ตอนที่ 284 – ตอนที่ 265 ผสานเคล็ด พลังน้ำอ่อนหยุ่นของเย่ว์หวี่
เย่ว์หยางมีความสุขมากที่ได้ยินว่าเขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเทศ มีแต่จำเป็นต้องดูแลเรื่องส่วนตัวเท่านั้น เย่ว์หยางเห็นว่าเป็นไปตามหลักดำเนินชีวิตของเขาอยู่แล้ว
เขาพาเย่ว์ปิงน้องสาวเขากลับและพาอี้หนานไปกับเขาด้วย
ฮุยไท่หลางก็ดีใจมันติดตามเขาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม มันแสนรู้มาก และยังทิ้งระยะห่างจากแพนด้าน้อยหนิวหนิว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังคงแบกพี่สาวขี้เมาขึ้นหลังของนาง นางเปิดม้วนเทเลพอร์ตพาเย่ว์หวี่และเจ้าเมืองโล่วฮัวและพวกเขาเทเลพอร์ตเข้าไปที่บันใดฟ้า ที่สวนน้อยทันที
หลังจากรอให้เย่ว์หยางจากไปแล้ว เสวี่ยอู๋เสียให้โอวาทเสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวอย่างเข้มงวด
บุรุษน้ำแข็งเสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวผู้หล่อเหลายืนคอตกอยู่ต่อหน้าเสวี่ยอู๋เสีย ท่าทางของพวกเขาในตอนนี้ไม่เท่ห์และใจเย็นเหมือนที่พวกเขาแสดงอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง หลังจากพวกเขาถูกตำหนิ พวกเขาพยักหน้ายอมรับอยู่เงียบๆ ไม่กล้าแสดงความโอ้อวด เทียบกับเสวี่ยอู๋เสียพี่สาวผู้เข้มงวดแล้ว หญิงงามอมโรคอ่อนโยนกว่าเยอะ นางปลอบโยนญาติน้องผู้ทำตาละห้อยอย่างนุ่มนวล “ความดำรงคงอยู่ของเย่ว์หยางไม่สามารถใช้คำว่า”อัจฉริยะ“มาอธิบายได้ เขาเป็นคนพิเศษ ไม่จำเป็นต้องเอาตัวพวกเจ้าไปเปรียบเทียบกับเขา อย่ากดดันตัวเองเกินไปจนพวกเจ้าหนักใจเลย การฝึกฝนจำเป็นต้องทำกันทีละขั้นตอน ไม่ต้องทะเยอทะยานมากเกินไป เร่งรัดมากเกินไปใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี รากฐานของพวกเจ้าจะต้องทำให้ดีเสียก่อน”
“การฝึกฝนไม่ใช่เรื่องง่ายพอๆ กับยกระดับสัตว์อสูรของเจ้าและต้องใส่ใจฝึกฝนพลังปราณให้ก้าวหน้าด้วย การที่จะให้บรรลุขอบเขตใดๆ แน่นอน พวกเจ้าจำเป็นต้องเข้าใจเสียก่อน ทักษะวิทยายุทธยังไม่เท่ากับการสะสมพลังสำหรับสู้ พวกเจ้าต้องมีทักษะ และที่สำคัญคือการควบคุม พวกเจ้ายังคงมีเวลาอีกนาน เอาเถอะ! ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาแล้ว ข้าจะตรวจสอบผลของการฝึกตนของพวกเจ้าในครั้งต่อไป” ทันทีที่เสวี่ยอู๋เสียโบกมือนาง สีหน้าของเสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวเป็นเหมือนกับว่าปลดภาระหนักออกจากตัว
การแบกป้ายยี่ห้ออัจฉริยะ เป็นแรงกดดันพวกเขาอย่างหนักหน่วง
ด้วยว่าการปรากฏตัวของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ ผู้ไม่ธรรมดามากนี้ สร้างแรงกดดันพวกเขา ทำให้พวกเขาอึดอัดยากจะหายใจได้สะดวก
ได้กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดตอนอายุ 20 ปี เจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เหมือนกับว่าพวกเขากำลังเห็นผีหลอกตอนกลางวันแสกๆ มันดูเหมือนกับว่าประวัติศาสตร์มนุษยชาติในตอนนี้ ไม่มีผู้ใดแข็งแกร่งเท่าเย่ว์หยาง การมีชีวิตในยุคเดียวกับเขา ทำให้พวกเขารู้สึกอ่อนด้อยเมื่อเทียบกับเขา
โชคดี ที่เจ้าผู้นี้ สักวันก็จะกลายเป็นพี่เขยหรืออาก็ได้ ไม่ใช่คนภายนอก ถ้าไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจตายเพราะความซึมเศร้าก็ได้
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของคุณชายสามตระกูลเย่ว์นี้เป็นการจุดประกาย กระตุ้นให้พวกเขาแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น
เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ ไม่มีทางเลือก ได้แต่ต้องฝึกฝนให้หนักเท่าที่พวกเขาสามารถทำได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเทียบได้กับเย่ว์หยางเมื่อตัวพวกเขาเองก้าวหน้า แต่พวกเขาก็มีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ภายในสี่ตระกูลใหญ่ คนรุ่นก่อนเดิมทีจะผ่อนปรนมากกว่าเมื่อมาถึงคนรุ่นหลังก็จะสนใจแต่เรื่องของตน โดยปกติแล้ว พวกท่านจะไม่ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่สอนพวกเขา ขณะที่พวกเขาเชื่อว่าการฝึกฝนควรเป็นไปทีละขั้นตอน ต่อให้เป็นยอดอัจฉริยะ ดินแดนพลังปราณก่อกำเนิดที่จะมีผู้บรรลุได้ก็ต่อเมื่อหลังจากฝึกฝนกันมาเกินร้อยปี ตอนนี้สี่ตระกูลใหญ่ไม่คิดเช่นนั้นอีกต่อไป เพราะคุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นแบบอย่างในกรณีนี้
ความสำเร็จที่เย่ว์หยางบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดบอกให้สี่ตระกูลใหญ่ทราบว่า ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนอายุยี่สิบปีจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด สาเหตุที่ยังไม่เกิดขึ้นก็เพราะพวกเขายังไม่พบวิธีทำเช่นนั้น
ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดอายุยี่สิบปี แต่พวกเขายังไม่ได้ให้กำเนิดบุตรที่ไม่ธรรมดาอย่างนั้นมากกว่า
พอมีเรื่องของเย่ว์หยางเป็นตัวอย่าง ตระกูลเฟิง ตระกูลเสวี่ย ตระกูลเยี่ยน ตระกูลใหญ่เหล่านี้จะเริ่มสอนผู้เยาว์ของพวกเขาตามธรรมดา พวกเขาหวังว่าผู้เยาว์ของตนจะสร้างปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์ได้เหมือนกับเย่ว์หยาง
พวกเขาไม่ได้ต้องการเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดตอนอายุยี่สิบ ตราบใดที่รุ่นผู้เยาว์สามารถเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก่อนอายุ 50 ปี อย่างนั้นนั่นก็ถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่เหนือบรรพบุรุษของพวกเขา ที่สำคัญ คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์เป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา เป็นผู้เดียวในโลกนี้ บางทีแม้ในรอบมากกว่าพันปี ก็ยังจะไม่มีคนอย่างเขาถือกำเนิดเกิดมาในโลก ภายใต้ความหวังของตระกูลเหล่านี้ สร้างแรงกดดันให้เสวี่ยทันหลางและองค์ชายโล่วฮัวมากกว่าที่ใครจะคิด
ฝีมือที่รุดหน้ารวดเร็วจนพวกเขาคิดว่าพวกเขาช้าเหมือนหอยทากเมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าเด็กเย่ว์หยางนี่
ข้างหน้าพวกเขา มีเย่ว์หยางผู้มุ่งหน้าห่างไกลพวกเขาออกไป ด้านหลังมีเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และพี่น้องตระกูลหลี่ไล่หลังเขามาติดๆ พอเห็นว่าพวกเขาไล่ตามมาทัน พวกเขาก็ยั้งเท้าไม่อยู่ล้มกันระเนระนาด
“พวกเจ้าก็ต้องฝึกฝนให้หนักเช่นกัน! พวกเจ้ายังเทียบกับฮุยไท่หลางไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่รู้สึกละอายตนเองบ้างหรือ?” เสวี่ยอู๋เสียวิจารณ์เย่คงและคนอื่นๆ
“ขอรับ คุณนาย!” เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ กลัวมากจนไม่มีผู้ใดกล้าเถียงนาง
พอเห็นว่าเสวี่ยอู๋เสียและหญิงงามอมโรคเทเลพอร์ตเข้าไปในสวนน้อย แม้ว่าเย่คงจะยังรู้สึกดี แต่เจ้าอ้วนไห่ทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างโล่งอก เมื่อเสวี่ยทันหลางมองดู เย่คงปาดเหงื่อกล่าวว่า “มีพี่สาวเข้มงวดอย่างนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าถึงได้เป็นหนึ่งในสามดาวเพชฌฆาต แต่ว่าข้าอิจฉาเจ้ามากเช่นกันนะ มีพี่สาวอย่างนี้ แม้ว่าเจ้าจะผ่อนคลายไม่ได้ แต่ก็ไม่มีปัญหาเมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้น… เสวี่ยทันหลาง เลิกจ้องข้าเสียที! แม้แต่ข้ายังต้องการมีพี่สาวอย่างนี้ แต่ข้าไม่มีสักคน!”
เจ้าอ้วนไห่พยักหน้าและคุยต่อ “ถ้าเจ้าไม่เคยอยู่ในตระกูลเล็ก พวกเจ้าเหล่าอัจฉริยะผู้ได้รับความรักทั้งหมดจะไม่มีทางเข้าใจถึงสิ่งมีชีวิตเดนตายที่จำต้องกินสิ่งสกปรกเอาตัวรอดได้เลย”
พี่น้องตระกูลหลี่เตะเจ้าอ้วนไห่และสอนเขาบ้าง “เจ้าก็ยังเป็นนายใหญ่ในตระกูลเล็กอยู่ดี เรานี่แหละเป็นพลเมืองธรรมดา เทียบเรากับเจ้าแล้ว เจ้าก็ยังแข็งแกร่งมากกว่าเรา”
เสวี่ยทันหลางมีสีหน้าเยือกเย็นและตอบกลับด้วยความเย็นชา “ความจริง พวกเจ้าทุกคนโชคดีมาก”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และพี่น้องตระกูลหลี่ไม่มีอะไรอื่นจะพูด
ถ้าไม่ใช่เพราะได้พบเย่ว์หยาง อย่างนั้นพวกเขาคงไม่เป็นผู้เป็นคนเหมือนอย่างในวันนี้แน่นอน
เย่คงรู้สึกว่าป่านนี้เขาคงจะอดตายไปแล้ว พี่น้องตระกูลหลี่อาจตายในระหว่างภารกิจไปแล้ว และเจ้าอ้วนไห่ก็ยังคงจะมีชีวิต และทำตัวน่าเบื่อเหมือนที่เคยเป็นมาก่อน
องค์ชายเทียนหลัวผายมืออย่างสง่างาม “อย่าได้สมเพชตัวเองเกินไปได้ไหม? ความจริง พวกเราก็เป็นอัจฉริยะกันทั้งนั้น เพียงแต่มันน่าขันที่ว่า ยังไม่เก่งเท่าเย่ว์หยางเท่านั้นเอง”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขณะวิ่งเข้ามา เขายกไม้เท้าเคาะกบาลทั้งสองคนแล้วดุว่า “คำพูดของข้าไม่เข้าไปอยู่ในหัวพวกเจ้าหรือไง? ที่นี่เต็มไปด้วยทหารผู้เสี่ยงชีวิตต่อสู้เพื่อประโยชน์ของพวกเจ้า พวกเจ้าจะเอาแต่ยืนข้างศพพวกเขาสนทนากันอย่างนั้นหรือ? พวกเขาเสียสละไปเพื่ออะไร? ไม่ใช่เพราะพวกโง่อย่างเจ้าหรือ? ไปให้พ้นหน้าข้า, ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้…”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเริ่มตีเย่คงและคนอื่นๆ ทำเอาพวกเขาเผ่นหนีกระเจิงกันอุตลุด และรีบออกไปจากสถานที่นั้น
ในท่ามกลางความวุ่นวายเล็กๆ นี้ เจ้าอ้วนไห่ยังคงท้าทายเสวี่ยทันหลางอย่างห้าวหาญ “เหยียนพั่วจวินไม่ใช่เป้าหมายของข้าอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่เฟิงชิซาด้วย นอกจากสามดาวเพชฌฆาตแล้ว มีเพียงเจ้าที่ยังคงแข็งแกร่งมาก เสวี่ยทันหลาง เจ้ารู้ไหมว่าข้าหมายถึงอะไร!”
“ฝันไปก่อนเถอะ!” พอได้ฟังว่าเจ้าอ้วนไห่ต้องการจะเอาชนะเขา ก่อนที่เขาจะจากไป เขาชูนิ้วกลางให้เจ้าอ้วนไห่
“เจ้าหมอนี่เรียนรู้เรื่องแย่ๆ มาจากเย่ว์หยาง…” เจ้าอ้วนไห่หงุดหงิด เขาไม่เคยคิดว่าบุรุษน้ำแข็งอย่างเสวี่ยทันหลางจะชูนิ้วกลางให้เขา
เย่ว์หยางกลับมาที่สวนน้อย เขาไม่รู้เรื่องการสนทนาระหว่างเสวี่ยทันหลาง, เย่คงและคนอื่นๆ
แน่นอนว่า เขาไม่ได้สนใจเรื่องอื่นอยู่แล้ว
ประการแรกเขาจัดเตรียมแผนไว้ให้น้องสาวเขา ก่อนที่เตรียมตัวฝึกปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ห้า
เย่ว์หยางรีบเข้าสู่สภาวะหลับลึกทันทีที่เขากลับมา เสวี่ยอู๋เสียคิดว่าเจ้าผู้นี้คงเหนื่อยจากการต่อสู้จึงตัดสินใจนอนหลับ นางไม่รู้ว่าเขากำลังฝึกอย่างลับๆ กับเทพธิดากระบี่ฟ้าในความฝันของเขา นางไม่รู้ว่าเขาสามารถฝึกฝนในความฝันได้เช่นกัน เย่ว์หยางขอคำแนะนำจากพี่สาวคนสวยในฝัน คิดว่าเขามีพลังเพียงพอจะบรรลุวิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ 5 ได้ แค่ยังขาดความเข้าใจทักษะในการใช้พลังหยินเท่านั้น
จุดนี้เองเป็นเหตุให้เขาชะงักความคิดที่จะบรรลุวิชาไว้ชั่วคราวก่อน
ในโลกแห่งความฝันพี่สาวในฝันได้ใช้พลังเหมือนกับเย่ว์หยาง นางสามารถใช้พลังเทพน้ำแข็งและเทพอัคคีได้ นี่พิสูจน์ได้ว่าเย่ว์หยางมิใช่ไม่มีความสามารถ แต่เขาไม่รู้วิธีใช้เสียมากกว่า
หลังจากหลับเป็นเวลานาน เขาก็ตื่นขึ้นท่ามกลางสายตาขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นซึ่งกำลังสนทนาบางเรื่องในห้องโถงเล็กขณะที่หัวเราะไปด้วย
ข้างนอกที่ลานบ้าน ฮุยไท่หลางกลืนเม็ดพลังของหัวเหว่ยไปแล้วกำลังหลับลึกขณะที่มันวิวัฒนาการ
เขาใช้ปราณก่อกำเนิดหยั่งดูเล็กน้อย ก็พบว่าฮุยไท่หลางจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเพื่อย่อยสลายพลังในเม็ดพลังนี้ มันอาจต้องใช้เวลามากกว่านั้นถึงจะกลายเป็นหมาป่าโลกันตร์ ระดับปราณก่อกำเนิด แต่บางทีมันจะไม่มีปัญหาสามารถยกระดับเป็นอสูรชั้นแพลตตินัมได้ ระดับพลังต่อสู้ขั้นสุดท้ายจะต้องได้เห็นเมื่อฮุยไท่หลางใช้ออกมาด้วยตัวมันเอง เย่ว์หยางคิดว่าเมื่อเจ้านี่สามารถใช้พลังในเม็ดยาได้อย่างสมบูรณ์ ก็มีทางเป็นไปได้ที่มันจะสู้กับพี่น้องเหมยฮัวหรือพี่น้องหมีดำของเผ่าปีศาจบูรพาตัวต่อตัวได้
“ครั้งต่อไป ข้าจะคิดหาทางฆ่าจ้าวปีศาจและปล่อยให้ฮุยไท่หลางกินมัน สงสัยจริงว่าจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?” เย่ว์หยางไม่กล้าคิดเรื่องสุดท้ายนี้ อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเขารู้ว่าการฆ่าจ้าวปีศาจนั้น มิใช่เป้าหมายที่ทำไม่ได้อีกต่อไป
พอเห็นเย่ว์หยางเดินเข้ามาในห้องโถง หญิงงาม 2-3 คนก็มองมาที่เขา
พี่สาวขี้เมาดูเหมือนจะดื่มเหล้ามากไปหน่อย ดวงตาที่เมามายของนางพร่ามัว “เอ๋? ดูเหมือนจะมีคนหล่อเดินเข้ามา 2 คนหรือ?
แพนด้าน้อยหนิวหนิวแก้ตัวให้อย่างน่ารัก “แม่! มีแค่เพียงคนเดียว นั่นคือพี่เย่ว์หยาง….”
อี้หนานปิดปากหัวเราะคิกคัก
พอเห็นว่าเย่ว์หยางพยายามจะพูดบางอย่างแต่ก็หยุดไว้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “เกิดอะไรขึ้น? เจ้าต้องการคุยบางอย่างหรือ? ใช่เรื่องทางผ่านโบราณหรือเปล่า?”
เย่ว์หยางรีบโบกมือพูดว่า “ไม่ใช่ ข้ากำลังพยายามหาคนมาช่วยข้าสักเล็กน้อย พลังปราณหยางในตัวข้าสมบูรณ์มากเกินไป ข้าอยากจะให้พวกเจ้าคนหนึ่งช่วยข้าเพื่อที่ว่าข้าจะสามารถรู้สึกถึงปราณหยินของสตรีได้ ข้าติดขัดขีดคั่นการฝึกปราณหยินมานานแล้ว ข้าต้องการฝึกให้เชี่ยวชาญเพื่อบรรลุขอบเขตใหม่”
พอได้ยินคำพูดของเย่ว์หยางแล้ว คนอื่นนอกจากเย่ว์ปิงและพี่สาวขี้เมาผู้เมามากแล้ว สาวนางอื่นหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
เขาบอกว่าเขาจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ แต่สิ่งที่เขาสื่อถึงก็คือเขาขอให้พวกนางฝึกผสานกายกับเขา
การฝึกฝนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นสำหรับวิชาผสานกายก็คือความใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างที่คนสองคนต้องมี ไม่เพียงแต่พวกเขาต้องใกล้ชิดกันและกันมากเท่านั้น วิญญาณของพวกเขาจะต้องเคียงคู่กันด้วย เจ้าเด็กนี่จะถือโอกาสเอาเปรียบพวกนางแน่นอน ถ้าพวกเขาทำอย่างนั้น ถ้าเขาบอกพวกนางเป็นการลับ พวกนางอาจต้องยอมรับก็ได้ แต่เขากลับประกาศต่อหน้าทุกคน ความจริงมันทำให้พวกนางรู้สึกอึดอัดใจที่จะช่วยเขา แม้ว่าพวกนางต้องการจะช่วยก็ตาม
เจ้าเมืองโล่วฮัวต้องการช่วยเย่ว์หยาง แต่นางอายที่จะพูดออกมา ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่มั่นใจว่าจะช่วยเขาได้
ในที่นี้ ผู้ที่มีทักษะใช้พลังหยินได้ดีที่สุดก็คือเสวี่ยอู๋เสีย เพราะนางมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติในการควบคุมน้ำแข็งตั้งแต่เกิด ทักษะการใช้น้ำแข็งของนางจะช่วยเย่ว์หยางได้อย่างมาก
“อย่างนั้นข้าจะทำเอง” เสวี่ยอู๋เสียผู้อ่านหนังสืออยู่เงียบๆ ที่ด้านหนึ่งเงยหน้าขึ้นกล่าว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวลังเลชั่วขณะ แต่อี้หนานและเย่ว์ปิงทั้งคู่ไม่มีทักษะใช้พลังปราณหยิน ดังนั้นพวกนางได้แต่เห็นด้วยในขณะเดียวกัน
“อู๋เสีย! ข้าดีใจมาก!” เย่ว์หยางเบิกบานใจ นางต้องเป็นภรรยาในอนาคตแน่นอน นางเป็นคนดีมาก พร้อมจะช่วยเหลือทันทีเมื่อสามีต้องการความช่วยเหลือ
“พี่หวี่, มาตรงนี้และช่วยข้าด้วยนะ..” เรื่องช่วยให้เย่ว์หยางบรรลุขอบเขตใหม่ เสวี่ยอู๋เสียไม่เคยปฏิเสธ นางยังช่วยเขาคิดหาผู้ช่วยที่เหมาะสมที่สุดและดึงเย่ว์หวี่มาข้างหน้าเย่ว์หยาง คำพูดของนางทำให้เย่ว์หวี่ตกใจ “ข้าน่ะหรือ?”
เย่ว์หวี่ยังพูดไม่จบคำที่นางยังไม่พูด
นางต้องการบอกว่าเย่ว์หยางเป็นน้องชายนางเอง นางไม่ควรจะฝึกผสานร่างกับเขา
ถ้าเป็นเย่ว์ปิง ที่มีจิตใจบริสุทธิ์และไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องอะไร นั่นก็ยังดี แต่เย่ว์หวี่โตเป็นสาวแล้ว และนางเริ่มรู้เรื่องสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงแล้ว การฝึกผสานร่างกับน้องชายนาง จะเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือที่พวกเขาจะใกล้ชิดกันเกินไป?
นี่เป็นไปไม่ได้แน่นอน!
“ไม่เป็นไร ทักษะแฝงของท่านคือภูตน้ำพุ ให้เขาได้รู้สึกถึงความนุ่มนวลอ่อนโยนของพลังของท่าน จะง่ายดายกว่านำเขาเข้าขอบเขตใหม่ของทักษะพลังหยิน ท่านจำเป็นต้องช่วยนำเขาในส่วนตรงนั้น เรื่องอื่นๆ ปล่อยให้ข้าจัดการเอง” เสวี่ยอู๋เสียไม่คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องการฝึกของเย่ว์หยาง ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นที่รู้กันดีว่าเย่ว์หยางนั้นลามก จะมีความแตกต่างอะไรถ้าพวกนางยอมให้เย่ว์หยางรู้สึกถึงพลังหยินของพวกนางเพียงเล็กน้อย?
“นี่…เอาอย่างนั้นก็ได้” เย่ว์หวี่ลนลานเล็กน้อยขณะที่นางมองสายตาที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาของเย่ว์ปิง นางไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะนางมั่นใจว่าเย่ว์ปิงจะต้องถามสาเหตุที่นางไม่ยินดีช่วยพี่ชายของนาง ถึงตอนนั้น นางจะไม่สามารถอธิบายให้เย่ว์ปิงฟังได้จริงๆ
เย่ว์หยางยังคงตะลึงเมื่อนางเห็นเสวี่ยอู๋เสียฉุดดึงเย่ว์หวี่มาด้วย
แต่เมื่อเขาคิดดูแล้ว ทักษะสายน้ำที่นุ่มนวลของเย่ว์หวี่ในฐานะที่เป็นตัวนำจะสามารถช่วยเขาได้มากจริงๆ ขอเพียงเขาบรรลุขอบเขตใหม่ เขาอาจเผลอใช้ทักษะมองทะลุเสื้อผ้าเย่ว์หวี่ก็ได้ ถ้านางรู้เรื่องนี้..
*************