ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 18 สังหารคนโดยไม่ออกจากบ้าน
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 18 สังหารคนโดยไม่ออกจากบ้าน
จู้เฉียงแทบเสียสติ สหายชั่วชีวิตของเขากลับตกตายภายใต้น้ำมือของเขาเอง
เมื่อนึกย้อนกลับไปในอดีตพวกเขาเคยทั้งถูกตามล่าและกระทำสิ่งชั่วร้ายร่วมกัน
ทว่าตอนนี้สหายของเขาได้ตกตายด้วยน้ำมือของเขาเอง!
เขาไม่ต้องการสังหายคนนี้แม้แต่น้อย ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง การสังหารอีกฝ่ายกลับทำให้วิญญาณของเขามีความสุข!
การต่อสู้ภายในถ้ำเป็นดุเดือดและรุนแรงอย่างมาก เลือดเนื้อกระจายไปทั่วทุกที่
ท้ายที่สุดแล้วจู้เฉียงนั้นค่อนข้างอ่อนแอ แล้วเขาจะสามารถต้านทานการโจมตีจากผู้คนรอบข้างได้อย่างไร?
“ข้าเป็นอมตะชั่วนิรันดร์!!!”
ทันใดนั้นร่างที่ใกล้จะแตกสลายของจู้เฉียงได้พุ่งเข้าใส่คนๆ หนึ่งและกอดรัดไว้แน่นหนา
บุคคลคือผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเขา!
ปัง!
จู้เฉียงระเบิดตัวเอง
พลังวิญญาณและดวงวิญญาณของเขาระเบิดออกพร้อมกัน
ผู้อาวุโสที่เขากอดไว้ก็ได้รับบาดเจ็บหนักและกำลังจะล้มลงเช่นกัน!
หัวใจของผู้อาวุโสคนนั้นแตกละเอียด!
บัดซบ! แม้ว่าตอนเด็กเราจะบอกว่าแม้เราไม่ได้เกิดวันเดียวกัน อย่างน้อยก็ขอตายวันเดียวกัน ข้าก็แค่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกเท่านั้น
เจ้าไม่ได้สาบานด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดเจ้าถึงจริงจังนัก?
ไอ้ลูกมาจู้เฉียงลากข้าตายไปพร้อมกันอย่างแท้จริง อ๊าก
การต่อสู้สิ้นสุดลงหลังจากนั้นไม่นาน
ยอดฝีมือคนอื่นๆ ของลัทธิมารต่างนิ่งเงียบ
หวังถูรองจ้าวลัทธิมารในแคว้นฉินได้ตกตาย ผู้อาวุโสของลัทธิมารอีกสองคนก็ตายไปพร้อมกับเขาเช่นกัน
ผู้พิทักษ์ลัทธิมารจากแคว้นจื่อเย่วก็ถูกสังหารเช่นกัน
เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการลอบโจมตีของจู้เฉียงเมื่อครู่นี้
ด้วยความบ้าคลั่งอย่างกะทันหันจู้เฉียง พวกเขาไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับหมอกมารหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาแล้ว ผู้พิทักษ์ลัทธิจากแคว้นจื่อเย่วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตายตามไป
“ถอนตัว! เราจะเปลี่ยนตำแหน่งและรายงานฐานหลัก ข่าเกรงว่าว่าซูเหยียนก็คงจะตายแล้วเช่นกัน!”
จ้าวลัทธิมารสาขาอาณาเขตตระกูลฉู่กล่าว
คนอื่นไม่ได้คัดค้านใดๆ และออกจากถ้ำไปทีละคน
ในเวลาเดียวกัน พวกเขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ลัทธิมารได้พวกเขาประสบพบเจอกับความยากลำบากทุกหนทุกแห่ง เผชิญกับความล้มเหลวในทุกที่ที่พวกเขาไป ทุกอย่างเริ่มต้นจากการกวาดล้างลัทธิมารของตระกูลฉู่
ความเกลียดชังของพวกเขาที่มีต่อตระกูลฉู่เพิ่มขึ้นทวีคูณ
..
“ท่านไม่ได้ออกจากการเก็บตัวและอยู่ในบ้าน ทว่าท่านกลับสามารถก่อให้เกิดความสูญเสียแก่ลัทธิมารได้ ท่านได้รับรางวัลการฝึกฝนพลังยุทธ์สิบปี!”
ฉู่เซวียนรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ตราประทับเมล็ดวิญญาณช่างยอดเยี่ยมเกินไป จู้เฉียงเองก็ทำได้ดีเช่นกัน กระทั่งสามารถสังหารยอดฝีมือของลัทธิมารได้
ปัง!
คลื่นพลังแห่งความรู้แจ้งได้พุ่งเข้าสู่ร่างกายของฉู่เซวียน ความแข็งแกร่งของเขาเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากทะลวงผ่านไปยังขอบเขตว่างเปล่าแล้ว ความเร็วในการฝึกฝนของฉู่เซวียนก็ช้าลงเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะใช้โอสถวิญญาณเพื่อฝึกฝนทุกวันก็ตาม ทว่าความเร็วในการฝึกฝนของเขาก็ยังไม่เพิ่มขึ้น
ยิ่งขอบเขตการฝึกฝนสูงเท่าไหร่ ความเร็วในการฝึกฝนก็จะยิ่งช้าลงเท่านั้น
ฉู่เซวียนคิดว่าภายในเวลาหนึ่งปีนี้ เขาอาจจะสามารถก้าวไปสู่ขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่แปดหรือขั้นที่เก้าเพียงเท่านั้น
ความเร็วในการฝึกฝนของเขาอาจจะทำให้ผู้คนที่ล่วงรู้ตกใจเจียนตายได้หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป
ถึงกระนั้น ฉู่เซวียนก็ยังคงไม่พอใจ ในปัจจุบัน การต่อสู้ระหว่างตระกูลฉู่และเหล่าลัทธิมารยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าลัทธิมารก็ล้มเหลวหลายครั้งและประสบความสูญเสียอย่างหนัก
ดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะร้องขอให้ยอดฝีมือจากจักรวรรดิต้าเซี่ยชั่วร้ายทำการเคลื่อนไหวด้วยตนเอง
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเลื่อนเวลาออกไปอีกหนึ่งวันในการพยายามยกระดับการฝึกฝนของเขาไปสู่ขอบเขตจักรพรรดิได้
รางวัลของการฝึกฝนพลังยุทธ์สิบปีเป็นการฝึกฝนพลังยุทธ์สิบปีโดยใช้เคล็ดวิชาจักรพรรดิตามปกติเท่านั้น มันไม่ใช่สิบปีที่ฉู่เซวียนได้กินโอสถวิญญาณขณะที่ฝึกฝน
ถึงกระนั้น ในที่สุดความแข็งแกร่งของฉู่เซวียนก็ได้ทะลวงจากขอบเขตว่างเปล่าไปถึงขอบเขตรวมศูนย์ขั้นที่หนึ่ง!
หลังจากทะลวงสู่ขอบเขตรวมศูนย์แล้ว พลังวิญญาณและเจตจำนงวิญญาณจะผสานเข้ากับความว่างเปล่าแล้วกลายเป็นความจริงลวง ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
“ตอนนี้ข้าควรจะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแคว้นฉินแล้วใช่หรือไม่?”
ฉู่เซวียนรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยพวกลัทธิมารที่จะส่งคนมาซุ่มโจมตีเขาอีก
ผลของตราประทับเมล็ดวิญญาณนั้นยอดเยี่ยมจนคาดไม่ถึง หากเขาสามารถควบคุมผู้อาวุโสของลัทธิมารขอบเขตว่างเปล่าได้อีกสักสองสามคน สิ่งนี้ก็แทบจะเพียงพอแล้วที่จะกวาดล้างขุมกำลังของลัทธิมารในอาณาเขตตระกูลฉู่
ณ เมืองหลวง
ฉู่เทียนหมิงกับฉู่อวิ๋นและผู้อาวุโสอีกสองคนของตระกูลฉู่ได้เข้าไปในอาคารที่มีพระจันทร์สีดำสลักอยู่บนแผ่นป้ายประตู
ชายวัยกลางคนที่มีรอยยิ้มบนใบหน้ารีบเดินมาหาเขา
“ท่านผู้อาวุโสฉู่ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว”
การแสดงออกของฉู่เทียนหมิงดูไม่ค่อยดีนัก ฉู่ชิงนั้นถูกลอบโจมตีและได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยยอดฝีมือของลัทธิมารก่อนหน้าเพราะคนพวกนี้ขายข้อมูลออกไป
หากเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อข้อมูลจากหอจันทร์ทมิฬ เขาคงตัดหัวชายคนนี้ทิ้งไปแล้ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หอจันทร์ทมิฬกระทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้
พวกเขาขายข้อมูล รับภารกิจลอบสังหาร ขายสมบัติ และอื่นๆ ขอบเขตธุรกิจของหอจันทร์ทมิฬนั้นกว้างใหญ่มาก ในบางครั้ง เพื่อเพิ่มกำไรของพวกเขาแล้ว พวกเขามักจะแอบสร้างปัญหาอย่างลับ ๆ
วิธีของหอจันทร์ทมิฬเป็นที่รู้จักไปทั่วแผ่นดินหนานโจว
ราคาที่พวกเขาร้องขาก็ไม่ได้มีมาตรฐานเช่นกัน ราคาจะถูกตัดสินตามสถานที่และสถานการณ์แทน
ตัวอย่างเช่น ราคาสำหรับการลอบสังหารยอดฝีมือขอบเขตว่างเปล่าขั้นสูงสุดนั้นไม่ได้ถือว่าแพงเกินไปสำหรับแคว้นที่มีความแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ในแคว้นฉินนั้น ราคาที่เสนอมาย่อมสูงอย่างยิ่งจนใครๆ ก็ต้องรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา
หากไม่เป็นเช่นนั้น พวกลัทธิมารคงจ้างวานให้หอจันทร์ทมิฬลอบสังหารผู้อาวุโสแห่งตระกูลฉู่ไปนานแล้ว
แน่นอนว่าเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าว และเนื่องจากว่ามันจำเป็นจริงๆ ตระกูลฉู่จึงกลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของหอจันทร์ทมิฬมาโดยตลอด
นอกเสียจากว่าลัทธิมารจะเสนอราคาที่สูงจนเหลือเชื่ออกมา หอจันทร์ทมิฬจะไม่ยอมรับภารกิจในการลอบสังหารลูกค้ารายใหญ่เช่นพวกเขาเด็ดขาด
“จ้าวหอว่าน ท่านส่งสารมาบอกข้าว่ามีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตระกูลฉู่ของข้า เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก พูดอย่างตรงไปตรงมา ราคาเท่าไหร่? แล้วข้อมูลได้รับการยืนยันแล้วหรือไม่”
เมื่อพวกเขาเข้ามาที่หอจันทร์ทมิฬ พวกเขาก็ตรงมาที่ห้องพิเศษทันที
“ผู้อาวุโสฉู่ ข้อมูลของหอจันทร์ทมิฬของเรานั้นเชื่อถือได้เสมอ หากข้อมูลที่ออกมาไม่เป็นความจริง ทางหอจันทร์ทมิฬของเรายินดีคืนเงินให้ท่านเป็นสามเท่าของราคาข้อมูล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและโปร่งใสของพวกเรา”
ว่านฉางยิ้ม
ลัทธิมารได้ซื้อหมอกมารไปจากพวกเขาและแฝงตัวเข้าไปในตระกูลฉู่เพื่อทำลายอาณาเขตตระกูลฉู่ ข้อมูลสำคัญเช่นนี้จะต้องขายได้ราคาดีอย่างแน่นอน
ดูจากเวลาแล้วลัทธิมารน่าจะเริ่มดำเนินการแล้วใช่หรือไม่?
แม้ว่าฉู่เทียนหมิงจะได้รับข้อมูลนี้ไป ทว่าเขาก็อาจจะไม่สามารถหยุดโศกนาฏกรรมนี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้
เมื่อพวกลัทธิมารประสบความสำเร็จ อาณาเขตตระกูลฉู่ก็จะเต็มไปด้วยหมอกมาร หากตระกูลฉู่ต้องการที่จะขจัดสิ่งปนเปื้อนจากหมอกมาร ตระกูลฉู่จะต้องมองหาพวกเขาอีกครั้งเพื่อซื้อสมบัติที่สามารถขจัดผลกระทบของหมอกมารได้
ว่านฉางได้เตรียมสมบัติดังกล่าวไว้แล้วเพื่อกำจัดผลกระทบจากหมอกมาร
เขาเพียงแค่รอโอกาสที่เหมาะสมที่จะขูดเลือดขูดเนื้อฉู่เทียนหมิง ผู้เป็นแกะอ้วนตัวใหญ่ของเขา
“เช่นนั้นก็เสนอราคา”
ฉู่เทียนหมิงไม่กล้าที่จะประเมินความสำคัญของข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลฉู่ต่ำเกินไป
หากข้อมูลไม่ได้มีความสำคัญ ว่านฉางคงไม่มาหาเขาเป็นการส่วนตัว
ถึงหอจันทร์ทมิฬเป็นพวกอำมหิต ทว่าชื่อเสียงของพวกเขามีค่าดั่งทองคำ
“หนึ่งล้านผลึกวิญญาณ”
“เหตุใดเจ้าไม่ปล้นข้าไปเสีย!”
ฉู่เทียนหมิงกล่าวด้วยความโกรธ
“มันไม่ใช่เช่นนั้นผู้อาวุโสฉู่!”
ว่านฉางพูดอย่างจริงจังว่า “ผู้อาวุโสฉู่ นี่เป็นข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยของตระกูลฉู่ของท่าน หากมันไม่คุ้มค่ากับราคานี้ ข้าคงไม่เอ่ยราคานี้ออกมา หากนี่ข้อมูลเป็นเท็จ ไม่เพียงแต่หอจันทร์ทมิฬของเราจะคืนเงินให้ท่านเท่านั้น ทว่าทางเรายินดีจะชดเชยให้ท่านถึงสามเท่า!”
ฉู่เทียนหมิงเริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจัง
“เช่นนั้นก็เป็นอันตกลง!”
ฉู่เทียนหมิงหยิบถุงเก็บของออกมา ใส่ผลึกวิญญาณหนึ่งล้านก้อนลงไป โยนไปให้ว่านฉางทันที
“เช่นนั้นก็บอกข้อมูลมา”
ว่านฉางพึงพอใจอย่างมาก ตระกูลฉู่เป็นลูกค้าประจำอย่างแท้จริง เพื่อรักษาผลประโยชน์นี้ไว้ ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้รับราคาที่มากพอจากลัทธิมารหรือศัตรูอื่นๆ พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ตระกูลฉู่ถูกลบไปอย่างแน่นอน
ลูกค้าที่สามารถสร้างรายได้ให้กับหอจันทร์ทมิฬได้อย่างยั่งยืนล้วนเป็นลูกค้าที่ดี
“ตามข้อมูลที่เราได้มา มีผู้อาวุโสของลัทธิมารสองคนได้แอบเข้าไปในอาณาเขตตระกูลฉู่และได้นำหมอกมารติดตัวไปด้วย!”
ว่านฉางพูดอย่างจริงจัง
“มีแค่นี้หรือ?”
ฉู่เทียนหมิงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก นี่เป็นข้อมูลสำคัญแล้วหรือ
เจ้าคิดว่าอาณาเขตตระกูลฉู่เป็นบ้านพักที่ใครจะสามารถเข้าออกได้ตามใจหริอ?
“แน่นอนว่ามันมากกว่านั้น”
ว่านฉางคาดไว้แล้วว่าฉู่เทียนหมิงจะมีการตอบสนองเช่นนี้ เขาหรี่ตาลงและพูดว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าตระกูลฉู่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแอบเข้าไปได้”
“ทว่าคราวนี้ พวกลัทธิมารได้รับอาภรณ์ซ่อนเร้นระดับว่างเปล่ามาสองชุด ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขั้นที่สามของขอบเขตว่างเปล่าไม่มีทางสามารถสัมผัสถึงพวกเขาได้”
“แม้แต่ผู้ที่อยู่ในขอบเขตว่างเปล่าขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขาได้หากอยู่ไกลกว่าขอบเขตที่กำหนด”
“แน่นอนว่าจวนบรรพชนตระกูลฉู่นั้นอาจปลอดภัย ทว่าอาณาเขตขนาดใหญ่ที่เหลืออยู่นั้น...”
สีหน้าของฉู่เทียนหมิงเปลี่ยนเป็นดุร้ายทันที