ตอนที่ 274 น้ำแข็งเงินกับขนนกดำ
หลิงซิ่วสังเกตสีหน้าของอาเฮ่อ จึงตั้งใจจ้องมองเขา ฝ่ามือเขาจับหอกแน่นโดยมิได้ตั้งใจ
อาเฮ่อรู้ว่านั่นคืออะไร
สีหน้าอาเฮ่อเปลี่ยนไป เขาสูดหายใจลึกและผงกศีรษะช้าๆ “ข้ารู้จักเพลงนี้”
หัวใจของหลิงซิ่วเต้นแรงทันทีเมื่อได้ยินคำยืนยันของอาเฮ่อ
“เพลงนี้คือเพลงจากกลุ่มดาวแกะแห่งสิบสองวังในระนาบสุริยคลาสเป็นเพลงประจำกองทัพพาหนะน้ำแข็งเงิน” สีหน้าของอาเฮ่อหม่นหมองและแสดงอาการครุ่นคิด “สิบสองวังระนาบสุริยคลาส มีรุ่งเรืองและมีตกต่ำ มีความมั่งคั่งและเกียรติยศมีอับอายและอดสูบางที่ก็หายไปและบางที่ก็ถูกทำลาย แต่ยังมีผู้ลุกขึ้นยืนหยัดอีกครั้ง น้อยคนนักที่จะรู้ว่าสิบสองตำหนักระนาบสุริยคลาสเป็นเช่นไรแน่ สิบสองตำหนักระนาบสุริยคลาสไม่เพียงแค่บ่งชี้ถึงสิบสองกลุ่มดาวเท่านั้นแต่ยังแสดงถึงมรดกที่มีรูปแบบที่แข็งแกร่งที่สุดสิบสองอย่างมรดกสิบสองอย่างที่ตกทอดมาอย่างยาวนาน”
“มรดก? ใช่วิทยายุทธหรือเปล่า?” ถังเทียนอดถามไม่ได้
“ก็อาจจะใช่” อาเฮ่อรู้ว่ามันซับซ้อนและถังเทียนคงไม่เข้าใจอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงพูดต่อ “กลุ่มดาวอาจถูกทำลายและหายไป แต่มรดกเหล่านี้ยังมีการตกทอดกันอยู่”
“แม้กระทั่งกลุ่มดาวสิงห์เมื่อเร็วๆ นี้แม้ว่าราชสีห์เลโอจะมีชื่อเสียงในสวรรค์วิถี แต่ความจริงน้อยคนนักจะรู้ว่าราชสีห์เลโอประสบความสำเร็จได้เพราะมรดกของกลุ่มดาวสิงห์ กลุ่มดาวสิงห์ดั้งเดิมถูกทำลายไปแล้วไม่มีผู้ใดทราบว่านานเท่าใด แต่เมื่อมรดกของกลุ่มดาวสิงห์ตกทอดมาอยู่ในเงื้อมมือของเลโอ เลโอจึงมีความทะเยอทะยานและเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ด้วยพลังของเขาเองเขาสร้างกลุ่มดาวใหม่ในสวรรค์วิถี ซึ่งทำให้กลุ่มดาวสิงห์แข็งแกร่งเป็นหนึ่งในสิบสองวังระนาบสุริยคลาสในวันนี้ ด้วยวิธีการนี้ไม่ว่าจะเป็นกิจการใดที่ถูกวางไว้ในคนทุกรุ่นก็จะกลายเป็นสุดยอดในบรรดาคนที่เหลือ แต่สำหรับกลุ่มดาวแกะ แตกต่างออกไปเล็กน้อย”
ไม่มีใครคิดว่าอาเฮ่อจะเริ่มหัวข้อของประวัติศาสตร์ แต่พวกเขายังซึมซับเรื่องเล่าของอาเฮ่อได้อย่างลึกซึ้ง
“ข้าต้องขอบอกเอาไว้ เมื่อข้าได้เห็นบันทึก ข้ามักรู้สึกว่ากลุ่มดาวแกะเป็นกลุ่มดาวที่ประหลาด กลุ่มดาวแกะมักจะแข็งแกร่งยอดเยี่ยมเสมอ แต่พวกเขาไม่เคยครองความยิ่งใหญ่ในสวรรค์วิถี นี่เกี่ยวข้องกับปรัชญาของพวกเขา พวกเขายึดมั่นในสัจจะและคุณธรรม ดังนั้นปรมาจารย์ทุกรุ่นในกลุ่มดาวแกะจึงเป็นคนดีและรักความเป็นธรรม แม้ว่ายอดฝีมือของกลุ่มดาวแกะจะอ่อนแอที่สุดในสิบสองวังระนาบสุริยคลาส แต่เรื่องแปลกก็ยังคงเป็นเรื่องแปลก ไม่มีใครกล้าดูแคลนกลุ่มดาวแกะและนั่นเป็นเพราะกององครักษ์พิทักษ์กลุ่มดาวแกะก็คือกองกำลังพาหนะน้ำแข็งเงิน”
ลมหายใจของหลิงซิ่วกระชั้นขึ้น
อาเฮ่อชำเลืองหลิงซิ่วและพูดต่อ “กองกำลังพาหนะน้ำแข็งเงินสวมเกราะเงินและใช้หอกเงินขับขี่แกะหิมะเขาดาบ พวกเขาคือกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในทุกรุ่น ประวัติศาสตร์ของกองพาหนะน้ำแข็งเงินนั้นยาวนานพอๆ กับกลุ่มดาวเอง และพวกเขาน่าจะเป็นผู้สืบทอดมรดกกลุ่มดาวแกะที่แท้จริง จนถึงตอนนี้ กองพาหนะน้ำแข็งเงินสร้างเซียนหอกถึง296 แล้ว เป็นหอกจากกลุ่มดาวแกะและนี่คือลำนำที่สืบต่อกันมาทุกรุ่น ไม่มีผิดแน่”
ถังเทียนและหลิงซิ่วปากอ้าตาค้าง
เซียนหอกเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติ ไม่ว่ารุ่นไหนก็ตามจำนวนของพวกเขาสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว ใครกันจะรู้ว่าความจริงเซียนหอกอาจมีจำนวนเกินร้อย
ความรู้สึกกดดันแทบทำให้ทุกคนหายใจไม่ออก
อาเฮ่อฝืนยิ้ม และส่ายศีรษะ “น่ากลัวมาก, กองพาหนะน้ำแข็งเงินตัดสินใจว่ามีแต่เพียงเซียนหอกเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัตินำกองทัพได้ รุ่นนั้นมีเซียนหอกซึ่งอยู่ในกองพาหนะน้ำแข็งเงินแข็งแกร่งที่สุด ความจริงพวกเขามีเซียนหอกถึงเก้าคน! ในประวัติศาสตร์กลุ่มดาวแกะเมื่อสามร้อยปีก่อนพวกเขาได้รับการยกย่องว่ารุ่นน้ำแข็งเงิน”
ทุกคนงุนงงและไม่สามารถพูดอะไรได้
“แต่สามร้อยปีที่แล้ว ก็มีการเปลี่ยนแปลงในที่สุด”
“เปลี่ยนแปลงอะไร?” หลิงซิ่วถามอย่างกังวล
“ประมาณสามร้อยปีที่แล้ว ปรากฏอัจฉริยะเชิงหอกสองคนในกองพาหนะน้ำแข็งเงินกู่หนานกับเหลียนหวี่ ทั้งสองคนเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นและตั้งแต่เกิดพวกเขาสนิทกันเหมือนกับพี่น้อง อนาคตผู้บัญชาการของกองพาหนะน้ำแข็งเงิน ทุกคนมักคิดว่าจะต้องเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างสองคนนี้ แต่ชีวิตมักจะมีความไม่ยุติธรรม ในภารกิจครั้งหนึ่งกู่หนานเสียชีวิตและหาศพเขาไม่พบ เหลียนหวี่กลายเป็นผู้บัญชาการกองพาหนะน้ำแข็งเงินได้ในที่สุด และสามปีต่อมา ผู้นำกลุ่มดาวแกะซางหมิงคงป่วยเสียชีวิตบุตรคนโตของเขาอายุสิบเก้าปีกลายเป็นผู้นำปกครองกลุ่มดาวแกะ ตั้งแต่นั้นมาก็ต่อต้านธรรมเนียมของกลุ่มดาวแกะทำให้หลายคนในกองพาหนะน้ำแข็งเงินไม่สบายใจ สองปีต่อมากลุ่มดาวแกะเกิดสงครามกับอีกกลุ่มดาวหนึ่ง และกองกำลังพาหนะน้ำแข็งเงินถูกจับได้ในการซุ่มโจมตีครั้งหนึ่งเป็นผลให้กองทัพของพวกเขาถูกทำลาย เหลียนหวี่เสียใจมากตัดสินใจจัดตั้งกองทัพใหม่เรียกว่ากองพาหนะขนนกดำ สี่สิบหกปีต่อมาเหลียนหวี่ป่วย สามเดือนต่อมาก็ถึงแก่กรรม ตระกูลซังถูกไฟเผาผลาญ ไม่มีใครหนีรอดได้ หกเดือนต่อมา เหลียนหย่งเฉิงบุตรชายของเหลียนหวี่ถูกผลักดันให้เป็นผู้นำปกครองกลุ่มดาวแกะ”
“เหลียนหวี่มีความทะเยอทะยานมากและวิชาหอกของเขาก็เหนือกว่าระดับหอกเซียนธรรมดา เพื่อประโยชน์เป็นมรดกพลังของกลุ่มดาวแกะเขาบัญญัติวิชาหอกทะลวงวิญญาณขนนกดำซึ่งกลายเป็นมรดกของกองพาหนะขนนกดำและมรดกของกองพาหนะเงินน้ำแข็งก็ค่อยๆหายสาบสูญไป หลังจากยุคเขาแล้ว กลุ่มดาวแกะก็เข้าสู่รุ่นขนนกดำและปัจจุบันนี้กลุ่มดาวแกะตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของทายาทเหลียนหวี่ ในรุ่นขนนกดำนี้กลุ่มดาวแกะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยความรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วในปัจจุบันนี้จึงเป็นหนึ่งในกลุ่มดาวที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากกลุ่มดาวสิงห์กลุ่มดาวคนยิงธนูและกลุ่มดาวแกะ นั่นคือเป็นอันดับที่สาม”
พอเห็นหลิงซิ่วหน้าซีด อาเฮ่อถอนหายใจ “หลิงซิ่ว ถ้าข้าเดาไม่ผิดเป็นไปได้ว่าเจ้าสืบสายวิชามาจากกู่หนาน ตอนนั้นเมื่อข้าอ่านบันทึกอยู่ ข้าสงสัยว่ากู่หนานคงยังไม่ตาย เมื่อเป็นเช่นนี้ หอกทะเลจุดของเจ้ามีความเป็นไปได้ว่าคือวิชาของกลุ่มดาวแกะนามว่าดาราแห่งหอกดาวแกะ”
“ดาราแห่งหอกดาวแกะ?” หลิงซิ่วตะลึงและเขาหันไปทางปิงทันที
ปิงเคยพูดชื่อนั้นมาก่อน
เสียงของปิงดังออกมาจากพยัคฆ์ฟ้า “ถูกแล้ว ในช่วงเวลาของข้าดาราแห่งหอกดาวแกะคือวิทยายุทธที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มดาวแกะ”
“ข้าคิดว่าอาจารย์ของเจ้าเปลี่ยนชื่อมันด้วยหวังว่าเจ้าจะไม่สนใจกลุ่มดาวแกะ” อาเฮ่อพูดอย่างสุภาพ “เหลียนหวี่กำจัดบาดแผลและร่องรอยรุ่นน้ำแข็งเงินออกหมดและเพราะมีความเสียหายรุนแรงเกินไป กลุ่มดาวแกะจึงใช้เวลาฟื้นฟูอยู่นาน แม้ว่าจะผ่านมานานสามร้อยปีหลังจากยุคเหลียนหวี่แล้ว ข้าก็ยังรู้สึกว่าทายาทตระกูลเหลียนยังคงกีดกันดาราแห่งหอกดาวแกะไว้ทั้งหมดและไม่เคยมองข้ามอะไร ดังนั้นอาจารย์ของเจ้าจึงเปลี่ยนชื่อเป็นวิชาหอกทะเลจุด แต่มีความเป็นไปได้ว่าอาจารย์ของเจ้าอาจไม่รู้อะไร กู่หนานจากไปนานแล้ว ชื่อดาราแห่งหอกดาวแกะนี้อาจพัวพันฆาตกรและภัยพิบัติอีกมากก็ได้”
“ทำไมกู่หนานจึงไม่ล้างแค้น” ถังเทียนไม่เข้าใจ “เหลียนหวี่นั้นต้องทำอะไรบางอย่างแน่นอน”
“ใครจะรู้” อาเฮ่อถอนหายใจ “บางทีเขาอาจได้รับบาดเจ็บหนัก เหลียนหวี่วางแผนอย่างละเอียดและทันทีที่พวกเขาเคลื่อนไหว ก็ยากจะหลีกเลี่ยงจากพวกเขาได้”
หลิงซิ่วตกตะลึง
เขาไม่เคยคิดว่าหอกทะเลจุดของเขาเองจะมีความเกี่ยวพันกับกลุ่มดาวแกะในปัจจุบันและกับความบาดหมางอาฆาตแค้น อาจารย์ของเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเขามาก่อน
“ซิ่วซิ่วน้อย” ถังเทียนมองดูหลิงซิ่วด้วยแววตากังวล
หลิงซิ่วค่อยเรียกสติคืนมา ความตกใจบนใบหน้าของเขาหายไป และเขาฟื้นคืนท่าทีมั่นใจกลับมา “ข้าไม่รู้ว่าวิชาที่ข้าฝึกคือดาราหอกดาวแกะ ไม่ว่าจะมีประวัติเช่นใดก็ตามมันไม่เกี่ยวกับข้า เป้าหมายของข้าก็คือทำลายเจ้าคนทรยศผู้นั้นและแก้แค้นให้อาจารย์ด้วยตัวข้าเอง”
ถังเทียนตบอกตัวเอง “สบายใจได้, ซิ่วซิ่วน้อย อาเฮ่อกับข้าจะช่วยเจ้าแน่นอน”
“ข้ารู้ พวกเจ้ามีความตั้งใจดี”หลิงซิ่วส่ายหัว “แต่..ข้าต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นด้วยตัวเอง! ใช้หอกเงินในมือของข้า ใช้หอกทะเลจุดที่อาจารย์สอนข้า ข้าจะทำลายเขาให้ได้”
สีหน้าของเขามุ่งมั่น
“งั้นข้าจะเป็นคู่ซ้อมมือให้เจ้าเอง!” ถังเทียนชูสองมืออย่างกระตือรือร้น
หลิงซิ่วทำหน้าเครียด หลังจากโดนโล่ถังเทียนหวดที่หน้า เขายังรู้สึกขยาดอยู่จึงตอบอย่างอึดอัด “ไม่เป็นไร แค่ถังอี้ก็พอ”
“งั้นตอนนี้เราจะทำยังไง?” อาเฮ่อมองดูพวกเขาและโบกมือ “ข้าเกรงว่าเราคงไม่มีเวลาลอบโจมตีระลอกสองได้”
ปิงตอบอย่างรอบคอบ “ไม่สำคัญ เราจะหาโอกาสอีกครั้ง”
ถังเทียนแสดงสีหน้าที่ดูตื่นเต้น “ไม่ต้อง! เราไม่ต้องลอบโจมตีอีกแล้ว! เปลี่ยนเป็นบุกตะลุยโดยตรง! เราแข็งแกร่งขึ้นแล้วไม่จำเป็นต้องลอบโจมตีอีกต่อไป เราจะชนกันซึ่งหน้าแล้วสู้กัน นั่นสนุกมากกว่า”
“ตาเจ้าเป็นยังไงบ้าง?” หลิงซิ่วกังวลเรื่องเขา เขาถูกคำแนะนำที่กล้าหาญของถังเทียนกระตุ้น เนื่องจากเขาสามารถรู้สึกได้ชัดว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แต่แข็งแกร่งขนาดไหนเขาจำเป็นต้องทดสอบดูด้วยการต่อสู้จริง
ถังเทียนดีใจมาก “เฮ้, ข้าคิดอะไรบางอย่างได้ ข้าจะใส่ผ้าปิดตาขวาไว้ มันจะได้ไม่มีอิทธิพลต่อข้า”
อาเฮ่อไม่ค้าน “ทุกคน, นั่งลงฟื้นฟูพลังปราณแท้ของพวกเจ้า เราจะเคลื่อนขบวนในอีกสองชั่วโมง”
ตาสีเขียวของหวีซุ่นแสดงอารมณ์ว่าพวกเขาเสียหนักเพียงไหน พวกเขาเสียคนไป 16 คน บาดเจ็บสาหัส 7 คน นั่นคือหนึ่งในห้าของกองกำลังพวกเขา ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้รับความเสียหายอะไร
“เจ้าพวกนั้นเป็นใครกันแน่?” สุ่ยเฉิงถามเสียงแหลม วี่แววของความกลัวสามารถได้ยินได้ มือกระบี่หนุ่มชุดดำที่ปะทะกระบี่กับเขา ยังไม่ได้ชักกระบี่ออกจากฝักตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงที่สุดก็สามารถข่มเขาจนแทบหายใจไม่ออก
“ขุนพลวิญญาณที่ใช้ดาบ วิชาดาบของเขามีทางเป็นไปได้ว่าจะเป็นวิชาดาบระดับปรมาจารย์”หน้าของหย่งชิวเครียด
ทั้งสองคนสะดุ้ง
หวีซุ่นสีหน้าเปลี่ยน “พวกเจ้าไม่เห็นอะไรผิดปกติบ้างหรือ?”
หย่งชิวฝืนหัวเราะ “ขนาดข้ากับฟงโฉ่วผนึกพลังสู้ด้วยกันก็ยังกดดันมันไม่ได้ กับขุนพลวิญญาณระดับแปดนี้ นอกจากวิชาระดับปรมาจารย์แล้ว ข้าไม่รู้ว่ามันไปเอาพลังมาจากไหน”
หัวใจของหวีซุ่นแทบกระดอน สำหรับขุนพลวิญญาณที่มีวิทยายุทธระดับปรมาจารย์ นับเป็นข่าวที่น่ากลัวที่สุดสำหรับพวกเขา การ์ดวิญญาณระดับทองนับว่ามีราคาแพงมากอยู่แล้ว การ์ดวิญญาณระดับปรมาจารย์มีราคาสูงมากเกินกว่าเขาจะจ่ายเงินซื้อหามาได้ การ์ดวิญญาณระดับปรมาจารย์ก็หมายความว่านักสู้นั้นมีวิทยายุทธระดับปรมาจารย์ได้สร้างการ์ดวิญญาณขึ้นมาและยังเหนือกว่าการ์ดวิญญาณระดับทองมากมายนัก
การ์ดขุนพลวิญญาณระดับปรมาจารย์คือการ์ดวิทยายุทธที่สมบูรณ์ที่สุด
น้อยคนนักที่จะเรียกขุนพลวิญญาณออกมาจากการ์ดวิญญาณระดับปรมาจารย์ได้ เนื่องจากสิ้นเปลืองเกินไป!
วิทยายุทธที่เหลืออยู่ในการ์ดวิทยายุทธระดับปรมาจารย์ก็คือวิชาระดับปรมาจารย์ที่หมายถึงการเรียนรู้ ดังนั้นจึงมีราคาที่สูงมาก!
“หรือว่ามันมาจากสมาคมรวมตระกูล?”สุ่ยเฉิงถาม
“ตั้งแต่เริ่มแรก มันใช้แต่วิชาดาบอย่างเดียว” หย่งชิวส่ายหน้า“แม้ว่าขุนพลวิญญาณของสมาคมรวมตระกูลจะแข็งแกร่ง แต่ขุนพลวิญญาณนี้ใช้พลังในรูปแบบเดียว พวกขุนพลวิญญาณสมาคมรวมตระกูลจะใช้วิทยายุทธที่แตกต่างกันสองสามวิชา”
สุ่ยเฉิงถอนหายใจ ในบรรดาคนทั้งสาม หย่งชิวคุ้นเคยกับขุนพลวิญญาณมากที่สุด
หวีซุ่นตัดสินใจเลิกคุย “คืนนี้ข้าจะเฝ้าให้! ทุกคนพักผ่อนให้ดี”
สุ่ยเฉิงส่ายหัว “ให้ข้าเฝ้าเอง พลังโสตประสาทข้าดีที่สุด”
หวีซุ่นพยักหน้า “ดีเหมือนกัน”
ทั้งสามคนตระหนักได้ว่า การต่อสู้ครั้งนี้ยากลำบากกว่าที่พวกเขาคาดไว้มากนัก