ตอนที่ 10-11 คำสั่งมาถึง
ฮิกกินสันยืนอยู่กับที่จ้องมองลินลี่ย์ ความจริงลินลี่ย์เริ่มฝึกทันทีโดยไม่สนใจใครอื่น
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม” ฮิกกินสันถอนหายใจชมเชย จากนั้นบินเข้ามาหาเดลี่ กลุ่มของเดลี่กำลังมองดูลินลี่ย์ด้วยสายตาที่รับรองชื่นชมเช่นกัน ทุกคนนั่งลง และฮาร์เวิร์ดหัวเราะ “พี่ใหญ่, ลินลี่ย์ผู้นี้อัจฉริยะโดยแท้ ขณะยังซ้อมมือกับฮิกกินสันที่ใช้กฎธาตุแสง เขาก็ยังมีการรู้แจ้งได้”
คนในกลุ่มของเดลี่จัดอยู่ในกลุ่มเซียนระดับสูงทุกคน
เมื่อเห็นลินลี่ย์ทำเช่นนี้ พวกเขารู้ว่าลินลี่ย์ต้องมีการรู้แจ้งบางอย่างซึ่งเป็นเหตุให้เขาเริ่มฝึกทันที
“ท่านลุง” เรย์โนลด์วิ่งเข้ามาดูการกระทำของลินลี่ย์ทันที “เกิดอะไรขึ้นกับลินลี่ย์? เขาบาดเจ็บหรือเปล่า?”
“อ่าฮ่า....” เดลี่และคนอื่นเริ่มหัวเราะลั่น มิลเลอร์หัวเราะและกล่าว “เรย์โนลด์ ลินลี่ย์ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตามยากจะบอกได้ว่าเขาจะใช้เวลาฝึกนานเท่าใด เพราะคนระดับเราหาโอกาสได้ยากมากที่จะรู้แจ้งได้ฉับพลัน”
จากนั้นเรย์โนลด์ก็วางใจ
ตอนนี้ใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เงากระบี่ยาวเป็นประกายแปลบปลาบในใจของเขา เมื่อมันแทงมาที่เขาโดยวิชาที่ฮิกกินสันใช้ กระบี่ของฮิกกินสันดูเหมือนจะเป็นภาพลวงตา...
กระบี่โดดออกมาประกายแสงปรากฏ มิติบิดเบี้ยว....
ชั้นของมิติที่หนาเลือนราง...พลังทะลุทะลวงที่น่ากลัวนั้น.. ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดได้
“มันคืออะไร? คืออะไรกันแน่?” ลินลี่ย์ทบทวนเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในใจของเขาก็ฉายภาพกระบี่โจมตีนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นกัน ในฉับพลันเมื่อเห็นกระบี่นั้นดูเหมือนลินลี่ย์จะมีความเข้าใจอะไรบางอย่าง
แต่มันเลือนรางมาก!
เขาทบทวนภาพการโจมตีในใจครั้งแล้วครั้งเล่าเพ่งความสนใจให้กับเรื่องนี้อย่างเต็มกำลัง
ทันใดนั้น...
เป็นเหมือนกับว่าประกายสายฟ้าฉายแว่บขึ้นมาในใจของลินลี่ย์ ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้านและชั้นหมอกอุปสรรคในใจก็สลายออกไป ในที่สุดเขาก็เข้าใจความรับรู้ที่เขารู้สึกได้ “ใช่แล้ว นั่นคือสายลม สายลม! ด้าน ‘เร็ว’ ของธาตุลม!”
ใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
ก่อนนั้นเมื่อลินลี่ย์ได้เห็นมิลเลอร์ใช้ด้าน ‘ช้า’ ของกฎธาตุลม ลินลี่ย์ก็เข้าใจทิศทางในการฝึกฝนด้าน ‘ช้า’ ลินลี่ย์เรียนรู้ว่าพลังของ ‘จังหวะแห่งสายลม’ ของเขาสามารถเพิ่มขึ้นได้
ทั้งนี้เป็นเพราะ‘จังหวะแห่งสายลม’ คล้ายกับสัจจธรรมแห่งธาตุดิน ด้วยพลังสัจจธรรมแห่งธาตุดินคลื่นสั่นสะเทือนที่มากขึ้นสามารถสร้างพลังโจมตีที่รุนแรงขึ้น
ด้วยตรรกะเดียวกันนั้น‘จังหวะแห่งสายลม’ จะใช้ผสานพลังของความเร็วและด้าน ‘ช้า’ ของสายลมเพื่อสร้าง ‘จังหวะแห่งสายลม’ ที่ทรงพลังมากขึ้น
หลังจากซ้อมมือกับมิลเลอร์ ความรู้แจ้งของลินลี่ย์ในด้าน ‘ช้า’ ของสายลมก็เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
แต่ความคืบหน้าในการทำความเข้าใจด้าน‘เร็ว’ ของสายลมกลับหยุดนิ่งกับที่
กฎธรรมชาติแห่งธาตุลม– มีเส้นทางการฝึกด้าน ‘เร็ว’ยังไง?
แต่วันนี้หลังจากเห็นกระบี่ว่างลวงตาของฮิกกินสัน ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจชัด
เขาควรทำอย่างไร “ตามกฎแห่งธาตุในแง่ความเร็ว กฎธรรมชาติธาตุลมและกฎแห่งธาตุแสงจะมีความได้เปรียบ ฮิกกินสันนั้นไว ไวมากจนในการโจมตีฉับพลันของเขาทำให้เกิดมิติบิดเบี้ยว แต่ในด้าน ‘ช้า’ ของกฎธรรมชาติธาตุลมสามารถแช่แข็งพื้นที่มิติได้ ใช่แล้ว.... กฎแห่งธาตุลม ในด้าน ‘เร็ว’เหล่านั้นก็น่าจะสามารถทำให้มิติบิดเบี้ยวได้หลายชั้นในตัวเอง”
ลินลี่ย์มีความรู้แจ้งในด้าน‘เร็ว’ ของกฎธรรมชาติธาตุลมขั้นพื้นฐานบ้างแล้ว เขาจึงไตร่ตรองจนถึงตอนนี้
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าอะไรคือเป้าหมายของเขาแน่...ใจของลินลี่ย์เริ่มไตร่ตรองถึงวิธีฝึกฝนอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าตอนนี้เขารู้จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดแล้วสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ก็คือตัดสินใจหาวิธีที่ดีที่สุดในเส้นทางการฝึกฝนนี้ และจากนั้นเดินตามเส้นทางนั้นไปจนสุดทางของมัน
ใจของลินลี่ย์ฉายภาพในใจเขานับครั้งไม่ถ้วนและค่อยๆ รู้แจ้งในด้าน ‘เร็ว’ของกฎธรรมชาติธาตุลมเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่เขาไม่สามารถแก้ปัญหาในใจของเขาได้อีกต่อไป ลินลี่ย์จะลุกขึ้นยืนและใช้กระบี่อ่อนเลือดม่วงทดสอบยืนยันทฤษฎีในที่นั้นเอง
นี่คือธรรมชาติของการฝึกฝนลำบาก, เจ็บปวดและบางครั้งก็ผุดความเข้าใจรู้แจ้ง
ราวกับว่าคนผู้หนึ่งที่เห็นประกายแสงฉับพลันและเห็นรูปร่างของถนนอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้เขาจะมีความคิดทั่วไปถึงสถานที่ซึ่งเขาควรจะมุ่งหน้าไป ทั้งหมดที่ต้องทำขั้นต่อไปก็คือเรียนรู้และทดสอบต่อไป ตราบใดที่เขามีเวลาพอเขาจะสามารถไปถึงเป้าหมายได้แน่นอน
……
สามารถได้รับการรู้แจ้งด้าน‘เร็ว’ของกฎธรรมชาติธาตุลมจากการดูวิชากระบี่เกี่ยวกับกฎธรรมชาติธาตุแสงได้ไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ จะสามารถทำได้ ตอนนี้เดลี่และคนอื่นยังไม่รู้ว่าลินลี่ย์เกิดความรู้แจ้งในด้านไหน
“เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว แต่พี่สามก็ยัง...” เรย์โนลด์จ้องมองลินลี่ย์ที่ยังนั่งสมาธิอยู่ด้วยสายตากระวนกระวาย
โมนิกาที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะ “พี่เรย์โนลด์ เมื่อคืนก่อนข้าเห็นลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนทันทีและจากนั้นก็ใช้วิชากระบี่ อย่างไรก็ตามกระบี่ของเขาเลือนรางไม่ชัดเจน เมื่อเปล่งประกายสีม่วง ลมจะเริ่มพัดรอบตัวเขาและความเร็วของกระบี่ของเขารวดเร็วมาก ข้าไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเลย”
“ถ้าพี่สามเป็นแบบนี้ใครจะรู้ว่าต้องใช้เวลานานอีกเท่าใด” เรย์โนลด์พูดอย่างไม่สบายใจ
“พี่เรย์โนลด์ ดูสิ” ทันใดนั้นโมนิกาชี้ไปที่ลินลี่ย์อย่างตื่นเต้น เรย์โนลด์หันไปมอง...และเห็นว่าลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนแล้วและกำลังยิ้มให้เรย์โนลด์ขณะเดินมาหาพวกเขา “น้องสี่, เกิดอะไรขึ้นหรือ? ที่หน้าข้ามีดอกไม้บานหรือไง?”
ขณะนั้นร่างเงาเลือนรางก็กระโจนขึ้นไปเกาะบนบ่าของลินลี่ย์ทันที
“บีบี” ลินลี่ย์ลูบหัวบีบีอย่างเอ็นดู
บีบีเบะปากอย่างไม่พอใจ “พี่ใหญ่, ใช้เวลาตั้งครึ่งเดือนท่านต้องหลับแน่นอน”
“หลับ?” ลินลี่ย์หัวเราะลั่นโดยไม่รู้ตัว
เขารู้ตัวว่าขณะที่เขากำลังฝึก บีบีจะต้องรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามลินลี่ย์อยู่ในอารมณ์ที่ดีในวันนี้.. เพราะเขามีความก้าวหน้าในด้าน ‘เร็ว’ ของกฎธรรมชาติธาตุลม ลินลี่ย์เข้าใจได้เป็นอย่างดีเพื่อจะให้เข้าถึงระดับพลังโจมตีด้วยกระบี่นั้นของฮิกกินสัน เขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึงสิบปีหรือราวๆนั้น
สำหรับการไปให้ถึงระดับเดียวกับมิลเลอร์ในการใช้กฎธรรมชาติด้าน‘ช้า’ มีแนวโน้มว่าจะต้องใช้เวลาสามถึงสี่ปี
เห็นได้ชัดว่า...มิลเลอร์มีระดับความเข้าใจที่ต่ำมากกว่าฮิกกินสันมาก ลินลี่ย์ลอบดีใจ ความจริงที่ว่าการซ้อมมือกับยอดฝีมือจะช่วยให้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วขึ้นมาก
ถ้าเขาฝึกด้วยตนเองในภูเขาตลอดเวลาและฝึกฝนไปโดยไร้จุดหมาย หากเขาโชคดีบางทีอาจใช้เวลาสิบปีหรือร้อยปี เขาจึงจะพบหนทางที่ถูกต้อง ถ้าเขาโชคไม่ดี เขาอาจใช้เวลาเป็นร้อยหรือพันปีก่อนจะพบเส้นทางที่ถูกต้อง
นี่คือธรรมชาติของการฝึก ถ้าท่านได้รู้แจ้งอย่างรวดเร็ว ท่านก็ฝึกฝนได้เร็ว ถ้าท่านรู้แจ้งช้า ท่านจะฝึกฝนได้ช้า ที่สำคัญไม่ต้องใช้เวลามากเกินจำเป็นหลังจากนักสู้ถึงระดับเซียนแล้วเพราะปราณยุทธของเขาถึงขีดระดับเซียนแล้ว ทุกคนจะใช้เวลาของพวกเขาเพิ่มการรู้แจ้งในเรื่องของกฎธรรมชาติ.. ตัวอย่างเช่นโอลิเวอร์สามารถเอาชนะดิลลอนได้ในไม่นานหลังจากที่เขาเข้าถึงระดับเซียน เนื่องจากดิลลอนแทบจะไม่รู้แจ้งกฎธรรมชาติเลย จึงแทบไม่มีอะไรสำหรับการเป็นเซียน
…..
ในแดนอนารยชนตอนเหนือ เริ่มมีการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ขึ้น
เป็นไปตามแผนของลินลี่ย์และซาสเลอร์เจ็ดหรือแปดวันหลังจากลินลี่ย์มุ่งหน้าไปหมู่บ้านลึกลับ บาร์เกอร์และคนอื่นๆ ก็เริ่มโจมตีบุกลงใต้รุกรานแคว้นที่อยู่ในความควบคุมของศาสนจักรเจิดจรัส นั่นก็คือแคว้นเชอรี่
ทหารของแคว้นเชอรี่ยังมีคุณภาพด้อยกว่ากองกำลังของลินลี่ย์ คนของลินลี่ย์อยู่ติดกับไพรทมิฬดังนั้นจึงคุ้นเคยกับความป่าเถื่อนรุนแรงเป็นอย่างดี พวกเขามีการสู้รบที่รุนแรงมากกว่า และแน่นอน พวกเขามีห้าพี่น้องบาร์เกอร์นำพวกเขาสู้ศึก
นับเป็นความหายนะที่ใหญ่หลวง!
ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นเชอรี่ไม่มีอะไรมากไปกว่าสามยอดฝีมือระดับแปด พวกเขาไม่มียอดฝีมือระดับเก้าแม้แต่คนเดียว เป็นไปได้อย่างไรที่แคว้นเชอรี่จะหยุดยั้งกองกำลังของลินลี่ย์ได้?
บาร์เกอร์และน้องๆของเขาเหมือนกับเทพเจ้าศึกห้าคนขณะที่พวกเขานำกองกำลังที่ห้าวหาญเข้าบุกรุกฝ่าทลายแนวป้องกันทั้งหมด ในเวลาเพียงสี่วันหัวเมืองของแคว้นและห้าเมืองบริวารของแคว้นเชอรี่ก็ถูกยึดไว้ทั้งหมด ดินแดนของลินลี่ย์ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว
เกทส์เฮเซอร์และอังเก้ทุกคนอยู่ประจำในหัวเมืองเอกแคว้นเชอรี่
“พวกเขาไม่สามารถสู้ตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย” เกทส์พูดเสียงดัง “อ่อนเกินไป อ่อนเหลือเกิน ที่นี่ไม่มีใครชะลอพลังของเราได้เลย” ความจริง แม้ว่าพวกเขาจะพบกับการต่อต้านที่แข็งแกร่ง ใครเล่าจะสามารถสู้ประลองเดี่ยวกับคนอย่างเกทส์และพี่น้องคนอื่นเล่า?
นอกจากนี้อสูรเวทระดับเซียนอย่างเสือดำเมฆแฮรุก็อยู่ในสภาพพร้อมจะโจมตีตลอดเวลา
“แอนดรูว์” อังเก้หันไปจ้องบุรุษวัยกลางคนผมเงินที่อยู่ด้านหลังพวกเขา บุรุษคนนั้นคำนับทันทีรอรับคำสั่งของอังเก้ อังเก้ถาม “ตอนนี้ จะปฏิรูปกองทัพแคว้นเชอรี่ยังไงดี? และสถานการณ์ในหมู่ประชาชนเป็นยังไงบ้าง?”
ในการจัดการประเทศปกติจะต้องใช้งานคนอย่างเหมาะสม บาร์เกอร์และคนอื่นๆ ใช้สำหรับพิชิตทางทหารเท่านั้น
“ใต้เท้า” แอนดรูว์เรียนด้วยความเคารพ “ปัจจุบันนี้ มีการปรับโครงสร้างทางกองทัพเรียบร้อยแล้ว เราได้วางทหารของเมืองแบล็คเดิร์ทหลายคนไว้ในกลุ่มของพวกเขาเช่นกัน”
บาร์เกอร์และคนอื่นๆไม่ค่อยเชื่อถือพวกทหารที่ยอมแพ้เหล่านี้เท่าใดนัก ดังนั้นสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้คือพยายามส่งคนพวกเขาแพร่กระจายไปให้มากเท่าที่ทำได้เพื่อป้องกันมิให้พวกเขามีการประสานงานกันง่ายดาย ขณะเดียวกัน พวกเขาจะฆ่าคนบางคนในขณะที่เสริมบริวารผู้ภักดีของตนเข้าไป
“แคว้นเชอรี่ถูกครอบงำโดยศาสนจักรเจิดจรัสมาเป็นเวลานาน และมีผู้ศรัทธาในศาสนจักรเจิดจรัสหลายคนในที่นี้” แอนดรูว์พูดด้วยความกังวล “ข้าเชื่อว่าถ้าศาสนจักรเจิดจรัสจะมาโจมตีเรา ฝูงชนอาจจะก่อกบฏต่อเรา แต่ที่นี่มีคนหลายคน เราทำอะไรได้ไม่มาก
“ก่อกบฏ?”
เฮเซอร์พูดอย่างมั่นใจ “เรายังจะกลัวอะไร? คุกคามด้วยความตาย ประชาชนทั่วไปเหล่านี้จะก่อคลื่นได้มากแค่ไหนกันเชียว?”
“แอนดรูว์! เราเพิ่งจะชิงแคว้นเชอรี่ได้ ตอนนี้ ประชาชนยังไม่สงบ เราคงต้องให้ท่านช่วยรับมือ” อังเก้ออกคำสั่ง แอนดรูว์ยอมรับคำสั่งดังกล่าว
“พอได้แล้ว ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” อังเก้หัวเราะ ในไม่ช้าก็เหลือแต่เพียง อังเก้ เฮเซอร์และเกทส์
อังเก้มองดูน้องๆทั้งสองคน “ผลการประชุมของท่านซาสเลอร์ออกมาแล้ว เราได้รับคำสั่งให้หยุดโจมตีในตอนนี้ก่อน และเตรียมตัวพบกับเจ้าครองแคว้นของเราในอีกครึ่งเดือนจากนี้ ตอนนี้เรามีคนสิบล้านคนอยู่ในบังคับของเรา”
เฮเซอร์และเกทส์ยิ้มทั้งคู่
“ข้าไม่คาดเลยว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะไม่โต้ตอบกลับแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ต้องการสู้กับเราโดยตรง” เกทส์หัวเราะ “อย่างนั้นก็เป็นไปตามแผนเดิม เรายังคงดำเนินการต่อไป หลังจากที่เราประกาศก่อตั้งแคว้นปกครองของเราอย่างเป็นทางการเราจะโจมตีศาสนจักรเจิดจรัสต่อไป”
ศาสนจักรเจิดจรัสช่างไร้น้ำยาจริงๆ ทางศาสนจักรทำให้เฮเซอร์และเกทส์มั่นใจว่าพวกเขาไม่ยินดีจะเผชิญหน้ากับกองกำลังของพวกเขาโดยตรง
…….
บุรุษวัยกลางคนผมทองเข้ามาที่ห้องมีแสงสลัวอีกครั้ง
“ใต้เท้าตุลาการ” บุรุษวัยกลางคนผมทองพูดอย่างเคารพ
โอเซนโนนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานนัยน์เป็นประกายลุกโชน เขาตอบอย่างใจเย็น “ตอนนี้ฝ่ายลินลี่ย์เพิ่งจะชิงแคว้นเชอรี่ได้ พวกเขาจะค่อยๆ ซึมซับไปตามเวลา ข้าเชื่อว่าตอนนี้พวกเขาเชื่อว่าเราไม่ยินดีจะต่อสู้กับพวกเขา
บุรุษผมทองวัยกลางคนมองดูโอเซนโนและพูดอย่างตื่นเต้น “เราจะโจมตีหรือ?”
“การโจมตีของเราจะต้องทำลายฝ่ายลินลี่ย์ให้ได้เด็ดขาด” เสียงของโอเซนโนเย็นยะเยียบดุจน้ำแข็ง “ลินลี่ย์ผู้นี้คุกคามต่อศาสนจักรเจิดจรัสอย่างใหญ่หลวง ถ้าเขาเติบโตก้าวหน้าต่อไป อย่างนั้นเราจะต้องมีชีวิตด้วยความเสียใจ แม้แต่ตอนนี้เขาก็กล้าตอแยพวกเราและโจมตีแคว้นเชอรี่ เห็นได้ชัดว่า เขาตั้งใจจะสู้กับศาสนจักรเจิดจรัสของเรา”
“เนื่องจากเขาต้องการสู้ อย่างนั้นเราต้องกำจัดยอดฝีมือฝ่ายลินลี่ย์ให้หมด” เสียงของเขาเย็นชามากขึ้น และแสงสีม่วงชั่วร้ายสะท้อนประกายอยู่ในดวงตาของเขา
บุรุษวัยกลางคนผมทองยิ่งมีความตื่นเต้นมาก แต่จากนั้นเขาพูดด้วยความสับสน “ใต้เท้าตุลาการ เป็นไปได้ว่าเราจะใช้เซียนงั้นหรือ? แต่จะส่งผลให้ลัทธิเงาเกิดความไม่พอใจได้นะ จักรวรรดิโอเบรียนและฝ่ายอื่น?”
“ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องนั้น” โอเซนโนพูดเย็นชา “ถ้าลินลี่ย์ยังคงขยายดินแดนต่อไป อย่างนั้นงานที่ศาสนจักรได้ทำมาในดินแดนอนารยชนนี้เป็นพันๆปีก็ต้องเป็นอันพับและสูญเปล่า นอกจากนี้ลินลี่ย์เองจะถูกปล่อยให้เติบโตไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ระดับความก้าวหน้าของเขาเร็วจนน่ากลัว ตอนนี้...ข้ายังมีความสามารถที่จะฆ่าเขาได้ แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป...”
โอเซนโนมองดูบุรุษผมทองวัยกลางคน “พอได้แล้วดำเนินตามแผนการเดิมของเราต่อไปและเริ่มพิธีการได้”
“ขอรับ, ใต้เท้าตุลาการ” บุรุษผมทองวัยกลางคนรับคำ
“คืนพรุ่งนี้เทวทูตระดับเซียนเก้าคนจะมาที่นี่ทันที.. และข้าเองจะเป็นคนรับมือสัตว์เลี้ยงของลินลี่ย์เจ้าหนูตัวนั้นเอง” โอเซนโนมั่นใจมาก เขามีพลังระดับเดียวกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ และมีระดับที่สูงกว่าเฮนด์เซนขั้นหนึ่ง
เขามั่นใจเต็มที่ว่าสามารถฆ่าลินลี่ย์ได้