ตอนที่ 275 พายุข้างหน้า
การเป็นหนึ่งในสามกลุ่มอิทธิพลของกลุ่มดาวหมาป่ากลุ่มศักดินาชาวยุทธย่อมมีความริเริ่มเป็นแบบแผนเป็นธรรมดา
เหลือคนอยู่แปดสิบคนรวมกันอยู่ตรงกลางและทุกคนนั่งขัดสมาธิเดินพลังปราณ หลังจากพบกับการต่อสู้ก่อนหน้านั้นพวกเขากลัวกันแล้ว ใครจะข่มตาหลับได้ลง?
พวกนักสู้สามารถไปต่อได้โดยไม่ต้องหลับเป็นเวลาสี่ถึงห้าวันได้ขอเพียงได้นั่งสมาธิเดินพลังฟื้นฟูลมปราณ
ทุกคนมีอาวุธอยู่ในมือและไม่ยอมถอดเกราะออก ขณะที่บรรยากาศตึงเครียดหนัก
นักสู้ที่ได้รับบาดเจ็บได้รับการรักษาและพันแผลอย่างเรียบง่ายและอยู่อย่างสงบ พวกเขาก็รู้เช่นกัน ไม่ทำเสียงดังเกินไปเนื่องจากจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจของกองกำลัง ในกลุ่มดาวหมาป่า เมื่อท่านกลายเป็นภาระของคนอื่น ท่านอาจเป็นคนแรกที่ถูกกำจัดออกไป ในทะเลทรายกว้างใหญ่ ถ้าพวกเขาถูกทอดทิ้ง พวกเขาไม่มีโอกาสรอดแน่นอน
หวีซุ่น,สุ่ยเฉิงและหย่งชิวนั่งเป็นตำแหน่งสามเหลี่ยมรอบค่ายโดยกองกำลังอยู่ตรงกลางคอยเฝ้าคุ้มครองทั้งค่าย
หูของสุ่ยเฉิงมีรังสีฟ้าสลัวๆดูคล้ายกับใบตองสีฟ้า วิชาสายธาตุน้ำพลังสดับฝน
ทันใดนั้นสุ่ยเฉิงกระดิกหูเบาๆ สีหน้าเปลี่ยนและตะโกน “พวกมันกำลังมา!”
ทุกคนลืมตา ในกลุ่มปั่นป่วนแต่สงบอย่างรวดเร็ว สีหน้าทุกคนดูกังวล ทุกคนนึกถึงอาวุธลับไม่ว่าพวกเขาจะใช้เป็นหรือไม่ พวกเขาถืออาวุธลับในมือมองดูรอบๆอย่างกังวลภายใต้จันทร์ฉายงดงาม
ภายใต้แสงจันทร์สีเงินภาพเนินทรายรอบๆ สว่างโพลนราวหิมะ
ร่างสี่ร่างปรากฏอยู่บนยอดเนินทรายเงาดำใหญ่สี่ทอดยาวลงบนผืนทราย รังสีฆ่าฟันมากมายแทรกซึมอยู่ภายใต้แสงจันทร์
คนทั้งสี่ยืนอยู่บนยอดเนินทรายอย่างสง่างามไม่มีความคิดจะซ่อนตัวไม่มีแผนการอื่นใดกำลังมองมาที่พวกเขา
หวีซุ่นและพวกอีกสองคนมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวอย่างมิอาจอธิบายได้
เห็นได้ชัดว่าศัตรูตั้งใจมาโจมตีแน่นอน
ก่อนหน้านี้พวกเขาเดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหายคอยลอบโจมตีเล่นงานจนหวีซุ่นกับพวกย่ำแย่ ทั้งกลัวและประหลาดใจ แต่พอพวกเขาปรากฏออกมาโดยเปิดเผยในตอนนี้กลับทำให้พวกเขารู้สึกโกรธมาก
พวกเขาไม่เห็นหวีซุ่นและพวกที่เหลืออยู่ในสายตา!
ช่างกล้านัก, ดูถูกกันชัดๆ,โอหังเกินไป
กลุ่มศักดินาชาวยุทธยืนหยัดอยู่ในจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารในกลุ่มดาวหมาป่า พวกเขาจะทนโดนดูถูกได้อย่างไร?
มีคนเพียงสี่คนพวกเขายังกล้าทำเช่นนั้นหรือ?
หวีซุ่นสูดลมหายใจลึกข่มความโกรธในใจ ชูมือขวาแล้วตะโกน“ศักดินาชาวยุทธ!”
ท่าทีไม่จริงจังของหย่งชิวหายไป หน้าของสุ่ยเฉิงเปลี่ยนเป็นเอาจริง นักสู้ฝีมือดีผู้มีสีหน้าหวาดกลัวหายไปและทุกคนมีท่าทีสำรวม
พวกเขาทุกคนใช้ชีวิตอยู่กลุ่มศักดินาชาวยุทธมานานเกินกว่าห้าปีและมีความรู้สึกต่อกลุ่มศักดินาชาวยุทธอย่างลึกซึ้ง
คำพูดนี้หลอมรวมอยู่ในสายเลือดของเขาเป็นเวลานาน
เผียะ
ทุกคนใช้อาวุธที่พวกเขาเลือกตบใส่หน้าอกตนเอง นักสู้ทั้งแปดสิบคนตะโกนพร้อมกัน“ศักดินาชาวยุทธ!”
เป็นแค่เพียงเสียงกระหึ่มของคนแปดสิบคน แต่ให้ความรู้สึกเหมือนพยัคฆ์คำราม
นักสู้ทุกคนแม้แต่นักสู้ฝีมือดีที่ได้รับบาดเจ็บ ทุกคนมีสีหน้ากระตือรือร้นลมหายใจพวกเขาถี่เร็ว ดูท่าทางดุร้าย
ที่บนเนินทรายอาเฮ่อมีสายตาที่รู้สึกประหลาดใจและพูดอย่างเฉยเมย “พวกเขามีกำลังใจดี”
ถังอี้ยังถือดาบฟันขาม้าก็ยังเฉยเมยอยู่เขาแค่กล่าว “ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง”
หลิงซิ่วใจร้อน พรึ่บ!เปลวเพลิงแดงลุกโพลงจากฟลามิงโกครอบคลุมร่างของเขา ขณะที่เขาเริ่มหงุดหงิด
ถังเทียนไม่สบายใจ “เฮ้, ซิ่วซิ่วน้อย เจ้าอย่าทำตาแบบนั้นได้ไหม”
ถังเทียนตอนนี้ค่อนข้างหยาบกร้าน นกยูงเข้าไปอยู่ในตาของเขาแล้ว เกราะหายไปแล้ว ตาขวาของเขาใช้ที่ปิดตาสีดำปิดเอาไว้ ใครเห็นเขาตอนนี้อาจนึกว่าเขาคือโจรสลัด
เขาตัดสินใจอวดศักดานุภาพของเขาและโบกมือตะโกนลั่น “หนุ่มชาวฟ้า..ไร้เทียมทาน!”
หลิงซิ่วพึมพำ “งี่เง่า!”
อาเฮ่อ “โปรดอย่าทำแบบนั้น เจ้าจะทำให้เราถูกหัวเราะเยาะได้”
ถังอี้ “......”
ถังเทียนกลั้นหัวเราะไม่ไหวเขาพูดพลางหัวเราะพลาง “ไปก็ไป!”
ความพร้อมเพรียงของทุกคนทำให้พวกเขาผ่อนคลาย...
พอพูดจบแค่นั้นถังเทียนวิ่งแน่บออกไปก่อน
หลิงซิ่วตะลึง จากนั้นโมโหฉุนเฉียว“เจ้าหน้าด้าน.. ขี้โกงนี่หว่า!”
เขาวิ่งออกไปทันที
ร่างทั้งสี่เหมือนกับพุ่งตรงเข้าไปในค่ายของหวีซุ่นเหมือนลูกศรกราดเกรี้ยว
“ฆ่า!”
หวีซุ่นมีสีหน้าเย็นชาตะโกนสั่งการลั่นและระดมซัดอาวุธลับในมือดุจห่าฝน อาวุธลับทุกชนิดถูกระดมใช้ออกมา ธนูและรังสีแสงยิงใส่ถังเทียนและพวก
ตาซ้ายสีฟ้าของถังเทียนเป็นประกายทำให้สีหน้าเขากลับกลายเย็นชา
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยอาวุธลับกลับกลายเป็นเห็นกระจ่างสำหรับเขา
ในมุมมองของคนอื่น ร่างของถังเทียนกลายเป็นภาพเลือนรางเหมือนกลุ่มหมอก อาวุธลับที่ซัดออกมาพุ่งผ่านเขาไปโดยไม่มีผลอะไร มีบางครั้งที่เกิดประกายทำให้ผู้คนรู้ว่านั่นไม่ใช่กลุ่มหมอก
ร่างของถังเทียนโยกไปมาอย่างรวดเร็วในพื้นที่กว้างเล็กน้อย โดยใช้ช่องว่างน้อยนิดระหว่างอาวุธลับจนทำให้เกิดภาพเช่นนั้น
ตรงส่วนใดที่เขาไม่สามารถหลบได้เขาจะใช้โล่ตะลุยเลือดป้องกันไว้ได้อย่างสบาย
วิ่งออกมาได้มากกว่าสิบเมตร ธนูห้าดอกยิงออกมาจากเงาที่ซ่อนตัวเหมือนงูรอโอกาสลอบโจมตีและปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาอย่างเงียบๆ ในช่วงท้ายนี้เองปราณที่แฝงอยู่ในธนูก็ระเบิดออกและธนูที่ดูเหมือนอ่อนก็มีรังสีออกมา
เนื่องจากการปรากฏของลูกธนูอย่างฉับพลัน ปราณที่รุนแรงและแหลมคมทั้งห้าได้จับเป้าเส้นทางหลบที่เป็นไปได้ของถังเทียน
ตาของหย่งชิวเป็นประกาย แม้ว่าลูกธนูจะไม่มีแรงสั่นสะเทือนที่ประหลาดอะไร แต่พลังและแรงของมันก็ยังรุนแรงกว่าเมื่อเทียบกับอาวุธลับ ธนูห้าดอกสามารถยิงทะลุแผ่นเหล็กหนาห้านิ้วได้
ในมือของเขายังมีมีดบินเงิน สายตาของเขามองถังเทียนอย่างตั้งใจรอให้เขาก่อความผิดพลาด เขาเพ่งมองหาจุดโจมตีที่รุนแรง
ถังเทียนมองดูเหมือนไม่มีทางหลบและยืนตรงอยู่กับที่ แขนของเขาถือโล่ เขางอร่างขาขวาก้าวขึ้นมาข้างหน้าอยู่ในท่าม้าและเชิดหน้าขึ้น
ดวงตาซ้ายสีฟ้าเพิ่มความคมกล้าทันที ความเย็นเสียดกระดูกหนาวลึกจับใจทวีความรุนแรงขึ้น หน้าที่ดูไม่ธรรมดามีลักษณะเฉยชาและไร้อารมณ์ แต่ด้วยเหตุผลบางประการเมื่อเห็นเช่นนั้นหย่งชิวหัวใจสั่นสะท้าน
เจ้าผู้นี้...ก่อนนั้นยังซ่อนพลังไว้หรือนี่?
ครั้งสุดท้ายเขายังไม่มีดวงตาสีฟ้า....
ความคิดแว่บผ่านหัวใจหย่งชิว
โล่ตะลุยเลือดในมือถังเทียนถูกชูขึ้น โล่เรืองแสงสีแดงทึมต้านรับธนูทั้งห้าดอก เขายกข้อศอกเสมอไหล่ และดันไปข้างหน้า
ปัง!
แสงสีแดงบนโล่ตะลุยเลือดเหมือนกับดอกไม้ที่บานออกพร้อมกับเสียงดัง
แสงรังสีโล่สีแดงขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ต่อหน้าถังเทียน
โล่ปราณควบแน่นของวิชาโล่อากาศโจมตี!
พลังธนูโจมตีปะทะเข้ากับรังสีโล่
ติง!
เหมือนกับแก้วแตกแสงโล่สั่นสะเทือนในพริบตา
หย่งชิวมีสีหน้าดีใจแต่ในทันใดนั้นสีหน้าเขาแข็งค้าง
แสงโล่ถูกบีบอัดด้วยอากาศที่ควบแน่น หลังจากอากาศแตกทำลาย อากาศที่ถูกบีบอัดเป็นร้อยเท่าก็แตกสูญเสียพลังยึดเหนี่ยวไว้ด้วยกันและระเบิดออกมา
ปัง!
อาวุธลับและธนูหน้าถังเทียนทั้งหมดถูกลากและระเบิดออกไปเช่นกัน
ดวงตาหย่งชิวเบิกโพลง ไม่ดีแน่
เศษชิ้นส่วนที่ถูกระเบิดออกมาพร้อมกับระลอกระเบิดกระจายออกไป ทันใดนั้นการมองเห็นของเขามืดลงมีร่างหนึ่งยืนขวางไว้หน้าเขา ฟงโฉ่ว!ดาบของฟงโฉ่วตวัดขวางป้องกันเศษอากาศที่แตกกระจายออกมา
แต่คนรอบๆ ล้วนได้รับผลกระทบกันหมด
ปุ ปุ ปุ!
รอยเลือดสองสามสายพุ่งออกมา เศษวัตถุที่เหมือนอาวุธลับแทงร่างนักสู้
ถังเทียนฉวยโอกาสวิ่งตรงเข้าหาฟงโฉ่ว กรงเล็บแมวโลหิตในมือของเขาปล่อยพลังที่มีประกาย โจมตีใส่ฟงโฉ่ว ประกายกรงเล็บแมวโลหิตเปลี่ยนสีฟ้าเป็นสีเงิน
ปราณแท้นกยูงในตัวถังเทียนไม่สูญเสียไปเลยสักหยด
การสูญเสียพลังปราณแท้นกยูงที่แน่นหนาไม่รู้จักหมดก่อนนี้ทำให้เขาอ่อนแอมากกว่าแต่ก่อน ปราณแท้ของเขากลับมาอยู่ในระดับหกอีกครั้ง
หย่งชิวสังเกตเห็นจุดอ่อนถังเทียนได้ในเวลารวดเร็วและความเชื่อมั่นในตอนเองของเขาเพิ่มมากขึ้น เขาแค่นเสียงเยาะเย้ย ปราณแท้ระดับหก ยังกล้ามาเล่นถึงนี่เชียวหรือ?
เขาเป็นนักสู้ระดับเจ็ด ฟงโฉ่วระดับแปดถ้าทั้งสองร่วมพลังกันยังไม่สามารถเอาชนะนักสู้ระดับหกได้เขาสมควรไปฆ่าตัวตายได้แล้ว
กลยุทธต่อสู้ของฟงโฉ่วเปลี่ยนไปทันที รังสีดาบของเขาเผยให้เห็นชัดเจนและกล้าแข็งมาก
หย่งชิวตะโกน “ปล่อยเจ้านี่ให้ข้าเอง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นนักสู้คนอื่นมีกำลังใจเพิ่มขึ้น หัวหน้าของเขาต้องพบจุดอ่อนของศัตรูแล้วและเตรียมพิชิตชัย พวกเขาหันไปช่วยคนอื่นทันที
นอกจากดาบเงินแล้ว ยังมีลูกขวานเหล็กปรากฏอยู่ในมือของหย่งชิว นี่เป็นอาวุธลับที่เขาไม่ค่อยได้ใช้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้วิธีใช้มัน ปราณแท้ของเขาอ่อนที่สุดในบรรดาสามคนและเขาไม่คาดเลยว่าจะพบกับคนที่มีพลังปราณแท้ต่ำกว่าเขา ถ้าเขาไม่ย่ำยีศัตรูผู้นี้ ก็เท่ากับปล่อยโอกาสทองให้หลุดมือไป
หน้าของหย่งชิวแสดงอาการเยาะเย้ย เขาเร่งเร้าปราณแท้ในร่างเขาและซัดลูกขวานในมือออกไป
ความเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมากในเสี้ยววินาทีเขาซัดลูกขวานออกไปหกลูก
รังสีลูกขวานสีดำสนิทมีเสียงแหวกอากาศไล่ตาม
ฟงโฉ่วร่วมประสานกับเขาเช่นกันรังสีดาบในมือของเขาเปลี่ยนเป็นยืดหยุ่น และรังสีดาบซ้อนเป็นชั้นเกลียว ปราณแท้ของมันแข็งแกร่งกว่าถังเทียนมากมาย ชั้นของรังสีดาบเหมือนกับชั้นรังสีโล่ที่หุ้มรอบถังเทียนแน่นหนา
ถังเทียนไม่มีอิสระที่จะหลบได้!
ตาย!
หย่งชิวคำรามในใจ!
เขาถ่ายเทพลังมากมายไว้ในลูกขวานบินทั้งหก และถังเทียนไม่มีพื้นที่ให้หลบ นอกจากมีพลังพิเศษมาช่วยเขา เขาไม่มีทางอื่น ขณะที่วิชาสังหารที่แท้จริงก็คือฟงโฉ่ว
ชั้นของรังสีดาบพร้อมกับรังสีฆ่าฟันเพิ่มพูนขึ้น ตราบใดที่ถังเทียนเผยจุดอ่อนฟงโฉ่วจะเอาชีวิตเขาได้
ก็แค่นักสู้ระดับหก....
หย่งชิวไม่เข้าใจเลย สวะอย่างนี้กล้าหาญขนาดนั้นได้อย่างไร
ทันใดนั้น หนังตาเขากระตุกทันที
ประกายแพรวพราวปรากฏขึ้นในสายตาเขา
นั่นคือ...
ม่านตาหย่งชิวหดลีบเหลือเท่าเข็มทันที
คมของกรงเล็บที่เรืองแสงสีแดงและเสียงหวีดร้องแหวกอากาศทำเส้นผมตั้งชันได้ แต่ตอนนี้ ภาพที่หย่งชิวเห็นก็คือแสงสว่างแพรวพราวเจิดจ้าเหมือนกับดอกไม้ไฟ
ดวงดาวในท้องฟ้าเหมือนกับการแสดงโคมไฟและดอกไม้ไฟบดบังร่างถังเทียนอย่างสิ้นเชิง
ปัง ปัง ปัง!
เสียงบีบอัดและทึบดังสะท้อนออกมา
ประกายเหมือนกับหิ่งห้อยบินขึ้นบินลงแต่หลงจากนั้นประกายนั้นก็มารวมกันอีกครั้ง ขณะที่ถังเทียนผู้อยู่ในท่ามกลางประกายยืนอยู่ที่เดิมสีหน้าเฉื่อยชาเหมือนกับว่าเขาไม่ได้รับผลอะไรรังสีดาบที่ร้ายกาจของฟงโฉ่วไม่สามารถขยับขึ้นหน้าได้สักนิ้ว
เป็นไปไม่ได้....
หย่งชิวไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง ภาพที่เกิดอยู่ข้างหน้าเขาอยู่เหนือสามัญสำนึกของเขา
นี่มันเรื่องตลกร้ายชัดๆ! นักสู้ระดับเจ็ดและขุนพลวิญญาณระดับแปดร่วมมือกันแต่พ่ายเด็กนักสู้ระดับหก นี่มันตลกร้ายอะไรกันแน่?
เป็นไปไม่ได้, มันเป็นไปไม่ได้!
ทันใดนั้นหย่งชิวตะงันอยู่กับที่ ในสมองของเขามีแต่คำว่าเป็นไปไม่ได้ผุดขึ้นมาเต็มหัว
ม่านตาของเขาหดลีบจนเหลือเท่าเข็ม กลายเป็นทะเลแห่งความกลัวทันที