ตอนที่ 273 ความสงสัย
กลุ่มดาวนกยูง
หลางวี่ตกตะลึงมองดูขนนกยูงทองที่วางไว้ใกล้ตัว
ขนนกยูงทองแพรวพราวนี้คือขนนกยูงสมบัติชั้นเซียนของกลุ่มดาวนกยูง! หลางวี่ขึ้นเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งของกลุ่มดาวนกยูงและถือครองขนนกยูงมานานถึงสิบห้าปี
อาศัยสมบัติเซียนระดับทองนี้ เขาจึงปกครองกลุ่มดาวนกยูงได้
ในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ กลุ่มดาวนกยูงมีชั้นพลังระดับกลาง แต่เป็นพลังที่พิเศษ สมบัติดวงดาวที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มดาวนกยูงจะมีประเภทเกราะเป็นจำนวนมากที่สุดในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ เพราะเหตุนั้นกลุ่มดาวนกยูงจึงมีนักสู้จำนวนหนึ่งที่แข็งแกร่งและทรงพลัง
แต่...
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ เพราะขนนกยูงทอง แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน
สมบัติดวงดาวชั้นเซียนของกลุ่มดาวจะมีความสัมพันธ์โดยตรงในแง่ความเจริญรุ่งเรืองและตกต่ำอ่อนแอหรือเข้มแข็ง ถ้าพลังของสมบัติชั้นเซียนมั่นคง ก็หมายความว่าพลังของกลุ่มดาวจะมั่นคง
สิบห้าปีผ่านไปอย่างสงบ ความสัมพันธ์ของขนนกยูงทองและหลางวี่สนิทกันมาก เขาสามารถรู้สึกได้ชัดถึงพลังของขนนกยูงว่าลดลงอย่างมาก
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ใจของหลางวี่เต็มไปด้วยความกลัว เขายื่นมือสั่นเทาออกไป และเมื่อมือของเขาสัมผัสขนนกยูง เป๊าะชิ้นส่วนของทองชิ้นหนึ่งร่วงลงจากขนนกยูง
ความกลัวในใจของหลางวี่เพิ่มพูนหนักยิ่งขึ้น ขนนกยูงใกล้จะพังจริงๆ...
เมื่อใจของเขาเชื่อมโยงกับกลุ่มดาวนกยูงผ่านขนนกยูง สีเลือดที่หน้าของเขาหายไปเขาหน้าซีดเหมือนกระดาษขาวและล้มลงก้นกระแทกกับพื้น นัยน์ตาของเขามีความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
มันเป็นเวลาตอนกลางคืน สิบเอ็ดดวงดาวของกลุ่มดาวนกยูงตกตกอยู่ในสภาพโกลาหล
สมบัติดวงดาวของกลุ่มดาวนกยูงทุกชิ้นมีพลังลดลงอย่างฮวบฮาบบางส่วนลดลงหนึ่งในสี่ แต่ส่วนใหญ่ลดลงไปครึ่งหนึ่ง
กลุ่มดาวนกยูงกลุ่มใหญ่ตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างมิเคยพบพานมาก่อน ขณะที่ทุกคนหวนนึกถึงความล่มสลายที่เคยเกิดขึ้นกับกลุ่มดาวเพอร์ซูสเมื่อหลายปีก่อนทันที จนถึงวันนี้เขาพวกเขาก็ยังไม่ฟื้นคืนสภาพแข็งแกร่ง
นักสู้ของกลุ่มดาวนกยูงพยายามหาเหตุผลอย่างขะมักเขม้น แต่เมื่อพวกเขาพบเหตุผลทุกคนถึงกับหน้าซีด
เพราะด้วยเหตุผลที่ไม่ทราบชัด พลังของกลุ่มดาวนกยูงตกลงกะทันหันถึง 25 %
กลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งมีพลังลดลงมากมาย ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ความกลัวแพร่สะพัดกระจายไปทั่วกลุ่มดาวนกยูง
ในทะเลทราย
หลิงซิ่วเพิ่งฟื้นขึ้นและรู้สึกเสียใจและสำนึกผิด “ถังจอมห้าว, ข้าเสียใจจริงๆ กับเรื่องงี่เง่าก่อนนั้นเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นดวงตาฟ้าแดงของถังเทียน ความรู้สึกผิดในใจยิ่งมากกว่าเดิม
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!”ถังเทียนยิ้มสดใสและพูดเสียงดัง “พวกเราทุกคนมีบางอย่างที่ต้องใส่ใจ แต่เจ้าไม่ได้อยู่ตามลำพัง เจ้ายังมีเรา! ความเกลียดชังใดๆ ของเจ้าเราจะช่วยเจ้าแก้แค้นด้วยกัน ไม่ว่าเจ้ามีความปรารถนาใด ทุกคนจะร่วมมือทำด้วยกันการร่วมมือกันของเราทุกคนย่อมแข็งแกร่งกว่าทำคนเดียว เสี่ยวเฮ่อ, ข้าพูดถูกหรือเปล่า?เราพี่น้องควรมีใจดวงเดียวกัน จะได้หาเงินได้มากๆ”
แม้ว่าคำว่า ‘เสี่ยวเฮ่อ’ทำให้เส้นเลือดที่หน้าผากอาเฮ่อปูดโปนก็ตาม “ใช่, เราพี่น้องกันต้องร่วมมือกัน เพื่อประโยชน์ของพวกเราทุกคน”
เขากลับมีสีหน้าจริงจัง “หลิงซิ่ว เมื่อใดก็ตามที่เจ้าต้องการให้เราช่วยบอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
เมื่อเห็นถังเทียนผู้มีความคิดเรียบง่าย และอาเฮ่อท่าทีจริงจังหลิงซิ่วได้แต่เม้มปาก แต่ไม่พูดอะไร
หลังจากเงียบไปชั่วขณะ หลิงซิ่วถาม “เกิดอะไรขึ้นกับตาเจ้าหรือ?”
ตอนนี้ตาซ้ายของถังเทียนเป็นสีฟ้าจาง ขณะที่ตาขวาเป็นสีแดงจาง
ถังเทียนไม่ได้พยายามจะปิดบัง เขาบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นรวดเดียวและแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้สึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นอกจากคนทั้งสามแล้ว อาเฮ่อฉลาดที่สุดและใช้สมองมากที่สุด ดังนั้นถังเทียนมักถามเขาเสมอ
สีหน้าอาเฮ่อจริงจัง “ดูเหมือนว่าข้าว่าคงเป็นการปลุกพลังสายเลือด”
“การปลุกพลังสายเลือด?” เสียงปิงดังดังออกมา เขายังคงวิ่งออกมาด้วย
“ถูกแล้ว” อาเฮ่อกล่าว “ดูเหมือนว่ากระแสพลังของถังจอมห้าวจะออกมาจากภายในร่างของเขาและมีทางไปได้มากว่าคือพลังสายเลือดของเขาพลังสายเลือดที่แข็งแกร่ง ยิ่งมีพลังสะสมไว้มากก็จะแข็งแกร่งมาก แต่พลังนี้เหมือนกับภูเขาไฟที่สงบพอมีปัจจัยบางอย่างไปกระตุ้นมันเข้า มันแตกต่างจากที่ผ่านมาแล้ว สายเลือดอื่นปกติจะต้องกระตุ้นภายใต้สถานการณ์ที่รุนแรง”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?” ถังเทียนเบิ่งตากว้าง แต่เขายังไม่เข้าใจ
“องค์การวิญญาณมืดมีประวัติศาสตร์การใช้พลังสายเลือดมาอย่างยาวนาน ดังนั้นพลังสายเลือดที่ตื่นได้ง่ายทั้งหมดก็จะกลายเป็นเป้าหมายหลักของการล่าของพวกมันสำหรับพลังสายเลือดการต่อสู้ที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่จะถูกตัดขาดไปแล้ว” อาเฮ่อถอนหายใจ “ไม่มีอะไรที่จะหยุดความปรารถนาของคนได้ มีแต่ตนเองเท่านั้นที่ทำได้”
ถังเทียนและหลิงซิ่วตะลึงสิ้นเชิงเมื่อฟังเขาพูด
“ดังนั้นในสายตาของพวกเขา มนุษย์และสัตว์จะมีอะไรที่แตกต่างกันเล่า?”หลิงซิ่วไม่อาจทำใจเชื่อ
“ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น อาเฮ่อส่ายศีรษะ ”ปัจจุบันองค์การวิญญาณมืดมีพลังสายเลือดระดับชั้นยอดทั้งหมดมาจากพลังสายเลือดต่อสู้โบราณ หลังจากปรับปรุงกลั่นครั้งแล้วครั้งเล่า พลังสายเลือดเหล่านั้นก็แข็งแกร่งขึ้น ความเข้าใจเรื่องพลังสายเลือดของพวกเขามากกว่าที่เราคิด พวกเขามีสองวิธีผสมสองพลังสายเลือดและกลั่นเพื่อให้ได้พลังสายเลือดระดับสูง พลังสายเลือดใหม่จะติดอยู่ในรายชื่อเป้าหมายของเขาตลอดไป เรื่องนี้ไม่อาจปล่อยให้รั่วไหลออกไปได้”
อาเฮ่อชำเลืองมองหัวหม่าเอ้อ
หัวหม่าเอ้อสีหน้าเปลี่ยนและนางยกมือกล่าวคำสาบานหนักหนาสาหัสทันที “ถ้าข้าปล่อยให้เรื่องนี้รั่วไหลแม้แต่นิดเดียว ขอให้ข้าหัวหม่าเอ้อตายและวิญญาณดับสูญ”
นางต้องการกอดขาไก่ทองคำนี้ไว้
“อย่างนั้นข้ายังมีพลังสายเลือดอีกเหรอ?” หน้าถังเทียนเปลี่ยน
ทันใดนั้นเขาคิดถึงอดีตของเขา มารดาของเขาดูอ่อนแอและบอบบาง ใครดูก็สามารถบอกได้ว่านางเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง
แต่เจ้าคนเลวนั่นกลับทอดทิ้งภรรยาตนเอง...
ป้ายบรอนซ์กลุ่มดาวกางเขนใต้คือของขวัญที่มารดามอบให้เขา....
เว้นเสียแต่ เขาเป็นคนยิ่งใหญ่จริงๆ?
สายตาถังเทียนยิ่งมุ่งมั่น ต่อให้เจ้าคนเลวนั่นแข็งแกร่งที่สุดและทรงพลังที่สุดข้าก็จะเอาชนะให้ได้และลากคอเขาไปสำนึกผิดที่หลุมศพมารดา!
ถังเทียนพูดทันที “มีทางใดบ้างไหมที่ข้าจะได้ค้นพบเกี่ยวกับพลังสายเลือดของข้า?”
ถ้าเขาสามารถค้นพบพลังสายเลือดของตัวเขาเอง อย่างนั้นเขาอาจพบเบาะแสของเจ้าคนใจร้ายนั้นก็ได้
อาเฮ่อส่ายศีรษะ “ถ้าเจ้าต้องการระบุพลังสายเลือดของเจ้า มีแต่องค์การวิญญาณมืดที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ แต่ข้าไม่แนะนำเช่นนั้น เนื่องจากอันตรายเกินไป ถ้าข้าบอกว่าพลังสายเลือดของเจ้าแข็งแกร่งมากเจ้าจะกลายเป็นเหมือนแกะที่รอถูกฆ่าฟัน ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งขององค์การวิญญาณมืดไม่ใช่พวกที่เราจะต่อกรได้ในตอนนี้”
เมื่อเห็นท่าทีมุ่งมั่นของถังเทียน อาเฮ่อรู้ว่าเขาเตือนไปก็เปล่าประโยชน์ แต่พอคิดดูแล้วเขาก็โล่งใจ ถ้าเป็นเขาที่ใจเย็น ถ้ามีเบาะแสเกี่ยวกับประวัติของเขาไม่ว่าจะอันตรายแค่ไหน เขาคงไม่ยอมเลิกราแน่
เขาเสริมต่อทันที “ถ้าเจ้าต้องการค้นหาเรื่องนี้ ลองถามติงตังดู นางเป็นม้าขององค์การวิญญาณมืด และนางเชี่ยวชาญการใช้สติปัญญาที่สุดและอาจมีเครือข่ายสังคมเชื่อมโยง บางทีนางอาจมีหนทาง”
ถังเทียนจดจำเรื่องนี้ในใจ
อาเฮ่อพูดต่อ “เกี่ยวกับเรื่องตาของเจ้า ข้ามีข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับตาซ้ายของเจ้า”
ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย “พูดเร็ว บอกข้ามาเร็วๆ”
“ตาซ้ายของเจ้า ดูดซับพลังของกลุ่มดาวนกยูงไว้อย่างเห็นได้ชัด ข้าจำได้ว่ากลุ่มดาวนกยูงมีวิทยายุทธอย่างหนึ่งที่ปล่อยพลังจากทางตาเรียกว่าเนตรราชันย์มยุรา สามารถมองเห็นจุดอ่อนและช่องโหว่ของวิทยายุทธทุกอย่างในโลก” อาเฮ่อพูดตรงไปตรงมา เขารับมือสถานการณ์ใหญ่ด้วยความรู้และสติปัญญาที่มากมายของเขาพร้อมกับใบหน้าที่เป็นกันเองและหล่อของเขา หัวหม่าเอ้อมองเขาอย่างหลงใหล
“แน่นอน เห็นหมื่นวิชาในโลก ยังน่าสงสัยอยู่มาก แต่มันเหมาะกับคำอธิบายที่ใช้กับตาของจอมห้าวถัง วิทยายุทธนี้ยังอยู่ในระดับต่ำมากและน้อยคนนักที่รู้เรื่องนี้ มีคนฝึกได้น้อยมากจริงๆ” อาเฮ่ออธิบาย“วิทยายุทธของกลุ่มดาวจะเกี่ยวข้องกับสมบัติของพวกเขาและในความเป็นจริง ก็แสดงถึงพลังของกลุ่มดาวด้วยแต่ก็สามารถดูดซับวิทยายุทธเข้าไปในดวงตาเจ้าได้ ข้าสงสัยมากว่าเจ้าได้ดูดซับพลังของกลุ่มดาวนกยูงไปมากเพียงไหนกันแน่”
“คงไม่มากเท่าไหร่หรอก” ถังเทียนลูบหน้าผากด้วยท่าทีไร้เดียงสา “มันเป็นเวลาที่สั้นนิดเดียว”
“ข้าไม่คิดเช่นนั้น” อาเฮ่อพูดอย่างมั่นใจ “เนตรราชันย์มยุราคือวิชาระดับแปดแต่ปราณแท้ของเจ้าอยู่เพียงระดับหก เจ้ายังไม่สามารถใช้ได้แน่นอน และที่ยิ่งไปกว่านั้นจำเป็นต้องทำให้ดวงตาเจ้ากล้าแข็ง นั่นเป็นเหมือนหมู่ดาวใช้พลังของมันเปลี่ยนตาของเจ้าเป็นสมบัติดาวนกยูง มันกินพลังงานของกลุ่มดาวนกยูงไปมากข้าไม่อาจจินตนาการได้เลย”
“ตอนที่เจ้าพูดเจ้าสิ่งนี้ มีลำแสงที่ดูเหมือนมันต้องการหลบหนีออกไป แต่มันทำไม่สำเร็จ” ถังเทียนขมวดคิ้วคิด
จิตใจอาเฮ่อสั่นสะท้าน “ที่เจ้าพูดก่อนนั้นว่ามีหมอกฟ้าที่ออกมาจากพลังสีแดงและหลังจากนั้นก็ผสานเข้ากับปราณแท้นกยูงใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว” ถังเทียนพยักหน้า “ข้าจำตรงนั้นได้ชัดเจน”
“จอมห้าวถัง ข้าคิดว่าเจ้าจำเป็นต้องค้นหาเรื่องพลังสายเลือดของเจ้าเสียแล้ว” หน้าของอาเฮ่อจริงจัง “นกยูงครามนั้นทรงพลังมาก แต่ที่สำคัญคือมันเป็นเพียงเกราะเงิน เทียบกับสมบัติกลุ่มดาวนกยูงอย่างอื่น ควรจะจัดอยู่เพียงระดับกลาง เพราะมันอัญเชิญพลังของกลุ่มดาวนกยูงหลังจากแผดเผาจิตวิญญาณพลังยุทธของมันเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เพราะพลังที่มันรับมาเกินระดับของนกยูงครามไปมากมันจึงมิอาจทนรับพลังนี้ได้แน่นอน นอกจากนี้ตามบรรทัดฐานแล้ว หลังจากแผดเผาพลังมันควรจะหายไปไม่เหลืออะไร แต่มันกลับคงอยู่ นั่นก็ไม่ปกติเช่นกัน”
ถังเทียนพยักหน้าหลังจากได้ฟังความเห็นอาเฮ่อ เขารู้สึกว่าสมเหตุผลมาก
เขามีข้อสงสัยอีกข้อ “อย่างนั้นข้าจะใช้ตาไฟนี้ได้ยังไง?”
อาเฮ่อคิดอยู่ชั่วขณะ “เจ้าบอกว่าตาของเจ้าเห็นมีสายด้ายแดงเพลิงลอยอยู่ในอากาศใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว” ถังเทียนตื่นเต้นเขาปิดตาซ้ายของเขา และโลกสีแดงเพลิงจากตาขวาของเขาเด่นชัดขึ้น “ตอนนี้ยังน้อยกว่าเมื่อก่อนด้ายแต่ละเส้นลอยอยู่ในท้องฟ้า แต่คนกลายเป็นสีดำ”
“คนกลายเป็นสีดำ?” อาเฮ่อแสดงท่าทางประหลาดใจ ทันใดนั้นเขามีความคิดอย่างหนึ่งและในมือของเขามีหินดวงดาวก้อนหนึ่งซึ่งเขาบิออก “ตอนนี้เป็นไงบ้าง?”
“โห, ด้ายแดงเพลิงมีมากมาย” ถังเทียนประหลาดใจ
อาเฮ่อเข้าใจ “อย่างนั้นด้ายแดงเพลิงเหล่านั้นก็คงเป็นพลังงานที่ลอยอยู่ในอากาศ?”
ถังเทียนพูดทันที “ใช้ตานี้ทำให้ข้าต้องการต่อสู้”
“มันเป็นผลมาจากสภาพจิตใจ?” อาเฮ่อส่ายศีรษะ “ลองใช้ปราณแท้บางส่วนและทดสอบดู”
ถังเทียนกระตุ้นปราณแท้ของเขา และโลกต่อหน้าของเขากลายเป็นสีแดงมากขึ้น อารมณ์คลั่งและโกรธคล้ายกับสัตว์ป่าท่วมเต็มในใจเขาทำให้เขาประหลาดใจขณะที่เขาหยุดใช้ปราณแท้ทันที
ผู้ชมดูตกใจกันทุกคน ทันทีที่ถังเทียนกระตุ้นปราณแท้เหมือนกับว่าพวกเขาเผชิญหน้ากับสัตว์ป่าที่ดุร้าย
สีหน้าอาเฮ่อจริงจัง “จอมห้าวถัง,ช่วงเวลานี้อย่าเพิ่งใช้พลังตาขวาของเจ้าเราต้องค้นหาเกี่ยวกับพลังสายเลือดของเจ้าเพิ่มขึ้นเสียก่อน”
ถังเทียนพยักหน้าทันที แม้เขาเองก็ไม่ชอบให้ใจเขาอยู่ในสภาพคลั่ง
ถึงตอนนี้ หลิงซิ่วพูดขึ้นทันที “อาเฮ่อ”
“หืม?” อาเฮ่อมองดูหลิงซิ่วอย่างประหลาดใจ
หลิงซิ่วลังเลชั่วขณะ “ช่วงระหว่างที่สู้กัน ข้าได้ยินเสียงเพลง”
สีหน้าอาเฮ่อชะงักค้าง และกลายเป็นเคร่งเครียดทันที “เพลงอะไร?”
หลิงซิ่วไตร่ตรอง จากนั้นค่อยๆ ทบทวนเนื้อเพลง “หอกเงินย้อมด้วยหิมะ ไม่มีอะไรปนเปื้อนตลอดไป กระพรวนสายลมเขาแกะส่งเสียงชัดเจนจนไม่ได้ยินเสียง พระอาทิตย์ทอแสงแต่ไม่เห็นเงา เพราะหอกตระหง่านตรง น่าชุ่มชื่นใจ ดวงดาวปกป้องวิญญาณข้าไว้ หมู่ดาวแกะเป็นยอดฝีมือเชิงหอก”
หน้าของอาเฮ่อบิดเบี้ยวเหยเก!