ตอนที่แล้วตอนที่ 9-46 คำสั่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9-48 จัดการบริหาร

ตอนที่ 9-47 สร้างฐานในแดนอนารยชน


ลินลี่ย์แปลงเป็นนักรบเลือดมังกรเริ่มหาร่องรอยไล่ไปตามแม่น้ำโบนี่ตลอดเส้นทางจนถึงเมืองนีลและตรวจสอบพื้นที่โดยรอบอย่างระมัดระวัง  บ่อยครั้งที่เขาต้องพักเพื่อฟื้นฟูพลังจิต

เขาใช้เวลาค้นหาหกวันหกคืนเต็มและมองดูตามเมืองที่อยู่ใกล้ทุกเมือง

อย่างไรก็ตาม...

เขาไม่พบเรย์โนลด์

“อาจารย์ลินลี่ย์ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่หอการค้าดอว์สันของเราพบคุณชายเรย์โนลด์ เรารับรองได้เลยว่าเขาจะต้องกลับบ้านอย่างปลอดภัยแน่”

ผู้บริหารระดับสูงของหอการค้าดอว์สันที่อยู่ในหนึ่งของจังหวัดชายแดนของจักรวรรดิโรฮอลท์พูดกับลินลี่ย์ด้วยความเคารพ

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

ในตอนนี้ทางเลือกเดียวที่เขามีก็คือฝากฝังงานนี้ให้กับหอการค้าดอว์สัน  ในใจเขาลินลี่ย์รู้สึกงงเล็กน้อย  “น้องสี่หนีไปที่ไหน?  ทำไมเขาไม่ไปสาขาของหอการค้าดอว์สัน? หอการค้าดอว์สันมีสาขาอยู่ในเมืองปกครองแต่ละเมือง”

ความจริงลินลี่ย์ไม่เข้าใจ

เรย์โนลด์หวาดกลัวกับช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตบนเรือขนทาส  เรย์โนลด์คิดว่าตราบใดที่เขาอยู่ในเขตเมืองชายแดนจักรวรรดิโรฮอลท์  ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจะไม่เข้าเมืองใหญ่ แม้ว่าเมืองใหญ่จะมีสาขาของหอการค้าดอว์สันก็ตาม  แต่ก็ยังมีองค์การค้าทาสอยู่ด้วย  ถ้าเขาถูกองค์การค้าทาสจับหรือเมื่อองค์การค้าทาสพบตัว เขาจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง

“ความเสี่ยงใดๆ ที่จะถูกจับถือว่าเสี่ยงมากเกินไป ข้าควรใช้เส้นทางข้างเคียง” เรย์โนลด์ยืนยันการตัดสินใจของเขา

เมื่อฟื้นพลังแล้วเขามุ่งหน้าสู่แดนอนารยชนเดินข้ามผ่านบางประเทศไปคงไม่ใช่เรื่องยากเกินไป  ทันทีที่เขาไปถึงแดนอนารยชนตอนนั้นเขาค่อยติดต่อกับหอการค้าดอว์สัน และจากนั้นเขาจะกลับไปได้อย่างปลอดภัย

ยามราตรีนั้นลานกว้างธรรมดาภายในเมืองแห่งหนึ่งของมณฑลอาคเนย์ของจักรวรรดิโอเบรียน  ซาสเลอร์ พี่น้องบาร์เกอร์ รีเบ็คกาลีนาและเจนน์ชุมนุมอยู่ที่นี่ทุกคน

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเกทส์สะพายขวานยักษ์ที่หลังเดินมาเปิดประตู ที่หน้าประตูมีบริกรสามคนเข็นรถอาหารเข้ามา

“ทำไมพวกเจ้าใช้เวลานานนัก?” เกทส์ถลึงตามองบุรุษทั้งสามทำให้พวกเขาสะท้านใจ อยู่ต่อหน้าเกทส์ที่ตัวโตมหึมา  บุรุษทั้งสามเหมือนกับเด็กเล็ก

ทันใดนั้นเสียงสัตว์คำรามได้ยินมาจากลานบ้าน บริกรทั้งสามคนหันไปมองตามเสียง

เสือดำเมฆาแฮรุย่างเท้าช้าๆอย่างเกียจคร้านรัศมีธรรมชาติของอสูรเวทชั้นสูงอย่างเสือดำเมฆามากพอจะทำให้หัวใจคนสะท้าน  แฮรุเหลือบมองคนทั้งสามด้วยดวงตาสีดำเย็นชาและจากนั้นหันหน้าหนีอย่างรังเกียจและนอนลงกับพื้น

บริกรทั้งสามคนมองหน้ากันเองไม่กล้าส่งเสียงอะไรแม้แต่น้อย

พวกเขารีบวางจานอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะ  จากนั้นรีบออกไปโดยเร็ว  เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากลานบ้านพักแล้ว  พวกเขาปาดเหงื่อบนหน้าผาก

“คนพวกนี้เป็นใครกัน?  บุรุษห้าคนนั้น ตัวใหญ่มหึมาจริงๆ!”

“และขวานเหล่านั้น มันใหญ่โตมากดูแล้วน้ำหนักอย่างน้อยต้องเป็นพันปอนด์แน่”

“แล้วยังตาแก่นั่น เขาดูเหมือนโครงกระดูก  พอเขามองข้าเท่านั้น  ข้าก็รู้สึกกลัว  แต่สุภาพสตรีทั้งสามงามหยดย้อยเป็นบ้า  ถ้าข้าสามารถแต่งสาวงามอย่างนั้นได้สักคนข้ายอมอายุสั้นลงสักยี่สิบสามสิบปี”

ในสายตาของบริกรโรงแรมเหล่านี้  แขกที่เข้าพักที่ลานแห่งนั้นเป็นกลุ่มคนที่ทรงพลังอำนาจน่าหวาดกลัว  ขณะที่ซาสเลอร์และคนอื่นๆ กิน,บีบีและแฮรุยังคงอยู่ในลานสนาม ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาสามารถรู้สึกได้ว่าลินลี่ย์กำลังมุ่งหน้ามาด้วยความเร็วสูง

ในเวลาไม่นานต่อมาลินลี่ย์อยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้มก็เหาะลงมาจากท้องฟ้า

“ใต้เท้าลินลี่ย์”  บาร์เกอร์และน้องๆวิ่งมาต้อนรับเขาอย่างตื่นเต้น  เจนน์รีเบ็คกาและลีนาก็ออกมารับเขาเช่นกัน

“ลินลี่ย์!  เป็นยังไงบ้าง?  พบเรย์โนลด์ไหม?”  ซาสเลอร์ถาม

ลินลี่ย์ส่ายหน้าตอนนี้ลินลี่ย์อยู่ในอารมณ์ที่ดี  เนื่องจากองค์การค้าทาสไม่พบตัวเรย์โนลด์เนื่องจากพลังของเรย์โนลด์ในฐานะจอมเวทระดับเจ็ด ตราบใดที่เขาไม่ตอแยคนที่ทรงพลังเขาจะไม่ตกอยู่ในอันตราย

“ตอนนี้น้องสี่เป็นทหารมาหลายปีแล้ว  และองค์การค้าทาสจะไม่ไล่ล่าตามเขาอีกต่อไป...ประเมินจากสถานการณ์แล้ว เขาน่าจะมีโอกาสหนีรอดได้ 100%”  ลินลี่ย์มั่นใจในสหายของเขามาก

“ถ้าเรย์โนลด์ไม่สามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยภายใต้เงื่อนไขที่เอื้ออำนวยขนาดนั้นแล้ว  เขาก็ไม่คู่ควรเป็นน้องของใต้เท้าแล้ว  จักรวรรดิโรฮอลท์มีเสถียรภาพและปลอดภัยมากอยู่แล้ว”  เกทส์พูดเสียงดัง  “ในอดีตเมื่อเราพี่น้องเป็นแค่นักรบระดับเจ็ดเราก็ใช้ชีวิตที่ยอดเยี่ยมอยู่ในดินแดนแปดแคว้นอิสระกันแล้ว”

ลินลี่ย์หัวเราะ

เขาเข้าไปในห้องพร้อมกับคนอื่นและเริ่มมื้อค่ำด้วยกัน

“ลินลี่ย์” ซาสเลอร์วางช้อนส้อมจากนั้นถาม  “เรากำลังจะไปที่แดนอนารยชน  เจ้ามีแผนยังไงบ้าง?”

ลินลี่ย์รู้ว่าซาสเลอร์เป็นสมาชิกที่มีประสบการณ์มากที่สุดในกลุ่มเขา  มีบุรุษอายุแปดร้อยปีอยู่ใกล้ตัวเขา หลายๆอย่างจะสำเร็จได้ง่ายมากขึ้น

“ซาสเลอร์!  ท่านคิดว่าเราควรจะทำยังไง?”  ลินลี่ย์ถาม

บาร์เกอร์กล่าว  “ใต้เท้าลินลี่ย์ความจริงข้าคิดว่าแดนอนารยชนก็คงเป็นที่คล้ายกับแปดแคว้นอิสระตอนเหนือของพวกเรา  ท่านก็แค่คุยกันด้วยกำปั้นเนื่องจากเรามีพลังอำนาจมากมายเราจะตั้งกองกำลังอันยิ่งใหญ่ได้อย่างรวดเร็วแน่นอน”

ซาสเลอร์พยักหน้า “สิ่งที่บาร์เกอร์อธิบายไปก็คือวิธีการรูปแบบหนึ่ง  ใช่แล้ว ลินลี่ย์..ข้าเชื่อว่าเรามีทางเลือกอยู่สองทางแล้วในตอนนี้ ทางแรกก็คือสิ่งที่บาร์เกอร์เพิ่งพูดไป ใช้ชื่อเสียงในฐานะเซียนของเรา เราก็สามารถครอบครอง เราจะสามารถครอบครองอาณาเขตได้กว้างขวางอย่างรวดเร็ว  ในดินแดนอนารยชนชื่อเสียงของเซียนมีผลเป็นอย่างมาก

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

ดินแดนอนารยชนมีความวุ่นวายและสู้รบกันบ่อยครั้ง พลเมืองที่ติดอยู่ในวังวนการสู้รบที่วุ่นวายนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้นำของพวกเขาจะมีพลังอำนาจ  ถ้าเขาประกาศกับสาธารณชนว่าเป็นนักสู้ระดับเซียนก็จะมีคนมากมายยินดีติดตามลินลี่ย์แน่นอน

ที่สำคัญคือพวกเซียนสามารถจัดการให้บริวารของเขาได้รับการปกป้องคุ้มครองเป็นอย่างดี

“ทางเลือกที่สองเริ่มจากน้อยที่สุดโดยไม่ประกาศสถานะของเจ้า ลินลี่ย์ เราจะเริ่มต้นในพื้นที่เล็กๆ ก่อนอื่นเราจะหาเมืองน้อยธรรมดาที่ซึ่งประชาชนธรรมดาอยู่อาศัยกันไม่ถึงกับแย่มากนัก  แม้แต่ข้าเองก็ยังเคยทำแบบนี้มาแล้ว ข้าสามารถครอบครองเมืองน้อยขนาดนั้นได้ง่าย  และจากนั้น เราจึงค่อยๆ ขยายไปยังเมืองใหญ่ แล้วตั้งเป็นแคว้นอิสระและจากนั้นเรายังคงก้าวไปทีละก้าว ในอดีต..ข้าเองก็เป็นเจ้าครองแคว้นในดินแดนอนารยชนด้วยตัวเองเหมือนกัน”  ซาสเลอร์หัวเราะ

วิธีที่สองคือวิธีที่คนผู้มีความทะเยอทะยานหลายคนใช้กัน

ที่สำคัญคือวิธีการแรกต้องเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังอำนาจและใช้พลังอำนาจเข้าครอบครอง

“ใต้เท้า, ท่านต้องการจะใช้วิธีการแบบไหน?”  ซาสเลอร์มองดูลินลี่ย์  “ประโยชน์ของวิธีการแรกก็คือทำได้รวดเร็ว  ภายในปีเดียว เราสามารถครอบครองแว่นแคว้นในแดนอนารยชนได้มากมาย  วิธีที่สองจะช้ากว่า  แต่กลับได้พื้นฐานที่มั่นคงมากกว่า”

เจนน์และหญิงสาวอีกสองคนบาร์เกอร์และน้องๆ ทุกคนมองดูลินลี่ย์ รอให้เขาตัดสินใจ

“ซาสเลอร์, เราจะใช้วิธีที่สอง” ลินลี่ย์ตัดสินใจหลังจากไตร่ตรองชั่วขณะ

“เป้าหมายของเราคือศาสนจักรเจิดจรัส และศาสนจักรเจิดจรัสก็มีฝีมือในการดึงดูดผู้คนมากมาย  เราจำเป็นต้องเคลื่อนไหวช้าๆไปทีละก้าวและทำให้ประชาชนทั่วไปยินดีปฏิบัติตามคำสั่งของเราเต็มที่ เราต้องให้พวกเขามีความรู้สึกที่ดีในการเป็นผู้ครอบครอง มิฉะนั้น..ต่อให้เรายึดอาณาเขตได้กว้างขวาง  แต่เมื่อเราต้องสู้กับศาสนจักรเจิดจรัสเราจะมีผู้ต่อต้านและก่อจลาจลมากมาย” ลินลี่ย์กล่าว

ซาสเลอร์หัวเราะและพยักหน้า

“แบบนั้นก็ดี เราจะขยายกันแบบลับๆ  เราจะไม่ดึงดูดความสนใจมากนัก  มิฉะนั้นถ้าเราเริ่มชูธงยี่ห้อลินลี่ย์แต่แรกเริ่มเราอาจดึงดูดศัตรูแข็งแกร่งมาจากหลายพื้นที่ก็เป็นได้”

ซาสเลอร์เงียบไปชั่วครู่จากนั้นพูดต่อ  “ลินลี่ย์,ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาทั้งสองนิกายนี้มีอิทธิพลต่อดินแดนอนารยชนมาก  ถ้าเจ้าต้องการขยายพื้นที่ที่นั่น ข้าคิดว่า...ก้าวแรกให้ไปเริ่มใกล้พื้นที่ไพรทมิฬ หรือไม่ก็ดินแดนเหนือสุดของแดนอนารยชน”

ลินลี่ย์เลิกคิ้ว  “พื้นที่เหนือสุดของแดนอนารยชนหรือ?”

“ถูกแล้ว พื้นที่ใกล้ไพรทมิฬ  เพราะความที่มักเผชิญเจอกับอสูรเวทของไพรทมิฬคนในพื้นที่นั้นมักจะแข็งแกร่งและดุร้าย มีพลเมืองไม่กี่คนในที่นั้นที่ศรัทธาศาสนจักรเจิดจรัส  พวกเขาเทิดทูนบูชาผู้แข็งแกร่ง  ด้วยพลังของเรา  เราไม่จำเป็นต้องกลัวอสูรเวทระดับต่ำและระดับกลางเลยแม้แต่น้อย”  ซาสเลอร์ยิ้ม

เมื่อได้ยินคำพูดของซาสเลอร์  ลินลี่ย์เห็นด้วยในใจ

“จากชายขอบตะวันออกไปชายขอบตะวันตกของตอนเหนือของแดนอนารยชนระยะราวพันไมล์  มีเมืองเล็กๆอยู่หลายเมืองและประชากรสองสามหมื่นอยู่ในเมืองเหล่านั้นมีตัวเลือกมากมายสำหรับเราทีเดียว”

ซาสเลอร์พูดด้วยความมั่นใจ

ในฐานะที่ซาสเลอร์เห็นมาแล้วและเคยครองเมืองในแดนอนารยชนซึ่งมีประชากรเพียงหมื่นคนมาแล้วง่ายเหมือนกับหายใจ  ทั้งซาสเลอร์หรือพี่น้องบาร์เกอร์ก็สามารถสร้างแคว้นอิสระได้ด้วยกำลังตัวเอง  มีเมืองเล็กๆ อยู่มากมายแล้ว

กลุ่มของลินลี่ย์แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

เขามีกลุ่มของนักสู้ระดับเซียนเกือบทั้งหมด  บีบีและแฮรุก็เป็นระดับเซียนชั้นสูงมีแนวโน้มว่าแม้แต่กองกำลังลับของศาสนจักรเจิดจรัสที่ซ่อนตัวอยู่ในดินแดนอนารยชนก็ไม่ใช่คู่มือต่อกรพลังของลินลี่ย์

สำหรับกลุ่มเช่นนั้นการสร้างฐานในดินแดนอนารยชนย่อมเป็นเรื่องง่ายอย่างเหลือเชื่อ

แดนอนารยชนมีพื้นที่ขนาดมากกว่าครึ่งหนึ่งของจักรวรรดิโอเบรียนและพอๆ กับขนาดของศาสนจักรเจิดจรัส, จักรวรรดิโรฮอลท์และจักรวรรดิไรน์ในปัจจุบัน

นานมาแล้วเมื่อมีการนำการคำนวณมาใช้กับแดนอนารยชน ก็พบว่า 48แคว้นอิสระมีประชากรรวมกันเกินกว่าสามร้อยล้าน ประชากรมากมายขนาดนั้นไม่น้อยกว่าจำนวนประชากรของจักรวรรดิไรน์และจักรวรรดิโรฮอลท์ สงครามการต่อสู้วุ่นวายนับครั้งไม่ถ้วนไม่ได้ลดจำนวนประชากรลงมากเท่าใดแต่กลับทำให้คนในพื้นที่นั้นโหดเหี้ยมและดุร้ายมากขึ้น

พื้นที่วุ่นวายแบบนี้เหมาะที่จะเป็นสนามแสดงฝีมือของยอดฝีมือที่ทรงพลัง!

หลังจากผ่านข้ามชายแดนมาแล้วกลุ่มของลินลี่ย์ก็เข้าสู่แดนอนารยชน เมื่อเข้ามาถึงเมืองแรกที่สุดในแดนอนารยชน ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงความบ้าคลั่งและความวุ่นวายของคนที่อาศัยอยู่ที่นี่

“สงครามยาวนานหลายปีทำให้ราคาอาหารในแดนอนารยชนราคาแพงหูฉี่ แม้แต่แคว้นบางแคว้นก็ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อยุติการสู้รบระหว่างฤดูกาลเก็บเกี่ยว  บางครั้งพวกเขายังถูกบังคับให้สู้รบ...”  ซาสเลอร์ถอนหายใจ

ดินแดนอนารยชนแตกต่างจากสหภาพศักดิ์สิทธิ์และจักรวรรดิโอเบรียนโดยสิ้นเชิง

ในเมืองหลายเมืองของสหภาพศักดิ์สิทธิ์และจักรวรรดิโอเบรียนทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงความสงบสุขและบรรยากาศที่เป็นมิตร สตรีชั้นสูงและกุลธิดาสวมเสื้อผ้าชั้นดีเดินกรีดกรายไปมาบนท้องถนน

แต่ในดินแดนอนารยชนมีแต่นักรบสวมเกราะหนักสามารถเห็นได้อยู่ทั่วทุกที่และเมืองต่างๆ เต็มไปด้วยกลิ่นอายโหดร้ายให้ความรู้สึกว่าหากพูดผิดหูคำเดียวอาจถึงตายได้ นี่คือบรรทัดฐานของที่นี่

กลุ่มของลินลี่ย์ยังคงเดินทางขึ้นเหนือต่อไป  ขณะที่พวกเขาเดินทางพวกเขาสังเกตพื้นที่ท้องถิ่นอย่างระมัดระวัง ทำความเข้าใจดินแดนอนารยชนไว้เป็นเรื่องที่ดีกว่า

“นักบวช?” ลินลี่ย์เห็นคนสวมชุดนักบวชแต่ไกล “พวกนักบวชของศาสนจักรเจิดจรัสสามารถพบเห็นได้ทุกที่ในแดนอนารยชน  และพวกเขาทั้งหมดล้วนเผยแพร่คำสอนของศาสนจักรเจิดจรัสอย่างเปิดเผย”

ขณะที่พวกเขาเดินทางต่อไป  ลินลี่ย์รู้สึกหนักใจมากขึ้น

อิทธิพลของศาสนจักรเจิดจรัสที่มีอยู่มากมาย

กลุ่มของลินลี่ย์เดินทางกันอย่างรวดเร็ว  หลังจากเดินทางติดต่อกันสิบวัน พวกเขาก็มาถึงพื้นที่ส่วนเหนือของดินแดนอนารยชน  ลินลี่ย์และคนของเขาเข้าไปยังเมืองเล็กๆชื่อว่า ‘เมืองแบล็คเดิร์ท’

เวลาบ่าย

ภายในห้องส่วนตัวของโรงแรมธรรมดาซาสเลอร์พูดกับลินลี่ย์ “เกี่ยวกับเรื่องที่ข้าได้สืบมาจากเมื่อเช้านี้  เจ้าเมืองแบล็คเดิร์ทนี้ เป็นพวกสมองกลวงไม่มีอะไร  ทั้งหมดที่เขาต้องการคือปกครองเมืองน้อยพอใจกับความมีอิทธิพลต่อท้องถิ่น เขามีอิทธิพลมากและกดขี่พลเมืองของตน...ข้าคิดว่าที่นี่เหมาะให้เราครอบครองเป็นเมืองน้อยเมืองแรกของเรา”

“แต่นี่เป็นเพียงเมืองเมืองแรกที่เราหยิบยกขึ้นพิจารณานะ!”  ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ

ซาสเลอร์หัวเราะ“นี่เป็นเรื่องธรรมดา  ในดินแดนอนารยชนนอกจากแคว้นเพียงไม่กี่แคว้นผู้ปกครองส่วนใหญ่จะกดขี่ข่มเหงพลเมืองของพวกเขามาก  ที่สำคัญคือ สงครามสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและพวกเขาอาจสูญเสียอำนาจ เป็นธรรมดาที่พวกเขาต้องการเพลิดเพลินกับอำนาจขณะที่พวกเขาสามารถทำได้”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

“ก็ได้ อย่างนั้นเราเริ่มกันที่เมืองแบล็คเดิร์ท” ลินลี่ย์ตัดสินใจทันที

ตาของพี่น้องบาร์เกอร์ที่อยู่ใกล้ๆวูบวาบเป็นประกาย เกทส์เป็นคนแรกที่พูดอย่างตื่นเต้น “ใต้เท้า ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านไม่ต้องทำอะไร  เราก็แค่ตรงไปฆ่าเจ้าผู้นำนั่นและจากนั้นขู่ขวัญให้พวกทหารไม่กี่พันคนนี้หวาดผวา  ไม่มีอะไรยากสักนิดสำหรับเรื่องนี้”

พี่น้องบาร์เกอร์ทั้งห้าคนเคยนำกองทัพเข้าสู้รบในแปดแคว้นอิสระตอนเหนือ  พวกเขาชอบมากกับชีวิตที่ทำให้โลหิตสูบฉีดแรง

“ใต้เท้าไม่ต้องห่วง คืนนี้ท่านจะได้อยู่ภายในจวนเจ้าเมืองแบล็คเดิร์ทเป็นแน่”  บาร์เกอร์ตบอกพลางกล่าวรับรอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด