ตอนที่ 10-3 ขยายอำนาจ
วันที่ 5 มกราคม ศักราชยูลาน 10010 โลกปกคลุมไปด้วยสีเทาหม่นในสถานที่เยือกเย็นบางแห่งหิมะยังไม่ทันละลาย ตอนนี้เมืองทัวร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล
เจ้าเมืองทัวร์ขึ้นไปอยู่บนกำแพงเมืองจ้องมองไปข้างนอกอย่างสิ้นหวัง นอกเมืองมีจำนวนคนที่มองเห็นได้ไม่ชัดเจน
“เมืองแบล็คเดิร์ทมีคนอยู่เท่าไหร่?” เจ้าเมืองตะโกนถามบริวารของเขา
“ท่านเจ้าเมืองหน่วยสอดแนมจะกลับมารายงานเราทันทีที่พวกเขาเห็นกองกำลังของศัตรู พวกเขาไม่สามารถเห็นได้ชัดว่ามีกำลังพลอยู่เท่าใด อย่างไรก็ตามผู้นำของพวกเขาดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในห้าเทพนักรบในตำนานซึ่งเมืองแบล็คเดิร์ทได้มา” บริวารที่อยู่ใกล้ๆ คนหนึ่งรายงานอย่างตื่นเต้น
“หนึ่งในห้าเทพนักรบ?” เจ้าเมืองยิ่งแตกตื่นมากขึ้น “เขาเป็นนักรบระดับเก้าเขาว่าไว้อย่างนั้นใช่ไหม? โธ่เว้ย,ข้าก็บอกได้ว่าข้าเป็นเซียน! เจ้าทุกคนต้องระวังให้ดี พวกเจ้าต้องเฝ้ารักษาที่มั่นของตนเองให้ดี”
“ขอรับท่านเจ้าเมือง” ทหารเหล่านั้นรับคำ
เมืองทัวร์ไม่กล้ารับมือผู้บุกรุกในสนามรบเปิดกว้าง พวกเขาสามารถทำได้แต่เพียงอยู่ภายในเมืองและเฝ้ารักษาที่มั่น ที่สำคัญก็คือการป้องกันทำได้ง่ายกว่าการรุกรานเสมอ
พี่รองอังเก้จ้องมองเมืองแต่ไกลอย่างเย็นชา เมืองแบล็คเดิร์ทระดมพลเต็มพิกัด ห้ากองพันมีอยู่เพียงกองพันเดียวที่รั้งอยู่รักษาเมือง ขณะที่อีกสี่กองพันภายใต้การนำของอังเก้, เฮเซอร์ บูนและเกทส์ออกไปโจมตีรุกเมืองอีกสี่เมือง
“หยุด!” อังเก้ชูมือขวาและตะโกนเสียงดัง
ในทันใดนั้น ทหารทั้ง 1800 คนหยุดอยู่กับที่ ทุกคนจ้องมองร่างมหึมาที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาด้วยความเทิดทูน ห้าพี่น้องบาร์เกอร์ปฏิบัติต่อทหารอย่างเสมอภาคให้ปูนบำเหน็จและลงอาญาตามเหมาะสม และพวกเขาใช้เวลาอยู่กับทหาร เข้ากันกับทหารได้เป็นอย่างดี
เมื่อทหารฝึกฝน พวกเขาก็ฝึกฝนด้วยเช่นกัน
เมื่อพวกทหารวิ่งแบกน้ำหนัก ห้าพี่น้องบาร์เกอร์ก็จะฝึกแบกก้อนหินหนักเป็นแสนปอนด์ไปด้วย ทหารของเมืองแบล็คเดิร์ทเริ่มหลงใหลเทิดทูนผู้นำของพวกเขามากยิ่งขึ้น
“ดีไล! จงฟัง!” อังเก้ตะโกนเกรี้ยวกราด
เสียงนั้นบรรจุไปด้วยปราณอมตะดังก้องไปทั้งเมืองทัวร์ราวฟ้าคำราม หัวใจของทหารเมืองทัวร์สั่นสะท้าน เฉพาะเสียงที่ดังกึกก้องนี้ก็ทำให้กำลังใจตกลงอย่างฮวบฮาบเสียแล้วดูเหมือนตำนานจะเป็นจริง เป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะต่อต้านยอดฝีมืออย่างนี้?
เจ้าเมืองดีไลก็แตกตื่นเช่นกัน แต่เขาไม่ต้องการยอมยกฐานของเขาให้
“พูดสิ่งที่เจ้าต้องการพูดออกมา อย่าเสียเวลา” ดีไลรวบรวมความกล้าและตะโกนกลับไป แต่แม้ว่าเสียงของเขาที่ตะโกนใส่กำแพงเมืองจะค่อนข้างดัง แต่เมื่อไปถึงอังเก้ก็กลายเป็นเสียงที่อ่อนลงแล้ว ไม่มีวี่แววคุกคามเขาสักนิด
อังเก้ตะโกนเหมือนกับเป่าเขาวัว “ดีไล, ถ้าเจ้ายอมส่งมอบเมืองทัวร์ให้กับเราเราจะไว้ชีวิตเจ้า มิฉะนั้น...ขวานยักษ์ของข้าจะไม่มีความปราณีให้” ขณะที่อังเก้พูดทหารหลายคนของเมืองทัวร์เริ่มคิดทรยศ
นอกจากนี้ ก่อนที่เมืองแบล็คเดิร์ทจะเริ่มโจมตี หลายๆคนในเมืองทัวร์ลอบยอมจำนนต่อเมืองแบล็คเดิร์ทแล้ว
“โอว, เจ้าต้องการต่อสู้ให้ถึงที่สุดใช่ไหม?” เสียงของอังเก้ดังก้องเข้าหูทหารเมืองทัวร์อีกครั้งหนึ่ง
“ฆ่า!” เสียงดังปานฟ้าถล่มทลาย
ทหารหลายคนบนกำแพงเมืองทัวร์หวาดกลัวกับเสียงตะโกนนี้ จากด้านล่าง พวกเขาสามารถได้ยินเสียงนักรบตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “ฆ่า!” “ฆ่า!”
….
ทุกคนบุกเข้าหากำแพงเมืองทัวร์อย่างบ้าคลั่ง โล่ของพวกเขาชูขึ้นสูงอัศวินเหล่านั้นคำรามเสียงเหี้ยมเกรียมสร้างความตื่นตระหนกให้กับทหารรักษาเมือง
“พลธนู! ยิงพวกมัน! ยิงพวกมันให้ตาย!” ดีไลเจ้าเมืองตะโกนด้วยความโกรธ หน้าของเขาแดง
พลธนูบนกำแพงเมืองเหนี่ยวธนูทันทีจากนั้นเริ่มยิงธนูใส่ศัตรู ธนูทั้งหมดในชุดแรกปะทะเข้ากับโล่มีทหารเมืองแบล็คเดิร์ทสองสามคนได้รับบาดเจ็บ สามคนโชคไม่ดีถูกยิงตาย
“ยิงพวกมันให้ตายให้หมด!” ดีไลตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
แต่ก่อนที่ธนูแถวที่สองจะถูกปล่อยออกมาอังเก้บุกเด่นออกมาข้างหน้าคนของเขาเกินร้อยหลาและพุ่งเข้าหาประตูเมือง พร้อมกับเสียงคำรามเขาควงขวานยักษ์ของเขาและฟันใส่ประตูเมืองด้วยพลังมหาศาล
“ปัง!”
กำแพงเมืองทั้งหมดสั่นสะเทือนและประตูเมืองทัวร์แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทุกทิศ แม้ว่าเขาจะอยู่ในร่างมนุษย์อังเก้ก็เป็นนักรบระดับเก้าจึงไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อยที่เขาจะผ่านแนวป้องกันของทหารเหล่านี้ไปได้
“ประตูเมืองพังทลายแล้ว!
“เทพเจ้าสงครามกำลังบุกเข้ามาแล้ว!”
เสียงตะโกนดังทุกรูปแบบดังมาจากภายในเมืองทัวร์ แม้แต่เจ้าเมืองดีไล, เมื่อรู้ว่าประตูเมืองแตกเขาหน้าซีดทันที
“ฉัวะ!” เพียงกวัดแกว่งขวานยักษ์คราวดียว ทหารที่ล้อมรอบก็ร่างระเบิดเป็นชิ้นๆเลือดเนื้อสาดกระจายไปทั่ว ทหารที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มถอยด้วยความหวาดกลัว อังเก้ครอบคลุมร่างด้วยปราณยุทธอมตะมองดูเหมือนปีศาจที่แท้จริง
อังเก้กวัดแกว่งขวานอย่างน่ากลัวและคำรามลั่นด้วยความโกรธ “ผู้ต่อต้านข้าจะต้องตาย!”
อังเก้กวัดแกว่งขวานราวกับพายุหมุน แต่พายุหมุนนี้เป็นพายุที่มองเห็นได้ อะไรก็ตามที่สัมผัสกับพายุหมุนนี้จะระเบิดเป็นเศษเล็กเศษน้อย ตอนแรกทหารเมืองทัวร์ยังพยายามโจมตี แต่หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ปีศาจร้ายนี้
ในช่วงเวลาต่อมากองกำลังเมืองแบล็คเดิร์ทก็ทยอยเข้าประตูเมือง
“เรายอมแพ้! เรายอมแพ้!”
ตอนแรกเสียงร้องขอยอมแพ้ดังขึ้นเสียงเดียว แต่จากนั้นก็มีเสียงดังเสริมขึ้นมานับไม่ถ้วน พอเมื่ออังเก้และขวานโลหิตของเขามาถึงกำแพงเมือง ทหารบนกำแพงเมืองทั้งหมดวางอาวุธขณะที่เจ้าเมืองดีไลถูกจับมัดอยู่กับพื้นนายทหารหลายคนก็อยู่ที่นั่นรอให้อังเก้มาถึง
“ใต้เท้า, ข้าชื่อฟอร์ด” หนึ่งในนายทหารพูดด้วยความนอบน้อม
“โอ้. งั้นเจ้าก็คือฟอร์ด”
อังเก้รู้ดีแล้วว่าฟอร์ดเป็นหนึ่งในนายทหารที่ยอมแพ้พวกเขาก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น หลายๆ คนก็ทำเช่นกัน เพราะว่าเมืองแบล็คเดิร์ทมีห้าพี่น้องบาร์เกอร์ พวกเขาจะไม่ยอมแพ้ได้ยังไง?
สงครามสู้กันโดยบุรุษและปูนบำเหน็จก็โดยบุรุษ
เมื่อสองกองทัพมีพลังอยู่ในระดับเดียวกัน บางทีการประจันหน้าและการหลอกล่อก็เป็นวิธีที่ได้ผล แต่เมื่อช่องห่างระดับพลังมากเพียงพอ อย่างเช่นตอนนี้ที่อังเก้ใช้พลังป่าเถื่อนบุกเข้าเมืองทัวร์เล่า? การสู้แบบนี้ไม่มีทางปรากฏผลเป็นอย่างอื่น ไม่มีโอกาสจะเอาชนะได้แม้แต่น้อย
วันที่ 5 มกราคม ปีศักราชยูลานที่ 10010 เมืองแบล็คเดิร์ทเริ่มต้นบุกพิชิตดินแดน
วันที่ 6 มกราคมลินลี่ย์ได้เมืองรอบข้างอีกห้าเมือง และจำนวนพลเมืองที่อยู่ในปกครองรวมทั้งเมืองบริวารและหมู่บ้านต่างๆที่เข้าร่วมก็เกือบสามล้านแล้ว อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้ว ในดินแดนอนารยชนขอเพียงควบคุมเมืองเอกปกครองได้ ก็อาจนับได้ว่าเป็นแว่นแคว้นปกครองหนึ่งก็ได้
ฝ่ายลินลี่ย์ได้เมืองมาห้าเมืองแล้ว แต่เมืองทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเมืองเล็กมีคนเพียงสองสามหมื่นในเมือง แต่ถ้าเป็นหัวเมืองจะสามารถรวบรวมพลเมืองได้เป็นแสนคน
หลังจากบุกจู่โจมสายฟ้าแล่บสรุปได้ว่าฝ่ายลินลี่ย์หยุดโจมตีชั่วคราว พวกเขาเริ่มจัดกระบวนทัพพวกเขาอย่างรวดเร็ว เดิมทีกองกำลังของเมืองแบล็คเดิร์ทมีอยู่ห้ากองพันตอนนี้เป็นส่วนของกองพลที่หนึ่งซึ่งจะเป็นกองพลหลักที่สุด อีกสี่กองพลจะเป็นของเมืองอื่นอีกสี่เมืองค่าใช้จ่ายเงินเดือนในกองทัพจะเท่ากับสองในสามของกองทัพหลัก
ภาษีสำหรับสามัญชนลดลงเกินกว่าครึ่ง
แต่ละกองพลในตอนนี้จะมีกำลังพลเก้าพันนาย ในทวีปยูลานกองทัพใหญ่สามารถเพิ่มขึ้นจนถึงสองหมื่นนายได้ อย่างไรก็ตามในดินแดนอนารยชน ตั้งแต่สงครามกระจายตัวลินลี่ย์ตัดสินใจลดจำนวนกำลังพลต่อกองทัพเหลือเพียงห้ากองพันในแต่กองพล
ห้ากองพลจะเริ่มฝึกฝนด้วยกันและจัดระเบียบอย่างรวดเร็ว
เมืองรอบๆ รู้สึกได้ถึงการคุกคาม แต่พวกเขารู้ว่ากองกำลังเมืองแบล็คเดิร์ทแข็งแกร่งทรงพลังเกินไป ขณะที่กองกำลังเมืองแบล็คเดิร์ทยังคงวุ่นวายกับการฝึกฝนและจัดระเบียบกองทัพ เมืองที่อยู่ใกล้ๆ สมัครใจยอมแพ้ เหตุผล?เพราะเจ้าเมืองคนก่อนได้ขนสมบัติมีค่าและองครักษ์คุ้มครองหนีออกไปจากเมืองแล้ว
บาร์เกอร์และซาสเลอร์ทั้งคู่มาถึงภูเขาแบล็คคราเวน พวกเขามองขึ้นไปบนภูเขา
“บาร์เกอร์” ซาสเลอร์พูดขึ้นทันที
บาร์เกอร์มองดูซาสเลอร์ ซาสเลอร์กล่าว “เฮเซอร์เข้าถึงระดับเก้าเมื่อตอนเดินทางมาแดนอนารยชนแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าพี่น้องทั้งห้าคนมีพลังระดับเซียนกันหมดแล้ว ข้าเองก็จะมีความก้าวหน้าในปีต่อไปหรืออีกสองปีนี้เช่นกัน คิดดูสิ.. ด้วยพวกเจ้าพี่น้องทั้งห้าคนสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งของเราและมีข้าคอยสนับสนุน แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุด มีลินลี่ย์และอสูรเวทที่ทรงพลังของเขาทั้งสองตัว..ด้วยพลังกองทัพครอบงำดังกล่าว เราสามารถตั้งราชอาณาจักรของเราเองหรืออาจตั้งจักรวรรดิได้ด้วยซ้ำ!”
“ท่านซาสเลอร์ ท่านมีความตั้งใจยังไงกันแน่?” บาร์เกอร์ตาเป็นประกาย
ซานเลอร์พูดอย่างจริงจัง “บาร์เกอร์ ตอนนี้ทั้งทวีปมีหกมหาอำนาจอยู่ นอกจากจักรวรรดิโอเบรียนและจักรวรรดิยูลานแล้ว กองทัพอื่นอีกเช่น จักรวรรดิโรฮอลท์ จักรวรรดิไรน์, สหภาพศักดิ์สิทธิ์หรือพันธมิตรเงา ล้วนไม่มีนักสู้ระดับเทพอยู่ในระดับพวกเขา”
บาร์เกอร์พยักหน้าเห็นด้วย
“สำหรับจักรวรรดิโรฮอลท์และจักรวรรดิไรน์ สองจักรวรรดินี้ไม่มีแม้แต่ยอดฝีมือระดับเดียวกับเฮนด์เซน แต่เราไม่เพียงแต่มีลินลี่ย์ เรายังมีบีบี” ซาสเลอร์มั่นใจมาก “ด้านที่สำคัญที่สุดในการก่อตั้งจักรวรรดิก็คือความแข็งแกร่งของยอดฝีมือระดับสูงของจักรวรรดิ ยิ่งมีสมาชิกที่ทรงพลังระดับสูงมากก็จะมีโอกาสดีมากขึ้น
บาร์เกอร์ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเช่นกัน
“ท่านซาสเลอร์ ท่านกำลังจะบอกว่าเราควรจะสร้างจักรวรรดิขึ้นด้วยกันใช่ไหม?” บาร์เกอร์มองดูซาสเลอร์
ซานเลอร์หัวเราะ “นั่นก็แค่หนึ่งในสิ่งที่ข้ากำลังคิด เป้าหมายของเราคือทำลายอิทธิพลของศาสนจักรเจิดจรัสในแดนอนารยชน อย่างไรก็ตาม ศาสนจักรเจิดจรัสได้ดินแดนอนารยชนไปถึงหนึ่งในสามแล้ว เพื่อทำลายพวกเขาเราจำเป็นต้องจัดการแผ่นดินให้ดีๆ หลังจากทำลายพวกเขาและชิงเอาดินแดนของพวกเขาแล้ว เราจะครอบครองดินแดนอนารยชนได้ถึงครึ่ง ถึงเวลานั้นเราค่อยลงมือกับลัทธิเงา..และดินแดนอนารยชนจะตกเป็นของเรา”
บาร์เกอร์รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วแรง
ดินแดนอนารยชนคือพื้นที่ซึ่งมีความปั่นป่วนวุ่นวายอยู่ตลอด แม้ว่าในเรื่องขนาด จะมีขนาดเล็กกว่าจักรวรรดิโอเบรียนแต่ก็ยังเทียบได้กับจักรวรรดิไรน์และจักรวรรดิโรฮอลท์
“สร้าง...จักรวรรดิ...” ตาของบาร์เกอร์เป็นประกาย
“ฮ่าฮ่า, ไม่ต้องเร่ง ไปทีละก้าวเนื่องจากพลังในปัจจุบันของเรา ด้วยการร่วมมือทำงานของเราไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับเราในการชิงแว่นแคว้นให้ได้อย่างน้อยสิบแคว้นในแดนอนารยชนและก่อตั้งราชอาณาจักรให้ได้เป็นอย่างน้อย” ซาสเลอร์พูดอย่างมั่นใจ
บาร์เกอร์พยักหน้าหงึกๆ
จักรวรรดิโรฮอลท์ จักรวรรดิไรน์ พวกเขามีเซียนอยู่กี่คนกัน? รากฐานของสองจักรวรรดินี้ไม่หยั่งลึกเท่ากับจักรวรรดิโอเบรียนและจักรวรรดิยูลานทั้งไม่มีเทวทูตประทับองค์เหมือนพวกศาสนจักรเจิดจรัสหรือลัทธิเงา
ตัวอย่างเช่นจักรวรรดิโรฮอลท์สามารถสร้างเซียนนักสู้ได้มากสุดก็เกินสิบ
ฝ่ายลินลี่ย์มีนักรบอมตะห้าคน เมื่อบาร์เกอร์และน้องๆถึงระดับเซียนในร่างมนุษย์พวกเขาจึงจะมีพลังของนักรบอมตะระดับเซียนที่แท้จริง ถ้าพวกเขาทั้งห้าคนยังทำงานร่วมกันกับลินลี่ย์และบีบี..กองทัพอย่างนี้จะไม่สร้างความน่าเกรงขามให้ศาสนจักรเจิดจรัสได้ยังไง
ดังนั้น ทำไมพวกเขาจะไม่สามารถสร้างจักรวรรดิได้เล่า?
“ครอบครองดินแดนอนาธิปไตยทั้งหมดเลยคงเป็นเรื่องยากไปหน่อย ที่สำคัญสถานที่นี้มีบางที่บางแง่มุมที่ซับซ้อน” ซาสเลอร์ยิ้ม “แต่ข้าก็ยังรู้สึกมั่นใจมาก” ซาสเลอร์หันมาจ้องมองภูเขาแบล็คคราเวน ลินลี่ย์อยู่ที่นั่นในภูเขานั้น
ซาสเลอร์พูดช้าลง “ในใจของข้า ข้ามีเป้าหมายอย่างหนึ่ง สักวันข้าจะสร้างจักรวรรดิที่ทรงอำนาจ และลินลี่ย์..จะอยู่กับจักรวรรดิของเราเหมือนกับที่เทพสงครามมีต่อจักรวรรดิโอเบรียน”
“เทพสงคราม?” บาร์เกอร์ตกใจมาก
ซาสเลอร์ยิ้มและพยักหน้า
จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจสามารถก่อตั้งขึ้นได้กับยอดฝีมือชั้นยอดตัวอย่างเช่น ในความเป็นจริงจักรวรรดิไรน์และจักรวรรดิโรฮอลท์ต้องพึ่งพาจักรวรรดิยูลานทั้งสองเพราะพวกเขาไม่มีพลังที่สูงสุดยอดพอ
แต่ในจักรวรรดิซึ่งซาสเลอร์ใฝ่ฝันไว้พลังปกครองสุดยอดนั้นก็คือลินลี่ย์
เหมือนกับวิธีที่เทพสงครามดูแลจักรวรรดิโอเบรียนและมหานักพรตเฝ้าดูจักรวรรดิยูลาน...ในอนาคตลินลี่ย์ก็จะต้องดูแลจักรวรรดิของเขา! แต่แน่นอนลินลี่ย์ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีพลังมากพอ
“เขาอายุเพียงยี่สิบแปดปี แต่ก็มีระดับพลังที่น่ากลัวแล้ว เจ้าสามารถนึกภาพได้ไหมว่าความสำเร็จในอนาคตของเขาจะเป็นเช่นไร?” ซาสเลอร์หัวเราะขณะจ้องมองบาร์เกอร์
บาร์เกอร์พยักหน้า
บาร์เกอร์และน้องๆของเขาก็ตะลึงพลังที่น่ากลัวของลินลี่ย์เช่นกัน
“ไปกันเถอะ ไปพบลินลี่ย์กัน” ซาสเลอร์หัวเราะ
ซาสเลอร์ จิ้งจอกเฒ่าผู้นี้มีชีวิตมาเกินกว่าแปดร้อยปี ตอนนี้มีความปรารถนาพิเศษทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งขึ้น เขาต้องการเห็นทวีปยูลานมีจักรวรรดิอีกจักรวรรดิหนึ่ง นั่นจะน่าตื่นเต้นเพียงไหน!