ตอนที่แล้วEp.499 - สงครามเมืองพายุระห่ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.501 - ราชามังกรคลั่งปรากฏตัว

Ep.500 - พลังรบไม่เพียงพอ


4/5

Ep.500 - พลังรบไม่เพียงพอ

บุกทะลวงเข้าไปตรงๆ

นาเซอร์ล็อคเป้าแม่ทัพมังกรสปิตซ์

ในฐานะแม่ทัพมังกรที่เก่าแก่ที่สุดของเฮสการ์ พลังรบส่วนบุคคลของสปิตซ์จึงทรงพลังที่สุดเช่นกัน

และแน่นอนว่ามันสังเกตเห็นตั้งแต่แรกว่านาเซอร์คือผู้แข็งแกร่งที่สุด

ขุมพลังชั้นหนึ่งทั้งสองแห่งอาณาจักรมังกรโลกาปทะกันอย่างรวดเร็ว

“เจ้าน่ะหรือนาเซอร์คนทรยศ?”

“จงรับโทษในความโง่เขลาและเย่อหยิ่งของตัวเองซะ!”

นาเซอร์ตอบอีกฝ่ายด้วยคมขวาน ปลดปล่อยการโจมตีอันดุเดือดออกมา

ภายใต้อำนาจโจมตีอันน่าสะพรึง อากาศรอบด้านบิดเบี้ยวผิดรูป เริ่มเกิดรอยแตกร้าวขึ้น

ขวานสลายอากาศ!

อาวุธสีม่วงอ่อนเลเวล 16!

เจ้าสิ่งนี้นับเป็นของหายากมาก มันคืออาวุธที่มาพร้อมการโจมตีเชิงมิติ และคุณสมบัติอะไรที่เกี่ยวข้องกับมิติโดยธรรมชาติแล้วยากจะป้องกัน!

นาเซอร์ได้รับขวานเล่มนี้มาโดยบังเอิญเมื่อสิบปีก่อน สามารถเรียกได้ว่ามันคือสิ่งประดิษฐ์เทพสงครามในระยะประชิด!

อาวุธของสปิตซ์คือหอกรัศมีสีม่วง ตัวหอกดำด้าน โอบล้อมไปด้วยแสงสีม่วง พรั่งพรูไปด้วยพลังทำลายล้าง

เห็นได้ชัดว่ามันคืออุปกรณ์สีม่วงที่แสนหายาก

มีเฉพาะอุปกรณ์สีม่วงขึ้นไปเท่านั้น ที่สามารถต้านทานการโจมตีเชิงมิติของขวานสลายอากาศได้

สำหรับอาวุธสีฟ้า เนื่องจากคุณภาพและพลังไม่เพียงพอ ทันทีที่สัมผัสขวานสลายมิติ มันจะถูกทำลายโดยพลังมิติ กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่อาจใช้งานได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ต้องรอจนกว่าจะคืนรูปใหม่อีกครั้ง

สปิตซ์สกัดกั้นการโจมตีจากขวานของนาเซอร์ ทว่ารอยแยกมิติที่กระจัดกระจายยังคงกระเด็นใส่มัน ทะลุชุดเกราะป้องกัน เข้าถึงตัวอย่างง่ายดาย

แม่ทัพมังกรสังหารได้ความเสียหายอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน

มนตร์สายฟ้าพิฆาตถูกปลดปล่อยออกมาจากหอก

โจมตีนาเซอร์ ทำดาเมจสวนกลับ

เมื่อทั้งสองปะทะ ต่างฝ่ายต่างแลกหมัดกันไม่หยุด

ทั้งคู่สืบทอดมรดกขั้น 4 มากกว่าสองรายการ เป็นตัวตนอันทรงพลังที่ครอบครองสกิลนับหลายสิบกระบวนท่า

พลังทำลายล้างของทั้งสอง ทหารธรรมดาไม่อาจเข้าใกล้

รอบด้านของทั้งนาเซอร์และสปิตซ์ บนอากาศฝั่งหนึ่งเต็มไปด้วยรอยแยกมิติกระจัดกระจาย อีกฝั่งลั่นเปรี๊ยะๆไม่หยุด เต็มไปด้วยมนตร์สายฟ้าพิฆาต

แล้วแบบนี้ทหารธรรมจะต้านทานได้อย่างไร?

หากเผลอก้าวเข้าใกล้ จะถูกฆ่าตายในวินาทีเดียว

บารุตเห็นภาพนี้ ตั้งท่าเตรียมเข้าช่วยเหลือ

ด้วยพลังรบของมัน สามารถแทรกแซงเข้าไปได้ และตราบใดที่ร่วมมือกับสปิตซ์ ผู้ครองแคว้นคนทรยศก็จะถูกสังหารอย่างรวดเร็ว!

การจลาจลในแคว้นเดียวดาย เจ้าหมอนี่นี่แหละที่เป็นหัวโจก!

หากสามารถกุดหัว ไม่เพียงบั่นทอนขวัญกำลังใจทหารในแคว้นเดียวดาย แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ เข้ารับรางวัลกับราชามังกรคลั่ง

อย่างไรก็ตาม

มันไม่ทันได้ลงมือ

พริบตานั้นแรงกดดันมหาศาลพลันโถมเข้ามา

บารุตรู้สึกได้ว่าใบมีดสายลมที่มันปลดปล่อยอย่างต่อเนื่อง เวลานี้ถูกปิดกั้นด้วยโล่ขนาดใหญ่

ใบมีดสายลมนับสิบนับร้อยที่สามารถบดขยี้อุปกรณ์สีเขียวได้อย่างง่ายดาย กระทั่งชุดสีฟ้าก็ยังทำดาเมจได้  ทว่าบนโล่กลับไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้เลย

โล่สีม่วงงั้นหรือ?

บารุตตระหนักได้ทันที ว่าโล่นั่นเป็นของหายากและราคาแพงมาก

ต่อให้มันเป็นถึงหนึ่งในสามแม่ทัพมังกรผู้ยิ่งใหญ่ ก็ยังถูกความโลภบังตา

พลังรบของนาเซอร์กับสปิตซ์ห่างกันไม่มากนัก ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้ในเวลาสั้นๆ

งั้นกำจัดเจ้าพวกนี้ก่อก็แล้วกัน!

บารุตชักกระบี่ออกมา ใบกระบี่บางและยาว เหมือนดาบโซนยุโรป ใบกระบี่ทอรัศมีสีม่วง บ่งบอกถึงคุณภาพของมัน

เพียงสะบัดเบาๆ กระบี่ของมันทอแสงวาบ เข้าฟาดฟันราวพายุฝน

ต่อให้ฮังอวี่ใช้ควงอาวุธคู่ ก็ไม่แน่ว่าจะไล่ตามการโจมตีด้วยความเร็วสูงของบารุตทัน

เห็นได้ชัดว่านี่คือเอฟเฟกต์จากอาวุธ!

แม่ทัพมังกรทั้งสามคือลูกน้องคนสนิทของเฮสการ์ ดังนั้นพวกมันครอบครองอุปกรณ์สีม่วงอย่างน้อย 1 - 2 ชิ้น

อย่างไอเท็มของเซนอสคือไข่มุกปีศาจผนึกวิญญาณ

ส่วนแม่ทัพมังกรทั้งสองที่เหลือคืออาวุธสีม่วง!

อาวุธคืออุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด!

อาวุธสีม่วงสามารถสร้างเอฟเฟกต์ในตัวเองได้สูงกว่าพวกชุดเกราะมาก

แม้จ้าวหมิงจะใช้โล่สีม่วงที่ฮังอวี่มอบให้ และมีเจียงหนานคอยรักษาอยู่เบื้องหลัง

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญกับการโถมโจมตีของบารุต ก็ยังรู้สึกเต็มกลืน

เพลิงสีชาด ฉูเทียนหัวก้าวเข้ามาในเวลานี้

พวกเขาร่วมมือกับจ้าวหมิง ปิดล้อมโจมตีบารุต

บารุตประหลาดใจมาก

จ้าว ฉู พลังรบของมนุษย์ทั้งสองทัดเทียมกับขุนนางใหญ่แล้ว เรื่องแบบนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนในมนุษย์จากภูมิภาคอื่น

พลังรบของมนุษย์ในแคว้นเดียวดายสูงมาก มิน่าเล่ากระทั่งราชามังกรยังระแวง

กระนั้น

อาศัยพลังรบเพียงเท่านี้ มันยังไม่พอ!

กล้าปรากฏตัวต่อหน้าราชามังกร เท่ากับมองหาความตาย!

คู่ต่อสู้อีกคนคือเพลิงสีชาด

บารุตไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเขา แต่ชายผู้นี้สืบทอดมรดกของจ้าวสงคราม ฐานค่าคุณสมบัติและพลังรบโดยรวมก็สูงมาก สมควรแกร่งกว่าระดับขุนนางใหญ่เล็กน้อย นับเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง

ภายใต้สถานการณ์ถูกรุมสาม บารุตไม่สามารถจัดการพวกเขาได้ชั่วขณะหนึ่ง

สันเขามังกรเต็มไปด้วยยอดฝีมือดั่งเมฆบนท้องฟ้า ทว่าแคว้นเดียวดายก็มีนักสู้ฝีมือดีมากมายเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นตัวตนอย่างดาบพิษแห่งเมืองฟ้าเดียวดาย หรือมนุษย์อย่างเจียงหนาน เสี่ยวเฉียง ฉินมู่ และพวกลุคจากสำนักกระบี่วิญญาณ

เป็นผลให้เมื่อเกิดการปะทะ

สงครามเป็นไปอย่างดุเดือด

ทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้เข่นฆ่าอย่างเอาเป็นเอาตาย

ทั้งสนามรบราวกับถูกยัดเข้าไปในเครื่องโม่หินขนาดใหญ่

สมุนทหารและพลรบทยอยล้มหายตายจาก ทั้งสองฝ่ายสูสีกันชั่วคราว

แนวโน้มแห่งชัยชนะยังไม่เอนเอียงไปทางใคร

สุานการณ์นี้เกินความคาดหมายของกองทัพสันเขามังกรมาก

นี่น่ะหรือพลังรบที่แท้จริงของกองทัพกบฏ!

ตลอดสองสามวันมานี้ทั่วทั้งเก้าแคว้น สปิตซ์กับบารุตทำสงครามกับมนุษย์หลายครั้ง แต่ทุกครั้งอีกฝั่งแทบจะเพลี่ยงพล้ำในทันที ไม่มีแม้โอกาสตอบโต้กลับ

แต่ครั้งนี้

กองทัพสันเขามังกรต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

นี่มากพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าแคว้นเดียวดายทรงพลังเพียงใด พวกมันประเมินแคว้นนี้ต่ำเกินไป ประเมินเผ่ามนุษย์ต่ำเกินไป!

ทว่าก็ไม่เป็นไร

เพราะจนถึงตอนนี้ เหตุผลที่ต่างฝ่ายยังสู้อย่างเท่าเทียมกัน เพราะเมืองพายุระห่ำได้เปรียบทางด้านปริมาณ

ขณะที่ยอดฝีมือจากสันเขามังกรเริ่มหลั่งไหลเข้าไปสังหารผู้คนในเมืองพายุระห่ำมากขึ้นเรื่อยๆ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป กองทัพแคว้นเดียวดายมีหรือจะชนะกองทัพสันเขามังกรได้?

แม้อีกฝ่ายจะมีปริมาณมากกว่า

แต่คุณภาพต่างกันมาก!

แม่ทัพมังกรทั้งสองเมื่อคิดได้แบบนี้ พวกมันไม่รีบร้อนเอาชนะ ต่างตนต่างมุ่งสมาธิไปกับการรับมือศัตรูตรงหน้า

พวกมันคิดว่าคนที่ควรกังวลไม่ใช่กองทัพสันเขามังกร แต่เป็นกองทัพแคว้นเดียวดาย!

กองทัพสันเขามังกรยิ่งมายิ่งโถมโจมตีหนักขึ้อ

กองทัพแคว้นเดียวดายยิ่งมายิ่งสูญเสียพลังในการป้องกัน อ่อนแอลงเรื่อยๆ!

อย่างไรก็ตาม เมื่อสมดุลแห่งชัยชนะเริ่มเอนเอียง

ฉูเทียนหัวที่กำลังกวัดแกว่งกระบี่เข้าฟาดฟันบารุตอย่างเมามันก็สั่งว่า “ส่งกองทัพมนุษย์ทั้งหมดออกไป! ดื่มโพชั่นมนตรา! กางคัมภีร์สกิล! ปราบปรามพวกมัน!”

ได้รับคำสั่งนี้

กองทัพมนุษญ์ซึ่งเดิมปักหลักอยู่เบื้องหลังกองทัพแคว้นเดียวดายก็เริ่มเคลื่อนไหว

“ลุย!”

“เตะตูดไปพวกบ้านั่น!”

“แสดงให้พวกมันเห็นว่ามนุษย์เราทำได้มากกว่าที่พวกมันคิด!”

คนแล้วคนเล่ายกโพชั่นมนตราขึ้นดื่ม

อินทรีจ้าวสายลม , หมีทลายปฐพี , หมาป่าสงครามเยือกแข็ง ... ภายใต้เอฟเฟกต์ของโพชั่นมนตราต่างๆ ในสนามรบปรากฏมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นหลักร้อยหลักพันตัวขึ้นพร้อมกัน

เมื่อพลังรบไม่เพียงพอ ก็ใช้ลูกเล่นเข้าสู่ นี่แหละคือสุดยอดภูมิปัญญาของมนุษย์!

กองพลผู้มาเยือนฝั่งสันเขามังกรต่างตกตะลึง!

เผ่ามนุษย์ไปหาโพชั่นมนตรามากมายขนาดนี้มาได้อย่างไร?

หากกล่าว่วาผลิตขึ้นเอง นั่นเป็นไปไม่ได้!

เพราะแม้แต่ผลผลิตของเมืองมังกร ยังไม่มากพอที่จะสร้างโพชั่นมนตราให้แก่สมาชิกทุกคน!

แน่นอน!

จำนวนสมาชิกเมืองมังกรมีน้อยกว่ามนุษย์มาก

ดังนั้นแม้พวกมันจะมีความสามารถ แต่ก็มีแรงงานไม่เพียงพอ!

ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์คือโลกที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เป็นโลกที่มีผู้คนอยู่หลายล้านคน ดังนั้นไม่ต้องจำเป็นเรื่องการผลิต

ตราบใดที่มีหินคริสตัลอยู่ในมือ

การหาโพชั่นมนตราสักขวดมันจะเป็นเรื่องยากอะไร?

ไม่นาน

เดิมเผ่ามนุษย์ส่วนใหญ่พลังชีวิตมีน้อย แต่เมื่อพวกเขากลายร่างเป็นมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นนับร้อย พลังป้องกันก็สูงขึ้น เลือดเยอะขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสนามรบทันที

ภายใต้การพุ่งเข้าจู่โจมอย่างบ้าคลั่ง กลับเป็นพวกเขาที่สะกดกองทัพสันเขามังกร

หากกระแสสงครามยังเป็นเช่นนี้ต่อไป

บางทีกองทัพแคว้นเดียวดายอาจเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ!