ตอนที่ 285 – ตอนที่ 266 เหนี่ยวธนูแล้วต้องยิงเท่านั้น
เย่ว์หวี่หน้าแดงถึงหู ขณะที่นางเดินตามหลังเสวี่ยอู๋เสียเข้ามาในห้องของเย่ว์หยาง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวพยายามทำตัวอย่างเป็นธรรมชาติไม่ให้ดูเหมือนว่านางป้องกันตัวเองจากอาการอึดอัดใจ อย่างไรก็ตาม พวกนางสงสัยจริงๆ พวกนางต้องการเห็นจริงๆ อี้หนานและเย่ว์ปิงก็สงสัยเช่นกัน แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเกรงว่าพวกสาวน้อยจะเห็นอาการที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นนางรีบสั่งให้พวกสาวน้อยไปนอน “ปิงเอ๋อ, อี้หนาน, พวกเจ้าทั้งคู่เหนื่อยแล้ว กลับไปพักกันได้แล้ว เย่ว์หยางคงไม่บรรลุขอบเขตใหม่เร็วนักหรอก อย่างน้อยเขาต้องฝึกจนถึงพรุ่งนี้!”
เย่ว์ปิงไม่คิดอะไรมาก นางกลับไปพักอย่างว่าง่าย
อี้หนานกลับตรงกันข้าม นางรู้สึกว่ามีความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน สีหน้านางเปลี่ยนเป็นแดงเล็กน้อย ขณะที่นางก้มหน้าและเดินตามเย่ว์ปิงเข้าไปข้างใน ทั้งสองคนกระซิบกันและกันขณะที่ออกไป
“เหล้าชั้นดี!” พี่สาวขี้เมากระดกเหล้าทั้งขวดและทอดตัวลงนอนบนพื้น นางเมาแล้ว
“จริงๆ เลยนะ? พี่เย่, มีสักวันบ้างไหมที่ท่านจะไม่เมา?” เจ้าเมืองโล่วฮัวสงสารแพนด้าน้อยหนิวหนิวจริงๆ ที่ต้องคอยตามดูแลมารดาผู้เมามายของนางทุกวัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอถึงได้แต่คิดแบบเด็กๆ เพราะว่าเธอถูกฝึกมาให้ทำเช่นนั้น
“แม่จ๋า, กลับไปนอนเถอะ..” หนิวหนิวค่อยๆ แบกพี่สาวขี้เมาและกล่าวลาเจ้าเมืองโล่วฮัวและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตามมารยาท
“ข้าอยากไปตรวจดูเย่ว์หยางสักหน่อย ข้าทำอะไรไม่ได้แต่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี พวกเจ้าจะไปไหม?” หญิงงามอู๋เหินถามอย่างนุ่มนวล เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินนาง พวกนางโบกมือและส่ายหน้าทันที ปฏิเสธพร้อมกัน “ไม่, เราจะไปเล่นหมากรุก ต้องใช้เวลาเล่นนาน”
หญิงงามอู๋เหินหัวเราะเล็กน้อยก่อนที่นางจะเดินผ่านประตูออกไป
เจ้าเมืองโล่วฮัวและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจ้องมองอย่างว่างเปล่าเป็นเวลานาน ในที่สุดองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็เรียกความรู้สึกกลับมาได้ก่อนและถามว่า “นี่เราจะเล่นหมากรุกกันจริงๆ เหรอ?”
พอมองประตูแล้ว เจ้าเมืองโล่วฮัวโบกมือ “ไม่, ข้าจะกลับไปพัก ถ้ามีข่าวอย่าลืมแจ้งให้ข้าทราบ” เจ้าเมืองโล่วฮัว ไม่สนคำตอบขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและรีบกลับไปที่ห้องของนาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองนางอย่างรำคาญก่อนที่จะตามเจ้าเมืองโล่วฮัวออกไปและบ่นไปพลาง “ทุกคนทิ้งข้าให้อยู่คนเดียว ข้าไม่สนหรอก ข้าจะไปพักเช่นกัน พวกเจ้าชอบทำอย่างนี้ตั้งแต่เด็กจนบัดนี้ น่ารำคาญจริงๆ”
ความจริงเย่ว์หยางกลับไปที่ห้องต้องการจะให้น้ำแก่สองสาว เพื่อที่ว่าเขาจะได้ลดความอึดอัดลงบ้าง
เมื่อเขาเห็นว่ามือของเย่ว์หวี่สั่น เขารู้สึกว่าเขาควรจะเริ่มต้นเร็วๆ ไม่เช่นนั้นนางคงตัดสินใจหนีกลับด้วยความอายแน่
ปกติเย่ว์หยางก็เป็นจอมลามกอยู่แล้ว แต่เมื่อเขาทำใจจริงจังกับการฝึก เขาตั้งสมาธิอยู่กับการฝึกฝนของเขา เย่ว์หวี่ข่มความอายของนางและพยายามสงบใจที่กำลังเต้นรัวขณะที่นางภาวนาในใจ นี่คือน้องชายนาง นี่คือการฝึก
พอจับมือเย่ว์หยาง เย่ว์หวี่เรียกคัมภีร์ของนางออกมาแล้วผสานทักษะแฝงภูตน้ำพุของนางเข้ากับอสูรภูตวารีบำบัดที่เป็นอสูรรูปแบบพิเศษของนางแล้วสร้างบอลวารีขึ้น เย่ว์หยางยื่นมือออกไปจับบอลวารีและพยายามรู้สึกถึงมันชั่วขณะ จากนั้นเขาส่งสัญญาณให้เย่ว์หวี่ใช้ทักษะของนางต่อไป พอเห็นอู๋เสียให้กำลังใจ เย่ว์หวี่พยักหน้าและเรียกอสูรทองแดงระดับหนึ่งสายจำเพาะธาตุ “น้ำพุต้นกำเนิด”
นี่คือน้ำพุต้นกำเนิดที่ยังคงดูเหมือนบอลวารี มันไม่มีทักษะโจมตีใดๆ อยู่เลย
ตามปกติเย่ว์หวี่ใช้มันเพื่อเรียกน้ำเฉยๆ
กล่าวกันว่าทันทีที่สัตว์อสูรน้ำพุต้นกำเนิดเลื่อนระดับสูงขึ้น มันจะวิวัฒนาการเป็นน้ำตกเหินฟ้า อสูรชั้นเงิน, คลื่นพายุ อสูรชั้นทอง, คลื่นคลั่ง อสูรชั้นแพลตตินัม, สึนามิ อสูรชั้นเพชร อย่างไรก็ตามในทั่วทั้งทวีปมังกรทะยาน ไม่เคยมีนักรบที่ฝึกวิวัฒนาการน้ำพุต้นกำเนิดได้สำเร็จ ไม่มีใครที่หลังจากได้รับอสูรสายธาตุจำเพาะนี้ซึ่งมีพลังต่อสู้เป็นศูนย์ จะสามารถยกระดับมันได้ อย่าว่าแต่คิดจะวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงเลย บรรดานิกายใหญ่ทั้งสี่ หนึ่งในผู้อาวุโสจากนิกายปราสาทแก้วทะเลตะวันออก ผู้อาวุโสเฮย์เฉาเคยครอบครองอสูรที่ย่ำแย่ตัวนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ยกระดับมันตั้งแต่ยังเล็กเขาแค่ยกระดับมันให้เป็นเพียงอสูรสามัญระดับ 5 “กระแสน้ำ” จนกระทั่งเขาตาย เขาก็ยังไม่สามารถทำให้มันมีวิวัฒนาการแปรเปลี่ยนได้
ถ้าต้นดอกหนามเป็นราชาของสัตว์อสูรที่ไร้ประโยชน์แล้ว น้ำพุต้นกำเนิดก็จัดว่าเป็นอสูรที่ไร้ประโยชน์ในสามอันดับแรก
ความแตกต่างกันก็คือน้ำพุต้นกำเนิดจะมีความแข็งแกร่งหลังจากที่มันเติบโตในหอทงเทียนหรือดินแดนนอกทงเทียน
มันสามารถกลายเป็นความคงอยู่ที่ท่วมท้นและมีอำนาจ
มันมีทักษะต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่มันไม่เหมาะที่มนุษย์จะทำสัญญาด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางต้องการรู้สึกถึงพลังของน้ำ เย่ว์หวี่ไม่มีทางเรียกน้ำพุต้นกำเนิดออกมา
ตอนแรกเย่ว์หยางไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก เขาได้อ่านเรื่องอสูรสวะไร้ประโยชน์นี้มาจากสารานุกรมสัตว์อสูรมาแล้ว เขารู้เรื่องที่น้ำพุต้นกำเนิดนี้เป็นอสูรที่ไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาสัมผัสถึงน้ำพุต้นกำเนิดที่ถูกเรียกออกมา เย่ว์หยางถึงกับตกใจอย่างหนัก
ความรู้อย่างหนึ่งที่ถูกซ่อนอยู่ในใจเขาผุดขึ้นบานเบ่งในใจของเขาเหมือนดอกไม้บาน คล้ายๆ กับตอนที่เขาพบทักษะลับของต้นดอกหนาม ในทันทีนั้น เย่ว์หยางก็ตระหนักได้ว่ามนุษย์โง่เขลาขนาดไหนถึงได้ยกระดับอสูรของพวกเขา พวกเขาฝึกฝนและทำงานในทางตรงกันข้าม ใช้วิธีที่ทำร้ายสัตว์อสูรของพวกเขาแทน น้ำพุต้นกำเนิดที่แท้จริงไม่ได้ใช้วิธีบ่มเพาะอย่างที่พวกมนุษย์พวกนั้นทำกัน เย่ว์หยางเกรงว่าเขาจะสูญเสียความเข้าใจนี้ซึ่งหลั่งไหลเข้าไปในใจเขา ดังนั้นเขารีบจับมือของเย่ว์หวี่แน่นทั้งที่ยังกังวล ปราณก่อกำเนิดของเขาไหลเข้าไปในจุดชีพจรที่ฝ่ามือของนาง ไหลเวียนทั่วตัวนางและออกมาทางด้านมือขวา ขณะที่ร่างของเย่ว์หวี่สั่น ปราณก่อกำเนิดก็โคจรลงไปที่เท้าของนาง ทั่วทั้งตัวนางและในที่สุดก็ไหลออกมาจากนอกตัว
อสูรน้ำพุต้นกำเนิดที่ดูเหมือนบอลน้ำเริ่มเปลี่ยนรูปช้าๆ ภายใต้การจัดการของเย่ว์หยางที่ควบคุมมันผ่านเย่ว์หวี่ มันยืดยาวขึ้น ยาวขึ้น จนรูปเปลี่ยนไปเหมือนแส้น้ำ
ปราณก่อกำเนิดกระจายออกมาจากร่างเย่ว์หวี่สร้างรูปแส้น้ำยืดยาวได้อย่างราบรื่น มันบิดตัวได้เหมือนงู กลายเป็นอาวุธที่น่ากลัวชนิดหนึ่งบนโลกนี้
เย่ว์หยางสามารถควบคุมแส้เพลิง และพลังของแส้เพลิงยังมากกว่าพลังของแส้วารีมากมาย ทว่าแส้เพลิงไม่สามารถส่งผ่านโดยปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยาง
แส้เพลิงไม่สามารถบิดตัวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวเหมือนกับแส้วารี
แส้วารีที่เย่ว์หยางควบคุมผ่านมือของเย่ว์หวี่นี้ จะเลือกตำแหน่งโจมตีศัตรูได้ไม่มีตำแหน่งที่ตายตัว ถ้าหากเขาใช้มันโจมตี
แม้แต่ช่องว่างหรือการป้องกันที่มีช่องเล็กที่สุดซึ่งถูกพบโดยแส้วารีเส้นยาว ก็จะไม่มีขีดจำกัดของความยาว เย่ว์หวี่และเสวี่ยอู๋เสียก็ตะลึงเมื่อพวกนางเห็นภาพนี้ นี่คือแส้วารีอัดแน่นด้วยพลังปราณก่อกำเนิดและเป็นน้ำพุต้นกำเนิดอสูรทองแดงระดับ 1 ของเย่ว์หวี่ จริงๆ หรือนี่? อย่าว่าแต่เป็นอสูรทองแดงเลย แม้แต่อสูรชั้นทองก็ยังต้องบาดเจ็บหนักถ้าหากพวกมันถูกหวดด้วยแส้วารีนี้ กลับกลายเป็นว่ามันไม่ใช่น้ำพุต้นกำเนิดที่พลังต่อสู้เป็นศูนย์ ความจริงมันคือสัตว์อสูรที่ทำหน้าที่สนับสนุนเจ้านายของมันในฐานะที่เป็นอาวุธชนิดหนึ่ง
เจ้านายของมันแข็งแกร่ง พลังของมันก็จะแข็งแกร่งตามขึ้นไปด้วย
“ธนูวารี!” เย่ว์หยางตื่นเต้นกับก้าวแรกในการควบคุมด้วยทักษะน้ำ เขาเปลี่ยนแส้วารีเป็นธนูและดึงมือของเย่ว์หวี่ ขณะที่เขาโก่งคันธนูเล็งเป้าพร้อมจะยิงออกไปข้างนอก
“….” ยามนี้เย่ว์หวี่ตื่นเต้นมากจนหัวใจเต้นรัว นางตื่นเต้นกับความจริงที่ว่าเย่ว์หยางได้เปิดเผยความลับของน้ำพุต้นกำเนิด และนางยังอายเพราะเขากำลังแนบร่างเขากับนางในท่าโก่งคันธนู เตรียมพร้อมจะยิงธนูน้ำแล้ว ด้านหน้าร่างของเขาแนบชิดกับส่วนหลังของนางแขนของเขาอยู่ในแนวแขนของนาง ไม่มีช่องว่างระหว่างพวกเขา ความร้อนในร่างกายเขาซึมผ่านเสื้อผ้าเข้าไปในผิวกายของนาง ทำให้นางสั่นและอ่อนแรงในอ้อมอกเขา
ธนูน้ำถูกยิงออกไปภายใต้การควบคุมของเย่ว์หยาง
เสวี่ยอู๋เสียเกือบปรบมือให้เมื่อนางเห็นเช่นนี้
ด้วยทักษะการโจมตีระยะยาวนี้ พลังของเย่ว์หยางจึงขึ้นไปอยู่ระดับสูง… ก่อนหน้านี้ ใครจะคิดกันว่าสัตว์อสูรสายจำเพาะธาตุที่สวะที่สุดอย่างน้ำพุต้นกำเนิด จะกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลัง สง่างามในมือเย่ว์หยางได้
“ขออีกครั้งนะ!” เย่ว์หยางไม่ได้เปลี่ยนรูปน้ำพุต้นกำเนิดเป็นธนู เขากลับเรียกเพลิงม่วงของเขาและสร้างธนูเพลิงยักษ์ขึ้น จากนั้นเขาสร้างน้ำพุต้นกำเนิดเป็นธนูวารีหลายๆ ดอก
การรวมกันของคันธนูไฟและศรวารี จะใช้งานได้จริงๆ หรือ?
เย่ว์หยางไม่เคยลองทำมาก่อน แต่เขามีแรงบันดาลใจ จึงรีบร้อนที่จะลองทำดู
เย่ว์หวี่แทบจะกรีดร้องออกมาดังๆ เพราะนางรู้สึกว่าร่างของเย่ว์หยางมีความร้อนเพิ่มขึ้นจนร้อนเหมือนกับไฟ อย่างไรก็ตาม ร่างของนางเริ่มปล่อยน้ำออกมามากขึ้นและมากขึ้น จนเกือบถึงจุดที่นางสามารถรักษาสมดุลกับความร้อนจากเปลวเพลิงของเย่ว์หยาง ร่างของพวกเขาไม่มีปัญหากับการต้านทานพลังไฟ แต่เสื้อผ้าของพวกเขาเริ่มถูกไฟเผามอดไหม้ ร่างของพวกเขาซึ่งใกล้ชิดสัมผัสกันอยู่แล้วก็ยิ่งแนบชิดกันกว่าเดิม ไม่มีอะไรจะแยกพวกเขาออกจากกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเย่ว์หยางพยายามตั้งสมาธิอย่างดีที่สุดและควบคุมไฟและน้ำทั้งสอง ซึ่งทักษะทั้งสองอย่างต่างกันสิ้นเชิง เย่ว์หวี่ต้องการดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนของเขา อย่างไรก็ตาม มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่เย่ว์หยางไม่สามารถว่อกแว่กได้เลย
เย่ว์หยางเริ่มขยับร่างนางเล็กน้อย พยายามเคลื่อนไปข้างหน้าและหลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกายช่วงล่างของนางจากด้านหลัง
อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกได้ว่าร่างของเย่ว์หยางเริ่มสั่นด้วยความเจ็บปวด เขามิอาจไม่ว่อกแว่กได้เลย และยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่สามารถออกห่างจากร่างนางที่มีพลังวารีได้
เสวี่ยอู๋เสียตื่นตระหนกทันที นางไม่รู้อาการของเย่ว์หยาง ดังนั้นนางไม่กล้าช่วยโดยพลการ นางรีบส่งสัญญาณให้เย่ว์หวี่และบอกให้นางทนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ในสายตาของนาง เห็นว่าร่างของเย่ว์หยางและเย่ว์หวี่กลายเป็นหนึ่ง เปลวเพลิงสว่างและน้ำที่เยือกเย็นก่อตัวเป็นรูปวงกลมหยินหยางสมบูรณ์แบบและยังพัฒนาต่อเนื่อง
ถ้าเย่ว์หวี่พยายามดิ้นออกมา อย่างนั้นเย่ว์หยางจะต้องเจ็บตัวจากพลังตีกลับและได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน
เสวี่ยอู๋เสียห่วงใยมากจนแทบปรารถนาจะใช้ร่างตัวเองไปรับผลสะท้อนกลับแทนเย่ว์หยาง
เย่ว์หวี่ไม่สามารถมองเห็นการไหลเวียนของพลังงานระหว่างร่างนางและเย่ว์หยาง แต่นางสามารถเห็นว่านัยน์ตาของเสวี่ยอู๋เสียเต็มไปด้วยน้ำตาพยายามส่งสัญญาณอย่างกังวลและตื่นตระหนก
นางจึงค่อยๆ หลับตาลง
ถ้าเพื่อชีวิตของเสี่ยวซานแล้ว ความบริสุทธิ์ของนางจะถูกทำลายไปก็ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่
เสี่ยวซานคือความหวังของตระกูล นางไม่อาจทำลายเขาเพราะความละอายของนางได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาคือน้องชายผู้มีค่า ใครจะยอมยืนเฉยๆ ดูน้องชายตัวเองได้รับบาดเจ็บหนักกัน? เมื่อนางได้ยินเสียงเย่ว์หยางหายใจติดขัดและเลือดอุ่นๆ ของเขาหยดลงบนไหล่นาง นางเสียใจจริงๆ ที่เมื่อครู่นี้นางพยายามยันตัวหนีไปข้างหน้า ถ้าเสี่ยวซานบาดเจ็บหนักเพราะนาง นางก็ไม่ต้องการมีชีวิตต่อไปเช่นกัน!
แม้ว่าเย่ว์หยางจะเป็นคนนำผสานร่าง แต่นางไม่สามารถฝืนแยกตัวออกมาจากเขาได้แน่นอน มิฉะนั้นชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตราย
“พี่หวี่! เรียกบอลวารีออกมา เขาต้องการน้ำเพิ่ม ต้องการพลังวารีของท่าน เร็วเข้า…” เสวี่ยอู๋เสียกรีดร้องด้วยความตกใจ นางกระโจนเข้าหาเย่ว์หยางอย่างวู่วามโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง อย่างไรก็ตาม นางกระเด็นออกมาเพราะพลังหมุนวนของไฟและน้ำบนตัวเย่ว์หยาง ไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้ นางมองเห็นตาของเย่ว์หยางเริ่มเรืองแสงมากขึ้น ปราณในร่างเขาเริ่มระเบิดออกมาเหมือนภูเขาไฟ เห็นได้ชัดว่านี่ถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อซึ่งอาจทำให้เขาสูญเสียการควบคุมทุกอย่างได้
เขาจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ และเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยเขาได้ในตอนนี้ก็คือเย่ว์หวี่
เย่ว์หวี่คิดถึงเรื่องที่น้องชายนางสั่งสอนเซี่ยเชียนชิวให้นางในวันก่อนนั้น และวิธีที่เขาต่อสู้กับนักรบมากมายจากตระกูลเซี่ย, นิกายบรรพตขจีและคนของอาณาจักรสื่อจินเพื่อนาง
ทุกๆ ฉากฉายออกมาจากหัวใจนาง
“ไม่, ไม่นะ, เสี่ยวซาน! ต้องไม่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า!” เย่ว์หวี่รู้สึกว่าเย่ว์หยางเริ่มสูญเสียการควบคุม นางร้องไห้ด้วยความตกใจ
น้ำตาไหลพรากอาบแก้มขาวของนาง
เมื่อมือเย่ว์หยางที่ถือคันธนูเพลิงตกลงและศรวารีแตกกระจัดกระจาย เย่ว์หวี่หมุนตัวกลับมากอดเย่ว์หยางไว้แน่น โดยไม่ถือตัวอีก
นางแนบร่างที่เย็นของนางส่งผ่านพลังน้ำเข้าสู่ร่างที่มีเปลวเพลิงของเขา พลังน้ำทั้งหมดของนางไหลเข้าไปในปากที่เต็มไปด้วยเลือดของเขา นางต้องการช่วยน้องชายและช่วยให้เขาคืนสติ แม้ว่านางจะต้องเสียสละตนเองให้เขา นางไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกอายและลังเลที่นางเพิ่งจะรู้สึกไป ตอนนี้หายไปหมด มันจะเทียบอะไรได้กับชีวิตน้องของนาง?
บอลน้ำนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้คำสั่งของเย่ว์หวี่และเข้าไปในร่างที่มีเปลวเพลิงของเย่ว์หยางอย่างต่อเนื่อง
พลังน้ำที่อ่อนโทรมก่อนหน้านั้นค่อยๆ กลับคืนสมดุลกับพลังหยางของเย่ว์หยาง
ร่างของเย่ว์หยางซึ่งสูญเสียการควบคุมเมื่อก่อนหน้านั้นคืนสภาพอย่างรวดเร็ว ด้วยพลังน้ำหนุนเนื่อง คันธนูเพลิงที่สูญเสียรูปทรงไปแล้ว และศรวารีที่พลังอ่อนโทรมจนกลายเป็นหยดน้ำกลับมาปรากฏในมือเขาอีกครั้ง และแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อน
“เปิด!” เย่ว์หยางกลับมาควบคุมตนเองได้อีกครั้งและโก่งคันศรเพลิง
“…….” เย่ว์หวี่สามารถรู้สึกได้ว่าร่างของเขาเคลื่อนไหวต้านนางได้เอง เพราะความเคลื่อนไหวของเขา โดยเฉพาะส่วนร่างที่ต่ำกว่าท้องน้อยซึ่งแนบชิดกับนาง มันทำให้นางต้องทนอึดอัดใจอย่างยากลำบาก แน่นอน นางรู้ว่าเนื่องจากพลังหยางที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้ส่วนที่แสดงความเป็นชายของเขามีปฏิกิริยาตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถทนต่อความรู้สึกแปลกประหลาดที่บริเวณท้องน้อยของนาง
โชคดีที่เขาตัวสูงกว่านาง มิฉะนั้นนางคงรู้สึกลำบากใจมากกว่านี้
ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง นางคงต้องปล่อยไปและค่อยหลบหนีไปให้ไกล
อย่างไรก็ตาม นางรู้ว่าถ้านางไปตอนนี้ น้องชายน้องจะต้องบาดเจ็บหนัก การผสานร่างต้องไม่หยุดครึ่งๆ กลางๆ แม้ว่านางไม่เคยผ่านการฝึกมาก่อน แต่เมื่อโก่งคันธนูแล้วก็ต้องยิงออกไป ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
เย่ว์หวี่หลับตานางและกัดฟันขณะที่นางแนบร่างใกล้ชิดกับเขา
เมื่อเย่ว์หยางปล่อยมือ ธนูวาวีก็พุ่งออกจากคันธนูเพลิงอย่างรุนแรง
ธนูวารีพุ่งแหวกอากาศออกไปไวราวกับแสง พลังไฟแหวกอากาศขาดจากกันส่งเสียงหวีดหวิวขณะที่ธนูวารีพุ่งออกไป มันพุ่งไปไกลราวพันเมตรและทำลายเนินเล็กได้ในที่สุด
พื้นแผ่นดินสั่นสะเทือน
หลังจากนั้น บอลวารีค่อยๆ ลอยกลับคืนมาอยู่ในมือของเย่ว์หยาง
“งั้นนี่คือพลังของน้ำ ในที่สุดข้าก็ควบคุมได้เต็มที่…” เย่ว์หยางทรุดตัวทันทีหลังจากเขาพูดคำนี้ ร่างของเขาอ่อนปวกเปียกและไร้พลังขณะที่เขาพาเย่ว์หวี่ล้มลงกับพื้นไปพร้อมกับเขา
เขาเหนื่อยทั้งกายและใจ ในเวลาไม่กี่วินาที เขาก็เข้าสู่ภาวะหลับลึก
เสวี่ยอู๋เสียถอดชุดนางออกและคลุมตัวร่างเย่ว์หวี่ ขณะที่นางโอบไหล่เย่ว์หวี่อย่างเงียบงัน “พี่หวี่ ท่านทำได้ดีมาก เย่ว์หยางเขาตกอยู่ในภวังค์สิ้นเชิงขณะที่เขาฝึก เมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขาจะจำอะไรไม่ได้เลย ท่านทำได้ดีจริงๆ ถ้ามีอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ แม้ในตอนนี้ เขาจะต้องจบสิ้นแน่ๆ ท่านนั่นแหละเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้” เสวี่ยอู๋เสียรีบปลอบโยนเย่ว์หวี่ นางเข้าใจเย่ว์หวี่ เย่ว์หวี่สละทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตน้องชาย นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้กันง่ายๆ
“เสี่ยวซานปลอดภัยจริงๆ หรือ?” เย่ว์หวี่มองดูเย่ว์หยาง เห็นว่ายังมีรอยเลือดอยู่ที่มุมปากของเขา นางจึงห่วงกังวลอีกครั้ง
“มาตรวจดูกันเถอะ..” เสวี่ยอู๋เสียก็ยังกังวลเช่นกัน ทั้งสองนางเริ่มตรวจร่างกายเย่ว์หยางและตระหนักว่าเส้นเลือดจำนวนมากในบริเวณไหล่, หลัง, ขาและส่วนอี่นๆของเขาฉีกขาด โชคดีที่เย่ว์หวี่ถ่ายพลังวารีของนางเข้าไปในปากเขาทันเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่ถึงกับบาดเจ็บหนัก เย่ว์หวี่ไม่ใส่ใจเรื่องเสื้อผ้าที่คลุมตัวนางอยู่ นางเรียกวารีบำบัดออกมาและรักษาน้องชายนางก่อน
เสวี่ยอู๋เสียรวบรวมความกล้าตรวจสอบอวัยวะแสดงความเป็นชายของเย่ว์หยาง เมื่อนางตระหนักว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ นางถอนหายใจโล่งอกพร้อมกับเขินอายไปด้วย
นางถอดผ้าคลุมหน้าออกมาคลุมตรงส่วนนั้นของเขาไว้ แม้ว่ามันจะคลุมได้ไม่ดีนัก แต่อย่างน้อย นางก็คงไม่ต้องเผลอดูจนรู้สึกตกใจได้
เย่ว์หวี่ไม่มีเวลาหาเสื้อผ้าสวม นางรีบเอาผ้าห่มของเย่ว์หยางมาคลุมตัวไว้ก่อน
ที่ด้านนอก องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวโผล่ศีรษะเข้ามาในห้อง แต่ไม่กล้าเข้ามา
หญิงงามอู๋เหินใจกว้างกว่า นางนำชุดมาให้เย่ว์หวี่ เย่ว์หวี่มองดูเย่ว์หยางหลับด้วยความอ่อนเพลีย นางรู้สึกอายจริงๆ แต่นางก็ยังรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย ที่นางช่วยชีวิตน้องชายไว้ได้ แม้ว่านางจะสูญเสียความบริสุทธิ์ไปเล็กน้อย แต่ก็คุ้มค่า เนื่องจากนางช่วยชีวิตเขาไว้ได้
*************