ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 438 เผชิญหน้าศัตรูที่แอบแฝง
เมื่อตอนที่ซู่เสี่ยวไป่คิดเรื่องนี้ได้เขาถึงกับพูดไม่ออก
ดูเหมือนว่านิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพแห่งนีจะโดนอาณาจักรคลื่นโบราณแทรกซึมเข้าไปถึงรากฐานแล้ว ตั้งแต่ระดับศิษ จนไปถึงระดับผู้อาวุโส แม้แต่ตัวตนจ้าวนิกายก็ไม่เว้น!
แม้แต่เจ้าหน้าที่ประจำนิกายก็เป็นพวกเดียวกับพวกมัน และเป้าหมายของพวกมันนั้นชัดเจนอย่างมากคือการเก็บตัวอย่างส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรทวีปใหญ่
ไม่เพียงเท่านั้นพวกมันมีรูปแบบในการดำเนินการตามแผนการด้วย
ผู้ฝึกตนระดับสูงนั้นจะรับผิดชอบปลอมตัวเป็นผู้อาวุโสระดับผู้บัญชาการของนิกาย
เหล่าผู้อาวุโสของหอภารกิจนั้นก็มีหน้าที่เก็บชิ้นส่วนจากเหล่าสิ่งมีชีวิตต่างๆ โดยแอบใช้สาวกในนิกายเป็นเครื่องมือในการรวบรวม แก่นโลหิตจากนิกายอื่นด้วย!
“ถ้าเราจำไม่ผิด อาณาจักรคลื่นโบราณบอกว่าพวกมันได้แทรกซึมไปทั่วจักรวาลทวีปใหญ่แล้ว และประสบความสำเร็จอย่างมาก….”
ซู่เสี่ยวไป่นั้นเข้าใจทันทีว่าความสำเร็จของพวกมันนั้นคืออะไร เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักอึ้ง
“แม้แต่นิกายที่ทรงอำนาจก็ยังไม่อาจจะรับมือได้”
พวกมันหลอกใช้สาวกของนิกายให้ไปฆ่าศิษสาวกนิกายอื่นแล้วปลอมตัวเข้าไปแทนที่ศิษนิกายที่ถูกฆ่า
ไม่มีทางที่นิกายไหนจะหยุดแผนการนี้ของอาณาจักรคลื่นโบราณได้เลย
“แม้แต่ไต๋หลานเองที่กำลังพูดอยู่ในตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรคลื่นโบราณปลอมตัวมารึป่าว”
มันก็ผ่านไปปีครึ่งแล้ว มีสิทธิ์ที่ไต๋หลานอาจจะถูกสังหาร และถูกแทนที่
“ศิษพี่….การไปชิงตราประจำตัวจากศิษสาวกนิกายอื่นมานั้น ไม่เป็นการละเมิดกฏของนิกายไปหน่อยงั้นหรอ?”
ซู่เสี่ยวไป่ถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ
“นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงไม่บอกเจ้าอย่างโจ่งแจ้ง!!”
ไต๋หลานนั้นยักไหล่ขึ้นก่อนจะพูดต่อ
“ข้าเองก็พึ่งจะได้ยินเรื่องนี้มาไม่นาน แล้วลองทำตามดู และข้าเองก็ยืนยันเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว”
“ถึงมันจะอันตรายอยู่บ้าง เพราะการไปตัดหัวศิษสาวกนิกายอื่นนั้น อาจจะมีเรื่องร้ายแรงตามหลังมาก็ได้”
“ข้าเองก็มีชื่อเสียง เป็นศิษของท่านจ้าวตำหนักควันอินทนิล”
“และอาจารย์ของเจ้ากับอาจารย์ของข้านั้นก็มีความสัมพันธ์ลับต่อกัน ไม่งั้นข้าคงไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้าหรอก”
“สุดท้าย ก็อยู่ที่ว่าเจ้าจะเลือกทางไหนศิษน้อง….”
ไต๋หลานนั้นกระซิบประโยคสุดท้ายข้างๆ หูของซู่เสี่ยวไป่อย่างแผ่วเบา
ผู้อาวุโสจื่อหยานกับหลิงทิงนั้นมีความสัมพันธ์ลับๆ กัน ?
ซู่เสี่ยวไป่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
ผู้อาวุโสจื่อหยานนั้นเขาเคยเห็นครั้งหนึ่งแล้ว ตอนอยู่ในห้องโถงตำหนักหลัก นางก็มีความงามที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาเทียบได้เช่นเดียวกันกับหลิงทิง ไม่แปลกเลยที่ทั้งสองจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
“ขอบคุณศิษพี่ไต๋หลาน ที่ชี้แนะข้า”
ซู่เสี่ยวไป่ปองมือคำนับขอบคุณ
“ไม่เป็นไรแค่นี้เล็กน้อยมากๆ ถือว่าเป็นของขวัญรับศิษน้องแล้วกัน”
“ยังไงก็ตาม ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่านิกายเรานั้นไม่ได้ปลอดภัยนัก โปรดระวังตัวอยู่เสมอ แม้ว่าจะอยู่ในนิกายเดียวกันก็ยังเชื่อใจไม่ได้!”
คำพูดทิ้งท้ายของไต๋หลานนั้นทำให้ซู่เสี่ยวไป่รู้สึกเอ๊ะใจไม่น้อย
ที่เขาพูดนั้นหมายถึงอะไร?
เขาไม่ใช่ตัวตนจากอาณาจักรคลื่นโบราณงั้นหรอ?
ทำไมเขาถึงพูดเช่นนี้ หรือว่าเขาไม่ใช่ไส้ศึกจากอาณาจักรคลื่นโบราณ?
ถ้าหากว่านี้ไม่ใช่สายลับหรือไส้ศึกของอาณาจักรคลื่นโบราณ นั้นเท่ากับว่าเขาได้รับคำแนะนำในการจับกุมหรือสังหารศิษสาวกต่างนิกายเพื่อแลกแต้มนิกายอย่างลับๆ งั้นหรอ
แต่ดูจากที่ไต๋หลานพูดแล้ว เหมือนไต๋หลานจะรู้อะไรบางอย่าง
“ศิษพี่!! เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ!”
“มันหมายความตามนั้นแหละ อย่าพูดเยอะ ไม่ต้องถาม เจ้ารู้เพียงเท่านี้พอสำหรับวันนี้ ที่พักของข้านั้นอยู่ในตำหนักควันอินทนิล หากอยากรู้อะไรเพิ่มไปหาข้าได้ที่นั้น หากว่ายังไม่สายเกินไปละนะ”
ไต๋หลานนั้นไม่ตอบซู่เสี่ยวไป่ แต่กลับให้ป้ายหยกไว้ พร้อมกับหันหลังกลับและเปิดช่องมิติก่อนจะเดินหายเข้าไปในนั้น
“อย่าพูด และอย่าถาม….ไต๋หลานนี้เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่กันแน่”
“เป็นไปได้ไหมว่าไส้ศึกนี้จะทำตัวเป็นนกสองหัว”
ซู่เสี่ยวไป่นั้นถึงกับเลิกคิ้วขึ้น
“พอๆ ช่างมันไปก่อน อย่างพึ่งไปหาความจริงเรื่องนี้มันเสียเวลาเราเกินไป ต้องทำสิ่งที่สำคัญก่อนในตอนนี้ คือการหาแต้มนิกายให้ได้เยอะๆ”
ไม่ว่าจะเรื่องจริงหรือไม่นั้น ตอนนี้ความจริงยังไม่ชัดเจน เพียงต้องรอดูอนาคตต่อไปว่าไต๋หลานจะแสดงตัวออกมาแบบไหน สิ่งที่ซู่เสี่ยวไป่ทำได้ตอนนี้คือสะสมพลังให้กับตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หากเขามีพลังที่มากขึ้น เขาจะสามารถเอาตัวรอดในการต่อสู้ได้ดีขึ้น และการจะเพิ่มพลังได้นั้นก็จำเป็นต้องอาศัยความมั่งคั่ง ดังนั้นเขาจำเป็นต้องใช้อาคมเคลื่อนย้ายเปิดทางไปยังช่องมิติกาลเวลาที่เดินทางไปยังพิภพมหาพันภพอื่นๆ เพื่อเก็บเกี่ยวความมั่งคั่งเพิ่ม!
เมื่อไรที่เขาเข้าไปถึงพิภพมหาพันภพได้ เขาก็จะเริ่มเปิดฉากสังหารหมู่อีกครั้ง และเก็บเกี่ยวทุกอย่าง
พิภพมหาพันภพหลักมีทั้งหมด 3,600 ภพ หากได้เก็บเกี่ยวสัก 600 พิภพก็เพียงพอที่จะเพิ่มความมั่งคั่งให้เขาได้มหาศาลแล้ว
“ไต๋หลานนั้นบอกวิธีหาแต้มนิกายให้เราสามทาง แต่การเลือกสักทางมันสำหรับเด็กน้อยอมมือ!!”
“คนอย่างเรามันเอาสุดทุกทางอยู่แล้ว!”
ซู่เสี่ยวไป่แสยะยิ้มออกมาทันที
เมื่อเขาตัดสินใจเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดแล้ว
อย่างแรกเขาจะเข้าไปสู่พื้นที่ลึกลับ ส่งเงาออกไปเก็บกวาดทุกอย่าง ในพื้นที่แห่งนั้น และรวบรวมวัตถุดิบ สมบัติ ชิ้นส่วนของสัตว์อสูรทั้งหมดมา จากนั้นก็นำกลับไปส่งให้กับภารกิจระดับต่ำเพื่อรับแต้ม
อย่างที่สองซู่เสียวไป่รู้ว่าไม่มีข้อจำกัดในการรับภารกิจ ทำให้เขาสามารถที่จะรับภารกิจมากเท่าไรก็ได้ เขาจะหาภารกิจที่เกี่ยวกับการจัดการตัวตนบาป และเหล่าผู้มีค่าหัวทั้งหลาย และส่งเงาของเขาไปจัดการ และนอนเฉยๆ รับรางวัลเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ
อย่างสุดท้ายส่งเงาไปฆ่าเหล่าลูกศิษสาวกต่างนิกายและเก็บตราประจำตัวมาแลกกับผู้อาวุโสในหอภารกิจ….
ทั้งสามทางนั้นซู่เสี่ยวไป่จะทำมันพร้อมกัน เพื่อจะได้รับแต้มนิกายให้มากที่สุด
“เราก็ไปถล่มนิกายมาต้องเยอะหนึ่งในพวกนั้นก็คงมีศิษสาวกระดับอัจฉริยะอยู่บ้าง”
“แล้วพวกของที่ดูไร้ประโยชน์ทั้งหมดเราก็ยังไม่ได้ทิ้ง….คิดแล้วถ้าเก็บไว้ต้องมีประโยชน์เข้าสักวัน!”
ซู่เสี่ยวไป่รีบตรวจดูของในช่องมิติทันที่ว่ามีตราประจำนิกายอยู่มากน้อยแค่ไหน!
เพราะเขาก็ไล่ฆ่าบุกนิกายไปมากมายเหมือนกัน
และสิ่งของที่ได้มานั้นทั้งศิลาบรรพชน วิชา และสมบัติมากมาย หนึ่งในนั้นมีตราประจำนิกายอยู่ด้วย เขาลองเอาเข้าไปหมุนเวียนดูแต่มันก็ได้ราคาน้อยเกินไป
……
ตอนนี้เศษขยะที่ดูไม่มีราคาเริ่มจะมีค่าขึ้นมาแล้ว
ซู่เสี่ยวไป่ใช้พลังวิญญาณสืบค้นเข้าไปในมิติเก็บของ และแหวนคลังหลายสิบวงที่ยึดมา
ไม่กี่นาทีต่อมา
“เจอแล้ว!”
ซู่เสี่ยวไป่พลิกฝ่ามือหนึ่งครั้งก็ปรากฏตราประจำตัวนิกายออกมา
มันเป็นตราประจำตัวของนิกายกลางสวรรค์เป็นนนิกายมีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน
“นิกายกลางสวรรค์ เป็นหนึ่งในนิกายมหาอำนาจเทียบได้กับนิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพ”
ซู่เสี่ยวไป่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับนิกายต่างๆ จากการค้นคว้าหาข้อมูลของเขาก่อนหน้านี้
“มันยังพอเหลือกลิ่นไอจางๆ อยู่ มันเป็นตราประจำตัวของจักรพรรดิบรรพชนก้าวที่ 7 ไม่รู้ว่าจะเอาไปแลกได้กี่แต้มนิกาย”
เมื่อเป็นเช่นนี้ซู่เสี่ยวไป่ก็มุ่งหน้าตรงไปยังหอภารกิจทันที
……
ไม่นาเขาก็มาถึงหอภารกิจ
“ข้ามาพบผู้อาวุโสของหอภารกิจ”
ซู่เสี่ยวไป่หยิบตราประจำตัวนิกายของตัวเองออกมาแสดงให้กับผู้ดูแลสถานที่แห่งนี้
เขาเป็นลูกศิษส่วนตัวของจ้าวตำหนัก ทำให้ลักษณะของตรานั้นแตกต่างจากของคนอื่น และมีสิทธิ์พิเศษมากกว่า เขาสามารถเข้าพบผู้อาวุโสของนิกายได้ตลอดเวลา นั้นเป็นหนึ่งในสิทธิ์ของตรานี้
“เจ้าเป็นศิษคนแรกของจ้าวตำหนักแจกันวิญญาณงั้นหรอ?”
ผู้อาวุโสของหอภารกิจได้ออกมาพบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เป็นชายชราที่ดูใจดีอย่างมาก
แต่ซู่เสี่ยวไป่นั้นไม่ได้หลงกลไปกับการแสดงของตัวตนนี้ เพราะยังไงนี้ก็คือสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรคลื่นโบราณที่แอบแฝงเข้ามาในนิกาย!
“ไป่หยินคาราวะผู้อาวุโสปี่เฟิง”
ซู่เสี่ยวไป่คำนับให้หนึ่งครั้ง
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีธุระอะไรกับชายชราอย่างข้า?”
“ถ้าเจ้าต้องการหาภารกิจระดับสูงแล้วละก็ บอกมาว่าเจ้าต้องการทำภารกิจแบบไหน ข้าจะตรวจสอบว่าเจ้ามีคุณสมบัติหรือไม่”
ปี่เฟิงนั้นกล่าวอย่างเป็นมิตรพร้อมกับยิ้มให้
“ผู้อาวุโสปี่เฟิงที่จริงแล้วข้ามาหาท่านด้วยเรื่องนี้”
ซู่เสี่ยวไป่หยิบตราประจำนิกายออกมาจากแขนเสื้อ และส่งให้กับปี่เฟิง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ชายชราถึงกับนัยน์ตาเบิกกว้าง พร้อมกับมองหน้าซู่เสี่ยวไป่ ความร้อนรุ่มนั้นแสดงออกมาจากแววตาของเขาอย่างชัดเจน
ก่อนที่เขาจะฟื้นสติและแสดงท่าทางหวาดระแวงเล็กน้อย
“ใครบอกเจ้าเรื่องนี้?”
ปี่เฟิงนั้นตอบอย่างใจเย็น
ซู่เสี่ยวไป่คิดและลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบ
“ศิษพี่ไต๋หลานเป็นคนบอกข้าเรื่องนี้”
ทันทีที่ได้ยินว่าไต๋หลานเป็นคนบอกท่าทีหวาดระแวงก็หายไป
“ฮะๆ งั้นก็ดี ไหนข้าขอดูหน่อย”
ปี่เฟิงนั้นหยิบตราประจำตัวนิกายไปพร้อมกับตรวจสอบมัน
เมื่อเขาดูจนพอใจแล้ว และตรวจพบว่ามันมีแก่นโลหิตอยู่ด้วย รวมถึงข้อมูลของศิษผู้เป็นเจ้าของตรานี้ เขาก็แสดงสีหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาทันที
“จักรพรรดิบรรพชนก้าวที่ 7 มีมูลค่า 150,000 แต้มนิกาย เจ้าตกลงราคานี้ไหม?”