ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 437 เดี๋ยวศิษพี่จะแนะนำให้
เมื่อเห็นว่าผู้เรียกเขานั้นคือไต๋หลานเขาถึงกับแสดงสีหน้าที่ดูขึงขังทันที
เขาได้เห็นกับตาแล้วว่าผู้มาจากอาณาจักรคลื่นโบราณนั้นสามารถปลอมแปลงเป็นไต๋หลานได้อย่างสมบูรณ์ แล้วไต๋หลานผู้นี้ที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่!
แต่ถ้าจะมาแบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
เพราะซู่เสี่ยวไป่เองก็ได้ปรับแต่งปลอมแปลงตัวเองเช่นเดียวกัน ไม่มีทางที่ไต๋หลานจะจดจำเขาได้ด้วยเช่นเดียวกัน
“คาราวะศิษพี่”
“ข้าพึ่งเข้านิกายมาไม่นาน และต้องการจะหาซื้อสมบัติสักชิ้นสองชิ้น แต่หลังจากสอบถามราคาแล้ว พบว่าต้องใช้แต้มนิกายในการแลกเปลี่ยน ข้าไม่รู้เลยว่าจะหาแต้มนิกายทีละมากๆ ได้อย่างไร”
ซู่เสี่ยวไป่ถามไปด้วยความใสซื่อ
“เอ้า!! พึ่งเข้านิกายมางั้นหรอ? เดี๋ยวนะ……กลิ่นไอสัมผัสแบบนี้หรือว่าเจ้าจะเป็นศิษใหม่ที่ว่ามีดาราจักรชีวิตที่ 9 และมีพรสวรรค์อันพิลึกพิลั่น!”
ไต๋หลานเมื่อตรวจสัมผัสกลิ่นไอดูแล้ว เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างมาก เพราะเขาก็สนใจเรื่องศิษใหม่ที่โด่งดังนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
“แล้วเจ้าได้เลือกใครเป็นอาจารย์ของเจ้าละ”
“ศิษพี่ ข้านั้นเลือกเคารพและขอติดตามท่านจ้าวตำหนักแจกันวิญญาณ”
หลิงทิงนั้นได้บอกกับซู่เสี่ยวไป่ไว้ว่าหากเอ่ยถึงนางให้กล่าวด้วยชื่อของจ้าวตำหนักแจกันวิญญาณ
“ท่านบรรพชนบรรพกาลหลิงทิงงั้นหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของซู่เสี่ยวไป่ ไต๋หลานนั้นถึงกับอึ้งไปสักพัก ก่อนที่จะแสดงสีหน้าประหลาดใจ
“ท่านผู้อาวุโสหลิงทิงนั้นโชคดีอย่างแท้จริง”
สำหรับไต๋หลานนั้นหลิงทิงพึ่งจะกลับมาดำรงตำแหน่งจ้าวตำหนักได้ไม่นาน และกำลังอยู่ในช่วงฟื้นคืนพลัง แต่กลับได้ยอดอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากในจักรวาลเป็นศิษ หากไม่เรียกว่าโชคดีก็ไม่รู้แล้วว่าจะกล่าวสิ่งใดได้อีก
“ศิษน้อง! งั้นเจ้าก็คือศิษน้องไป่หยินสินะ!! เจ้านะถามถูกคนแล้ว มาเดี๋ยวศิษพี่จะแนะนำให้!”
“แต้มนิกายไม่มีงั้นหรอมาทางนี้!!”
ไต๋หลานกล่าวอย่างเป็นมิตร ก่อนจะนำหน้าซู่เสี่ยวไป่
“ต้องรบกวนศิษพี่ชี้แนะแล้ว”
“ข้าเองก็คงไม่มีอะไรสอนเจ้ามากนัก และเป็นครั้งแรกที่เราเจอกัน”
“ถือว่านี้เป็นของขวัญต้อนรับสำหรับเจ้า”
ไต๋หลานกล่าวอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันกลับมาแล้วกวักมือเรียก
“เร็วสิช้าอยู่ได้ ตามข้ามา!!”
ทั้งสองมุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่อนุสรณ์ของนิกาย
ที่ตรงนี้ซู่เสี่ยวไป่เคยผ่านมาก่อน
มันเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงเป็นหมื่นๆ เมตร สูงขึ้นไปจนเสียดท้องฟ้า ทุกที่บนอนุสรณ์แห่งนี้มีอักษรจารึกไว้มากมาย หลายสีสัน มันคือรายชื่อภารกิจของนิกาย
อักษรสีขาวคือภารกิจระดับ 1 ดาว
อักษรสีเขียวคือภารกิจระดับ 2 ดาว
อักษรสีน้ำเงินคือภารกิจระดับ 3 ดาว
อักษรสีม่วงคือภารกิจระดับ 4 ดาว
อักษรสีทองคือภารกิจระดับ 5 ดาว
แล้วภารกิจระดับ 5 ดาวนั้นถือว่าอันตรายสูงสุด และต้องมีขอบเขตเท่ากับบรรพชนสูงสุด หรือสูงกว่านั้นที่จะสามารถทำภารกิจระดับนี้สำเร็จ เนื่องจากว่าตอนนี้วิถีสวรรค์หายไป ทำให้ทุกนิกายได้เพิ่มภารกิจระดับ 6 ดาวเข้ามาด้วย
ภารกิจ 6 ดาวนั้นจะเป็นสีแดง และเป็นภารกิจเร่งด่วน ต้องเป็นตัวตนเขตแดนบรรพชนสูงสุดขึ้นไปถึงจะสามารถทำภารกิจระดับนี้สำเร็จ
หากประมาทมีแต่ความตายรออยู่
และซู่เสี่ยวไป่เห็นว่ารางวัลตอบแทนนั้นอยู่ที่ 100,000 แต้มต่อภารกิจถ้าเป็นระดับ 6 ดาว
และทุกๆ ชั่วโมงจะมีศิษสาวก วนเวียนผลัดกันเข้ามาดูรายชื่อภารกิจในสถานที่แห่งนี้
เนื่องจากบนอนุสรณ์อันนี้รายชื่อภารกิจจะถูกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากภารกิจใดสำเร็จแล้วรายชื่อจะหายไป หรือมีภารกิจใหม่ก็จะปรากฏขึ้นมา
ภารกิจของนิกายนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากหอภารกิจ และมีการป้องกันซื้อขายแต้มนิกายกัน ทำให้เหล่าศิษสาวกนั้นต้องทำภารกิจเหล่านี้ด้วยตัวเอง!
ทำให้เหล่าศิษสาวกมากมายจะคอยมองหาภารกิจที่เหมาะกับตัวเองอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้เก็บสะสมแต้มนิกาย!
“ศิษน้องไป่หยิน รู้กฏพื้นฐานของการรับภารกิจแล้วใช่ไหม?”
“แต้มนิกายมาจากทางนิกายเท่านั้น ดังนั้นเมื่อทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รับแต้ม อันนี้คงจะรู้อยู่แล้ว”
ไต๋หลานนั้นจ้องมองไปยังอนุสรณ์ภารกิจก่อนที่จะพูดต่อ
“งานและภารกิจต่างๆ ของนิกายนั้นมันมีจุดประสงค์ของมันอยู่ คือการให้เหล่าศิษสาวกได้ออกไปฝึกฝนตนเอง ได้ผ่านประสบการณ์เฉียดเป็นเฉียดตาย และสัมผัสกับการต่อสู้จริงๆ ได้ลิ้มรสของความกลัวเมื่อความตายเข้ามาใกล้ เพื่อที่พวกเขาจะได้แข็งแกร่งขึ้นและมีจิตใจที่เข้มแข็ง”
“แต่มันก็มีภารกิจง่ายๆ น่าเบื่ออย่างการวิ่งไปรอบนิกายก็มีเช่นเดียวกัน”
“เพราะงั้นศิษพี่จะชี้ช่องโหว่ในการหาแต้มนิกายให้ และรวดเร็ว!”
“วิธีแรกเลย นั้นคือรับภารกิจระดับต่ำ!”
“ส่วนมากภารกิจระดับต่ำนั้น เป็นภารกิจตามหาของ ซึ่งสามารถหาซื้อวัตถุดิบ หรือสมบัติ ยารักษาพวกเนี่ยได้ทั้งหมด โดยปกติแล้วก็หาซื้อได้ทั่วไปนั้นแหละจากสถานที่นอกนิกาย ไม่สนใจหรอกว่าจะซื้อมาแพงหรือถูกเพียงมีของที่ระบุไว้ในภารกิจมาส่งได้ก็พอ”
“แต่แต้มนิกายนั้นได้ไม่ค่อยเยอะเท่าไรนัก สำหรับศิษสาวกแล้วพวกเขาเลือกที่จะรับภารกิจหาของพวกนี้ แล้วไปสู้กับสัตว์อสูร และออกล่าวัตถุดิบกลับมามากกว่า เพราะหากโชคดีอาจจะเจอของในภารกิจอย่างอื่นอีกด้วย ทำให้การออกไปล่าหนึ่งครั้งสามารถรับได้หลายภารกิจ”
“แต่วิธีไปล่าของเองมันช้าเกินไป และกินพลังงาน มันไม่ตรงกับความต้องการของศิษน้องที่อยากได้แต้มเร็วๆ เพราะงั้น….”
“ศิษพี่เลยขอแนะนำนี้เป็นวิธีแรกในการหาแต้มนิกายคือใช้เงินแก้ปัญหา ด้วยการซื้อของตามภารกิจแล้วไปส่ง เท่านี้ก็จะหาแต้มนิกายได้มากมายในเวลาอันสั้นแล้ว”
“แต่ข้อเสียเดียวของวิธีการนี้คือ ไม่รวยจริงทำไม่ได้!!”
เมื่อได้ฟังซู่เสี่ยวไป่ก็พยักหน้าเงียบๆ
รับภารกิจส่งของเพื่อรับแต้มนิกาย วิธีการนี้ซู่เสี่ยวไป่ก็คิดออกเมื่อตอนที่เห็นรายชื่อภารกิจ แต่มันต่างจากที่ไต๋หลานแนะนำคือเขาไม่ต้องซื้อ เพียงใช้ร่างเงาของเขาจัดการ!
ส่วนมากแล้ววัตถุดิบนั้นหาได้จากพื้นที่ลึกลับที่เป็นแหล่งรวมสัตว์อสูรและวัตถุดิบตามธรรมชาติ
ซู่เสี่ยวไป่เพียงส่งเงาเข้าไปออกล่าในพื้นที่นั้น และเก็บเกี่ยวทุกอย่าง แต่วิธีการนี้ก็ยังใช้เวลามากเกินไป
“ยังมีอีกวิธีแต่ก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน”
“ภารกิจประเภท จับกุม ล่าค่าหัว”
“ทางนิกายไม่สนใจอยู่แล้วว่าจะฆ่าเป้าหมายด้วยวิธีการใด ขอเพียงแค่รายชื่อนั้นหายไปจากศิลาจารึกบาปและบุณพร้อมกัน ก็ถือว่าภารกิจสำเร็จ”
“หากว่าศิษน้องไปรับภารกิจมาแล้ว เพียงแค่จ้างมือสังหารไปจัดการกับตัวตนนั้นก็ได้ โดยไม่ต้องลงมือเอง”
“แม้ว่ามีคนอื่นรับภารกิจเดียวกันไปด้วย แต่หากว่ามันสำเร็จในเวลาเดียวกันแต้มจะถูกหาร และภารกิจประเภทนี้จะอยู่ที่ระดับ 5 หรือ 6 ดาว ทำให้แต้มนิกายจะสูงกว่าระดับต่ำ อยู่ 5 ถึง 6 เท่า ทำให้มีศิษสาวกจับกลุ่มทำภารกิจระดับนี้กัน”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ไต๋หลานก็ยิ้มออกมาอย่างสบายอารมณ์ พร้อมกับหันมองซู่เสี่ยวไป่
“สองวิธีแรกนั้น ค่อนข้างจะยุ่งยาก และต้องดูภูมิหลังของตัวเองด้วยหากว่าไม่ร่ำรวยจริงไม่มีทางทำได้”
“และหากว่าไม่มีเงินพอก็ต้องทุ่มกำลังกาย และเวลา ในการหาแต้มนิกายมา”
“แต่วิธีการต่อไปที่ศิษพี่คนนี้จะแนะนำนั้น จะไม่เพียงแต่ประหยัดเวลาและแรง แต่ยังประหยัดเงินอีกด้วย!”
“แต่ต้องการความแข็งแกร่งกับความบ้าดีเดือด….เพราะมันมีความยากเท่ากับภารกิจระดับ 6 ดาว!”
“สนใจอย่างฟังไหม?”
ต้องการความแข็งแกร่งกับความใจถึง เพื่อแลกกับผลกำไรงาม?
มีหรือซู่เสี่ยวไป่จะไม่อยากรู้
“ศิษพี่ โปรดชี้แนะด้วย”
ซู่เสี่ยวไป่ตอบกลับไปทันที
“ความจริงแล้วิธีการนี้มันง่ายมาก และเป็นวิธีที่ได้รับแต้มนิกายเร็วที่สุด แต่ก็ยังไม่รู้กันมากนัก”
“อย่างที่รู้กันว่าหลังจากที่เข้าร่วมนิกายแล้ว ศิษสาวกทุกคนนั้นจะได้รับตราสัญลักษณ์ของนิกาย และต้องสาบานต่ออาจารย์ด้วยแก่นโลหิต เพื่อแสดงสถานะศิษอาจารย์กัน แล้วหยดเลือดนั้นจะนำมาสร้างเป็นตราประจำตัว เจ้าคงได้รับตราศิษนิกายวังวิญญาณเหนือภพมาแล้วใช่ไหม?”
ไต๋หลานนั้นถามขึ้น
“นิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพนั้นมีตราประจำนิกายและบ่งบอกระดับสถานะของตัวตนในนิกาย และเช่นเดียวกันนิกายอื่นๆ ก็จะมีตราเช่นนี้ด้วยเช่นเดียวกัน…..สิ่งที่ต้องทำนั้ง่ายมากๆ เพียงแค่ไปไล่ฆ่าเหล่าศิษสาวกนิกายอื่น และเก็บตราพวกนั้นกลับมา และนำไปแลกแต้มจำนวนมากจากผู้อาวุโสในหอภารกิจ!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ไต๋หลานนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกับกระซิบ
“แม้ว่าจะเป็นตราประจำตัวของศิษระดับจักรพรรดิบรรพชนก็ตาม แต่มูลค่าของมันนั้นก็เท่ากับภารกิจระดับ 5 ดาว”
ตราประจำตัวของศิษสาวกนิกายอื่นสามารถนำมาแลกแต้มนิกายได้งั้นหรอ?!
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ซู่เสี่ยวไป่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
เดี๋ยวก่อนนะ ตราประจำตัวของนิกายนั้น ต้องใช้แก่นโลหิตในการสร้าง ถ้างั้น…!!
แล้วยังข้อมูลตัวตนที่ระบุอยู่ในตราประจำตัวอีก…..
“ให้ตายสิ….พวกมันแอบแฝงมานานแค่ไหนแล้ว แม้แต่ผู้อาวุโสในหอภารกิจก็ยังเป็นพวกมัน!”