ตอนที่ 9-48 จัดการบริหาร
เวลาบ่ายดวงตะวันฉายแสงร้อนแรงอยู่ทางท้องฟ้าทิศตะวันตกอบเมืองแบล็คเดิร์ทด้วยรังสีร้อนแรง ทหารรักษาการณ์ของเมืองแบล็คเดิร์ทเดินตระเวณอยู่ภายในเมืองแบล็คเดิร์ทอย่างเกียจคร้านและตามปกติ ขณะที่ทหารผู้น่าสงสารสองสามคนตากแดดยืนเฝ้าอยู่ที่กำแพงเมือง
“ไอ้อากาศบ้านี่. กลางวันร้อนเหลือทนกลางคืนโคตรหนาวแทบตาย!” บุรุษร่างใหญ่สวมเกราะขาดสบถเบาๆ เขากับสหายอีกเก้าคนที่อยู่ใกล้ๆเป็นหนึ่งของหน่วยทหารเมืองนี้
เมื่อใดก็ตามที่ประชาชนของเมืองพบเห็นทหารเหล่านี้ พวกเขาเป็นต้องหนีทันทีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วนักรบคนอื่นได้แต่บ่นด่า “เดี๋ยวนี้ที่ข้าทำงานให้เจ้าหมูอ้วนจอมละโมบทำให้ญาติผู้ใหญ่ของข้าเริ่มดูถูกข้าแล้ว เจ้าหมูอ้วนนั่นโลภเกินไปแล้ว!”
“แม่มันเอ๊ย!ถ้าไม่ใช่เพราะว่าข้ามีลูกเมียต้องเลี้ยงดู ข้าจะไม่ยอมทำงานแบบนี้แน่” นักรบอีกคนหนึ่งเห็นด้วย
ในเมืองแบล็คเดิร์ทเจ้าเมืองอ้วนมีชื่อเสียงที่อื้อฉาว นักรบเหล่านี้ที่ยอมเข้าร่วมกับกองทัพก็เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวทุกคนจะแอบสาปแช่งเจ้าเมืองผู้ชั่วร้ายลับหลังเขา แต่พวกเขาไม่กล้าสู้กับเขา นี่เป็นเพราะเจ้าเมืองมีบุตรชายที่แข็งแกร่งมากและมีนิสัยชอบกดขี่ เขาเป็นนักรบระดับเจ็ดชั้นสูง พลังขนาดนั้นมากเกินพอที่จะกลายเป็นผู้ปกครองที่ทรงอิทธิพลระดับท้องถิ่นอย่างเช่นในเมืองน้อยนี้
“ข่าวด่วน ข่าวด่วน!” ใกล้ๆกันนั้นเสียงฝีเท้าม้าของอัศวินผู้กำลังควบม้าเข้ามาด้วยความเร็วสูง เมื่อเห็นทหารจากที่ไกล อัศวินร้องเสียงดังทันที “พี่น้อง, เร็วๆ เข้าไปแสดงความเคารพเจ้าเมืองคนใหม่กัน! เจ้าหมูอ้วนจอมละโมบนั่นตายแล้ว ไปแสดงความเคารพเจ้าเมืองคนใหม่กัน!”
คนทั้งสิบคนในหน่วยตกใจ พวกเขามองหน้ากันเองจากนั้นเริ่มหัวเราะด้วยความตื่นเต้นทันที
“ฮ่าฮ่า...เร็วเข้า ไปจวนเจ้าเมืองกัน”
ในแดนอนารยชนประชาชนทั่วไปไม่มีความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ เดือนนี้พวกเขาถูกเจ้าเมืองคนหนึ่งปกครอง เดือนต่อไปอาจจะกลายเป็นอีกคนหนึ่ง ประชาชนไม่ถามหาอะไรมาก พวกเขาเพียงแต่ต้องการหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว
จวนเจ้าเมืองแบล็คเดิร์ทสามารถนับได้ว่าเป็นเมืองในเมือง
กองทัพของเมืองแบล็คเดิร์ทถูกแบ่งเป็นกองพันใหญ่สองกองพันแต่กองพันมีกำลังพล 1800 คน หนึ่งในกองพันก็คือทหารรักษาเมือง ขณะที่อีกกองพันหนึ่งคือกองกำลังส่วนตัวของเจ้าเมือง ทุกคนคงคิดได้ว่าเจ้าเมืองนั้นกลัวตายเพียงไหนถึงได้ใช้กองกำลังทหารของเขาถึงครึ่งหนึ่งเพื่อปกป้องจวนของตนเอง
ตอนนี้มีทหารจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ที่จวนเจ้ามือง ทหาร 3600 นายรวมตัวกันอย่างรวดเร็วที่นั่น
จวนเจ้าเมืองสามารถรองรับคน1800 คนได้อย่างสบายๆ ที่สนามฝึกฝนกว้างใหญ่บาร์เกอร์และน้องๆ ของเขายืนอยู่ตรงกลางมัดกล้ามเนื้อของพวกเขาเป็นลอนคลื่น ร่างกายที่แข็งแกร่งทำให้พวกเขาดูเหมือนเทพเจ้าสงคราม ขวานยักษ์ที่น่ากลัวสะพายอยู่ที่หลังของพวกเขาทำให้พวกเขาดูน่าเกรงขามเป็นพิเศษ
ทหารทุกคนยืนอยู่ที่นั่นต่างอยู่ในความเงียบด้วยความกลัว
“พี่น้อง”บุรุษที่แข็งแกร่งคนหนึ่งมีผมสีทองตะโกนลั่น “เจ้าหมูอ้วนผู้ชั่วร้ายนั่นและลูกชายของเขาโดนสับหั่นเป็นชิ้นด้วยฝีมือของใต้เท้าทั้งห้านี้ ใต้เท้าทั้งห้านี้คือกลุ่มนักสู้ระดับเก้ากันทุกคนเป็นนักสู้ระดับเก้าที่ไม่มีใครต้านติด!!!”
แทบจะทันทีที่พวกเขาได้ยินคำพูด‘นักสู้ระดับเก้า’ ทหารทุกคนตะลึงกันหมด
“นักสู้ระดับเก้า? นักสู้ระดับเก้ามายังเมืองเล็กของพวกเราด้วยหรือ?” เสียงซุบซิบดังอยู่ทั่วไปตามกลุ่มคน
“ปัง!”เกทส์ก้าวออกมาสองสามก้าว ด้วยรังสีพลังที่แกร่งกร้าวของเขาทำให้ทหารที่อยู่ใกล้ๆถอยหลังหนึ่งก้าวทุกคน เกทส์หัวเราะเสียงดัง “พวกเจ้าทุกคนฟัง, จากวันนี้ไปเมืองแบล็คเดิร์ทตกเป็นของเราห้าพี่น้อง พี่ใหญ่บาร์เกอร์ของข้าจะเป็นเจ้าเมือง!”
เกทส์ชักขวานเล่มโตออกมาจากหลังจ้องมองคนที่อยู่รอบๆ เขากล่าว “ถ้าพวกเจ้าคนไหนจะคัดค้านพี่ใหญ่ของข้าไม่ให้เป็นเจ้าเมือง ข้ายินดีให้พวกเจ้าท้าข้าประลอง!”
ใครจะกล้าท้าประลองกับเทพสงครามผู้น่ากลัวอย่างนั้น?
ลูกชายเจ้าเมืองผู้ทำให้เมืองแบล็คเดิร์ทตกอยู่ในความกลัวมาเป็นเวลานานก็ถูกเกทส์ใช้ขวานยักษ์จามตายในครั้งเดียว ตอนนั้นทหารส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่บรรยากาศที่รุนแรงเป็นปกติของภูมิภาคนี้ทำให้ทหารบางคนจ้องมองเกทส์อย่างสงสัย แค่เพียงกำลังกายอย่างเดียวไม่ได้หมายความว่าคนเราจะมีความแข็งแกร่งทรงพลังมาก!
“นี่คือขวานยักษ์ของข้าสร้างมาจากโลหะที่มีค่านับไม่ถ้วน มันหนัก 5300 ปอนด์!” เกทส์โยนขวานยักษ์ออกมาข้างหน้าตามปกติ มันลอยขึ้นในอากาศอย่างคล่องแคล่วและตกลงที่ก้อนหินใหญ่ซึ่งทหารใช้เป็นที่ฝึกฝนยกน้ำหนัก
หินใหญ่หนักหมื่นปอนด์ไม่ขยับเมื่อถูกกระแทก ทหารหลายคนที่มองดูอยู่ตกตะลึง “หรือว่าขวานยักษ์นี่ทำจากไม้ และเคลือบวัสดุสีโลหะอยู่ด้านบน?”
“บึ้ม!” ก้อนหินใหญ่ระเบิดทันทีและกลายเป็นฝุ่นฟุ้งกระจาย
กวัดแกว่งของหนักเสมือนของเบา
ทุกคนที่จ้องดูอยู่ล้วนปากอ้าตาค้าง ทหารเหล่านี้เคยได้ยินว่าคนสามารถกระแทกก้อนหินหนักหมื่นปอนด์ได้แต่สามารถทำให้แตกกระจายเป็นผุยผงได้นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้สำเร็จโดยใช้แค่แรงกายล้วนๆทหารทั้งหมดหันไปมองเกทส์ด้วยสายตาชื่นชมและเทิดทูนบูชา
เกทส์หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี เขาเคยใช้ลูกเล่นนี้ในอดีตตอนที่อยู่แปดแคว้นอิสระตอนเหนือ ดินแดนอนารยชนและแปดแคว้นอิสระตอนเหนือมีความคล้ายกันมากยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งจะได้รับความเคารพอย่างลึกซึ้ง
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครคัดค้าน” เกทส์พูดเสียงดัง “ดีมาก จากวันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าคือทหารของพี่ชายข้า ทำงานให้กับพี่ชายข้าย่อมได้รับประโยชน์ ในอนาคตเงินเดือนทหารของพวกเจ้าจะได้มากเป็นสามเท่าจากที่ได้ในปัจจุบัน!”
เงินเดือนสามเท่า?
ทหารมากกว่าสามพันคนตกใจ แต่จากนั้นก็ส่งเสียงโห่ร้องสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
“ใต้เท้าบาร์เกอร์ จงเจริญ!”
ยังมีอะไรที่พวกเขาจะต้องการมากไปกว่านี้เล่า? ยอดฝีมือทั้งห้าเหล่านี้มีพลังเหลือเชื่อและพวกเขายังให้เงินเดือนทหารสูงมาก พวกเขาย่อมรักผู้นำอย่างนี้เป็นธรรมดา!
…..
เมืองแบล็คเดิร์ทตอนนี้มีเจ้าเมืองคนใหม่ ก็คือบาร์เกอร์ผู้ทรงพลังและน้องชายทั้งสี่คนทุกคนเป็นนักรบทรงพลังระดับเก้า อาวุธของพวกเขาแค่น้ำหนักก็มากถึง 5300 ปอนด์! มีผู้นำที่แข็งแกร่งขนาดนั้นทำให้พลเมืองชาวแบล็คเดิร์ทถึงกับฉลองดีใจกัน
สิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดก็คือ...
เจ้าเมืองประกาศว่าตราบใดที่พวกเขาเชื่อฟังและศรัทธาพลเมืองชาวแบล็คเดิร์ทจะได้รับการยกเว้นภาษีตลอดไป!
ยกเว้นภาษีตลอดไป! ในแดนอนารยชนนี่คือนิยามของคำว่าปาฏิหาริย์ ที่สำคัญคือ ถ้าไม่มีการเก็บภาษีแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเงินเดือนทหาร? แต่ปัญหานี้สำหรับลินลี่ย์ ไม่เป็นปัญหาเลย เขามีความมั่งคั่งมหาศาลซึ่งเป็นของราชตระกูลแห่งราชอาณาจักรเฟนไลได้สั่งสมมาตลอดหลายพันปี
เขาสามารถออกเงินให้ร้อยล้านเหรียญทองตามปกติและนั่นก็นับว่าเพียงพอแล้ว
ผู้นำที่แข็งแกร่งและเงินเดือนที่สูงประกอบกับการยกเว้นภาษีดังกล่าวข้างต้น ทำให้ผู้คนที่นี่มีความหวังและต้องการจะอยู่ภายใต้การปกครองเช่นนี้ตลอดไป และเพราะเงินเดือนทหารที่สูงทำให้ตอนนี้หลายคนต้องการเข้าร่วมกองทัพ
ขณะเดียวกันเมื่อประชาชนในเมืองใกล้เคียงเมืองแบล็คเดิร์ทได้ทราบข่าวนี้ พวกเขารีบอพยพมายังเมืองแบล็คเดิร์ททันที
………
ครึ่งปีต่อมาหลังจากเปลี่ยนผู้ปกครองเมืองแบล็คเดิร์ท
ภายในจวนเจ้าเมือง เนมี่พ่อบ้านที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่กำลังรายงานรายละเอียดให้กับใต้เท้าลีย์ผู้ลึกลับ ในฐานะผู้ดูแลเรื่องราวต่างๆในเมืองแบล็คเดิร์ท เนมี่รู้ว่าแม้ว่าเจ้าเมืองจะเป็นบาร์เกอร์ก็จริง แต่คนที่มีอำนาจสูงสุดที่นี่ก็คือใต้เท้าลีย์ผู้ลึกลับ
“ใต้เท้า ประชากรของเมืองแบล็คเดิร์ทจวนถึงแปดหมื่นแล้ว ถ้าเรานับจำนวนหมู่บ้านรายรอบใกล้เคียงด้วยอย่างนั้น.. ประชากรภายใต้การปกครองของเมืองแบล็คเดิร์ทก็จะมีราวๆ เจ็ดแสนคน ปัจจุบันนี้กองทัพเราก็ขยายขนาดด้วยเช่นกัน ตอนนี้เรามีทหารรวมแล้วห้ากองพันล้วนแข็งแกร่งกันทั้งนั้น จำนวนทหารทั้งห้ากองพันมีกำลังพลราวเก้าพันนาย” เนมี่รายงานด้วยความเคารพ
ลินลี่ย์นั่งอยู่เหนือเขาพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินรายงานนี้
“พอได้แล้ว เนมี่ เจ้าไปได้แล้ว” บาร์เกอร์มองดูเขา
“ขอรับ, ท่านเจ้าเมือง” เนมี่ออกมาด้วยความเคารพทันที
ตอนนี้คนที่นั่งอยู่ในห้องก็คือลินลี่ย์และสมาชิกหลักอื่นในกลุ่ม ตามการตัดสินใจที่ซาสเลอร์และลินลี่ย์ได้ทำไว้แต่เดิมสำหรับคนภายนอกให้พวกเขาพูดว่าใต้เท้าบาร์เกอร์เป็นเจ้าเมือง บาร์เกอร์คือชื่อเดิม ไม่มีใครอื่นรู้ว่าบาร์เกอร์นี้คือคนไหน
“ใต้เท้า ท่านทำให้เรากลัวจริงๆเมื่อตอนที่ท่านให้การ์ดเครดิตเวทจำนวนร้อยล้านเหรียญทอง” บาร์เกอร์พูดหยอก
ลินลี่ย์หัวเราะ “ไม่ต้องห่วงเรื่องการเงินและอื่นๆ” ในอดีตลินลี่ย์ได้ชิงทรัพย์ที่สะสมมานานนับพันปีมาจากราชอาณาจักรเฟนไล
ซาสเลอร์กล่าว “ลินลี่ย์! เหตุผลที่เราใจกว้างกับพลเมืองชาวแบล็คเดิร์ทก็เป็นเพราะเราต้องการให้เมืองแบล็คเดิร์ทกลายเป็นฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของเราและเพื่อให้แน่ใจว่าพลเมืองที่นี่ภักดีต่อเราอย่างแน่นอน! นับว่าพอแล้วที่เรายกเว้นภาษีเมืองนี้ได้ แต่ในอนาคตอย่างน้อยเราก็เอาแค่เก็บภาษีในอัตราต่ำในเมืองของเรา นอกจากนี้เพื่อให้กิจการดำเนินไปได้ด้วยดี ประเทศจำเป็นต้องพึ่งพาตนเองได้ คงไม่สามารถพึ่งพาจากเงินภายนอกได้เสมอไปหรอกนะ ต้องพึ่งพาตนเองให้ได้!”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“ข้าไม่รู้เรื่องการจัดการบริหารประเทศนัก ข้าจะให้ท่านซาสเลอร์และเจนน์ช่วยจัดการกับเรื่องนี้” ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขาชำเลืองมองเจนน์ ซาสเลอร์เคยควบคุมเจ้าครองแคว้นในแดนอนารยชนมาก่อน ขณะที่เจนน์ช่วยน้องชายนางจัดการกิจการบริหารในเมืองเซียร์มาหลายปี ทั้งสองคนรู้เรื่องกิจการเมืองมากกว่าลินลี่ย์
เจนน์พยักหน้าและหัวเราะ “พี่ลินลี่ย์ส่วนที่สำคัญที่สุดของการเป็นผู้นำก็คือรู้ว่าจะใช้ใครได้ ปล่อยให้ข้าจัดการเองก็ได้”
ซาสเลอร์เห็นด้วย “เจนน์พูดถูก ลินลี่ย์.. เจ้าถือว่าเป็นบรรทัดฐานของเรา ในแดนอนารยชน ยอดฝีมือระดับสูงจะสร้างอิทธิพลได้ดีที่สุด ดูอย่างเทพสงคราม เทพสงครามมักประจำอยู่ที่เขาเทพสงครามและไม่เคยพาตัวเข้ามาข้องเกี่ยวเรื่องใดๆแต่ทุกคนเข้าใจว่า ตราบเท่าที่เทพสงครามยังมีชีวิตอย่างนั้นจักรวรรดิโอเบรียนจะไม่มีทางล่มสลาย”
“ใต้เท้าในอนาคตความสัมพันธ์ของท่านที่มีต่อประเทศเราก็เหมือนกับความสัมพันธ์อย่างที่เทพสงครามมีต่อจักรวรรดิโอเบรียน”บาร์เกอร์เห็นด้วย
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย “ข้าเข้าใจเหตุผลของพวกท่าน โอว..จริงสิเมื่อวานนี้ข้าไปเดินสำรวจรอบเมืองแบล็คเดิร์ท ข้าเห็นว่าห่างออกไปจากเมืองแบล็คเดิร์ททางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราวยี่สิบสามสิบกิโลเมตรมีภูเขาขนาดเล็กชื่อว่าแบล็คคราเวน ข้าตั้งใจจะไปฝึกฝนที่นั่น”
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงกฎธาตุดินและกฎธาตุลมที่ยิ่งใหญ่ได้ลินลี่ย์ต้องการจะใช้เวลาส่วนใหญ่แยกย่อยความรู้ในกฎนั้นด้วยตนเองและใช้เวลาทำความเข้าใจกฎธรรมชาติเหล่านั้น
…..
ในศูนย์กลางทางตอนใต้ของแดนอนารยชนมีเมืองเขตปกครองที่มีพลเมืองนับแสน ภายในห้องบนชั้นที่ห้าของโรงแรมสูงห้าชั้นชายชราผมขาวแซมเปิดจดหมายและอ่านอย่างระมัดระวัง
“สิ่งที่ข้ากลัวที่สุดก็มาถึงจนได้!” ชายชราขมวดคิ้ว “จักรพรรดิสั่งเราไม่ให้ต่อต้านลินลี่ย์และให้สังเกตพวกเขาไปเรื่อยๆ เมื่อไม่นานนี้เราได้รู้ว่ากลุ่มของลินลี่ย์เข้ามาในดินแดนอนารยชน เวลานั้นเราคิดว่าเขาแค่เดินทางท่องเที่ยว ใครจะคิดกันว่าพวกเขาจะยึดเมืองไปหนึ่งเมือง?พวกเขาวางแผนอะไรกันแน่?”
ชายชรารู้สึกไม่ดี
ลินลี่ย์คือศัตรูหลักของศาสนจักรเจิดจรัส ศัตรูที่พวกเขาไม่ต้องการสู้ด้วย
แต่ตอนนี้
“ข้าหวังว่าลินลี่ย์จะแค่วุ่นวายและสนุกสนานอยู่ในดินแดนอนารยชน” ชายชราขมวดคิ้ว สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือ...ว่าลินลี่ย์มายังดินแดนอนารยชนเพื่อจัดการกับศาสนจักรเจิดจรัสอย่างชัดเจน “เราไม่ต้องการจะสร้างความเดือดร้อนให้เขา แต่ถ้าเขายืนยันสร้างความลำบากให้กับเรา เราคงต้องลงมือ”
ชายชราคือผู้จัดการระดับสูงของศาสนจักรเจิดจรัสในแดนอนารยชน เขารู้ว่าฝ่ายลินลี่ย์มีพลังแข็งแกร่งขนาดไหน
“สำหรับตอนนี้.. ก็แค่จับตาดู ดูว่าลินลี่ย์วางแผนจะทำอะไรกันแน่”
……
นอกเมืองแบล็คเดิร์ทภูเขาขนาดเล็กสูงแค่พันเมตรตั้งอยู่ในตำแหน่งของไพรทมิฬลินลี่ย์นั่งเข้าสมาธิอยู่บนยอดไม้ใหญ่ ยอดไม้โอนเอนไปมาตามสายลม และลินลี่ย์ลู่เอนไปตามยอดไม้เหมือนกับเป็นใบไม้ที่นุ่มนวล
เขาแบกดาบหนักอดาแมนเทียมหนัก3600 ปอนด์และยังนั่งอยู่บนยอดไม้ได้ ลินลี่ย์บรรลุระดับสูงล้ำของความสามารถในการควบคุมลม
“ช้า เร็ว มันไม่ง่ายขนาดนั้น...”ลินลี่ย์ยังคงไตร่ตรองถึงวิชา จังหวะสายลมของเขาอย่างต่อเนื่อง จังหวะของสายลมมีสองด้านที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง ด้วยการปะทะกันระหว่างการสร้างดาบอากาศที่คมกล้าน่ากลัว
แต่ลินลี่ย์พบว่าขณะที่เขาศึกษาลักษณะเฉพาะของด้านช้าและเร็วเหล่านี้กลับทำให้มีความลับที่น่าประหลาดปรากฏแก่เขา
“ขีดจำกัดของสัจจธรรมแห่งความช้า..ขีดจำกัดของการวิเคราะห์ความเร็วระดับสูง...” ลินลี่ย์ซึมซับกฎแห่งธาตุในสมาธิ การทำสมาธิในลักษณะนี้อาศัยประกายความรู้แจ้งเพียงเล็กน้อย บางทีลินลี่ย์ก็ได้รับความรู้แจ้งเรื่องกฎธาตุดินซึ่งเป็นจุดที่ลินลี่ย์เริ่มวิเคราะห์กฎแห่งธาตุดิน ถ้าเขาได้รับการรู้แจ้งกฎแห่งธาตุลมเขาก็จะเข้าใจและเริ่มเรียนรู้ในจุดนั้นแทน
หลายวันที่เขาฝึกฝนที่ภูเขาแบล็คคราเวนผ่านไปอย่างรวดเร็ว....