ตอนที่แล้วตอนที่ 277 ชัยชนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 279 ความกังวลของเจ้านาย

ตอนที่ 278 ความคิดโง่เขลาของฟงโฉ่ว


เรื่องเกี่ยวกับหัวหน้าเผ่าต่างๆถังเทียนมอบอำนาจเต็มให้ปิงจัดการ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความต้องการของปิง เขาคงไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซงแน่ นอกจากนี้ คนที่อยู่ฝ่ายเขาก็ไม่ใส่ใจมากนัก  เป้าหมายของหลิงซิ่วคือล้างแค้น  เป้าหมายของอาเฮ่อคือฟื้นฟูกลุ่มดาวกระเรียนฟ้า  มีแต่ปิงที่ยังหมกมุ่นกับเรื่องดังกล่าว

ทั้งสามมุ่งมั่นกับการฝึกฝน

ไม่จำเป็นต้องพูดมาก ถังเทียนไม่สนใจเสียเวลากับเรื่องอื่น เอาแต่ฝึกเป็นบ้าเป็นหลัง  การต่อสู้ครั้งล่าสุด เขาพบจุดอ่อนของเขานั่นก็คือปราณแท้ของเขาอ่อนแอเกินไป แม้ว่าเนตรราชันย์มยุราจะแข็งแกร่ง แต่อาจเกี่ยวข้องโดยตรงกับปราณแท้ ขณะที่กรงเล็บเพลิงภูตพรายสิ้นเปลืองปราณแท้มากมาย

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือปราณแท้ของเขาถึงระดับวิกฤติครั้งใหม่แล้ว

เขาไม่เคยหยุดการฝึกฝนขณะใช้หินดวงดาว  ด้วยหินดวงดาวกองพะเนิน ช่วยเพิ่มระยะเวลาฝึกในค่ายทหารใหม่  พลังของเขาจึงอยู่ในจุดสูงสุดของระดับหก

แต่หลังจากตรวจสอบแล้ว อุปสรรคที่อยู่ในระดับหกขั้นสูง ทำให้เขารู้สึกว่ายากจะบรรลุผ่านไปได้ทันที

ฟงโฉ่วตอนนี้เหลืออยู่แค่ศีรษะลอยวนเวียนไปมาอยู่ในค่ายทหารใหม่รู้สึกประหลาดใจมาก  หลังจากถูกดึงดูดเข้ามาในสถานที่ประหลาดนี้ที่ซึ่งมีแต่เพียงเขาและขุนพลวิญญาณหน้าไพ่  ขุนพลวิญญาณหน้าไพ่ยินดีต้อนรับเขาจากนั้นไม่เคลื่อนไหวอะไรต่อ  ที่มุมจะเป็นควันที่มีนัยน์ตาที่เอาแต่บ่นทุกวันไม่มีหยุด  ฟงโฉ่วไม่ใช่พวกชอบสมาคมกับใครอยู่แล้วดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจใครเป็นปกติ

หลังจากนั้นเป็นเวลานาน ถังเทียนก็เข้ามา

เขามีท่าทางรีบเร่งขณะโบกมือโดยไม่พูดอะไรสักคำและเริ่มฝึก  ฟงโฉ่วไตร่ตรองดูเป็นเวลานานแล้วก็ต้องยอมรับ ไม่มีอะไรต้องอายที่แพ้ถังเทียน

ท่วงท่าเหวี่ยงโล่ที่น่าเบื่อหน่ายซ้ำซาก ฝึกรอบหนึ่งเขาต้องทำท่าเดิมถึงหมื่นครั้ง

ฟงโฉ่วมองดูด้วยความชื่นชม เนื่องจากมีผู้เยาว์น้อยมากที่ฝึกฝนได้ระดับนี้  หลังจากการเกิดขึ้นของการ์ดวิทยายุทธสิ่งนี้ได้เปลี่ยนวิถีการฝึกวิทยายุทธ ทำให้การฝึกวิทยายุทธสะดวกมากขึ้น พวกผู้เยาว์ทั้งหมดที่มาจากครอบครัวดีๆมีการ์ดทองคอยสนับสนุนพวกเขาและพวกเขาสามารถใช้การ์ดทองได้เป็นเวลาหนึ่งปี

ประสบการณ์ที่บรรพบุรุษมีไว้เพื่อสร้างวิทยายุทธสามารถส่งต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ผู้เยาว์รุ่นหลังเกียจคร้านกันมากขึ้น  พวกเขากลายเป็นพวกใจร้อนมากขึ้น  ใครยินดีจะทนลำบากซ้ำซากเล่า ในสายตาพวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องฝึกฝนด้วยวิธีที่น่าเบื่อเช่นนั้นกระมัง

แต่ฟงโฉ่วใช้เวลาในชีวิตกับดาบคู่มือของเขาตระหนักดีถึงการเดินทางที่ยาวนานทีละก้าว  ด้วยจุดยืนสนับสนุนจากบรรพบุรุษ เป็นธรรมดาอยู่เองที่ท่านจะเริ่มต้นจากจุดที่สูง  แต่นี้ยังคงหมายถึงว่าพื้นฐานของท่านง่อนแง่นไม่ปลอดภัย เพราะพื้นฐานของท่าน คือพื้นฐานของบรรพบุรุษ ไม่ใช่พื้นฐานของท่านเอง

วิทยายุทธอย่างเดียวกันในมือของคนแตกต่างกันมักจะมีรูปแบบและลักษณะที่แตกต่างกันสิ้นเชิง และนั่นเป็นเพราะความเข้าใจของทุกคนต่างกัน  ถ้าคนผู้หนึ่งเกียจคร้านและมักจะปล่อยให้ขึ้นอยู่กับคนรุ่นก่อนของเขา  แน่นอนว่าเส้นทางของเขามีแต่จะแคบลงๆ

ต้นไม้ที่มีรากอ่อนแอ ไม่มีทางเติบโตแข็งแรงได้

ความก้าวหน้ายกระดับของวิทยายุทธไม่ได้หมายความว่าจะทำให้มีความซับซ้อนมากขึ้น แต่หมายความว่าทำให้ใกล้ชิดกับกฎและแก่นแท้ของโลก

ดังนั้นเมื่อฟงโฉ่วเห็นถังเทียนฝึกฝนโล่อย่างอดทน  เขาประหลาดใจมาก  หลังจากนั้น วิธีฝึกฝนของถังเทียนระห่ำมากทำให้เขายิ่งพูดไม่ออก

เมื่อถังเทียนนั่งลงเดินพลังปราณฟื้นฟูกำลัง  หน้าของเขาเป็นทุกข์และเคร่งเครียดฟงโฉ่วอดถามไม่ได้ “มีอะไรติดค้างในใจเจ้าหรือ?”

นิสัยของเขาคือประหลาดแต่หยิ่งในตัวเอง  ใจของเขามีแต่ดาบ แต่เขารู้สึกยกย่องความตั้งใจฝึกฝนของถังเทียนอยู่เต็มเปี่ยมจึงรู้สึกคุ้นเคยกับเขาได้มากขึ้นเป็นธรรมดา แม้ว่าเขาจะสันโดษ แต่เขาไม่ได้ตัดขาดโลกเสียทีเดียว  และใจของเขานั้นเหมือนเด็กแรกเกิด

ถังเทียนตอบอย่างไม่สบายใจ  “พลังระดับหกของข้าเต็มพิกัดแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ง่ายที่จะบรรลุขอบเขตใหม่”

ฟงโฉ่วเข้าใจ “ก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้น”

เขาเป็นคนซื่อ และพูดตามความรู้สึกทันที  “เป็นเรื่องยากมากที่จะบรรลุผ่านระดับหก  เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับโครงสร้างตันเถียนระดับเจ็ด ตันเถียนระดับเจ็ดจำเป็นต้องได้ปราณแท้ที่บริสุทธิ์มากเพื่อกลั่นควบ  ดังนั้นอุปสรรคของพลังระดับหกความจริงก็คือมันใช้ได้  ปราณแท้ของเจ้าติดอุปสรรคอยู่ที่ระดับหก  ตราบที่เจ้าฝึกให้เข้มข้นต่อไปเจ้าจะมีโอกาสบรรลุผ่านไปได้ แต่ข้าขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งรีบบรรลุเข้าระดับเจ็ดจะดีกว่า”

“ทำไม?”ถังเทียนตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ฟงโฉ่วอธิบาย “เพราะยิ่งแก่นปราณแท้ของเจ้าบริสุทธิ์มากขึ้นเท่าใด เมื่อเจ้าสามารถผ่านขีดคั่นไปได้และเข้าถึงตันเถียนระดับเจ็ด  ระดับความจุของตันเถียนเจ้าจะสูงมากขึ้น”

ฟงโฉ่วรู้สึกประหลาดใจ ถังเทียนความจริงไม่รู้เรื่องรายละเอียดพื้นฐานการฝึกฝนทั้งหมดเหล่านี้อย่างนั้นเขาฝึกฝนมาถึงวันนี้ได้อย่างไร?

“อ๋า!”ถังเทียนตกตะลึง นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องนั้น

“ถูกแล้ว”เสียงของปิงดังออกมาจากด้านหลัง ในใจของเขารู้สึกผิด เขาเป็นผู้แนะนำของถังเทียน และข้อสงสัยในการฝึกฝนของถังเทียนทั้งหมดกลับได้รับคำตอบจากคนอื่นเนื่องจากเขาละเลยงานของเขา

“อธิบายง่ายๆ เริ่มแรกที่บรรลุระดับหก  ปราณแท้ของเจ้าอยู่ในสภาพเป็นก๊าซ  หลังจากบรรลุระดับเจ็ดปราณแท้ของเจ้าจำเป็นต้องบีบอัดให้มีสภาพเป็นของเหลว  นั่นคือสาเหตุที่การบรรลุจากระดับหกไประดับเจ็ดเป็นเรื่องยากมาก  แน่นอนว่าไม่ใช่จะไม่มีวิธี  ตัวอย่างเช่นบางคนใช้ยาช่วย  บางคนก็ใช้การ์ดวิญญาณช่วยทำลายอุปสรรคระดับหก  แต่ข้าไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้น”

ปิงพูดด้วยความมั่นใจ “เพราะถ้าเจ้าทำเช่นนั้น แม้ว่าเจ้าจะบรรลุเข้าสู่ระดับเจ็ดแต่รูปแบบผนังตันเถียนของเจ้าจะเล็กมาก และปราณแท้ระดับเจ็ดของเจ้าจะไม่อยู่ในสภาพของเหลวที่สมบูรณ์แบบ”

“แล้วข้าจะทำยังไง?”  ถังเทียนถาม

ปิงพึมพำ “เราใช้ห้องพลังงานคลี่คลายปัญหานี้ในอดีต โดยการใช้สภาพแวดล้อมซึ่งมีพลังงานหนาแน่นมากกว่าปราณแท้ระดับหกมาก  พลังทั้งหมดนี้สามารถดูดซับเข้าในร่างกายได้ แน่นอนว่าจะต้องใช้สมาธิสูงขึ้นและจะเพิ่มความกดดันในเส้นชีพจรของเจ้า  แต่ห้องพลังงานแบบนี้ มีค่าใช้จ่ายมาก”

ฟงโฉ่วตกตะลึง “ห้องพลังงานโบราณหรือ? ความจริงพวกท่านรู้จักห้องพลังงานโบราณหรือ?”

“มันทรงพลังมากไหม?”  เมื่อได้ยินเสียงประหลาดใจของฟงโฉ่ว  ถังเทียนสงสัย

ปิงปลื้มใจ  แต่เขาปั้นหน้าสงบเยือกเย็น“มันเป็นเรื่องธรรมดามาก ไม่มีอะไรยากเย็น  เซรีนก็สามารถสร้างได้ก็แค่ต้องใช้พลังงานจากหินดวงดาว”

คราวนี้ถังเทียนใช้วิจารณญาณอย่างระมัดระวัง  เจ้าผู้นี้ต้องการคนหมื่นคนไปฝึกฝนในค่าย  ดังนั้นเขาถาม “หินดวงดาวระดับไหน?”

“ระดับเจ็ด”

สีหน้าปิงกลับกลายเป็นจริงจัง  เขาคิดถึงค่ายทหารในอดีต  โกดังเก็บหินดวงดาวมีเป็นภูเขาเลากา มันเป็นสินค้าที่ต้องใช้มากที่สุดและเขาไม่เคยมีความกังวลเรื่องหินดวงดาวในอดีต ต่างจากปัจจุบัน  ที่พวกเขาต้องดิ้นรนเลี้ยงชีวิต

เขาใช้นิ้วนับ “ก่อนอื่นเราต้องการห้องที่มีแรงดันสูง โอว, นั่นจะได้รู้กันได้ง่าย ที่โกดังสามารถแปลงทำได้ง่ายพลังงานจะได้ไม่รั่วไหลออก เลือกห้องที่เล็กที่สุด เหมาะสำหรับให้คนหนึ่งคนหนึ่งเดินพลังข้างใน  ต้องใช้หินดวงดาวระดับเจ็ดวันละสิบก้อน”

“หะ..หิน ดะดวงดาวระดับเจ็ดสิบก้อน!”  ถังเทียนอ้าปาก  เขาทำท่าโง่งม “และนั่นใช้ได้แค่เพียงวันเดียวเหรอ?”

“ความจริงก็ไม่แย่เท่าไหร่”  สีหน้าของปิงยังคงเข้มงวด “เจ้าเพียงแค่ต้องการใช้เพื่อบรรลุพลังระดับใหม่  ข้าว่าประมาณยี่สิบกว่าวันปราณแท้ระดับหกของเจ้าจะถูกบีบอัดจนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด”

ยี่สิบวัน ก็หมายความว่าใช้หินดวงดาวสองร้อยก้อน!

“ท่านรู้ไหมว่าหินดวงดาวระดับเจ็ดก้อนหนึ่งราคาเท่าใด?”  หน้าถังเทียนดำคล้ำ

“ข้าคิดว่าห้าแสน...”ปิงตอบเสียงอ่อย

“ห้าแสน?”  ถังเทียนแค่นเสียง “สองร้อยก้อนนั่นก็คือร้อยล้านเหรียญดาว! และนั่นคือวิธีของท่านหรือ? จะบรรลุพลังระดับเจ็ดได้ ข้าต้องใช้เงินร้อยล้านเหรียญดาวหรือ? ท่านไม่มีแนวคิดที่ประหยัดเงินบ้างหรือ?”

ปิงทำปากยื่น “แต่นั่นคือวิธีฝึกในอดีต  ความรวยในอดีตของข้า ไม่ใช่ความผิดของข้า...”

ฟงโฉ่วตะลึงเมื่อเขาได้ยินเรื่องห้องพลังงานโบราณ ตำนานกล่าวไว้ว่าคนยุคโบราณสร้างห้องพลังงานขึ้นมาเพื่อช่วยให้นักสู้เพิ่มพลังปราณแท้  แต่เขาไม่เคยคิดว่า ห้องพลังงานโบราณจะต้องสิ้นเปลืองหินดวงดาวระดับเจ็ดถึงวันละสิบก้อน!

นั่นเป็นการฝึกปราณแท้แบบไหน? เผาผลาญเงินทองซะขนาดนั้น

ร้อยล้านเหรียญดาว ขนาดนั้นไม่รู้ว่าจ้างนักสู้ระดับเจ็ดได้ไม่รู้กี่คนแม้แต่นักสู้ระดับสวรรค์วิถีก็ยังจ้างได้ตั้งหลายคน

“งั้น....”ฟงโฉ่วลังเลอยู่ชั่วขณะ “ข้ามีความคิดโง่ๆอยู่”

พิค... ทั้งสองคนหันมามองเขา

พอเป็นเช่นนั้น ฟงโฉ่วตื่นเต้นเล็กน้อยและรีบพูด“แต่ไม่ต้องใช้เงินแน่นอน!”

ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย  “ความคิดอะไร?”

“ความคิดนี้บังเอิญข้าพบเมื่อตอนฝึกฝนขัดเกลาฝีมือ”เมื่อพูดถึงการฝึก ฟงโฉ่วอารมณ์จริงจัง “เป็นเมื่อตอนที่พยายามไปสู่ระดับที่เก้า และข้านึกถึงวิธีนี้เสมอ  มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ข้ากำลังฝึกวิชาดาบข้ามีความคิดขึ้นมาทันทีว่า ถ้าข้าสามารถจับรังสีดาบที่ข้าสร้างขึ้นได้และผสานเข้าในเส้นชีพจรข้าได้  จะเกิดอะไรขึ้น?”

ถังเทียนและปิงตกตะลึง ความคิดนี้แตกต่างแน่นอน และยากที่จะมีคนคิดเช่นนั้น

“ข้าได้ตัดสินใจลองดู  ใช้ดาบในมือทั้งสอง  มือขวาปล่อยรังสีดาบสายหนึ่งและใช้ดาบในมือซ้ายพยายามจับมัน ตอนเริ่มแรกยังไม่สำเร็จ เนื่องจากเมื่อมือขวาปล่อยรังสีดาบก็เหมือนกับอีกคนหนึ่งปล่อย  และเมื่อมันมาถึงดาบในมือซ้ายข้ามันก็จะโจมตี”

ถังเทียนและปิงเคลิ้มตามและให้ความสนใจวิธีคิดและทางเลือกใหม่ของฟงโฉ่ว

“หลังจากที่ข้าปล่อยพลัง รังสีดาบที่ข้าปล่อยออกมาเข้มข้นมากกว่าปราณแท้ในร่างกายข้า”

ปิงพยักหน้า “นั่นเป็นคำอธิบายที่ดี พลังงานที่เกิดจากการเพ่งพลังจะมีพลังสูง และยิ่งวัสดุมากก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น”

ฟงโฉ่วเห็นด้วย “ถูกแล้ว หลังจากนั้น ข้าคิดว่าวิทยายุทธที่เป็นวิทยายุทธพิเศษก็โดยบีบอัดปราณแท้และรังสีดาบที่วิทยายุทธสร้างขึ้นก็โดยบีบอัดปราณแท้  ดังนั้นมือซ้ายของข้าจึงใช้ฝึกพลังย้อนทวน  มันน่าจะสามารถดูดซับพลังเข้ามาได้ ดังนั้นข้าตัดสินใจใช้การฝึกฝนพลังจิตย้อนทวนด้วยมือซ้ายแล้วลองดู ข้าคาดไม่ถึงเลยว่ารังสีดาบที่ไปตามดาบในมือซ้ายข้าได้เข้าไปในเส้นชีพจร และปราณแท้ก็ถูกดูดซับเข้าไปในเส้นชีพจรไม่มีแตกกระจายตัวและจะไม่แปรเปลี่ยนไปเป็นปราณแท้เหมือนเดิม แต่ปราณแท้รูปแบบเดียวกันสามารถผสานกันได้ ดังนั้นข้าใช้เวลามากมายเพื่อแปลงปราณแท้ทั้งหมดของข้า  ปราณแท้นั้นคมเหมือนรังสีดาบเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างและเข้มข้นสูง ข้าเรียกมันว่าปราณดาบแท้”

แต่สีหน้าของฟงโฉ่วเต็มไปด้วยความเสียใจ  “แต่น่าเสียดาย ช่วงเวลาที่ข้าคิดได้นั้นข้าแก่มากแล้ว และไม่สามารถก้าวไปอีกขั้นเพื่อพิสูจน์ยืนยันได้”

ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกายวูบวาบเหมือนดวงดาว   ความคิดใหม่ของฟงโฉ่วเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้เขา

จู่ๆ  ความคิดแผลงๆผุดขึ้นมาจากสมองเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด