ตอนที่แล้วตอนที่ 9-40 ความลับของทวีปยูลาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9-42 มณฑลอาคเนย์

ตอนที่ 9-41 ความเอื้อเฟื้อของเทพสงคราม


“ในช่วงการสู้รบเหล่านั้น ข้าโชคดีมาก  แม้ว่าข้าจะซ่อนตัวอยู่ไม่ห่างแต่ข้าก็ได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์มา  นอกจากนั้นยังเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพชั้นต้น  ถ้าเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพกลาง  ข้าคงไม่สามารถดูดซับและผสานกับมันได้เลย”  เทพสงครามหัวเราะอย่างใจเย็น

ทันใดนั้นลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ

มีเงื่อนไขบางอย่างสำหรับคนที่หลอมรวมเข้ากับประกายศักดิ์สิทธิ์

คนผู้ยังไม่กลายเป็นนักสู้ระดับเทพบางทีอาจจะทำได้เพียงหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพชั้นต้น

“ทำไมยอดฝีมือจากพิภพอื่นเหล่านั้นถึงได้ลงมาสู้รบกันในทวีปยูลานนี้?”  ลินลี่ย์ถามทันที

เทพสงครามมองลินลี่ย์  “สำหรับตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้” เห็นได้ชัดว่าเทพสงครามไม่ต้องการบอกลินลี่ย์

ลินลี่ย์ไม่มีทางเลือกจึงได้แต่เงียบ

“สุสานแห่งทวยเทพจะเปิดทุกๆ พันปีแต่ละครั้งที่เปิดออกผู้ที่ได้รับการยอมรับและได้รับอนุญาตจากเราเหล่านักสู้ชั้นเทพจะอนุญาตให้เข้าไปในสุสานของทวยเทพและร่วมสำรวจได้”  เทพสงครามชำเลืองมองลินลี่ย์  “แต่ข้าต้องบอกเจ้าไว้ก่อน  สุสานแห่งทวยเทพคือสถานที่อันตรายมาก!”

“มีคนเคยทำสำเร็จบ้างไหม?”  ลินลี่ย์ถาม

“แน่นอน” เทพสงครามพูดอย่างมั่นใจ “แต่มีเพียงคนเดียว และสิ่งที่น่าตลกก็คือทันทีที่เขาได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์และบรรลุขอบเขตใหม่  เขาก็มุ่งหน้าไปพิภพชั้นสูงทันที”

ลินลี่ย์ลอบหัวเราะ

กลายเป็นเทพช่างยากเย็นแสนเข็น

แต่คงไม่ใช่ง่ายมากกับแค่การได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์จากภายในสุสานของทวยเทพและจากนั้นก็หลอมรวมกันหรือเปล่า?  มิน่าเล่าผู้โชคดีรอดชีวิตจากในอดีตจึงตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ที่นี่ในทวีปยูลาน

ที่สำคัญแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เซียนนักสู้จะได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ในพิภพระดับสูง

“ท่านเทพสงคราม!มีความแตกต่างกันระหว่างการกลายเป็นนักสู้ระดับเทพด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์และการกลายเป็นเทพผ่านการรู้แจ้งด้วยตนเองและบรรลุระดับใหม่หรือไม่?”  ลินลี่ย์ถาม

เทพสงครามพยักหน้าและถอนหายใจ  “มีแน่หลังจากดูดซับหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์แล้ว การฝึกในอนาคตของนักสู้จะยากลำบากยิ่งขึ้น  ที่สำคัญประกายศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าหลอมรวมด้วยไม่ใช่สิ่งที่ตกทอดและก่อตัวขึ้นในวิญญาณของเจ้าโดยธรรมชาติ  ยังมีคุณภาพที่แตกต่างกัน”

ลินลี่ย์พยักหน้า

ในใจของเขาลินลี่ย์ชื่นชมความจริงที่ว่าเทพสงครามให้ข้อมูลที่สำคัญนี้กับเขา

“แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น, แล้วยังไงเล่า? ลินลี่ย์ถ้าข้าวางประกายศักดิ์สิทธิ์ไว้ต่อหน้าเจ้าซึ่งถ้าเจ้าหลอมรวมเข้าด้วยกันเจ้าจะกลายเป็นเทพชั้นต้นกับราคาที่จะทำให้การฝึกฝนในอนาคตของเจ้าช้าลงและยากลำบากมากขึ้น...เจ้ายินดีจะหลอมรวมกับมันไหมเล่า?” เทพสงครามมองดูลินลี่ย์

ลินลี่ย์ตกใจ

ความจริงถ้าประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพชั้นต้นวางอยู่ต่อหน้าของเขา  มันคือโอกาสจะได้เป็นนักสู้ชั้นเทพแม้รู้ว่าอนาคตการฝึกของนักสู้จะยากลำบากขึ้น ก็มีแนวโน้มว่าหลายคนจะเลือกดูดซับหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์

“เอาล่ะ ลินลี่ย์ ถ้าไม่มีอะไรอื่นตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น

ลินลี่ย์รีบกล่าวทันที  “ท่านเทพสงครามในอีกไม่กี่วันข้าตั้งใจจะไปยังดินแดนอนารยชน วอร์ตันน้องชายของข้าจะรั้งอยู่ในเมืองหลวง ข้าเพียงแต่กังวลว่ากองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสจะตามรังควานน้องชายข้า...”

“ไม่ต้องห่วง นครหลวงไม่ใช่สถานที่ซึ่งศาสนจักรเจิดจรัสจะเที่ยวลงมือได้ตามอำเภอใจ”  เทพสงครามพูดอย่างสงบ

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้จากเทพสงครามแล้วลินลี่ย์สงบมากขึ้น

“ท่านเทพสงคราม จักรพรรดิคนปัจจุบันโจฮันน์...” ลินลี่ย์ไม่ทันพูดจบก่อนที่เทพสงครามจะขมวดคิ้วและกล่าว  “ข้าให้ตราเครื่องหมายของข้าไปแล้ว  แค่แสดงให้โจฮันน์ดูและเขาจะรู้ว่านั่นคือตัวแทนอำนาจของข้า จักรพรรดิแต่ละรุ่นจะรู้เรื่องนี้”

ลินลี่ย์สะดุ้ง

ตราเครื่องหมายที่มีคำว่า‘สงคราม’ อยู่บนนั้นซึ่งเทพสงครามได้มอบให้เขาก่อนหน้านี้ก็ใช้งานแบบนี้ได้ด้วยหรือ?

เทพสงครามมองลินลี่ย์อย่างเย็นชา “แต่เจ้าอย่าใช้ตราเครื่องหมายนี้อย่างป่าเถื่อนเกินไปดีกว่า  ถ้าทำให้จักรวรรดิตกอยู่ในความวุ่นวาย  อย่างนั้นเจ้าจะต้องเป็นคนแก้ปัญหา โอวจริงสิเมื่อเจ้าไปยังดินแดนอนารยชน จำไว้ให้ดี มีอยู่คนหนึ่งที่เจ้าต้องไม่ไปล่วงเกิน”

“ใครกัน?” ลินลี่ย์ตกใจ

แดนอนารยชนไม่มียอดฝีมืออยู่ไม่ใช่หรือ?

เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น  “หนึ่งในห้าสุดยอดเซียนใช้ชีวิตอยู่ในแดนอนารยชน  ชื่อของเขาคือ เดลี่ พลังของเขาพอๆ กับเฟน”

ลินลี่ย์จดจำชื่อนี้ไว้ทันที

คนที่มีพลังเทียบเท่ากับเฟนอยู่ห่างจากระดับเทพเพียงก้าวเดียวเท่านั้น

“เอาล่ะ, ตอนนี้เจ้าไปได้”  เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น

ลินลี่ย์คำนับทันทีจากหมุนตัวเตรียมตัวจากไป

“จำไว้ให้ดีจงปฏิบัติกับบีบีอสูรเวทของเจ้าด้วยความเมตตา” เทพสงครามพูดขึ้นมากะทันหัน

ลินลี่ย์ตกใจหันหน้ามองเทพสงคราม  ลินลี่ย์ไม่ประหลาดใจที่เทพสงครามรู้เรื่องความคงอยู่ของบีบี แต่ทำไมเทพสงครามจึงบอกเขาให้ปฏิบัติกับบีบีให้ดี?

เทพสงครามไม่ให้ความสนใจลินลี่ย์อีกต่อไป  เพียงก้าวเดียวผมสีแดงเพลิงก็งอกยาวคลุมตัวเขาเขาลอยตัวโฉบเข้าหาบอลเพลิงทันทีกลับเข้าไปฝึกต่อ

“บีบี?”

ความจริงลินลี่ย์รู้สึกว่าเทพสงครามค่อนข้างจะดีต่อเขา  ไม่ว่าจะเรื่องการแต่งงานของวอร์ตันหรือบอกเขาหลายเรื่องตอนที่เขามาเยี่ยมเยือน... ตอนนี้ลินลี่ย์รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับบีบี

บีบี?

ลินลี่ย์ยังคงจำได้ถึงเรื่องที่บีบีบอกเขาว่าเขามาจากตระกูลที่มีชื่อตระกูลเบรุต

“พลังของบีบีน่ากลัวและระดับการเติบโตก็น่าประหลาดเช่นกัน และเขามาจากตระกูลเบรุต  ตอนนี้เทพสงครามยังกล่าว...” ทันใดนั้นลินลี่ย์เริ่มสงสัยสถานะของบีบี

ภายในอุทยานดอกไม้วังหลวง เมืองหลวงแชนน์

จักรพรรดิโจฮันน์อยู่ในช่วงอารมณ์ที่ดี เขาเดินทอดน่องอยู่ในอุทยานเพลิดเพลินกับภาพดอกไม้งามนานาพันธุ์ เพราะลินลี่ย์ไม่ติดใจทวงถามความยุติธรรมให้เรย์โนลด์อีกต่อไปเขาจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเป็นธรรมดา

“ฝ่าบาท, มีคนกำลังเหาะมาทางนี้”  มหาดเล็กประจำพระองค์ทูลทันที

มีคนเหาะมาทางนี้หรือ?

นักสู้ระดับเซียน!

จักรพรรดิหันมามองทันที  ในท้องฟ้าเขาเห็นลินลี่ย์ในชุดสีฟ้าเหาะทะยานมาทางนี้ ในพริบตา ลินลี่ย์ก็เข้ามาถึงอุทยานดอกไม้

“โอว อาจารย์ลินลี่ย์นี่เอง”  จักรพรรดิโจฮันน์ยิ้มเต็มหน้าทันที  “มีอะไรที่ท่านต้องการหรือ อาจารย์ลินลี่ย์?”

ลินลี่ย์มองดูมหาดเล็กประจำพระองค์

“เจ้าออกไปก่อน”  จักรพรรดิโจฮันน์บอกมหาดเล็กที่อยู่ใกล้  เขาเดินออกไปอยู่ห่างๆ ทันที ตอนนี้มีเพียงลินลี่ย์และจักรพรรดิโจฮันน์เท่านั้นไม่มีผู้อื่นอยู่ใกล้  แม้แต่ราชองครักษ์ก็ยังอยู่ห่างออกไปร้อยเมตร

ลินลี่ย์จ้องมองจักรพรรดิโจฮันน์อย่างเฉยเมย

เห็นลินลี่ย์จ้องมองด้วยอาการอย่างนั้น  จักรพรรดิโจฮันน์เริ่มรู้สึกงงและอึดอัดใจ  หรือว่าลินลี่ย์พบว่าความตายของเรย์โนลด์มีความเกี่ยวข้องกับจูเลียน?

“จักรพรรดิโจฮันน์ พระองค์เชื่อว่าพระองค์บอกความจริงเรื่องการตายของเรย์โนลด์ในการสู้รบกับข้าหมดสิ้นใช่ไหม?”  ลินลี่ย์มองดูจักรพรรดิโจฮันน์

หัวใจของจักรพรรดิโจฮันน์เริ่มเต้นแรง  เขารู้สึกเหมือนกับว่าตกลงไปในเหวลึกไร้ก้น

จักรพรรดิโจฮันน์ไม่โง่  เมื่อได้ยินคำพูดของลินลี่ย์  เขาสามารถเดาได้ว่าลินลี่ย์รู้ทุกอย่างเป็นธรรมดา

“ลินลี่ย์ นั่นคือรายงานที่มาจากกองทัพ  ก็ไม่น่าจะปลอมไปได้”  จักรพรรดิโจฮันน์พูดจริงจัง  ความหมายในคำพูดของเขาชัดเจน  แม้ว่าข้อมูลจะผิดไปบ้างแต่ก็เป็นความผิดพลาดของผู้รายงานกองทัพ และไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขา

ลินลี่ย์จ้องมองจักรพรรดิโจฮันน์

“จักรพรรดิโจฮันน์เกี่ยวกับเรื่องที่ข้าได้รู้ เรย์โนลด์สหายรักของข้านำกลุ่มอัศวินออกลาดตระเวน แต่กลับถูกกองกำลังจักรวรรดิโรฮอลท์ไล่ล่าจนมาถึงกำแพงเมืองนีล  กองกำลังไล่ล่าของจักรโรฮอลท์มีจำนวนสามร้อยคน!  แต่เวลานั้น เจ้าชายจูเลียนออกคำสั่งให้ทหารอยู่ในที่และป้องกันเมืองอยู่ภายในเมืองด้วยความขลาดกลัว!”

สีหน้าท่าทางของโจฮันน์เปลี่ยน

“เผชิญหน้ากับกองกำลังเพียงสามร้อยคน ทำไมกองกำลังรักษาการณ์ที่มีกำลังพลเป็นหมื่นนายต้องยืนอยู่ในที่ในเมืองนีลด้วย?”  เสียงของลินลี่ย์เย็นชาทุกที  “เรย์โนลด์น้องข้าและผู้ใต้บังคับบัญชาสิบกว่าคนร้องตะโกนขอให้เปิดประตูจากฐานกำแพงเมือง  แต่เจ้าชายจูเลียนออกคำสั่งให้คงปิดประตูเมืองและด้วยคำสั่งนั้น... เรย์โนลด์และคนของเขาต้องเสียชีวิต ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม”

ลินลี่ย์จ้องมองโจฮันน์อย่างเย็นชา  “จักรพรรดิโจฮันน์  บอกข้าที เราจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไง?”

จักรพรรดิโจฮันน์รู้แล้ว่าไม่มีทางใดคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้  เขาไม่กล้าโกหกหรือพูดกำกวมเมื่ออยู่ต่อหน้าเซียนระดับสูง ข้ออ้างยังจะใช้ได้อีกหรือ?

หน้าของโจฮันน์แข็งทันที  “จูเลียน เจ้าบัดซบนั่น!”

โจฮันน์มองดูลินลี่ย์ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ  “อาจารย์ลินลี่ย์ เราไม่รู้ว่าจูเลียนทำเรื่องอะไรอย่างนี้จริงๆ  เขาทำให้จักรวรรดิของเราได้รับความอับอาย  อาจารย์ลินลี่ย์  โปรดอย่ากังวล เรารับรองว่าเราจะดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อตำหนิเขา พรุ่งนี้ ไม่สิ เราจะส่งมหาเสนาบดีของเราไปที่มณฑลอาคเนย์และสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราจะไม่ยอมให้ใครที่ก่อความผิดสำคัญได้รับโทษเบาๆแน่”

ลินลี่ย์มองเห็นลูกไม้เล็กๆน้อยๆ ของโจฮันน์ตั้งแต่แรกแล้ว

โจฮันน์จะส่งคนไปหรือ?

ต่อให้พวกเขาพบอะไรก็ตาม พวกเขาจะไม่กล่าวโทษเจ้าชายจูเลียนด้วยความผิดร้ายแรง

“ฝ่าบาท, พระองค์ไม่ต้องยุ่งยากลำบากเลย  ใครก็ตามที่ทำให้น้องของข้าตาย  ข้าจะทำให้พวกมันตาย”  เสียงของลินลี่ย์เย็นชาดุร้ายทำให้หัวใจของโจฮันน์สั่นไหว

แต่จักรพรรดิโจฮันน์ก็โมโหเช่นกัน

ความจริงลินลี่ย์กำลังบอกว่าเขาจะฆ่าจูเลียนตรงๆ! เขากำลังจะฆ่าน้องชายของโจฮันน์ เขา โจฮันน์มีน้องชายเพียงคนเดียว เรย์โนลด์เป็นตัวอะไร?  ไม่มีอะไรมากกว่าขุนนางทั่วไป  ถ้าเขาตาย ก็ถือว่าตายไป

ชีวิตของเรย์โนลด์จะเทียบได้กับของน้องชายเขาได้ยังไง?

“ลินลี่ย์ จักรวรรดิมีกฎหมายของจักรวรรดิ” จักรพรรดิโจฮันน์พูดด้วยเสียงเย็นชา

เพื่อประโยชน์ของน้องชายของเขา  เขาตัดสินใจเผชิญหน้ากับลินลี่ย์สักครั้ง

ลินลี่ย์มองดูจักรพรรดิโจฮันน์เขากล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ข้าของบังอาจถาม  ตามกฎอาญาศึกจะต้องลงโทษยังไงกับคนที่กลัวต่อการรบกับทหารศัตรูสามร้อยคนและยังยืนดูปล่อยให้ทหารฝ่ายตนเองถูกสังหาร?”

“ก็ต้องลงโทษประหารชีวิตแน่นอน”  โจฮันน์พยักหน้า  “อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น”

ลินลี่ย์จ้องมองโจฮันน์  “สิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนมากอยู่แล้ว  ข้าเพียงแต่มาแจ้งท่านถึงสิ่งที่ข้าจะทำ  โจฮันน์ อย่ากดโชคของตัวเองให้ตกต่ำ  อย่าคิดว่าท่านจะใช้กฎโลกๆผูกมัดและจำกัดข้าได้”

ยอดฝีมือระดับเซียนมีอิสระเหนือกฎหมายและข้อบังคับแน่นอน

จักรพรรดิโจฮันน์จ้องมองลินลี่ย์  ทันใดนั้น เขาพูดเสียงอ่อนและขอร้อง  “ลินลี่ย์ เจ้าก็มีน้องชายคนหนึ่งเช่นกัน  เจ้าน่าจะเข้าใจว่าข้ารู้สึกอย่างไร”

“ฮ่าฮ่า...” ลินลี่ย์หัวเราะลั่น  “ฝ่าบาท,ดูเหมือนท่านจะแนะนำว่าตราบใดที่คนมีพี่ชาย แล้วพวกเขาก็สามารถฆ่าน้องชายของข้าได้โดยไม่มีโทษ  และจากนั้นจะมีพี่ชายของพวกเขามาพูดกับข้า  ‘เจ้ามีน้องชายที่ดีเช่นกัน’? แล้วให้ข้ายกโทษให้น้องชายเหล่านั้นใช่ไหม?”

ลินลี่ย์มีสีหน้าเย็นชาขึ้นเหมือนกับมีน้ำแข็งเคลือบอยู่บนใบหน้า “ช่างน่าขันนัก!”

ช่างน่าขันแน่นอน  ใครบางคนที่ฆ่าน้องชายของเขาและตอนนี้กลับพยายามขอความเห็นใจพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับน้อง

“ลินลี่ย์, เจ้า...” จักรพรรดิโจฮันน์โกรธ

“โจฮันน์ข้าหวังว่าท่านจะไม่ปล่อยให้ตนเองทำอะไรบุ่มบ่าม...”  แค่เพียงพลิกมือลินลี่ย์ดึงตราสีแดงสดใสที่เทพสงครามมอบให้เขาออกมา

จักรพรรดิโจฮันน์เมื่อเห็นตราที่อยู่ในมือของลินลี่ย์  ก็เหมือนกับถูกราดน้ำเย็นรดศีรษะ  เขาสั่นตลอดทั้งร่าง

“ตราของเทพสงคราม?”  โจฮันน์จ้องมองตราด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

หลังจากก่อตั้งจักรวรรดิโอเบรียน  เทพสงครามโอเบรียนได้สละและมอบราชสมบัติให้กับโอรสของเขาผู้รับราชบัลลังก์ตกทอดไปถึงคนรุ่นอนาคต  จักรพรรดิทุกรุ่นจะรู้กันดีว่าตราเทพเจ้าสงครามก็คือตัวแทนของเทพเจ้าสงคราม!

ใครก็ตามที่ถือตราเทพเจ้าสงครามนี้มีอำนาจบังคับให้จักรพรรดิสละราชสมบัติได้

ปกติมีคนเพียงไม่กี่คนที่ครอบครองตราเทพเจ้าสงครามและคนพวกนั้นคงไม่กล้าจะปลอมแปลงคำสั่งจากเทพสงคราม

“ยังดีที่ท่านจำตราเทพเจ้าสงครามได้”  ลินลี่ย์มองจักรพรรดิโจฮันน์อย่างใจเย็น  “จักรพรรดิโจฮันน์, ข้าไม่สนใจเรื่องที่ว่าท่านไม่สามารถจัดการอย่างเป็นธรรม  ข้า, ลินลี่ย์ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นแบบอย่างของเกียรติและความชอบธรรม  อย่างไรก็ตาม อย่าพยายามกีดกันและจำกัดข้า ข้าจะไม่รุกรานล่วงเกินคนอื่น แต่ข้าไม่ต้องการให้คนอื่นรุกรานข้าเช่นกัน”

“นอกจากนี้ ข้าไม่ต้องการเห็นท่านวางแผนต่อต้านหรือลงมือกับตระกูลดันสตัน  ตระกูลของเรย์โนลด์สหายข้า”  ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็นจากนั้นก็เหาะขึ้นอากาศไปทางทิศตะวันออกทันที

โจฮันน์ได้แต่มองขณะลินลี่ย์บินไปทางทิศตะวันออก

เขารู้...ว่าลินลี่ย์จะมุ่งหน้าไปทางหัวเมืองอาคเนย์เพื่อฆ่าน้องชายของเขา  แต่เขาจะกล้าห้ามลินลี่ย์หรือ?  ตอนนี้ โจฮันน์ไม่กล้าใช้คำพูดกระตุ้นโมโหลินลี่ย์อีก

เขาคือจักรพรรดิจริงๆ

แต่ใครให้อำนาจเขา?  เทพสงคราม! คำพูดเดียวจากเทพสงครามสามารถบังคับให้เขาสละราชสมบัติได้  เพียงแค่นั้น เขา, โจฮันน์ก็จะไม่เหลืออำนาจแม้แต่น้อย  การสูญเสียชีวิตของน้องชายของเขาหรือสูญเสียอำนาจจักรพรรดิ... อย่างไหนสำคัญกว่า?

โจฮันน์เลือกตนเอง

สายลมพัดอย่างรุนแรงขณะที่ลินลี่ย์บินไปมณฑลอาคเนย์ด้วยความเร็วสูง  เวลานี้แสงสีดำสายหนึ่งบินออกมาจากเมืองหลวงด้วยความเร็วสูง  ในไม่ช้าก็มาถึงข้างตัวลินลี่ย์  นั่นคือบีบี

“พี่ใหญ่, เป็นยังไงบ้าง?”  บีบีถาม

“แม้ว่าโจฮันน์จะลำเอียงเข้าข้างน้องชาย  แต่เขาให้คุณค่าของอำนาจจักรวรรดิมากกว่า  ข้าไม่ต้องพูดอะไร  ทั้งหมดที่ข้าทำคือแสดงตราประจำของเทพสงครามและเขาไม่กล้าขึ้นเสียงอีกต่อไป” ลินลี่ย์หัวเราะ

อำนาจโลกๆ?

นั่นไม่มีอะไรมากไปกว่าอำนาจรองที่คนอื่นยกมาให้ มีแต่อำนาจที่แท้จริงซึ่งพัฒนาโดยการฝึกฝน จึงจะมีผลที่แท้จริง มิน่าเล่าเทพสงครามจึงไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิ  แต่กลับใช้เวลากับการฝึกฝนเงียบๆ แทน

ลินลี่ย์กับบีบีหนึ่งมนุษย์หนึ่อสูรเวทบินไปทางทิศตะวันออกด้วยความเร็วสูงและในพริบตาก็หายลับไปทางขอบฟ้าทิศตะวันออก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด