ตอนที่ 288 – ตอนที่ 269 มองทะลุ จักษุญาณทิพย์
เย่ว์หยางตื่นขึ้นและพบว่ารู้สึกเย็นและสดชื่น ทั้งผ่อนคลายและสะดวกสบายอย่างคาดไม่ถึง
ประสาททั้งห้าและสัมผัสที่หกของเขารุดหน้าไปมาก
ความรู้สึกของเขาก่อนหน้านี้คมชัดและที่ได้ยินตอนนี้กลับคมชัดและถูกต้องมากขึ้น เย่ว์หยางเงยหน้ามองและสามารถมองเห็นผีเสื้อตัวหนึ่งกำลังกระพือปีกห่างออกไปหลายร้อยเมตร มันดูชัดเจนเหมือนกับที่เขามองเห็นท้องฟ้า ยิ่งกว่านั้น เย่ว์หยางรู้สึกถึงการทำนายบางอย่าง เพียงแต่ดูการเคลื่อนไหวของผีเสื้อ เขาสามารถทำนายการบินในจุดต่อไปได้ถูกต้อง ในขอบเขตพลังใหม่นี้ เย่ว์หยางรู้สึกได้ถึงพลังว่าเขาสามารถควบคุมโลกไว้ในมือเขาได้
แม้ว่าความสามารถของเขานี้ก็ยังฝึกให้ก้าวหน้าอีกได้ อย่างน้อยเขาก็มีทักษะชนิดนี้อยู่แล้ว
ถ้าเขายังคงฝึกต่อไป ความสามารถชนิดนี้จะต้องกล้าแข็งมากยิ่งขึ้น
เมื่อเขาฝึกจนกระทั่งอยู่ในระดับสูงสุด เขาเชื่อว่าเขาจะมีพลังถล่มฟ้าทลายดินเหมือนอย่างที่เทพธิดากระบี่ฟ้าเคยแสดงให้ดูเมื่อใดก็ได้ เขาจะมีพลังที่ทรงประสิทธิภาพของนางที่สามารถเปลี่ยนปราณกระบี่เป็นมนุษย์ที่มีสติปัญญาได้
“หลับเป็นยังไงบ้าง?” เสวี่ยอู๋เสียนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ เย่ว์หยาง นางถามเขาทันทีที่เห็นเย่ว์หยางตื่นขึ้น
“ถ้าเพียงแต่มีสาวงามอยู่ในความฝันของข้าสัก 2-3 คน ก็จะสมบูรณ์พร้อม” เย่ว์หยางหัวเราะ
“ก็อาจจะมีในอนาคต” เสวี่ยอู๋เสียเห็นด้วยแล้วอ่านหนังสือต่อไป
“นี่..มันจะไม่มากไปหน่อยหรือ” เย่ว์หยางเห็นว่าห้องของเขาถูกทำลายไปแล้ว แม้แต่เพดานก็หายไป เขาถึงกับพูดไม่ออก เขาจำได้ว่าการฝึกของเขาทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากขนานใหญ่ แต่เขาไม่คิดว่าจะรุนแรงมาก นี่ย่ำแย่ยิ่งกว่าถูกพายุหมุนทอร์นาโดกวาดใส่เสียอีก ขณะเมื่อเขาจะถามเสวี่ยอู๋เสีย ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่านางแตกต่างจากครั้งก่อนเล็กน้อย เมื่อดูนางใกล้ๆ เขาก็รู้ได้ว่ามีวงเวทเงินเล็กๆ ที่หน้าผากของนาง มันเป็นเหมือนเครื่องประดับที่เข้ากันกับผิวที่งดงามของนางได้สมบูรณ์แบบ เขาไม่สามารถทำอะไรได้ จึงได้แต่ยกย่องนาง “เจ้าไปได้อักษรรูนนี่มาจากไหน? วาดขึ้นเองหรือ?”
“วันนี้ดีขึ้นมากแล้ว เมื่อวานนี้มันยังเป็นวงเวทอักษรรูนอยู่เลย!” เสวี่ยอู๋เสียไม่ได้เงยหน้านาง
หลังจากฝึกกับเย่ว์หยาง มีวงเวทอักษรรูนลึกลับงดงามปรากฏอยู่บนหน้าผากนาง นางถึงกับงงกับมัน
หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน มันจางหายไปมาก แต่ยังคงมีอักษรรูนเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ดูเหมือนมันจะหายไปภายในวันหรือสองวัน เสวี่ยอู๋เสียไม่เข้าใจความหมายของมัน และนางก็ไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากมันในตอนนี้ได้อย่างไร นางได้แต่เพียงคอยดู
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเนื่องจากการฝึกกับเย่ว์หยางไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่วงเวทอักษรรูนบนหน้าผากของนาง หลังจากผ่านการฝึกประสานกายช่วยให้เขาเข้าถึงขอบเขตขั้นสูง เสวี่ยอู๋เสียก็มีความก้าวหน้ามาก นางพบว่า เหมือนกับว่าพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวนางถูกปลุกให้ตื่น บางทีมันตื่นขึ้นเพราะการฝึกผสานกายกับเย่ว์หยางก็ได้ บางทีอาจเป็นเพราะเพลิงอมฤตได้ชำระร่างกายนางหรือบางทีเป็นเพราะบางสิ่งบางอย่างอื่นๆ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตอนนี้ในร่างกายนางมีพลังน้ำแข็งระดับสูงชนิดหนึ่งแล้ว
มันเป็นพลังใกล้เคียงกับเพลิงอมฤต พายุเยือกแข็งที่มีพลังหย่อนกว่าเพลิงอมฤตเพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม มันยังแตกต่างจากเพลิงอมฤตเล็กน้อย
เพลิงอมฤตมีทักษะทำลายล้างที่น่ากลัว แต่มันก็ยังช่วยชำระล้างได้ด้วย เป็นพลังที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้านายของมัน แต่ทำลายล้างศัตรูของมัน
น้ำแข็งในร่างของเสวี่ยอู๋เสียได้แต่เพียงทำลาย ไม่สามารถชำระล้างได้ แทบจะคล้ายกับวงจักรล้างโลก แน่นอนว่าวงจักรล้างโลกจะฆ่าศัตรูได้ในทันทีที่ปล่อยมันออกไป ก่อนนั้นเย่ว์หยางไม่สามารถบังคับพลังของวงจักรล้างโลกได้เต็มที่ในก่อนหน้านั้น มิฉะนั้นมันจะน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
พลังเย็นของน้ำแข็งนั้นคล้ายกับวงจักรล้างโลก เสวี่ยอู๋เสียคาดว่าถ้านางสามารถควบคุมมันได้เต็มที่ นางจะสามารถปล่อยพลังโจมตีที่มีพลังพอๆ กับวงจักรล้างโลกได้
ถ้าไม่ได้อย่างนั้น นางยังคงสามารถสร้างบอลน้ำแข็งที่สามารถแช่แข็งทุกสรรพสิ่งยามที่โยนมันออกไป
แม้แต่เย่ว์หยางผู้มีพลังเพลิงม่วงที่ทรงพลังจากทักษะพลังหยางของเขาก็ยังถูกแช่แข็งอยู่ในก้อนน้ำแข็งด้วยทักษะน้ำแข็งของนาง ถ้าไม่ใช่เพราะเพลิงอมฤตต่อต้านมัน ผลที่ตามมาคงจะคาดไม่ถึง เสวี่ยอู๋เสียคาดว่าพลังของนางเกือบจะเท่ากับทักษะน้ำแข็งของนักสู้ปราณก่อกำเนิด นางอาจสร้างปัญหาให้เขานักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 หรือระดับ 2 ได้ แน่นอน อู๋เสียตัดสินใจเก็บมันไว้เป็นอาวุธลับของนาง นางจะไม่ใช้มันง่ายๆ จนกว่าจะถึงที่สุด เพราะพลังน้ำแข็งชนิดนี้สามารถทำร้ายกระทั่งผู้ใช้มัน นี่คือความแตกต่างของมันกับเพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลก เพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลกจะไม่มีทางทำอันตรายเขา
“อู๋เสีย! คืนนี้ฝึกอีกครั้งนะ ข้ารับรองว่าครั้งนี้จะไม่มีอะไรผิดพลาด” เย่ว์หยางรู้สึกว่าการฝึกในอ้อมกอดสาวสวยนี้เป็นชีวิตที่มีความสุขมาก
“ทุกคนกลัวจนขวัญกระเจิงกันหมดแล้ว พวกนางยังไม่หายจากอาการตื่นตกใจ เจ้าฝึกเองไปพลางก่อนเถอะ อย่ารบกวนการอ่านหนังสือของข้า” เสวี่ยอู๋เสียเพียงสนใจแต่การอ่านหนังสือ นางห้ามเย่ว์หยางไม่ให้รบกวนนาง
เมื่อเย่ว์หยางเรียกคัมภีร์ของเขาออกมา เขาก็ตระหนักว่า แม้ว่าคัมภีร์อัญเชิญของเขาได้ยกระดับขึ้นแล้ว แต่ก็มีบางอย่างที่แตกต่าง
ประการแรก มันหนักขึ้นและมองดูเก่าโบราณขึ้น
วงเวทอักษรรูนนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ที่ข้างคัมภีร์อัญเชิญ มีรูปแบบที่ไม่ซ้ำกัน
ในปัจจุบันนี้คัมภีร์อัญเชิญของเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขาไปแล้วเหมือนกับเป็นแขนของเขาเอง โดยไม่ต้องแตะหน้ากระดาษในคัมภีร์ของเขา มันพลิกเปิดทันทีที่เย่ว์หยางมีความคิดจะเปิด ทักษะญาณทิพย์ของเขาเพิ่มระดับจาก 4 เป็น 5 เย่ว์หยางยังคงตรวจดู “ตาสำรวจไร้เครื่องกำบัง” แต่ในทันใดนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจที่พบว่า หลังจากเขาบรรลุขอบเขตปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ห้าแล้ว “ตาสำรวจไร้เครื่องกำบัง” ก็พัฒนากลายเป็น “เนตรทิพย์ตรวจตรา” ถ้าเขาผสานความสามารถกับทักษะใหม่ “เนตรทิพย์ตรวจตรา” กับทักษะญาณทิพย์ เย่ว์หยางก็จะสามารถใช้จักษุญาณทิพย์ที่เขารอคอยมานาน
เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถมากมายเพื่อใช้นัยน์ตามองทะลุเหมือนเมื่อครั้งก่อน เขาสามารถทำได้โดยแค่ภาวนาถึงเท่านั้น
เขาหันไปรอบๆ และพบว่าเสื้อผ้าที่เสวี่ยอู๋เสียสวมอยู่หายไปอย่างรวดเร็ว ด้วยทักษะจักษุญาณทิพย์ของเขา เผยให้เห็นร่างผิวขาวปานหิมะงดงามสมบูรณ์แบบ
ขณะที่เขาพยายามมองให้ชัด ทันใดนั้นเสวี่ยอู๋เสียเอามือข้างหนึ่งปิดอกนางแล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งขว้างหนังสือใส่เขา
เย่ว์หยางที่เริ่มจะน้ำลายหกร่วงลงกับพื้นดังตุ้บ
เพียงแค่นั้นทำให้เขาตระหนักได้ว่า เสวี่ยอู๋เสียสามารถรู้สึกได้เมื่อเขาใช้จักษุญาณทิพย์กับนาง
เหตุผลก็เพราะในวิหารเทพสตรี เย่ว์หยาง, เสวี่ยอู๋เสีย, เย่ว์ปิงและอี้หนานได้รับทักษะหัวใจกระจก ตามปกติ เย่ว์หยางและคนอื่นจะไม่มีการเชื่อมจิตใจถึงกัน แต่ตราบใดที่เขาเพ่งจิตมองดูหนึ่งในพวกนางด้วยทักษะจักษุญาณทิพย์ ก็เท่ากับว่าเชื่อมทักษะหัวใจกระจกกับพวกนาง ดังนั้นเสวี่ยอู๋เสียจึงรู้สึกได้ทันทีว่าเย่ว์หยางเพ่งมองนาง
ยกเว้นแต่เย่ว์หยางสามารถฝึกจนถึงจุดที่เขาไม่จำเป็นต้องเพ่งสมาธิ ก็สามารถมองทะลุได้ง่ายเป็นปกติ สามสาว เย่ว์ปิง, อี้หนานและอู๋เสียก็จะตระหนักได้ว่าเขาพยายามมองทะลุเสื้อผ้านาง
“งี่เง่า เจ้ามีทักษะดีๆ มากเกินไป แต่ก็ยังไม่เลือกออกมาใช้ให้ดีอีก!” เสวี่ยอู๋เสียโกรธขึงขังเหมือนกับนางต้องการจะทุบให้เย่ว์หยางเปลี่ยนนิสัยเป็นเชื่อฟัง
“ข้าแค่ลองดู ไม่คิดว่าข้าจะเห็นได้จริงๆนี่!” เย่ว์หยางตอบหน้าตาเฉย นางจะเป็นภรรยาในอนาคตของเขาอยู่แล้ว แอบมองนิดหน่อยจะเป็นไรไป? แกะน้อยยังไงก็จะถูกหมาป่าใหญ่กินในไม่ช้าอยู่แล้ว เมื่อเย่ว์หยางก่อปัญหาเช่นนี้ ทันใดนั้นเสวี่ยอู๋เสียจำอะไรบางอย่างได้ นางรีบล้วงขวดหยกเล็กที่ยังคงอุ่นจากไอร้อนในตัวนางส่งให้ในมือเย่ว์หยาง “มีเลือดข้าอยู่ในขวดใบนี้ ลองผสมกับเลือดเจ้ากับข้าและดูผลที่ปรากฏออกมาเถอะ”
“มันอะไรกันนั่น?” เย่ว์หยางยังคงไม่รู้เรื่องความลับของเลือดเขา
ไม่เพียงแต่เสวี่ยอู๋เสียที่สงสัยกับการทดลองนี้เท่านั้น แม้แต่เจ้าเมืองโล่วฮัว, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นก็สงสัยด้วยเช่นกัน
เมื่อพวกนางได้ยินว่าเย่ว์หยางตื่นแล้วและกำลังคุยกับเสวี่ยอู๋เสีย ทุกนางก็รีบวิ่งกรูเข้ามา เพื่อให้ทันดูเย่ว์หยางลองหยดเลือดทดสอบ
เย่ว์หยางมองดูถ้วยใบเล็กและหยดเลือดที่อยู่ในขวดหยก จากนั้นเขาหยดเลือดสองหยดลงไป จากนั้น จากนั้นใช้มีดทองฆ่ามังกรกรีดนิ้วหยดเลือด 2-3 หยดลงในถ้วยเล็ก
ตอนแรกไม่มีการแสดงผลอะไรเลย เย่ว์หยางผิดหวังเล็กน้อย ขณะที่เขาพูดว่า “ข้าไม่ใช่มังกรยักษ์ ไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย ข้าไม่มีเลือดแบบที่พอหยดลงพื้นก็ระเบิดเป็นไฟ..” ตำนานกล่าวไว้ว่า ถ้ามังกรที่แข็งแกร่งที่สุด อย่างมังกรดำนรก และจ้าวปีศาจคุกโลหิตได้รับบาดเจ็บ เลือดที่พวกเขาหยดลงสามารถละลายพื้นและกลายเป็นไฟและเปลี่ยนรูปเป็นลาวาได้
แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงตำนานหนึ่ง ไม่เคยมีผู้ใดพิสูจน์เรื่องนั้น
นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ทำให้มังกรนรกดำและจ้าวปีศาจคุกโลหิตเสียเลือดได้คงไม่ใส่ใจกับเรื่องน่ารำคาญนั้น
เลือดของเย่ว์หยางและของเสวี่ยอู๋เสียที่รวมเข้าด้วยกัน ฉับพลันนั้นก็กลายเป็นลูกไฟลุกโหมจากถ้วยเล็กลอยขึ้นไปในท้องฟ้า
เรื่องนี้ทำให้เย่ว์หยางเต้นผางด้วยความตกใจ
หลังจากนั้น บอลไฟก็เปลี่ยนรูปทันทีกลายเป็นไฟน้ำแข็ง
ในที่สุด น้ำแข็งก็ติดไฟอีกครั้งและหายไปในอากาศ สาวๆ ตะลึงมองดูอย่างเงียบ
เย่ว์หยางไม่สามารถอธิบายถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์นี้ได้ สิ่งเดียวที่เขาสามารถอธิบายได้ก็คือ “ใครๆ ก็เห็นกับตาตัวเองแล้ว นี่พิสูจน์ได้ในระดับหนึ่ง นั่นก็คืออู๋เสียกับข้าเป็นคู่ครองที่มีชะตาจะต้องอยู่ด้วยกัน แม้ชีวิตในอดีตของเราจะเหมือนไฟกับน้ำแข็งก็ตาม … ข้าหมายถึง.. ก็เหมือนไฟกับน้ำแข็งที่อยู่ร่วมกันได้แม้ว่าจะเป็นขั้วตรงข้ามกันแต่ก็ไม่กำจัดแต่ละฝ่าย”
“เหลวไหล” หญิงสาวทั้งหมดเหลือกนัยน์ตาพร้อมกัน
“ให้ข้าลองบ้าง…” เจ้าเมืองโล่วฮัวชักอิจฉาเล็กน้อย ถ้าเลือดของนางมีปฏิกิริยาโต้ตอบพิเศษกับเลือดของเย่ว์หยาง ก็หมายความว่าพวกเขามีชะตาที่ได้ร่วมชีวิตกันมาในชาติก่อนงั้นหรือ?
เมื่อเลือดของนางกับเลือดของเย่ว์หยางผสมเข้าด้วยกัน มันสร้างแสงสีขาวจาง อบอุ่นและนุ่มนวลมาก
เจ้าเมืองโล่วฮัวซาบซึ้งจนร้องออกมา นางกลัวว่าจะไม่มีปฏิกิริยาแต่อย่างใด
แม้ว่าปฏิกิริยาจะไม่รุนแรงเท่ากับอู๋เสีย แต่ก็นับว่ามีปฏิกิริยา เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกโล่งใจเหมือนปลดภาระหนักในใจออกไป แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและอี้หนานกลับตรงกันข้าม กลับรู้สึกห่วงและกังวลมากกว่า หลังจากอู๋เสีย, โล่วฮัวก็ยังทดสอบสำเร็จ แล้วพวกนางจะเป็นเช่นไร? ถ้าพวกนางไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย อย่างนั้นพวกนางจะไม่กลายเป็นว่าล้มเหลวหรือ… อย่างไรก็ตาม พวกนางไม่สะดวกกับการหารือเรื่องแบบนี้เสียด้วย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเตรียมจะหลบเลี่ยง ก็เท่ากับแก้ปัญหาเหมือนนกกระจอกเทศ (หนีอันตรายโดยเอาหัวมุดรู)
อย่างไรก็ตาม เจ้าเมืองโล่วฮัวจับแขนนางและดึงมาวางบนโต๊ะ โดยไม่สนใจว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะดิ้นรนหลบหนีเลย
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่านางไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป นางจึงถือคติว่า “ตายเป็นตาย” และเอามีดทองฆ่ามังกรกรีดนิ้วของนาง
เมื่อเลือดหยดลงไปในถ้วย มันไม่มีปฏิกิริยาเป็นเวลานาน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกผิดหวัง นางต้องการร้องออกมาดังๆ อย่างไรก็ตาม นางทำเป็นใจแข็งพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้บอกไว้ก่อนหรือ ข้าไม่มีสัมพันธ์อะไรกับเจ้าบ้านี่ พวกเจ้าก็ไม่เชื่อข้า!”
ทันทีที่นางพูดจบประโยค ถ้วยเล็กนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ อย่างลึกลับ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปลาบปลื้มจนแทบร้องไห้ แต่นางกลับทำเป็นใจเย็นแทนและพูดด้วยน้ำเสียงตื้นตันเล็กน้อย “นี่มันไม่ถูกนะ ถ้วยนี่คงคุณภาพไม่ดี”
เมื่อเย่ว์หยางเห็นเช่นนี้ เขาจึงเริ่มคิด
ทันใดนั้นเขาจำได้ เมื่อตอนที่เขาอาบเลือดสู้กับสื่อจินโหว ปีศาจดอกหนามเลียเลือดบนอกและแขนของเขา
ตอนนั้นเขาคิดว่านางชอบเลียเหมือนสุนัข แต่ตอนนี้พอมาคิดดูอีกที นางต้องรู้แต่แรกแล้วว่าเลือดของเขามีทักษะพิเศษ เขาจำได้ว่าปีศาจดอกหนามจู่ๆ ก็ยกระดับขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ดูเหมือนว่าเลือดของเขาจะพิเศษจริงๆ แน่นอนว่าสาเหตุที่เลือดของเขากลายเป็นเลือดที่พิเศษและบริสุทธิ์มากและมีพลังงานเป็นเพราะเขาฝึกจนถึงระดับปราณก่อกำเนิด เหมือนกับปราณกระบี่ไร้ลักษณ์องเขา
สาวๆ ไม่รบกวนความคิดของเย่ว์หยาง แต่พวกนางส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวและทำการทดสอบต่อไป
ในที่สุด เย่ว์ปิงและอี้หนานก็ไม่อาจอดใจรอได้ เย่ว์หวี่และหญิงงามอู๋เหินคัดค้านให้จบการทดสอบได้แล้ว
*****************