ตอนที่ 10-1 เดเลียกับลินลี่ย์
“วิ้ววว”ลมหนาวที่อ้างว้างพัดผ่านพื้นปฐพีกวาดใส่เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมพื้น
เดเลียอยู่ในชุดขนสัตว์ยาวสีขาวกำลังยืนอยู่ที่หน้าต่างจ้องมองดูโลกภายนอก ข้างหลังนางเป็นอสูรเวทสองตัวตัวหนึ่งคือหมีปฐพีฮัตตัน อีกตัวหนึ่งคือเหยี่ยวพายุสายฟ้าพาร์รี่ย์ ทั้งสองไม่ส่งเสียงเลยแม้แต่น้อย
เดเลียถอนหายใจผ่านริมฝีปาก
“ท่านพ่อ, ท่านแม่...” รอยยิ้มสุดฝืนปรากฏบนใบหน้าของเดเลีย นางคาดไม่ถึงเลยจริงๆว่าบิดามารดาจะหลอกนาง พวกเขาบอกนางว่าท่านย่าของนางป่วยหนัก แต่หลังจากนางเร่งรีบขับขี่เหยี่ยวพายุสายฟ้ากลับมาบ้าน นางพบว่าท่านย่าของนางยังมีสุขภาพเป็นปกติดี
นั่นคือคืนแรกที่นางกลับ...
เดเลียถามบิดามารดาของนางด้วยความโกรธ “ท่านพ่อ ท่านแม่,ทำไมพวกท่านถึงได้โกหกให้ข้ากลับบ้าน?”
เดิมทีเดเลียตั้งใจจะตามลินลี่ย์ไปด้วย
ดิลยาเลโอน บิดาของเดเลียมองดูเดเลียและถามนาง “เดเลีย, ลูกหลงรักลินลี่ย์ นักรบเลือดมังกรหรือ? ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลูกกลับมาเมื่อหลายปีก่อนลูกปฏิเสธไม่ยอมรับไมตรีจากบุรุษอื่น เป็นเพราะเขาใช่ไหม?”
เดเลียประหลาดใจมาก นางไม่ได้บอกบิดามารดาของนาง
“ท่านพ่อรู้ได้ยังไง?” เดเลียถามทันที
มารดาของนางถอนหายใจ “เดเลีย ทำไมลูกไม่บอกเราว่าลูกรู้สึกยังไง? เป็นเพราะอาจารย์ของเจ้า อาจารย์ลองฮอสแจ้งให้เรารู้เมื่อท่านมาจักรวรรดิ เขาบอกเราให้เตรียมงานแต่งงานระหว่างเจ้ากับลินลี่ย์”
เดเลียที่โกรธอยู่ก่อนหน้านั้นเปลี่ยนเป็นอายทันที
บิดามารดาของนางมองหน้ากันเองจากนั้นส่ายศีรษะและฝืนยิ้ม ดิลยาบิดาของนางพูดอย่างจริงจัง “ลูกรักของพ่อ, พ่อต้องบอกลูกอย่างจริงจังนะว่าเป็นไปไม่ได้ที่ลูกกับลินลี่ย์จะแต่งงานกัน”
“อะไรนะ?” เดเลียจ้องมองบิดานาง
บิดานางพูดอย่างจริงจัง “เดเลีย, น้องชายของลินลี่ย์คือพระสวามีขององค์หญิงเจ็ดแห่งจักรวรรดิโอเบรียน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลินลี่ย์ก็เป็นเซียนชาวจักรวรรดิโอเบรียน แต่ลูกควรจะเข้าใจสถานะความสัมพันธ์ระหว่างจักรวรรดิยูลานของเราและจักรวรรดิโอเบรียน”
“ก็จริงจักรวรรดิยูลานของเราและจักรวรรดิโอเบรียนเป็นสองจักรวรรดิที่ทรงพลังเป็นศัตรูกัน แต่เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับลินลี่ย์ด้วย?” เดเลียโกรธจัด “หรือว่าท่านพ่อเชื่อว่าเมื่อข้าอยู่กับลินลี่ย์จะส่งผลกระทบต่อตระกูล?”
“ถูกแล้ว”
ดิลยาเลโอนพยักหน้า “ถ้าตระกูลหนึ่งมีเซียนอยู่คนหนึ่ง ตระกูลนั้นจะเจริญรุ่งเรือง ถ้าเจ้าและลินลี่ย์แต่งงานกัน..อย่างนั้นอะไรจะเกิดขึ้นถ้าจักรวรรดิยูลานและจักรวรรดิโอเบรียนทำสงครามขนาดใหญ่? จักรวรรดิของเราจะไม่กล้าเชื่อถือในตระกูลเลโอนมากอีกต่อไป”
เดเลียโกรธทันที
คำอธิบายของบิดาของนางดูเหมือนน่าขัน
“เดเลีย, คิดดูสิถ้าลูกเป็นจักรพรรดิแล้วลูกพบว่าธิดาของหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลูกแต่งงานกับเซียนฝ่ายศัตรู ลูกจะกังวลว่าตระกูลนี้จะทรยศเขาไหม?”ดิลยาพูดจริงจัง
เดเลียตะลึง
ไม่มีอะไรที่นางสามารถพูดได้ เพราะมีประวัติศาสตร์ในเรื่องนี้มาแล้ว
ในอดีตธิดาของตระกูลระดับสูงในจักรวรรดิโรฮอลท์ได้สมรสกับราชาของหนึ่งในราชอาณาจักรในที่ราบใหญ่ตะวันออกไกล ตระกูลทั้งหมดของนางได้ก่อกบฏและเข้าร่วมกับฝ่ายราชอาณาจักรที่ราบใหญ่
ไม่ต้องนึกเลยว่าจักรวรรดิโรฮอลท์จะแข็งแกร่งมากกว่าราชอาณาในทุ่งราบใหญ่
ทุ่งราบใหญ่ทางตะวันออกไกลมีสามราชอาณาจักรรวมกันอยู่
คนของที่ราบใหญ่ดุร้ายกันมากและแต่ละคนเกิดมาเป็นนักรบ แม้ว่าในแง่ของพลเมืองก็ยังมีจำนวนน้อยกว่าจักรวรรดิโรฮอลท์และจักรวรรดิไรน์กว่ามาก สามราชอาณาจักรใหญ่เหล่านี้ทำการสู้รบกับสองจักรวรรดิมานานนับปีไม่ถ้วนโดยไม่มีการเพลี่ยงพล้ำแต่อย่างใด
“ท่านพ่อ, ลินลี่ย์กับข้า...” เดเลียเริ่มพูด
ดิลยาพูดขัดนาง “เดเลีย ลูกเป็นเด็กฉลาด ลูกควรจะเข้าใจทุกอย่าง ตระกูลเลโอนเราสร้างตัวเองมาเป็นพันปีแล้ว นั่นคือเหตุผลให้เรามีสถานะอย่างในปัจจุบัน ถ้าลูกจะไปแต่งงานกับลินลี่ย์ให้ได้ ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะไม่ทำอะไรตระกูลเรา แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเชื่อถือของฝ่าบาทที่มีต่อตระกูลเราจะต้องลดลง!”
“เมื่อความเชื่อถือที่พระองค์มีต่อตระกูลเราลดลง ลูกหลานของตระกูลเรานับไม่ถ้วนในกองทัพและในราชสำนักก็คงจะพบว่ายากที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง” ดิลยา เลโอนถอนหายใจ “เดเลียพ่อหวังว่าลูกจะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตระกูลเรา”
“แต่ท่านพ่อ, ลินลี่ย์ไม่ได้เป็นคนของจักรวรรดิโอเบรียน เขาไปดินแดนอนารยชนแล้ว” ดิลยารีบพูดทันที
“ดินแดนอนารยชน?” ดิลยา เลโอนตกใจและมารดาของเดเลียยังคงจ้องมองนางด้วยความประหลาดใจ
เดเลียรีบอธิบาย “ถูกแล้ว ท่านพ่อลินลี่ย์ไม่ได้สนใจจักรวรรดิโอเบรียน เขาต้องการเริ่มต้นกิจการของตนเองในดินแดนอนารยชน ในอนาคตเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอนารยชน
ดิลยาเงียบอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้าช้าๆ
นี่เป็นเรื่องจริงในทวีปทั้งหมดมีกองกำลังเพียงแห่งเดียวที่คู่ควรให้จักรวรรดิยูลานมองว่าเป็นศัตรูของพวกเขาได้ก็คือจักรวรรดิโอเบรียน
ขณะที่แดนอนารยชนใครจะคิดกันว่าแผ่นดินที่วุ่นวายยุ่งหยิงเหล่านี้มีเจ้าครองแคว้นปกครองหลายคนจะกลายเป็นศัตรูได้?
“ถ้าลินลี่ย์สร้างตัวเองได้ในดินแดนอนารยชน อย่างนั้นคงไม่มีปัญหาที่ลูกจะแต่งงานกับเขาได้” ดิลยา เลโอนพูดช้าๆ คำพูดเหล่านี้เมื่อเข้าหูของเดเลียฟังไพเราะเหมือนทิพยดุริยางค์ทำให้หัวใจนางสงบลงทันที
ดิลยามองดูเดเลียและพูดอย่างจริงจัง “ลูกรักของพ่อ, พ่อต้องเตือนลูกไว้ก่อน เมื่อใดที่ลินลี่ย์ไม่ใช่สมาชิกของจักรวรรดิโอเบรียนอีกต่อไปในสายตาของราชตระกูลลูกจึงจะได้รับอนุญาตให้อยู่กับเขา มิฉะนั้น ลูกจะไม่ได้อยู่แน่นอน”
“ท่านพ่อ, ข้าเข้าใจ” เดเลียรักบิดามารดาของนาง ปู่ย่าตายายของนาง พี่ชายนางญาติพี่น้องและคนในตระกูลของนาง นางไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์กับพวกเขา
ดิลยาพยักหน้า “สำหรับตอนนี้ จงอยู่ในเมืองหลวง อย่าไปพบกับลินลี่ย์นั่น”
……….
เมื่อคิดย้อนไปถึงคำสนทนานั้น เดเลียถอนหายใจเบาๆ เดเลียเข้าใจ.. ลินลี่ย์เป็นเซียนคนหนึ่งแล้วและมีอายุขัยที่ไม่จำกัด ในฐานะจอมเวทระดับเจ็ด นางเองก็มีอายุขัยยืนยาวเช่นกันเนื่องจากนางยังคงฝึกฝนต่อไป
นางไม่กังวลเกินไปนักกับเวลาปีหรือสองปี
ขณะจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างทางทิศเหนือ นางมองเห็นเกล็ดหิมะใหญ่คล้ายปีกนกค่อยๆร่วงลงมา ทั้งโลกดูเหมือนอยู่ในเมฆหมอกไม่สามารถเห็นอะไรได้ชัด แต่สายตาของเดเลียดูเหมือนจะมองทะลุกำแพงแห่งความเป็นจริงและมองไปไกลถึงดินแดนอนารยชนผ่านไปถึงเมืองแบล็คเดิร์ท...
……..
ด้านนอกเมืองแบล็คเดิร์ททหารหน่วยหนึ่งหลังจากที่อีกหน่วยหนึ่งกำลังวิ่งไปรอบเมืองแบล็คเดิร์ทแล้วและข้างๆหน่วยจะมีนายทหารคอยตะโกนสั่งต่อเนื่อง “เร็วเข้า เร็วเข้า! อย่าได้ถูกทิ้งท้าย! โธ่เว้ย, ถ้าพวกเจ้าถูกทิ้งล้าหลังจะต้องอดข้าวเช้า!”
บนพื้นที่ยกสูง พี่คนที่สี่ของห้าพี่น้องบาร์เกอร์บูนและน้องห้าเกทส์สวมชุดเพียงกางเกงขายาว กายท่อนบนของพวกเขาเปลือยเปล่า พวกเขามองดูการดำเนินการฝึก
เนื่องจากยุคนี้เมืองแบล็คเดิร์ทไม่มีการโจมตีเมืองอื่น พวกเขาจึงเอาแต่ฝึก เมืองอื่นๆรอบเมืองแบล็คเดิร์ทต่างก็รู้สึกว่าเมืองแบล็คเดิร์ทมีท่าทีคุกคามพวกเขา และเจ้าเมืองของพวกเขากังวลใจมาก แต่ขณะเดียวกันเจ้าเมืองเหล่านั้นไม่กล้าเปิดฉากโจมตีก่อน
ทันใดนั้นลินลี่ย์เดินเข้ามาหา เขามองดูทหารฝึกขณะที่เดินไปหาเกทส์และบูน
“ใต้เท้า ท่านคิดว่ายังไงบ้าง?” เกทส์พูดด้วยความภูมิใจ
ลินลี่ย์พยักหน้าด้วยความภูมิใจ “ดีมาก จริงสิพวกเจ้าตั้งใจจะเริ่มโจมตีเมืองใกล้ๆ เมื่อใด?” ลินลี่ย์ไม่รู้เรื่องกลยุทธ์ทหารแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือเว้นแต่ถึงจุดวิกฤติหัวเลี้ยวหัวต่อก็ไม่มีความจำเป็นต้องให้เขาเข้ามายุ่ง
บูนหัวเราะเต็มที่ “ใต้เท้า เรายังไม่ได้โจมตีใคร แต่มีบางคนจากเมืองใกล้ๆยอมจำนนต่อเราแล้วและสัญญาว่าพวกเขาจะบ่อนทำลายจากภายในเมือง
“โอว, อย่างนั้นหรอกหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกัน
เกทส์รีบกล่าว “แน่นอน, เราจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? ใต้เท้า พอคิดดูแล้วหลังจากที่พลังของเราห้าพี่น้องเผยแพร่กระจายไปทั่วดินแดนอนารยชนเมืองหลายเมืองที่อยู่ใกล้ๆ หวาดกลัวเรา เพื่อจัดการกับเมืองทั้งหลายเหล่านั้นที่สำคัญเราไม่จำเป็นต้องระดมกองทัพเรา แค่เราเอง เราห้าพี่น้องก็สามารถฆ่าตะลุยเบิกทางเข้าเมืองเหล่านั้นและคว้าชัยชนะกลับมาได้”
ลินลี่ย์หัวเราะอีกครั้ง
สำหรับเมืองขนาดเล็กแบบนี้ยอดฝีมือคนเดียวก็ตัดสินได้ทุกอย่าง ตัวอย่างเช่น ทหารเมืองของเมืองแบล็คเดิร์ทมีจำนวนเพียงไม่กี่พัน นักรบระดับเก้าก็สามารถฆ่าคนได้ง่ายดายอยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่งเขาสามารถฆ่าผู้นำได้โดยตรงและบีบบังครับพวกเขาให้ยอมแพ้
อย่างไรก็ตามการบุกโจมตีเจ้าแคว้นแตกต่างกัน
เจ้าครองแคว้นแต่ละแห่งมีทหารเป็นแสน ในทำนองเดียวกัน ถ้าในอนาคตพวกเขา
แต่ตราบใดที่ไม่มีเซียนจอมเวทเมื่อสองกองทัพสู้รบเป็นวงกว้างคุณภาพและความสามารถของทหารในแต่ละกองทัพจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง
“พวกเจ้ากำลังฝึกอะไรให้พวกเขา?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว ขณะมองหน่วยทหารกระจัดกระจาย
บูนอธิบาย “ใต้เท้า นี่คือการฝึกกองพลขนาดกลาง แต่ละกองพลแบ่งคนออกเป็นกลุ่มละสามร้อยคนฝึกฝนร่วมกัน ในแต่ละกองพล ในแต่ละกองพลจะมีแม่ทัพและรองอีกหกคนที่คอยช่วยสั่งการและฝึกฝน นี่เป็นวิธีที่ได้ผลในการฝึกมาก”
เกทส์และบูนเคยฝึกทหารให้แปดแคว้นอิสระตอนเหนือมาก่อน พวกเขารู้ว่าอะไรคือวิธีการฝึกที่ดีที่สุด
หลังจากมายังเมืองแบล็คเดิร์ทและรู้สถานการณ์แล้วลินลี่ย์ก็กลับไปยังภูเขาแบล็คคราเวน
เหมือนกับควันพุ่งเป็นทางสีฟ้าลินลี่ย์กลับเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาแบล็คคราเวน ปัจจุบันนี้ลินลี่ย์อาศัยอยู่ในตอนกลางที่มีทะเลสาบในภูเขาแบล็คคราเวน ซึ่งมีโขดหินมากมายอยู่ตรงกลางครอบคลุมพื้นหลายสิบตารางเมตร ลินลี่ย์พบหินเหล่านั้นจากที่อื่นในภูเขาแบล็คคราเวน จากนั้นใช้ดาบของเขาฟันปรับแต่งจนเรียบแล้วขนมาที่กลางทะเลสาบใช้เป็นที่พัก
ในกลางทะเลสาบหินต่างๆมีขนาดครึ่งเมตร แต่สูงจากผิวทะเลสาบมาก ด้านบนของแท่งหินเหล่านั้นลินลี่ย์สร้างกระท่อมไม้ใช้อยู่อาศัยเอง
“บีบี, เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”ลินลี่ย์เดินเหนือน้ำและมาถึงใจกลางทะเลสาบอย่างสง่างาม แต่เมื่อเขาทำอย่างนั้นลินลี่ย์ก็พบว่าบีบีกำลังขุดหินหินแท่งหนึ่ง
“พี่ใหญ่!” บีบีหันหน้ามาและหัวเราะให้ลินลี่ย์ ขณะเดียวกันเขาใช้กรงเล็บที่แหลมคมขูดแต่งขอบหินต่อไปส่งผลให้สะเก็ดปลิวไปทุกที่ “ข้ากำลังทำบันไดเวียน ข้าทำไปสองสามขั้นได้แล้ว ด้วยวิธีแบบนั้นในอนาคตเมื่อข้าเล่นน้ำข้าจะได้มีที่นั่งพักตรงบันไดได้ หรือนอนเล่นในน้ำนั่นจะทำให้สะดวกสบายมากขึ้น จริงไหมพี่ใหญ่ บีบีฉลาดที่สุดไหมเล่า?”
ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ
“ฉับ ฉับ” บีบีตวัดกรงเล็บอีกและขุดสร้างบันไดอีกหกขั้น บันไดแต่ละขั้นสูงเพียงสิบเซนติเมตร ขั้นสุดท้ายอยู่ในน้ำ บีบีนั่งแช่อยู่ที่ชั้นล่างสุดเอาขาทั้งสี่ตีน้ำอย่างมีความสุข
ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ ดูเหมือนมีหินอยู่หลายก้อนอยู่รอบทะเลสาบลินลี่ย์โบกมือครั้งหนึ่ง...
“วืดดด” เสียงลมเริ่มหวีดหวิวและปรากฏพายุหมุนหอบเอาหินขนาดเท่ามนุษย์มาตกอยู่หน้าลินลี่ย์ สภาพโดยรอบที่งดงามของภูเขาแบล็คคราเวนทำให้ลินลี่ย์รู้สึกเป็นสุขมากและเขาอดคิดถึงคนผู้หนึ่งในใจมิได้
ริมฝีปากลินลี่ย์โค้งลงเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
ลินลี่ย์พลิกมือก็มีสิ่วสกัดตรงอยู่ในมือและเริ่มแกะสลักทันทีเศษก้อนหินปลิวกระไปทั่ว รูปมนุษย์คนหนึ่งค่อยๆเริ่มปรากฏเป็นรูปร่างอยู่ภายในหิน บีบีพาดกรงเล็บที่บันได เงยหน้าจ้องมองรูปสลัก
“โอ้โห พี่ใหญ่ ท่านสลักรูปสตรีหรือนี่? ฮะฮะ ข้ารู้แล้ว ต้องเป็นรูปเดเลียแน่” บีบีล้อเลียน
แต่ลินลี่ย์ยังคงซึมซาบอยู่กับงานสลักของเขา สิ่วสกัดตรงเป็นประกายว่องไวราวสายฟ้าแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยน นุ่มนวลของสายลม ลินลี่ย์มีฝีมือแกะสลักถึงระดับปรมาจารย์แล้ว ในตอนนี้เขาสามารถแกะสลักได้ดังใจปรารถนา
ลินลี่ย์จดจ่ออยู่กับการสลักของเขาและรายละเอียดเริ่มปรากฏ...
ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งถึงบ่ายสามโมงในวันถัดไป หลังจากใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันและหนึ่งคืนในที่สุดลินลี่ย์ก็วางสิ่วตรง
“เฮ้อ” ลินลี่ย์รู้สึกเพลียเล็กน้อยเขาปัดฝุ่นออกจากรูปสลัก สตรีที่เขาแกะสลักมีราศีเฉพาะตนไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะดวงตาของนาง...ทำให้รูปแกะสลักดูเหมือนจะมีชีวิตจริงๆ
ลินลี่ย์มองดูรูปสลักด้วยความพอใจ จากนั้นหันไปมองทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในหัวใจของเขา เขาคิดกับตัวเอง “เดเลีย, ตอนนี้เจ้าควรจะได้รับจดหมายข้าแล้ว”