไม่ต้องรีบ”
เจนน์พยักหน้าและนั่งลง
“ตราบเท่าที่สงครามยังเป็นเรื่องที่น่ากังวล เจ้าต้องทำใจตัวเองให้ดีก่อน ตอนนี้ ข้ากำลังคิดว่า.. ยังมีช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่เราจะเริ่มสู้กับศาสนจักรเจิดจรัส ข้าต้องการถือโอกาสในช่วงนี้เดินทางลงใต้เพื่อซ้อมมือกับเซียนสักสองสามคน”
ลินลี่ย์ยังจำคำเชิญจากมิลเลอร์ได้
ซ้อมมือกับยอดฝีมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยอดฝีมือที่เรียนกฎธรรมชาติอย่างเดียวกัน จะช่วยให้เขารู้แจ้งได้มาก นอกจากนี้กองทัพของเขาจะต้องสู้กับศาสนจักรเจิดจรัสในอีกไม่ช้า เมื่อเวลาสู้รบเริ่มขึ้น เขาคงไม่กล้าจากไปจริงๆ
เขาต้องฉวยเวลาที่เขามีอยู่
“ใต้เท้าไม่ต้องกังวล” บาร์เกอร์หัวเราะ “อย่างไรก็ตามอีกราวเจ็ดแปดวัน เราจึงจะเริ่มโจมตีแคว้นที่อยู่ในบังคับของศาสนจักรเจิดจรัส เพราะเรื่องที่เราได้คุยกับท่านเมื่อล่าสุด ใต้เท้า, ถ้าศาสนจักรเจิดจรัสสู้เราตรงๆ เราไม่กลัวพวกเขา และหนึ่งเดือนจากนี้เราจะก่อตั้งอาณาจักรปกครองบาลุค ถ้าพวกเขากลัวเรา เราสามารถทำเป็นเหมือนว่าจะบุกโจมตีพวกเขา และใช้ชื่ออื่นแทน”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“งั้นก็ดีแล้ว แฮรุจะอยู่กับพวกท่าน ในกรณีมีเรื่องฉุกเฉิน บีบีกับข้าจะออกหน้าเอง ลินลี่ย์ยืนขึ้นทันที
“พี่ลินลี่ย์, ท่านไม่ร่วมทานอาหารกับเราหรือ?” เจนน์พูดทันที
ลินลี่ย์หัวเราะให้เจนน์ จากนั้นส่ายหัว “ไม่” ร่างของลินลี่ย์กระพริบและหายไปจากห้องนั่งเล่น เจนน์รู้สึกผิดหวัง ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
……….
ในตอนใต้ของดินแดนอนารยชน ภายในหมู่บ้านน้อยที่ลึกลับและเงียบสงบ
ตั้งแต่ข่าวว่าเรย์โนลด์เลือกจะอยู่ที่นี่ในหมู่บ้านนี้แพร่กระจายออกไป เรย์โนลด์ก็ถูกขัดขวางไม่ให้เข้าหมู่บ้าน! เหตุผล? โมนิกา! โมนิกาคือคนที่งดงามที่สุดเป็นหญิงสาวที่สวยเด่นสะดุดตาที่สุดในหมู่บ้านนี้ มีคนติดพันนางอยู่มากมาย
เดิมทีบุรุษหนุ่มหลายคนคิดว่าเรย์โนลด์จะออกไปอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่มีการคุกคามอะไร
แต่ในที่สุดแล้ว เรย์โนลด์ก็ยังอยุ่
ภายในโรงแรมหมู่บ้านภูเขา เรย์โนลด์กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นั่น
“เฮ้ เจ้าเด็กน้อย, หลีกไปซะ” เด็กหนุ่มสามคนเดินเข้ามาหาและตบโต๊ะเขาอย่างแรงขณะที่พวกเขาตะคอกใส่เรย์โนลด์
เรย์โนลด์เงยหน้ามองดูพวกเขา
“อะไร, เจ้ามีปัญหาหรือไง?” ร่างของเด็กหนุ่มทั้งสามคนเริ่มเลือนรางขณะเร่งเร้าปราณยุทธ จอมเวทระดับเจ็ดคนหนึ่งไม่ถือว่ามีอะไรมากนักในหมู่บ้านภูเขาลึกลับนี้ มีเด็กหนุ่มที่ถึงระดับเจ็ดเป็นสิบๆคน และมีสองสามคนที่ถึงระดับแปด เด็กหนุ่มต่อหน้าเขาทั้งสามคนเล่า? คนหนึ่งเป็นนักรบระดับเจ็ด คนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นนักสู้ระดับแปด
ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้ ถ้าพวกเขาจะลงมือกับเขา
เรย์โนลด์สูดหายใจลึกสงบสติอารมณ์และหลบออกไปด้านข้าง ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้ เขาไม่มีคนให้พึ่งพาอาศัยในหมู่บ้านแห่งนี้ แต่ลุง ป้า ปู่ย่าตายายหลายๆคนไม่เว้นกระทั่งเด็กหนุ่มพวกนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งนั้น เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะสู้กับพวกเขา? และเด็กหนุ่มหลายคนที่นี่เติบโตมาด้วยกัน ถ้าพวกเขารวมกลุ่มกัน เขาจะสู้ได้ยังไง?
“พวกเจ้าจะทำอะไร?”
โมนิกาและสาวใช้ของนางเดินเข้ามาและแสดงความไม่พอใจต่อพวกเขา
“องค์หญิงโมนิกา” คนทั้งสามคนคำนับทันที ภายในหมู่บ้านภูเขา สถานะของบิดาของโมนิกาสูงส่งนัก ตามตำนาน..หมู่บ้านภูเขาลึกลับนี้มีอยู่มานานเกินพันปีแล้ว และในเวลานั้น, บิดาของโมนิกายังดูดีจนถึงเดี๋ยวนี้
โมนิกาจ้องมองพวกเขาแต่ละคนอย่างไม่พอใจ จากนั้นคว้ามือเรย์โนลด์ “พี่เรย์โนลด์ ไปกันเถอะ”
เรย์โนลด์ยืนขึ้น สูดหายใจลึก เขาออกไปพร้อมกับโมนิกา
“ทั้งหมดที่เขาทำได้คือหลบอยู่หลังอิสตรีเจ้าคนไร้ประโยชน์” ทั้งสามคนสบถใส่เขาเบาๆ เรย์โนลด์เดินออกไปกับโมนิกาได้ยินเสียงพวกเขาเป็นธรรมดา ร่างของเขาสั่นเล็กน้อย และจากนั้นเขาตามโมนิกาออกไป
ในหมู่บ้านภูเขาลึกลับนี้ เขาไม่มีคนให้พึ่งพาอาศัย ทั้งหมดที่เขาทำได้คืออดทน