1
บทที่ 1
สามเดือนต่อมา ...
“เอาสีแดง !! สีแดงนั่นแหละ !!” ชายวัยกลางคนขี้เมาส่งเสียงโวยวายอยู่หน้าเคาท์เตอร์ในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง
“เอาซองนี้ หรือซองนี้ครับ !?” พนักงานพาร์ทไทม์ถามพร้อมกับชี้ไปยังบุหรี่ซองสีแดงสองยี่ห้อที่อยู่ติดกัน
“เอาซองนั้น !!” ชายขี้เมาจ่ายเงินพร้อมกับรับบุหรี่ไปก่อนจะเดินออกจากร้านสะดวกซื้อไปอย่างไม่พอใจ
“การหาเงินนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ ...” ฮยอนอู พึมพำกับตัวเองขณะที่เขามองชายขี้เมาเดินออกไป
ถูกต้อง !! มันเป็นเรื่องยากในการหาเงินจริง ๆ เขาได้รับค่าแรงเพียง 6,030 วอน ต่อชั่วโมงเท่านั้น หากเขาทำงานอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อตลอดทั้งเดือน เขาจะได้รับค่าแรงประมาณ 1 ล้านวอนเท่านั้น ซึ่งมันเทียบไม่ได้กลับมูลค่าสิ่งของต่าง ๆ ที่เขาเคยใช้ในอดีตด้วยซ้ำ (เสื้อผ้า , รองเท้า , นาฬิกา ...)
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะตอนนี้ครอบครัวของเขาล้มละลายไปแล้ว หากเขาไม่พยายามทำงานพาร์ทไทม์แบบนี้ มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเติมอาหารให้อิ่มท้องได้ คุณชาย คัง ฮยอนอู ผู้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดไม่มีอยู่อีกต่อไป มีแต่ ยาจกฮยอนอู ลูกชายคนโตของครอบครัวที่ล้มละลาย
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก็สั่นพร้อมกับหน้าจอแสดงชื่อ ยองชาน
“ฮยอนอู ใช่ไหม !?”
“โทรมาทำไม ฉันยังไม่ว่าง ไว้ค่อยโทรมาใหม่”
“ฉันโทรมาทำไมเหรอ !? คุณพี่ครับ การจะได้เจอหน้าคุณพี่ในทุกวันนี้เป็นเรื่องยากยิ่งกว่าตอนที่คุณพี่อยู่ในกรมทหารซะอีกนะครับ !! ทำไมนายกำลังลำบากถึงไม่โทรหาฉัน !?”
“ลำบากอะไร !?” ฮยอนอู รีบปฏิเสธทันที เพราะจากนำเสียงและคำพูดของ ยองชาน แล้วดูเหมือนว่าเขาจะรู้อะไรบางอย่างอยู่แล้ว
“มีคนบอกฉันว่าเขาเห็นนายทำงานพาร์ทไทม์อยู่ นายโอเคจริง ๆ เหรอ !? นายไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย บอกฉันมาเถอะว่าตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหานายทันที”
“นายจะมาทำไม ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง แค่นี้ก่อนนะ” ฮยอนอู ตัดสายทันที
ยองชาน คือเพื่อนสมัยเด็กของ ฮยอนอู เขาคือคนที่เข้าหา ฮยอนอู ที่เข้าเรียนช้ากว่าปกติตั้งแต่ชั้นอนุบาล ยองชาน เป็นเพื่อนสนิทที่ดูแล ฮยอนอู ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม มันอาจจะบอกได้ว่า ยองชาน รู้จัก ฮยอนอู มากกว่าที่พ่อแม่ของเขารู้จักเขาด้วยซ้ำ แต่ในตอนนี้ ... ฮยอนอู รู้สึกละอายใจเกินกว่าจะมีหน้าไปพบกับเพื่อนเก่าของเขาได้
“มันคงจะดีถ้าได้หัวเราะกับนายอีกครั้ง แต่ตอนนี้ ... ฉันไม่รู้จริง ๆ ... ยองชาน ....”
จริง ๆ แล้ว ฮยอนอู รู้สึกกลัวอยู่ลึก ๆ เขาไม่รู้ว่าการที่ครอบครัวของเขาล้มละลายแบบนี้ มันจะทำให้มุมมองของ ยองชาน ที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปหรือไม่ นอกจากนี้เขายังไม่ต้องการให้ ยองชาน ต้องเห็นเขาในสภาพที่น่าสังเวชแบบนี้ เขาที่กินอาหารโดยไม่ดูวันหมดอายุ หรือในบางครั้งเขาต้องยอมอดอาหารเพราะไม่มีเงินมากพอที่จะซื้ออะไรมาเติมท้องที่ว่างเปล่าได้
“ฮยอนอู ทำได้ดีมาก ที่เหลือให้ฉันจัดการเอง นายไปพักเถอะ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาจมอยู่กับความคิดของตัวเองนานเกินไปหรือเปล่า เพราะเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า ซังจิน ได้เข้ามาในร้านแล้ว
“พี่มาแล้วเหรอ !?”
“ใช่แล้วน้องชาย นายคงเหนื่อยมากจริง ๆ ให้ฉันจัดการที่เหลือเอง ยังไงฉันก็มาก่อนเวลาสิบนาทีอยู่แล้ว เดี๋ยวนายจะเป็นลมไปซะก่อน”
“ขอบคุณครับพี่”
“ขอบคุณอะไร คนกันเองทั้งนั้น” ปาร์ค ซังจิน หัวเราะเบา ๆ ปาร์ค ซังจิน เป็นหนึ่งในคนรู้จักที่เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังคงปฏิบัติต่อ ฮยอนอู เช่นเคย แม้ว่าครอบครัวของเขาจะกลายเป็นดาวโรยจากท้องฟ้าในวันเดียวก็ตาม แต่มันก็ยังมีปัญหาบางอย่าง ...
“อึ้ก !! เซฮุย โทรมา !!”
เขามีสาว ๆ อยู่รอบตัวมากเกินไป และในแต่ละวันเขาก็ต้องรับสายโทรศัพท์มากกว่าสิบครั้ง อีกทั้งในบางวันสาว ๆ ของเขาก็แวะเวียนมาพบกับเขาที่ร้านสะดวกซื้อด้วยเช่นกัน
“พี่ชาย พยายามเข้านะครับ !! ขอบคุณมากสำหรับวันนี้”
“ไปเถอะ”
ฮยอนอู พูดลาก่อนจะออกจากร้านสะดวกซื้อ
“ว่าไง คุณชายคัง !! นายหมดกะแล้วเหรอ !?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น เมื่อเขากวาดสายตามองออกไปก็พบว่า ยองชาน ได้มานั่งรออยู่ที่โต๊ะหน้าร้านสะดวกซื้อพร้อมกับกาแฟในมืออยู่ก่อนแล้ว
“ยองชาน !? นายมาทำอะไรที่นี่ !?” ฮยอนอู ประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเห็น ยองชาน แต่เขาก็รีบเปลี่ยนสีหน้ากลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“นายคิดว่าฉันเป็นคนยังไง !? ฉันเสียใจนะ ที่ได้ยินคนอื่นบอกแทนที่นายจะเป็นคนบอกกับฉันเองว่าทำงานอยู่ที่นี่”
“เสียใจอะไร ... ช่างเถอะ !! ไหน ๆ นายก็มาที่นี่แล้ว เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
“เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของนาย !? ทำไมนายถึงมาทำงานพาร์ทไทม์แบบนี้ บอกฉันมาตามตรงเถอะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่” ฮยอนอู พา ยองชาน ไปร้านขายซุปที่อยู่ใกล้ ๆ ร้านสะดวกซื้อ เมื่อไปถึงที่นั่น ยองชาน ก็นั่งลงด้านตรงข้ามกับ ฮยอนอู พร้อมกับมายังเขาที่กำลังซดซุปอย่างหิวกระหายด้วยความกังวล
“...”
“ฉันก็พออยู่แล้วบ้าง”
“...”
“แต่ฉันไม่รู้รายละเอียดมากนัก ... ฉันแค่รู้มาคร่าว ๆ แค่นั้น”
“งั้นเหรอ ...”
“นายทำให้ฉันผิดหวัง !!”
“ฉันทำให้นายผิดหวัง !?”
“ก็ใช่สิวะ ไอ้บ้าเอ๊ย !!” ยองชาน ตะโกนลั่น “ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับนายมันมีแค่นี้เหรอ !?”
“หืม !?”
“เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ !? ระหว่างที่ครอบครัวของนายกำลังตกที่นั่งลำบากแบบนี้ มันเกี่ยวอะไรกับการเจอฉัน หรือว่านายไม่อยากเจอฉัน !? ถ้าครอบครัวฉันล้มละลายบ้าง นายจะยังอยากเจอฉันอยู่ไหม ห๊ะ !?”
ฮยอนอู รู้สึกเหมือนถูกกระแทกอย่างแรง มันทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ขณะหนึ่ง เขากังวลมาตลอดที่จะมาพบกับเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา แต่ ยองชาน ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย มีเพียงความละอายของตัวเขาเองเท่านั้น ที่ทำให้ ฮยอนอู เลือกที่จะพยายามหนีจากคนใกล้ชิดของเขา
ครืดดด
“บอกฉันมาเถอะ มันเกิดอะไรขึ้น เรายังเป็นเพื่อนกันใช่ไหม” ยองชาน ผลักแก้เบียร์ไปด้านหน้า ฮยอนอู พร้อมกับพูด
“ขอบใจ” ฮยอนอู ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มปล่อยให้รสเบียร์ขม ๆ ไหลผ่านลำคอ
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ !?”
“มันก็แค่ ...”
หลังจากนั้น คัง ฮยอนอู ก็เล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาให้กับ ควอน ยองชาน ฟัง
“นี่นาย ...” หลังจากนั้นสามชั่วโมง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดื่มมากเกินไปหรือเปล่า ยองชาน อ้าปากออกพร้อมกับพยายามจะพูดบางอย่าง
“อะไร !?”
“นั่น ...”
“มีอะไรทำไมไม่พูด !? หรือว่าตอนนี้ทางบ้านนายก็กำลังแย่เหมือนกัน !?”
“ใช่ !! ครอบครัวของฉันก็กำลังแย่ .... ไม่ใช่แล้วโว้ยยย !!” ยองชาน อดไม่ได้ที่จะตบมุขให้กับเพื่อนรักของเขา “คุณชายคัง หยุดพูดเล่นสักทีเถอะ”
“แล้วมันอะไรล่ะ !?”
“นาย ...”
“ทำไมนายถึงได้ดูลังเลที่จะพูด !?”
“บางที ... นายควร ... ลองมันอีกครั้ง อารีน่า น่ะ”
“ห๊ะ !!”
“ห๊ะ อะไรของนายวะ !!”
มันเป็นคำแนะนำที่ไม่คาดคิดจริง ๆ กลับไปเล่น อารีน่า อีกครั้ง นี่เป็นสิ่งที่ ฮยอนอู ไม่เคยคิดมาก่อน
“ฉันไม่เคยคิดถึงมันเลย”
“ฉันไม่ได้บอกให้นายตัดสินใจตอนนี้ ฉันแค่อยากให้นายลองพิจารณาดู มันเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย”
ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันกลับ
“ไอ้บ้าเอ๊ย อย่าลืมคิดเกี่ยวกับมันดูด้วย !!” ยองชาน ตะโกนไล่หลัง ฮยอนอู พร้อมกับโบกมือให้เขา
“อารีน่า ... กลับไปอีกครั้ง” ฮยอนอู นึกถึง อารีน่า
เป็นไปได้ไหมที่จะกลับไปประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับในอดีตที่ผ่านมา !? ด้วยทักษะ และฝีมือที่เขามี เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร และถึงแม้ว่าเขาจะกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งช้ากว่าคนอื่น ๆ แต่เขาก็เชื่อว่าเขาไม่มีทางที่จะแพ้ใครแน่นอน
ยังไงก็ตาม ความแตกต่างของไอเทมไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถก้าวข้ามไปได้ง่าย ๆ ทุกคนต่างตระหนักดีว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเล่นเกม ทำไมน่ะเหรอ !? เพราะอุปกรณ์สวมใส่ที่เกิดจากการพัฒนาตลอดเวลานั้น มันคือกำแพงที่ยากจะก้าวข้ามไปได้ด้วยฝีมือ และทักษะเพียงอย่างเดียว