ตอนที่ 277 ชัยชนะ
หย่งชิวตกตะลึงจ้องมองถังเทียน มือของเขาเย็นเฉียบ ไม่มีร่องรอยความคิดต่อสู้เหลืออยู่ในใจเขา
นั่นคือสุดยอดวิชาโดดเด่นหรือ?
ใบหน้าเขาเขียวคล้ำ เดาะอาวุธลับในมือ ตอนนี้เขายังไม่หยุดสั่นเขาเคยได้ยินเรื่องสุดยอดวิทยายุทธโดดเด่นมาก่อน แต่ยังไม่เคยเห็นพลังของวิชาประเภทนี้กับตัวเอง ในที่สุดเขาก็เข้าใจ มันแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก
หย่งชิวไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ประสบความพ่ายแพ้
ถังเทียนเลือกหย่งชิวเป็นคู่ต่อสู้เนื่องจากเป็นเป้าหมายใกล้ ดังนั้นเป้าหมายของหลิงซิ่วจึงตกอยู่ที่หวีซุ่น
ในบรรดาสามคนนี้หวีซุ่นเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดฝ่ามือสายฟ้ากำศรวลของเขาเด็ดขาดและใช้ได้ดั่งใจ แม้แต่ถังเทียนก็ยังไม่กล้าต้านรับโดยตรง แต่หลิงซิ่วไม่กลัว
ร่างที่อยู่บนนกพุ่งออกมาเหมือนกับหอกเล่มหนึ่งและบิดนิ้วอย่างนุ่มนวล
ฝนสีเงินกระจายตัวอย่างเข้มข้นต่อหน้าหวีซุ่น
เมื่อเขาเคลื่อนไหว ร่างของหลิงซิ่วกระตุก หน้าของเขามีท่าทางตื่นเต้นมาก
วี้.....
เสียงหวีดแหวกอากาศของหอกเหมือนกับฝูงแตนกระพือปีก
ฝีมือที่รุดหน้าของหลิงซิ่วสามารถได้ยินได้จากเสียงหอกหวีดแหวกอากาศ ก่อนนั้นเมื่อเขาปลดปล่อยพลังหอกเสียงหวีดแหวกอากาศจะดังเหมือนชายผ้าสะบัดแต่ตอนนี้เสียงกลับเป็นเสียงสั่นต่ำทำให้หัวใจผู้คนสั่นไหว นี่หมายความว่าการปล่อยพลังหอกของเขารวบรัดมากขึ้นเสียงแหวกอากาศลดลงมาก แต่จำนวนครั้งที่เขาปล่อยพลังหอกเพิ่มขึ้นมากมายเพราะฉะนั้นจึงทำให้เสียงที่ดังออกมาเหมือนกับฝูงแตนกระพือปีก
แต่สิ่งที่ทำให้หลิงซิ่วตื่นเต้นมากขึ้นก็คือความถี่ในการปล่อยพลังหอกผ่านจุดสำคัญไปได้
หนึ่งวินาทีปล่อยพลังได้ร้อยหอก
ในเมื่อผ่านจุดสำคัญไปได้ก็หมายความว่าหอกทะเลจุดของเขาบรรลุเข้าขอบเขตใหม่
รังสีที่เยือกเย็นเต็มแฝงไปด้วยพลังระเบิด เหมือนกับฝนที่ระเบิดออก พลังที่สร้างขึ้นมาในขณะนั้นน่าหวาดหวั่น
เมื่อหวีซุ่นปล่อยพลังฝ่ามือของเขา สีหน้าเขาเปลี่ยนไป
สายตาของเขาบอดไปชั่วขณะเพราะแสงสีเงิน ความรู้สึกถึงอันตรายเพิ่มขึ้นในใจลึกๆ ของเขาเขามีประสบการณ์การต่อสู้มามากมาย ดังนั้นจึงถอยออกมาอย่างไม่คิดอะไร
ปุ ปุ ปุ
รังสีเย็นทั้งสิบทะลวงผ่านฝ่ามือของเขา ในพริบตากลุ่มรังสีเย็นยะเยียบที่หนาแน่นก็ทะลวงผ่านพลังฝ่ามือของเขาและปรากฏอยู่ตำแหน่งที่เขาเพิ่งยืน
ปัง
ตำแหน่งที่เขายืนอยู่ก่อนนั้นระเบิดออกทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยทรายกระจัดกระจาย
หลิงซิ่วไม่ได้ไล่ตาม และยืนอยู่ในจุดเดิมของเขา มองมายังหวีซุ่น เขาใช้หอกเงินในมือค่อยๆบิดหอกไปมา เสียงกระพรวนเลือนรางดังก้องในหูของหลิงซิ่ว
ทันใดนั้นหลิงซิ่วคิดถึงบทเพลงประหลาด
“หอกเงินย้อมด้วยหิมะ ไม่มีอะไรปนเปื้อนตลอดไป กระพรวนสายลมเขาแกะส่งเสียงชัดเจนจนไม่ได้ยินเสียง พระอาทิตย์ทอแสงแต่ไม่เห็นเงา เพราะหอกตระหง่านตรง น่าชุ่มชื่นใจ ดวงดาวปกป้องวิญญาณข้าไว้ หมู่ดาวแกะเป็นยอดฝีมือเชิงหอก”
เพราะเหตุผลบางอย่างเขามีความต้องการจะร้องเพลงด้วยเสียงของเขา แต่เขาส่ายศีรษะและทิ้งความคิดนั้น
ไม่ว่ายังไงก็ตาม กองพาหนะน้ำแข็งเงินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
อาจารย์ไม่เคยพูดถึงมันมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเป็นธรรมดา แม้ว่ากองพาหนะน้ำแข็งเงินมีประวัติศาสตร์ที่รุ่งเรือง แต่เขาอยู่ที่นี่ หอกเงินคือหอกของหลิงซิ่วหอกทะเลจุดก็คือวิชาหอกทะเลจุดของหลิงซิ่ว
หลิงซิ่วยังคงเคลื่อนไหว!
ความมุ่งมั่นต่อสู้อย่างห้าวหาญเขารู้ดีอยู่เต็มอกความปรารถนาต่อสู้แรงกล้า เขากระตุ้นฟลามิงโกและค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้หวีซุ่น ความเจ็บปวดตามกระดูกสันหลังเพิ่มขึ้นเป็นการเตือนถึงความไม่สมประกอบของเขาแต่เขายังคงตรงเข้าต่อสู้ต่อไป
แรงกดดันบนตัวหวีซุ่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
หัวใจเขาเต็มไปด้วยความกลัว คนพวกนี้โผล่มาจากที่ใดกันแน่? พวกเขายังอายุน้อย แต่ก็ทรงพลัง!
นักรบฟลามิงโกที่อยู่ต่อหน้าเขายืนตรงตระหง่านเหมือนคันหอก เหมือนกับทหารม้าโบราณผู้เคร่งครัดวินัย ภายในเปลวเพลิงที่สง่างาม ผมเงินที่พัดพลิ้ว ใบหน้าที่ห้าวหาญนัยน์ตาสีเพลิง
เขาเหมือนกับมีเปลวไฟลุกท่วม
เขาแค่กำลังเดินเข้ามาใกล้ แต่ก็ทำให้หวีซุ่นรู้สึกเหมือนเขากำลังเผาไหม้
หวีซุ่นสูดหายใจลึก เขารู้ว่าตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ถ้าเขาไม่ใส่ใจให้ดี วันนี้อาจเป็นวันตายของเขาภายใต้แรงกดดันของความตาย หวีซุ่นทิ้งความคิดกวนใจทั้งหมดรวมทั้งปิดกั้นเสียงรอบตัวเขาด้วย
รอบตัวหวีซุ่นกลายเป็นความเงียบสงัด เขาเงยหน้าขึ้นมองหลิงซิ่วผู้หยุดห่างจากเขาประมาณเจ็ดเมตร
เขาไม่รู้สึกเสียใจหรือดีใจ
ทั้งสองฝ่ายจ้องมองกันสามวินาที
ภายในเปลวเพลิง หลิงซิ่วยังคงนั่งอยู่บนฟลามิงโก ตาสีเพลิงของเขาเหมือนกับไฟ ผมสีเงินของเขากระพือตามลม เขาพูดออกมา “ท่าเดียวตัดสินแพ้ชนะ!”
ความชื่นชมปรากฏในสายตาของหวีซุ่น ความตั้งใจสู้ในตัวเขาเพิ่มขึ้สูง เขายิ้ม “ท่าเดียวตัดสินแพ้ชนะ!”
ทั้งสองฝ่ายจ้องกันและกัน และเคลื่อนไหวพร้อมกัน
ฟลามิงโกก้าวสั้นๆ แต่ในก้าวสั้นเหล่านี้ความเร็วของฟลามิงโกเพิ่มขึ้นในระดับน่าตกใจ และที่ระยะห่างจากหวีซุ่นสามเมตร กรงเล็บของมันจิกลงพื้นทรายพลังมหาศาลระเบิดออกและมันกระโจนขึ้น
ฟลามิงโกดูเหมือนลูกไฟที่ลอยในอากาศ
หวีซุ่นไม่ได้รู้สึกอะไร สีหน้าของเขาสงบเรียบเฉย ฝ่ามือทั้งสองเขาชิดอก และเหมือนกับโอบบอลสีเงินไว้ เกิดประกายไฟฟ้านับไม่ถ้วนควบแน่นในระหว่างฝ่ามือของเขาจนเป็นบอลไฟฟ้าสว่างกำลังปลดปล่อยปราณที่น่ากลัว
ฝ่ามือสายฟ้ากำศรวล เคล็ดสังหาร อัสนีบาตกำศรวล
หลิงซิ่วที่ทะยานในอากาศในจุดที่สูงสุดเริ่มตกลงมามองดูเหมือนกับดาวตก
วี้....
รอบๆ ดาวตกมีรัศมีเยือกเย็นนักไม่ถ้วนลักษณะเหมือนดวงดาว
อัสนีบาตรกำศรวลเต็มไปด้วยปราณทำลายล้างแต่มิเพียงแต่ไม่ทำให้หลิงซิ่วกลัวเท่านั้น แต่ทำให้เขายิ่งระห่ำมากขึ้น ความตั้งใจสู้ของเขารุนแรงกว่าเดิม บุรุษหนุ่มผู้นั่งตัวตรงอยู่บนนกฟลามิงโก ทั่วทั้งตัวปลดปล่อยเปลวเพลิง ขณะที่ถือหอกเงินอยู่ในมือ
รอบๆ ดวงดาวมีรัศมีสว่างหนาแน่นซึ่งเข้าไปในหอกในมือของเขา
หอกเงินกำลังสว่างเจิดจ้า ตัวหอกเร่าร้อน แต่หลิงซิ่วไม่รู้สึกอะไร ความเจ็บปวดจากกระดูกสันหลังทำให้เขารู้สึกมึนชา และใบหน้าที่หล่อเหลามีแววบ้าระห่ำ
อาจารย์ นี่คือหอกทะเลจุดของเสี่ยวซิ่ว
อาจารย์ นี่คือแก่นหอกผดุงธรรมของเสี่ยวซิ่ว
อาจารย์ นี่คือคุณธรรมของเสี่ยวซิ่ว!
อาจารย์, นี่คือหัวใจของเสี่ยวซิ่ว!
ร่างของบุรุษหนุ่มบ้าดีเดือดที่เหมือนกับเงาตรงเข้ามาและแทงหอกสวน
รังสีหอกเงินทะลวงเข้าไปในอัสนีบาตกำศรวล
ปัง!
บอลแสงเปล่งแสงเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์และความมืดจุดดำหายไป ในท่ามกลางสนามรบที่ยุ่งเหยิง ทุกคนตกใจกับเสียงระเบิดและหยุดเคลื่อนไหวทันที
ในแสงเงิน มีร่างๆหนึ่งถูกเหวี่ยงออกมาอย่างโหดร้ายพร้อมกับเลือดไหลเป็นทาง
“พี่หวี!”
สุ่ยเฉิงร้องเสียงหลงหลังจากฝืนตั้งรับการโจมตีจากถังอี้อย่างหนัก เขากระอักโลหิต แต่ร่างของเขาว่องไวเขาคว้าตัวหวีซุ่นที่หมดสติไปก่อนเขาจะร่วงลงพื้นและใช้พลังของเขาในกลางอากาศหนีไป
แขนขวาหวีซุ่นหายไป บาดแผลสาหัสโลหิตไหลทะลักเป็นทาง
นักสู้ที่เหลือตกตะลึงกันหมด หัวหน้าสองคนหลบหนี กำลังใจย่อมตกต่ำลงทั้งหมด จำนวนยอดฝีมือเหลือน้อยกว่าสี่สิบคนและทุกคนมองดูหย่งชิว
หย่งชิวค่อยสงบจิตใจได้ เขาชูมือสองข้างและฝืนยิ้ม“เรายอมแพ้”
นักสู้อื่นๆ ต่างโล่งใจโดยไม่รู้ตัว โยนอาวุธลงเงียบๆไม่มีใครข้องใจสงสัยว่าพวกเขาจะต้องตายแน่ หากยังต่อต้านขัดขืนต่อไป
เมื่อถังเทียนและแถวของกองกำลังเชลยปรากฏตัวในเผ่าหมาป่าไฟ ภาพนี้สั่นสะเทือนไปทั้งเผ่า ทุกคนออกมาดูและมองดูกองกำลังที่มาถึงอย่างเหลือเชื่อ
“พระเจ้า!นี่มันท่านหย่งชิวนี่!”
“ข้าได้ยินว่าแม้แต่ท่านหวีซุ่นและท่านสุ่ยเฉิงก็ยังบาดเจ็บหนักหลบหนีไป”
“ศักดินาชาวยุทธจบสิ้นแล้ว!”
“ถังเทียนและพวกพ้องเป็นเทพสงครามโดยแท้!”
เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยตื่นเต้นและประหลาดใจและเสียงชื่นชมสรรเสริญจากทั่วทุกมุม หัวหม่าเอ้ออยู่บนหลังม้าถึงกับนั่งตัวตรงแววภูมิใจปรากฏบนใบหน้านาง นางเห็นประจักษ์และได้พบกับการต่อสู้ที่จะเป็นตำนานด้วยตัวเองซึ่งจะส่งผลต่อนางยิ่งขึ้นไป
หัวใจนางเปี่ยมไปด้วยความสุข การได้พบกับถังเทียนและพวกพ้องเป็นการตัดสินใจที่ถูกที่สุดในชีวิตนาง
คนที่ประหลาดใจไม่เพียงแค่ชาวเผ่าหมาป่าเพลิงเท่านั้น แม้แต่สายลับที่คอยสอดแนมตามเผ่าต่างๆ ก็ยังไม่อยากเชื่อตาตนเอง พวกเขาลืมซ่อนตัวไปโดยปริยาย
ก่อนนี้เผ่าหมาป่าเพลิงเอาชนะซินลี่ได้เผ่าทะเลทรายทุกเผ่าก็สั่นสะเทือนไปหมด พวกเขาไม่แน่ใจตื้นลึกหนาบางของกลุ่มถังเทียน ดังนั้นทุกเผ่าจึงส่งคนมาคอยสอดแนม
รอบๆ เผ่าหมาป่าเพลิง มีตาหลายคู่มองดูอยู่ในเงามืด
ตำนานการต่อสู้แพร่กระจายออกไปเหมือนกับสายลม ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นข่าวกระจายไปทุกท้องที่ทะเลทราย
ทั่วทั้งทะเลทรายปั่นป่วน
แม้ว่าซินลี่จะแข็งแกร่ง แต่เขาที่เป็นใหญ่ในท้องที่ทะเลทรายก็เป็นแต่เพียงผู้ช่วยเท่านั้น แต่กลุ่มศักดินาชาวยุทธเป็นหนึ่งในสามกลุ่มพลังใหญ่ทรงอิทธิพลในกลุ่มดาวหมาป่า และเป็นกลุ่มชั้นนำของกลุ่มดาว หวีซุ่น สุ่ยเฉิงและหย่งชิวเป็นขุนพลที่ร้ายกาจของอูเถี่ยหวี่ ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งก็ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเผ่าทะเลทรายรวมพลังกันเสียอีก
แต่กลับกลายเป็นว่าขุนพลผู้ร้ายกาจทั้งสามของศักดินาชาวยุทธ คนหนึ่งยอมแพ้และอีกสองคนบาดเจ็บ
และความล้มเหลวที่กลุ่มศักดินาชาวยุทธได้รับอีกอย่างหนึ่งก็คือมือดีเป็นจำนวนมากพ่ายแพ้
มือดีของกลุ่มศักดินาชาวยุทธเป็นพวกที่แข็งแกร่งที่สุดในสามกลุ่มของกลุ่มดาวหมาป่า ทุกคนเป็นนักสู้ระดับสวรรค์วิถี แต่นักสู้ฝีมือดีเหล่านี้ได้ผ่านการคัดเลือกที่เข้มงวดมากและทุกคนที่ได้รับเลือกจะแข็งแกร่งกว่านักสู้ระดับสวรรค์วิถีทั่วไปอยู่มาก เทียบกับชาวเผ่าทะเลทรายแล้ว พวกเขาแข็งแกร่งกว่าสองสามเท่า
อูเถี่ยหวี่ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลและกำลังคนสร้างมือดีของกลุ่มศักดินาชาวยุทธ
การทำลายมือดีของกลุ่มศักดินาชาวยุทธสำหรับพวกเขาแล้วอาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้น
แค่ก่อนค่ำคืน ไม่มีใครคิดว่ากองกำลังที่แข็งแกร่งจะพ่ายแพ้ได้ แต่พวกเขาก็พ่ายแพ้ด้วยฝีมือของชายหนุ่มทั้งสาม
ในสายตาคนอื่น ถังอี้คือขุนพลวิญญาณของถังเทียน ดังนั้นความสามารถของถังอี้น่าจะแทนถังเทียนได้หมด
ชื่อเสียงของถังเทียน อาเฮ่อและหลิงซิ่วขจรไปไกล
ก่อนหน้านี้ทุกคนแทบไม่เข้าใจพลังของถังเทียนและกลุ่มของเขา แต่หลังจากการต่อสู้ที่กลายเป็นตำนานไม่มีใครสามารถหยั่งทราบพลังของพวกเขาได้ แต่ทุกคนรู้ว่า พวกเขาไม่ธรรมดา
บุรุษหนุ่มทั้งสามแข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งเกินกว่าพวกเขาจะนึกภาพออก
ไม่มีอะไรพิสูจน์ความจริงได้นอกจากผลต่อสู้ ไม่มีอะไรทำให้ผู้คนคลายใจได้รับความเชื่อถือนอกจากพลัง ยิ่งกว่านั้นพวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่น่ากลัวอย่างนั้น
ผู้นำเผ่าทะเลทรายทุกคนนำองครักษ์ผู้ภักดี หินดวงดาวไม่สนใจว่าจะต้องสิ้นเปลืองปราณแท้ เดินทางกันตลอดทั้งคืน
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในวันรุ่งขึ้นที่ทางเข้าหมู่บ้านเผ่าหมาป่าเพลิง ผู้นำเผ่าต่างๆ ก็เดินทางมาถึง