ตอนที่ 271 การเปลี่ยนแปลง
ถังเทียนล่าถอย ทำให้หวีซุ่นและบริวารของเขาโกรธ แต่พวกเขาไม่ได้ไล่ตาม
หัวหม่าเอ้อเพียงแต่รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้เหลือเชื่อเกินไปถ้านางไม่ได้เห็นเองกับตา นางไม่มีทางเชื่อแน่นอน ถังเทียนและพวกพ้องสามารถฆ่ามือดีในกองกำลังศักดินาชาวยุทธได้และกดดันจนพวกเขาอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนั้นได้
ถังเทียนไม่ได้โกหก เขาคือนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีจริงๆ แต่ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นสหายอีกสองคนและขุนพลวิญญาณก็แข็งแกร่งระดับนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีทุกคน
เพราะนางจำหวีซุ่น, สุ่ยเฉิงและหย่งชิวได้ ทั้งสามคนนี้เป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งและมีฝีมือสูงส่งเกินนางอาจเอื้อม แต่พวกเขากลับทำอะไรถังเทียนและพวกพ้องไม่ได้
“ทำไมพวกเขาไม่ไล่ตาม?” หัวหม่าเอ้ออดถามไม่ได้
อาเฮ่อวิ่งไปอธิบายไปพร้อมกัน “แม้ว่าพวกเขาจะมีกันหลายคน แต่พวกเขาไม่ได้มีกองทัพที่แข็งแกร่งระดับสูง สามต่อสี่ เรามีมากกว่าคนหนึ่งถ้าพวกเขากล้าตามมา เราสามารถตรึงพวกเขาสามคนได้และคนสุดท้ายของพวกเราจะฆ่าพวกเขาได้อย่างสบาย”
ทันใดนั้นหัวหม่าเอ้อเห็นแสงรำไร และใจนางรู้สึกนับถือ คนพวกนี้กล้าหาญบ้าระห่ำเมื่อต่อสู้พวกเขาไม่มียั้งมือ ความแข็งแกร่งของพวกเขายากจะมีใครเปรียบติดเบื้องหลังของพวกเขาไม่อาจคาดคำนวณได้ พวกเขามีศักยภาพแน่แท้
พวกเขาคือขาไก่ทองคำอ้วนพี
ร่างของหลิงซิ่วที่ขี่ฟลามิงโกปรากฏต่อสายตาทุกคนคน พวกเขาทุกคนมาที่จุดนัดพบ
ถังเทียนสังเกตสีหน้าหลิงซิ่วและประหลาดใจ “เฮ้, ซิ่วซิ่วน้อยเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? วันนี้เจ้าแข็งแกร่งทรงพลังมาก เจ้าสู้ได้ดีจริงๆ”
หลิงซิ่วยังคงกอดหอกเงินขี่ฟลามิงโกเงียบๆ เขานั่งอยู่ตรงมุมเหม่อมองไปไกล
ถังเทียนกับอาเฮ่อมองหน้ากันเอง แม้แต่คนที่มีความรู้สึกช้าที่สุดก็ยังบอกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับหลิงซิ่ว
ถังเทียนเดินเข้าไปหา เขายื่นหน้าใหญ่เข้ามาข้างหน้าจนแทบชนหน้าหลิงซิ่ว “เฮ้,เจ้าบาดเจ็บหรือเปล่า ทั้งตัวเจ้าก็ยังดูดีนี่....”
หลิงซิ่วผลักหน้าถังเทียนหลบไปด้านข้างอย่างเหลืออด “อย่ากวนใจข้า!”
ถังเทียนเป็นเหมือนตุ๊กตาล้มลุก หน้าของเขาที่ถูกผลัก เด้งกลับมาทันที “หรือว่าเจ้างี่เง่าจากการฝึกฝน? หรือว่าเสียสติไปแล้ว? เสี่ยวเฮ่อ มาดูซิ”
“หุบปากโว้ย!” หลิงซิ่วระเบิดอารมณ์โมโหทันที
ถังเทียนหัวเราะ เขาไม่สนใจอารมณ์โมโหของหลิงซิ่ว “ถ้าเจ้าไม่สบายใจ อย่างนั้นก็ระบายมันออกมา มาเลย มาเลยข้าจะสู้กับเจ้าก็ได้ ซิ่วซิ่วน้อย ถือว่าข้าเป็นคนที่เจ้าเกลียดที่สุดก็แล้วกัน มาเลยเรามาประลองกัน ลูกผู้ชายตัวจริงต้องคุยกันด้วยหมัด”
คนที่ข้าเกลียดที่สุด....
เงาร่างดำปรากฏอยู่ในสายตาของหลิงซิ่วมันปรากฏอยู่ในความฝันของเขาหลายครั้งเก็บกดอยู่ในใจเขามาหลายปีจนเขาแทบหายใจไม่ออก...
ความเกลียดฝังลึก ทำให้เลือดเขาสูบฉีดแรง ดวงตาแดงเพลิงเป็นประกายแดงก่ำเหมือนกับมีเปลวเพลิง มือเขากระชับหอกเงินแน่นลมหายใจของเขาเร่งร้อนทันที สรรพสำเนียงรอบตัวหายไป เขาได้ยินแต่เสียงหัวใจเต้นเท่านั้น
“มาเลย! หลิงซิ่ว! หัวใจของเจ้าเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เจ้ากล้าสู้หรือเปล่า?”
คำพูดของถังเทียนทำให้หลิงซิ่วสูญเสียการควบคุมตัวเอง หลิงซิ่วคำรามและแทงหอกใส่ถังเทียน
เสียงกระพรวนดังขึ้นอีกครั้ง
แสงสีเงินกระพริบแปลบปลาบ
ขนทุกเส้นบนตัวถังเทียนลุกชัน เมื่อเขากำลังสู้กับหวีซุ่น ความสนใจของเขาเพ่งอยู่ที่หวีซุ่น แม้ว่าหลิงซิ่วจะแสดงความห้าวหาญออกมาแต่ถังเทียนไม่ทันได้สังเกต
หอกของหลิงซิ่วให้ความรู้สึกที่อันตรายมากต่อเขา
อาเฮ่อที่อยู่ด้านข้างถึงกับตะลึง
“นกยูง!”
ปราณแท้นกยูงเย็นยะเยือกเข้าไปในร่างของเขาทำให้สายตาของถังเทียนเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็งทันทีกรงเล็บทั้งห้าของเขาปะทะเข้ากับปลายหอกก่อให้เกิดประกายไฟกระจายทั่ว
เสียงแว่วของกระพรวนทำให้จิตวิญญาณพลังยุทธเงินของถังเทียนสั่นไหวและแทบจะทำให้ความเชื่อมโยงระหว่างนกยูงกับเขาเกือบถูกตัดขาด
ติง!
กรงเล็บเพลิงภูตพรายกับปลายหอกปะทะกัน
ถังเทียนถอยไปสองสามก้าวจึงตั้งหลักได้
หลิงซิ่วที่กลายเป็นเหมือนสัตว์ที่ดุร้ายฉวยโอกาสจากแรงเหวี่ยงหอกเงินในมือเขาระเบิดรังสีเยือกเย็นออกมา
ตาของอาเฮ่อเป็นประกายแวววาว เขายืดตัวแล้วเอนไปข้างหน้า
“อย่ามาขวาง”
เสียงเยือกเย็นของถังเทียนดังขึ้นทันที กรงเล็บแมวโลหิตของสกัดหอกเงินได้ทัน
อาเฮ่อปรับท่าทีของเขา หน้าของเขาเคร่งเครียด หัวหม่าเอ้อมองดูทั้งสองคนอย่างว่างเปล่า หน้าของนางซีดขาว นางไม่เข้าใจเหตุผลที่ทั้งสองคนที่เมื่อครู่ยังสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันกลับมาสู้กันเอง
ถังเทียนและหลิงซิ่วรวดเร็วมาก ทั้งสองกลายเป็นร่างเงาสองร่าง อาเฮ่อมีแววประหลาดใจบนใบหน้า วิชาหอกทะเลจุดของหลิงซิ่วกลายเป็นแปลกประหลาดและยากหยั่งถึง แม้ว่าหอกทะเลจุดในอดีตของเขาจะปลดปล่อยออกมาได้อย่างไม่มีสิ้นสุด แต่พลังกลับไม่เท่ากัน หอกทะเลจุดในปัจจุบันของเขาดูเหมือนไม่ต่างจากอดีต แต่ความจริงคาดคำนวณได้ยากมาก พลังที่ปล่อยออกมาเบาแต่แข็งแกร่ง
ถังเทียนเสียเปรียบแต่แรกเริ่ม และยังคงถูกหลิงซิ่วต้อนตามลำดับ
หอกทะเลจุดไร้ที่สิ้นสุดมีการเปลี่ยนแปลง พลังของมันเพิ่มขึ้น และเสียงกระพรวนเหล่านั้น
ตาของอาเฮ่อจ้องมองดูกระพรวนลมเขาแกะบนหอกเงิน หัวใจเขาสั่นไหว นั่นเป็นของที่น่ากังวลและมีประวัติศาสตร์บางอย่างแน่นอนมันเป็นของที่สร้างความสับสนได้ แต่ไม่มีร่องรอยของปราณชั่วร้าย สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือเสียงของกระพรวนลมเขาแกะเข้ากันได้กับวิชาหอกทะเลจุดของหลิงซิ่วได้เป็นอย่างดี
หอกทะเลจุดที่อยู่ต่อหน้าเขา ถังเทียนได้แต่ถอยทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนอื่นข่มได้เป็นเวลานาน
พลังของถังเทียนเพิ่มขึ้นอย่างน่าตระหนกเมื่อเร็วๆ นี้ การได้รับพลังของนกยูง วิวัฒนาการของนกยูงการได้ฝึกฝนวิชาระดับม่วงทอง โล่อากาศโจมตีและลมพรางวิธีการโจมตีของเขามีความสมบูรณ์มากขึ้น และยังเพิ่มความสงบแน่นอนของปราณแท้นกยูงทำให้เขาสามารถตัดสินใจได้สมบูรณ์แบบในแทบทุกสถานการณ์ การต่อสู้เมื่อเร็วๆ นี้ทำให้ฝีมือของเขาแทบไร้ผู้เปรียบติด
แต่วันนี้ เขาถูกหลิงซิ่วต้อน
ปราณแท้ของนกยูงที่เขาทดลองและทดสอบมามากมายหลายครั้ง ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ ทุกครั้งที่กระพรวนประหลาดดังการเชื่อมโยงระหว่างเขากับนกยูงก็ถูกรบกวน ทำให้ปราณแท้ไม่เสถียรสภาวะเยือกเย็นของถังเทียนพังทลายทันที
การถูกต้อนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตาของถังเทียนเริ่มแดง เขาคือคนที่ไม่ชอบความพ่ายแพ้ แม้ว่าพลังของนกยูงจะทำให้หัวเขาเย็นเหมือนถูกหิมะโปะแต่นิสัยไม่ยอมแม้และนิสัยต่อต้านมันฝังอยู่ในกระดูกเขาแล้วมันจะกระสับกระส่ายโดยอัตโนมัติ
โธ่เว้ย!
ข้ากำลังโดนต้อนจริงๆ!
ปราณแท้ของนกยูงที่แข็งยะเยือกทำให้สภาพใจของถังเทียนเยือกเย็นมาก และความรับรู้รอบตัวเขาชัดเจนมาก การโจมตีของหลิงซิ่วเต็มไปด้วยจุดอ่อนในสายตาเขาแต่หลิงซิ่วเพิกเฉยจุดอ่อนของเขาโดยสิ้นเชิงและปล่อยพลังหอกของเขาอย่างบ้าคลั่ง
หลิงซิ่วเป็นเหมือนสัตว์ป่า หอกของเขาเหมือนกับทะเลดวงดาว และกระพรวนก็เหมือนกับสายลม
ถอย, ถอยอีก, ถอย, ถอยอีก!
เส้นเลือดในดวงตาถังเทียนเข้มข้นมากขึ้นและเพราะใจของเขาอยู่ในสภาพเยือกเย็นมาก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในร่างของเขาจึงเป็นความเข้าใจภายในและเขารู้สึกถึงความต้องการต่อสู้ที่ลึกอยู่ในใจของเขามากขึ้นๆ ทุกขณะ
เป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอย่างแปลกประหลาด
ราวกับใต้ประกายและชั้นน้ำแข็งที่บริสุทธิ์ มีลาวาร้อนแดงไหลอยู่เงียบๆ
น้ำแข็งและไฟ ความเย็นและความร้อนโถมอยู่ภายใน
นกยูงสามารถรับรู้ได้ถึงความต้องการต่อสู้ในร่างของถังเทียนและพลังปราณแท้ของนกยูงเริ่มกล้าแข็งทันทีกระแสความเย็นเสียดกระดูกกระจายไปทั่วร่างถังเทียน สิ่งที่ประหลาดก็คือไม่ว่าความเย็นจะกล้าแข็งรุนแรงมากแค่ไหน อารมณ์เดือดที่ต้องการต่อสู้ในส่วนลึกของร่างกายเขาก็ไม่อาจข่มไว้ได้เลย มันยิ่งเดือดขึ้นเผาไหม้ขึ้นเหมือนหินหลอมเหลวที่ไหลอย่างรวดเร็ว
ความขัดแย้งที่ตัดกันรุนแรงนี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น
ปัง!
ร่างของถังเทียนสั่น บางอย่างที่อยู่ลึกในร่างเขา ดูเหมือนมีข้อจำกัดบางอย่างที่ถูกยกเลิก
ปิงที่ยังอยู่ในเมืองสามวิญญาณรู้สึกถึงได้ทันทีและสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป พยัคฆ์ฟ้าเปลี่ยนสภาพเป็นรังสีแสง เพียงวับเดียวเขาใช้ความเร็วสูงสุดบินไปที่ห้องจิตวิญญาณพลังยุทธทันที
เกิดอะไรขึ้น?
….
สถาบันยุทธอมตะ
ณ หอสะท้อนพลังยุทธ ในขณะมีวิวัฒนาการครั้งใหญ่ ศิษย์สถาบันวิทยายุทธอมตะจะมารุมล้อมกันและเดินไปมารอบๆ กระจก เพียงแต่ตอนนี้กระจกทองแดงสะท้อนยุทธเปล่งแสงสว่างเจิดจ้ายิงตรงไปยังกลุ่มกระจกที่ตั้งไว้
แสงเจิดจ้าแพรวพราวทำให้ศิษย์ทุกคนตาพร่าไปชั่วขณะทั่วทั้งโถงหอตกอยู่ในความวุ่นวาย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“มีอะไรผิดปกติ?”
ผู้อาวุโสพุ่งเข้ามาจุดที่เกิดเหตุ แต่ยังเกิดอาการตาพร่าไปเป็นชั่วเวลาสั้นๆแต่ทันใดนั้นหูของเขาได้ยินเสียงบางอย่างทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยน เขาตะโกนขึ้น “ทุกคน เงียบ!”
เสียงของผู้อาวุโสที่คุ้นเคย ทำให้ให้ทุกคนเงียบทันที
หึ่งงงงงง!
เป็นเหมือนเสียงผึ้งกระพือปีก
เป็นเสียงที่ต่ำและกล้าแข็ง เหมือนกับกระแสน้ำ
ทันใดนั้นทุกคนเพิ่งรู้ตัว พวกเขาเพิ่งฟื้นการมองเห็น แต่เมื่อเห็นภาพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาอย่างชัดเจน พวกเขาพากันตกตะลึงกันหมด
กระจกหมื่นบานกำลังส่งเสียงร้องพร้อมกัน!
เสียงหวี่ต่ำความจริงเป็นการสั่นสะเทือนของกระจกทองแดงทั้งหมื่นบานทำให้เกิดเสียง!
ศิษย์ทุกคนจ้องมองปากอ้าตาค้างมองดูเหตุการณ์ พวกเขาไม่เคยเห็นกลุ่มกระจกทำสิ่งนี้มาก่อน สีหน้าของผู้อาวุโสซีดขาวเหมือนกับกระดาษ ราวกับว่าเขามองเห็นผี
ทันใดนั้นร่างสองร่างเดินเข้ามาในหอโถง
เป็นหนึ่งบุรุษ หนึ่งสตรี บุรุษนั้นงามสง่าส่วนสตรีงดงามเหมือนกับเทพธิดา
เมื่อเหล่าศิษย์มองเห็นทั้งสองคน พวกเขายืนตรงมองอย่างว่างเปล่าทันทีราวกับถูกฟ้าผ่า
ราชาซิฟิอัส! ราชินีแคสซิโอเปีย!
ทั้งสองคนคือผู้ทรงอำนาจของสถาบันยุทธอมตะและทันทีที่พวกเขามองเห็นกลุ่มกระจกก็ถึงกับตกตะลึง
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เสียงของราชินีแคสซิโอเปียมีแววตื่นตระหนก
“ข้าไม่รู้” เสียงของราชาซิฟิอัสแฝงความกังวล “บางทีอาจมีสมบัติเซียนในตำนานถือกำเนิดหรืออาจเป็นหนึ่งในหมู่ดาวเส้นแนวสุริยะคลาสถูกแผดเผาอย่างหนักหรืออาจเป็นพลังสายเลือดที่ทรงพลังถูกปลุกให้ตื่น หรือมีบางคนกลายเป็นเซียน! แต่ต้องเป็นคนที่ทรงพลังแน่นอน
ราชินีแคสซิโอเปียส่ายศีรษะ “กลายเป็นเซียนไม่ก่อให้เกิดโกลาหลใหญ่ขนาดนั้น เซียนกระบี่ที่มีพลังเพิ่มขึ้นในสองสามปีมานี้ยังไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับกระจก”
กระจกทองแดงสะท้อนยุทธสามารถสะท้อนบ่งบอกลางเกี่ยวข้องกับสวรรค์วิถี
“อย่าลืมว่าเซียนกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดสองสามคนก็ทำให้กระจกร้องได้” ราชาซิฟิอัสเตือน
“อย่างนั้นเราจะทำยังไง?” ราชินีแคสซิโอเปียมองและถามเขา
“จับตาดูความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ” เขาตอบ “ไม่ว่ายังไงก็ตามเรื่องนี้จะปล่อยให้รั่วไหลออกไปไม่ได้!ส่งศิษย์เหล่านี้ทุกคนกลับไปที่ภูเขา ปิดประตูและฝึกฝนอย่างหนัก เราจะจับตาดูอย่างระมัดระวังเราจะพบเงื่อนงำบางอย่างได้แน่นอน”
“ก็ได้” หน้าของราชินีแคสซิโอเปียเคร่งเครียด และนางพยักหน้า
…..
อาเฮ่อกำลังดูอย่างตั้งใจและสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่าถังเทียนแตกต่างไปจากเดิม หน้าของเขาเคร่งเครียดทันที
แม้ว่าถังเทียนกำลังถอย แต่ความรู้สึกที่อาเฮ่อได้รับกลับแตกต่าง ก่อนนั้นถังเทียนถูกหลิงซิ่วใช้หอกทะเลจุดต้อนกดดันบังคับให้เขาถอยไปทีละก้าวๆแต่ตอนนี้ถังเทียนถอยอยู่ก็จริง แต่เขายิ่งใจเย็นมากขึ้นทุกที การกระทำของถังเทียนเริ่มกระชับขึ้นกรงเล็บเพลิงภูตพรายในมือขวาของเขาแทบไม่ได้ใช้ออกขณะที่โล่ตะลุยเลือดในมือซ้ายคอยปะทะปัดป่ายหอกทะเลจุดของหลิงซิ่ว
ยิ่งถังเทียนเงียบมากขึ้น อาเฮ่อยิ่งรู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ เพราะปราณอันตรายรอบๆ ตัวถังเทียนหนักหน่วงขึ้นทุกขณะ
เมื่ออาเฮ่อมองดูม่านตาของถังเทียนโดยบังเอิญ ร่างของเขาสะท้านขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ตาของถังเทียนข้างหนึ่งเป็นสีฟ้า อีกข้างแดงก่ำ
ข้างหนึ่งสีเหมือนน้ำทะเล ข้างหนึ่งแดงเหมือนเปลวเพลิง