Ep.494 - ราชามังกรคลั่งโจมตี
1/3
Ep.494 - ราชามังกรคลั่งโจมตี
เหล่าผู้นำเผ่ามนุษย์ในแคว้นทะเลตะวันตกยอมรับความจริง
เพียงแต่ว่าถึงพวกเขาจะไม่มีใครคัดค้านแผนการอพยพ แต่ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเสี่ยงระหว่างการอพยพอยู่ดี
ทั้งหมดเริ่มหารือกัน
“ผู้ครองแคว้นทะเลตะวันตกจากไปแล้ว ทั่วแคว้นตกอยู่ในอันตราย เกิดความวุ่นวายในกลุ่มขุนนางน้อยใหญ่”
“ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าให้เดินทางข้ามแคว้น คงหลีกเลี่ยงการปะทะไม่ได้”
“ใช่ แถมเป็นไปได้สูง ว่าก่อนพวกเราจะไปถึง ระหว่างทางคงถูกกวาดล้างไปกว่าครึ่ง แคว้นเดียวดายจะมีมาตรการช่วยเหลือยังไง? ถึงจะให้พวกเราออกไปได้อย่างมั่นใจ”
ฮังอวี่กล่าวว่า “ผมเข้าใจความกังวลของทุกคน แต่แคว้นเดียวดายก็อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเหมือนกัน คงแบ่งทัพมาช่วยทางแคว้นทะเลตะวันตกไม่ได้ แล้วอีกอย่าง ทำแบบนั้นเท่ากับเป็นการรุกล้ำดินแดนกัน”
สถานการณ์ตึงเครียดมากในขณะนี้
ทุกหน่วยของดินแคว้นเดียวดายมีความสำคัญมาก หากไม่จำเป็น ทางที่ดีไม่ควรเคลื่อนไหว
ฮังอวี่พูดถึงจุดนี้ น้ำเสียงเขาก็เปลี่ยนไป “อืม แต่ทุกคนไม่ต้องกังวล ผมพอจะมีวิธีที่ดีกว่า ที่ช่วยให้คุณไปถึงแคว้นเดียวดายได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย”
เฉินหยูเอ่ยถาม “วิธีอะไร?”
ฮังอวี่ส่ายหัว “เป็นความลับ ยังบอกไม่ได้ในตอนนี้ คุณจะรู้เองเมื่อถึงเวลา”
วิธีน่ะเหรอ? ง่ายมาก! แค่หาเมืองหนามทมิฬให้พบ!
เมืองหนามทมิฬคือเมืองลอยฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยการเหนี่ยวนำมนตรา เหมือนวิมานในอากาศ หรือจะเรียกว่ายานขนาดใหญ่ก็ได้
ถ้าเราหาเมืองได้แล้วจริงๆ และเปิดฟังก์ชั่นการบินเสร็จสมบูรณ์ การอพยพคนก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม
ฮังอวี่ยังไม่สามารถบอกข่าวนี้ออกไป
มีคนทรยศในสันเขามังกร หากข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยล่วงหน้า เฮสการ์อาจเข้ามาขัดขวางเขาแต่แรก
ฮังอวี่กล่าวว่า “ผู้นำเฉินหยู และผู้นำทุกท่าน สิ่งที่พวกคุณต้องทำในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คือรวบรวมมนุษย์ทั้งหมดมาที่เมืองแนวปะการังดำ เตรียมอพยพรวดเดียว ส่วนเรื่องที่เหลือปล่อยให้ผมจัดการเอง”
แม้จะไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน แต่ทุกคนเชื่อในตัวฮังอวี่
เดิมฮังอวี่อยากใช้เวลาอีกพักหนึ่ง กำหนดรายละเอียดและการเตรียมตัวในระหว่างนี้กับพวกเฉินหยู
แต่ในตอนนั้นเอง
มีข่าวร้ายส่งมาจากเมืองธารทะเลทราย
เป็นข้อมูลล่าสุด!
สันเขามังกรได้ส่งกองกำลังชั้นยอดออกมา
และกองกำลังชุดนี้มีพฤติกรรมการเดินทัพที่ผิดปกติ พวกมันเมินเฉยต่อฐานที่มั่นเล็กๆของมนุษย์ในภูมิภาคที่ยังไม่ถูกทำลาย มุ่งตรงมายังทิศทางของแคว้นเดียวดาย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาดี!
เป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดเรื่องแคว้นเดียวดาย เกรงว่ามังกรคลั่งคงทราบแล้วว่านาเซอร์ทรยศ
และมันคงโกรธมาก!
มันรู้ว่าเผ่ามนุษย์แก่กล้ามากในแคว้นเดียวดาย ยิ่งนาเซอร์ผู้นี้ให้ความร่วมมือ หากปล่อยให้นานไปจะกลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรง
เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ถึงแคว้นเดียวดายจะห่างไกลมาก แต่ก็ควรเป็นที่แรกที่ต้องถูกทำลาย!
ตอนนี้ ... พวกเขากำลังตกที่นั่งลำบาก!
มันจะดีมากหากกองกำลังที่ถูกส่งไปเป็นแค่สองแม่ทัพมังกร เพราะถ้าแบบนั้นนาเซอร์ยังพอต้านทานได้ ที่น่ากังวลคือราชามังกรคลั่งอาจลงมือด้วยตัวเอง!
แต่ที่แน่ๆการกบฏในแคว้นเดียวดายครั้งนี้ เรียกได้ว่าแตะเกล็ดย้อนของเฮสการ์ ไม่ว่ามันจะลงมือเอง หรือจะแบบไหนก็ช่าง ตอนนี้ชักช้าไม่ได้ เขาต้องรีบนำเมืองหนามทมิฬกลับไป
ไม่อาจยืดเยื้อ!
ฮังอวี่ให้เวลาตัวเองสามวัน
ภายในสามวันเขาต้องหาเมืองหนามทมิฬให้พบ และนำมนุษย์จากแคว้นทะเลตะวันตกกลับไปสนับสนุน หากไม่ทันการก็เลิกตามหามันแล้วกลับไปร่วมสู้กับกองกำลังของสันเขามังกร
แคว้นเดียวดายมีความสำคัญอย่างยิ่ง
หากกองกำลังจากสันเขามังกรยึดแคว้นเดียวดายได้แล้ว เผ่ามนุษย์ในอาณาจักรมังกรโลกาก็ไม่อาจผงาดขึ้นได้อีกต่อไป นับจากนี้กลายเป็นแค่เผ่าเร่ร่อน ประชากรเริ่มลดน้อยลง 5 - 8 ปีไม่อาจฟื้นคืนพลัง
คิดได้แบบนี้ฮังอวี่ไม่รอช้าอีกต่อไป กล่าวอำลาเฉินหยูและพรรคพวก ดื่มโพชั่นมนตราอินทรีจ้าวสายลมที่เตรียมไว้ล่วงหน้า เปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ประหลาดอันว่องไว โผบินออกจากเมืองแนวปะการัง มุ่งหน้าสู่ตะวันออกที่มีแต่ทะเลอันกว้างใหญ่
สองชั่วโมงต่อมา
ฮังอวี่ออกมาได้ไกลหลายพันไมล์
ตกกลางคืน
ท้องทะเลมืดมิด มีสิ่งมีชีวิตหรือพืชต่าง ๆ เปล่งแสงในทะเล ทำให้ท้องทะเลมีสีสันสวยงามตระการตา
ฮังอวี่ลอยอยู่เหนือระดับน้ำทะเล ในที่สุดเจอตำแหน่งที่ต้องการ ตรงจุดนั้นหากมองลงจากเบื้องบนจะพบว่า มันคือพื้นที่แถบยาวที่มีสีน้ำเงินเข้ม ปราศจากแสงสว่างใดๆ สมควรเป็นช่องแคบลึกใต้สมุทร
น่าจะตรงนี้
ฮังอวี่ไม่ลังเลใดๆ ดื่มโพชั่นหลายขวดติดต่อกัน ดำดิ่งสู่ก้นทะเล
ฮังอวี่สืบทอดมรดกขั้น 4 สองรายการ และสวมอุปกรณ์สีม่วงสามชุด ทำให้ตอนนี้เขาไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ร่างกายสามารถทนต่อแรงดันใต้น้ำหลายพันเมตร แม้ในสภาพแวดล้อมที่มองไม่เห็นกระทั่งนิ้วมือ เขาก็ยังสามารถแยกแยะสิ่งต่างๆรอบตัวได้
จากความทรงจำ
ช่องแคบไร้ก้นบึ้งและอันตรายตรงจุดนี้แหละ ที่เป็นที่ซ่อนของเมืองโบราณ
แต่การหาสถานที่นี้ไม่ง่ายนัก
ประการแรก ช่องแคบใต้ทะเลค่อนข้างยาว
ประการที่สอง พื้นทะเลเต็มไปด้วยมอนสเตอร์อาละวาด ซึ่งอันตรายมาก
และเมืองโบราณน่าจะมีพลังในการป้องกันตัวเองอย่างพรางตัวและเขตแดน ดังนั้นไม่มีทางพบได้ในเวลาสั้นๆ
นี่นับเป็นบททดสอบแห่งโชคชะตาของฮังอวี่
...
ณ แคว้นเดียวดาย
ในเมืองพายุระห่ำ
จ้าวหมิง ฉูเทียนหัวกำลังหารือสถานการณ์กับนาเซอร์
ฉูเทียนหัวกล่าวว่า “มนุษย์ในแคว้นต่างๆส่งข่าวมาว่าพบเห็นกองทัพของสันเขามังกร มีทั้งรูปถ่ายและวิดีโอเป็นหลักฐาน จากการวิเคราะห์เบื้องต้นของหน่วยข่าวกรอง พวกเราสรุปได้ว่าขนาดของกองกำลังสันเขามังกรอยู่ที่ประมาณ 30,000 - 40,000!”
จ้าวหมิงกล่าวว่า “ดูจากจำนวนแล้วไม่มากเกินรับมือ หากห้าเมืองหลักและเกือบสองร้อยเมืองเล็กในแคว้นเดียวดายระดมกำลัง กองทัพศัตรูจำนวนเท่านี้ไม่นับว่าเท่าไหร่เลย”
ฉูเทียนหัวส่ายหัวและพูดว่า “เราไม่สามารถวิเคราะห์ศึกนี้แบบเดียวกับในครั้งก่อนๆที่ผ่านมา”
นาเซอร์กล่าวเสริมว่า “กองทัพสันเขามังกรมีประสิทธิภาพสูงสุด แม่ทัพมังกรสังหาร แม่ทัพมังกรเฮอริเคน ทั้งคู่เป็นนักรบที่ทรงพลังและมีอำนาจมาก ดังนั้นระหว่างต้องมีการเรียกระดมพลเหล่ายอดฝีมือมาด้วยแน่ๆ บังคับให้พวกเขาเข้าสู่สนามรบ นี่ไม่ใช่สงครามง่ายๆ”
แต่ตอนนี้ประเด็นหลักที่ต้องให้ความสนใจที่สุดก็คือ มังกรคลั่งเฮสการ์จะนำทัพด้วยตัวเองหรือไม่?
จากข้อมูลที่มีอยู่อย่างจำกัดในปัจจุบัน ไม่สามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้
แต่หากเฮสการ์ลงมือด้วยตัวเอง อาศัยเพียงอิทธิพลของมัน ก็เกินพอแล้วที่จะสร้างแรงกดดันแก่ฝ่ายป้องกัน
จ้าวหมิงกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ศึกนี้ต้องสู้ พวกเราเหลือเวลาเตรียมตัวอีกสองสามวัน ระดมพลจากทุกสารทิศ ใช้เมืองพายุระห่ำเป็นแนวป้องกัน พยายามกันกองทัพสันเขามังกรออกไป!
ฉูเทียนหัวพยักหน้า “ตอนนี้มีแต่ต้องทำแบบนึั้น”
นาเซอร์สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามร้ายแรง ศึกนี้คงยากลำบากมาก--
--ไม่รู้ว่าฮังอวี่จะมาทันเวลาหรือไม่?