ตอนที่ 9-41 ความเอื้อเฟื้อของเทพสงคราม
“ในช่วงการสู้รบเหล่านั้น ข้าโชคดีมาก แม้ว่าข้าจะซ่อนตัวอยู่ไม่ห่างแต่ข้าก็ได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์มา นอกจากนั้นยังเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพชั้นต้น ถ้าเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพกลาง ข้าคงไม่สามารถดูดซับและผสานกับมันได้เลย” เทพสงครามหัวเราะอย่างใจเย็น
ทันใดนั้นลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ
มีเงื่อนไขบางอย่างสำหรับคนที่หลอมรวมเข้ากับประกายศักดิ์สิทธิ์
คนผู้ยังไม่กลายเป็นนักสู้ระดับเทพบางทีอาจจะทำได้เพียงหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพชั้นต้น
“ทำไมยอดฝีมือจากพิภพอื่นเหล่านั้นถึงได้ลงมาสู้รบกันในทวีปยูลานนี้?” ลินลี่ย์ถามทันที
เทพสงครามมองลินลี่ย์ “สำหรับตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้” เห็นได้ชัดว่าเทพสงครามไม่ต้องการบอกลินลี่ย์
ลินลี่ย์ไม่มีทางเลือกจึงได้แต่เงียบ
“สุสานแห่งทวยเทพจะเปิดทุกๆ พันปีแต่ละครั้งที่เปิดออกผู้ที่ได้รับการยอมรับและได้รับอนุญาตจากเราเหล่านักสู้ชั้นเทพจะอนุญาตให้เข้าไปในสุสานของทวยเทพและร่วมสำรวจได้” เทพสงครามชำเลืองมองลินลี่ย์ “แต่ข้าต้องบอกเจ้าไว้ก่อน สุสานแห่งทวยเทพคือสถานที่อันตรายมาก!”
“มีคนเคยทำสำเร็จบ้างไหม?” ลินลี่ย์ถาม
“แน่นอน” เทพสงครามพูดอย่างมั่นใจ “แต่มีเพียงคนเดียว และสิ่งที่น่าตลกก็คือทันทีที่เขาได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์และบรรลุขอบเขตใหม่ เขาก็มุ่งหน้าไปพิภพชั้นสูงทันที”
ลินลี่ย์ลอบหัวเราะ
กลายเป็นเทพช่างยากเย็นแสนเข็น
แต่คงไม่ใช่ง่ายมากกับแค่การได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์จากภายในสุสานของทวยเทพและจากนั้นก็หลอมรวมกันหรือเปล่า? มิน่าเล่าผู้โชคดีรอดชีวิตจากในอดีตจึงตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ที่นี่ในทวีปยูลาน
ที่สำคัญแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เซียนนักสู้จะได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ในพิภพระดับสูง
“ท่านเทพสงคราม!มีความแตกต่างกันระหว่างการกลายเป็นนักสู้ระดับเทพด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์และการกลายเป็นเทพผ่านการรู้แจ้งด้วยตนเองและบรรลุระดับใหม่หรือไม่?” ลินลี่ย์ถาม
เทพสงครามพยักหน้าและถอนหายใจ “มีแน่หลังจากดูดซับหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์แล้ว การฝึกในอนาคตของนักสู้จะยากลำบากยิ่งขึ้น ที่สำคัญประกายศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าหลอมรวมด้วยไม่ใช่สิ่งที่ตกทอดและก่อตัวขึ้นในวิญญาณของเจ้าโดยธรรมชาติ ยังมีคุณภาพที่แตกต่างกัน”
ลินลี่ย์พยักหน้า
ในใจของเขาลินลี่ย์ชื่นชมความจริงที่ว่าเทพสงครามให้ข้อมูลที่สำคัญนี้กับเขา
“แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น, แล้วยังไงเล่า? ลินลี่ย์ถ้าข้าวางประกายศักดิ์สิทธิ์ไว้ต่อหน้าเจ้าซึ่งถ้าเจ้าหลอมรวมเข้าด้วยกันเจ้าจะกลายเป็นเทพชั้นต้นกับราคาที่จะทำให้การฝึกฝนในอนาคตของเจ้าช้าลงและยากลำบากมากขึ้น...เจ้ายินดีจะหลอมรวมกับมันไหมเล่า?” เทพสงครามมองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์ตกใจ
ความจริงถ้าประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพชั้นต้นวางอยู่ต่อหน้าของเขา มันคือโอกาสจะได้เป็นนักสู้ชั้นเทพแม้รู้ว่าอนาคตการฝึกของนักสู้จะยากลำบากขึ้น ก็มีแนวโน้มว่าหลายคนจะเลือกดูดซับหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์
“เอาล่ะ ลินลี่ย์ ถ้าไม่มีอะไรอื่นตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น
ลินลี่ย์รีบกล่าวทันที “ท่านเทพสงครามในอีกไม่กี่วันข้าตั้งใจจะไปยังดินแดนอนารยชน วอร์ตันน้องชายของข้าจะรั้งอยู่ในเมืองหลวง ข้าเพียงแต่กังวลว่ากองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสจะตามรังควานน้องชายข้า...”
“ไม่ต้องห่วง นครหลวงไม่ใช่สถานที่ซึ่งศาสนจักรเจิดจรัสจะเที่ยวลงมือได้ตามอำเภอใจ” เทพสงครามพูดอย่างสงบ
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้จากเทพสงครามแล้วลินลี่ย์สงบมากขึ้น
“ท่านเทพสงคราม จักรพรรดิคนปัจจุบันโจฮันน์...” ลินลี่ย์ไม่ทันพูดจบก่อนที่เทพสงครามจะขมวดคิ้วและกล่าว “ข้าให้ตราเครื่องหมายของข้าไปแล้ว แค่แสดงให้โจฮันน์ดูและเขาจะรู้ว่านั่นคือตัวแทนอำนาจของข้า จักรพรรดิแต่ละรุ่นจะรู้เรื่องนี้”
ลินลี่ย์สะดุ้ง
ตราเครื่องหมายที่มีคำว่า‘สงคราม’ อยู่บนนั้นซึ่งเทพสงครามได้มอบให้เขาก่อนหน้านี้ก็ใช้งานแบบนี้ได้ด้วยหรือ?
เทพสงครามมองลินลี่ย์อย่างเย็นชา “แต่เจ้าอย่าใช้ตราเครื่องหมายนี้อย่างป่าเถื่อนเกินไปดีกว่า ถ้าทำให้จักรวรรดิตกอยู่ในความวุ่นวาย อย่างนั้นเจ้าจะต้องเป็นคนแก้ปัญหา โอวจริงสิเมื่อเจ้าไปยังดินแดนอนารยชน จำไว้ให้ดี มีอยู่คนหนึ่งที่เจ้าต้องไม่ไปล่วงเกิน”
“ใครกัน?” ลินลี่ย์ตกใจ
แดนอนารยชนไม่มียอดฝีมืออยู่ไม่ใช่หรือ?
เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น “หนึ่งในห้าสุดยอดเซียนใช้ชีวิตอยู่ในแดนอนารยชน ชื่อของเขาคือ เดลี่ พลังของเขาพอๆ กับเฟน”
ลินลี่ย์จดจำชื่อนี้ไว้ทันที
คนที่มีพลังเทียบเท่ากับเฟนอยู่ห่างจากระดับเทพเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
“เอาล่ะ, ตอนนี้เจ้าไปได้” เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น
ลินลี่ย์คำนับทันทีจากหมุนตัวเตรียมตัวจากไป
“จำไว้ให้ดีจงปฏิบัติกับบีบีอสูรเวทของเจ้าด้วยความเมตตา” เทพสงครามพูดขึ้นมากะทันหัน
ลินลี่ย์ตกใจหันหน้ามองเทพสงคราม ลินลี่ย์ไม่ประหลาดใจที่เทพสงครามรู้เรื่องความคงอยู่ของบีบี แต่ทำไมเทพสงครามจึงบอกเขาให้ปฏิบัติกับบีบีให้ดี?
เทพสงครามไม่ให้ความสนใจลินลี่ย์อีกต่อไป เพียงก้าวเดียวผมสีแดงเพลิงก็งอกยาวคลุมตัวเขาเขาลอยตัวโฉบเข้าหาบอลเพลิงทันทีกลับเข้าไปฝึกต่อ
“บีบี?”
ความจริงลินลี่ย์รู้สึกว่าเทพสงครามค่อนข้างจะดีต่อเขา ไม่ว่าจะเรื่องการแต่งงานของวอร์ตันหรือบอกเขาหลายเรื่องตอนที่เขามาเยี่ยมเยือน... ตอนนี้ลินลี่ย์รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับบีบี
บีบี?
ลินลี่ย์ยังคงจำได้ถึงเรื่องที่บีบีบอกเขาว่าเขามาจากตระกูลที่มีชื่อตระกูลเบรุต
“พลังของบีบีน่ากลัวและระดับการเติบโตก็น่าประหลาดเช่นกัน และเขามาจากตระกูลเบรุต ตอนนี้เทพสงครามยังกล่าว...” ทันใดนั้นลินลี่ย์เริ่มสงสัยสถานะของบีบี
ภายในอุทยานดอกไม้วังหลวง เมืองหลวงแชนน์
จักรพรรดิโจฮันน์อยู่ในช่วงอารมณ์ที่ดี เขาเดินทอดน่องอยู่ในอุทยานเพลิดเพลินกับภาพดอกไม้งามนานาพันธุ์ เพราะลินลี่ย์ไม่ติดใจทวงถามความยุติธรรมให้เรย์โนลด์อีกต่อไปเขาจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเป็นธรรมดา
“ฝ่าบาท, มีคนกำลังเหาะมาทางนี้” มหาดเล็กประจำพระองค์ทูลทันที
มีคนเหาะมาทางนี้หรือ?
นักสู้ระดับเซียน!
จักรพรรดิหันมามองทันที ในท้องฟ้าเขาเห็นลินลี่ย์ในชุดสีฟ้าเหาะทะยานมาทางนี้ ในพริบตา ลินลี่ย์ก็เข้ามาถึงอุทยานดอกไม้
“โอว อาจารย์ลินลี่ย์นี่เอง” จักรพรรดิโจฮันน์ยิ้มเต็มหน้าทันที “มีอะไรที่ท่านต้องการหรือ อาจารย์ลินลี่ย์?”
ลินลี่ย์มองดูมหาดเล็กประจำพระองค์
“เจ้าออกไปก่อน” จักรพรรดิโจฮันน์บอกมหาดเล็กที่อยู่ใกล้ เขาเดินออกไปอยู่ห่างๆ ทันที ตอนนี้มีเพียงลินลี่ย์และจักรพรรดิโจฮันน์เท่านั้นไม่มีผู้อื่นอยู่ใกล้ แม้แต่ราชองครักษ์ก็ยังอยู่ห่างออกไปร้อยเมตร
ลินลี่ย์จ้องมองจักรพรรดิโจฮันน์อย่างเฉยเมย
เห็นลินลี่ย์จ้องมองด้วยอาการอย่างนั้น จักรพรรดิโจฮันน์เริ่มรู้สึกงงและอึดอัดใจ หรือว่าลินลี่ย์พบว่าความตายของเรย์โนลด์มีความเกี่ยวข้องกับจูเลียน?
“จักรพรรดิโจฮันน์ พระองค์เชื่อว่าพระองค์บอกความจริงเรื่องการตายของเรย์โนลด์ในการสู้รบกับข้าหมดสิ้นใช่ไหม?” ลินลี่ย์มองดูจักรพรรดิโจฮันน์
หัวใจของจักรพรรดิโจฮันน์เริ่มเต้นแรง เขารู้สึกเหมือนกับว่าตกลงไปในเหวลึกไร้ก้น
จักรพรรดิโจฮันน์ไม่โง่ เมื่อได้ยินคำพูดของลินลี่ย์ เขาสามารถเดาได้ว่าลินลี่ย์รู้ทุกอย่างเป็นธรรมดา
“ลินลี่ย์ นั่นคือรายงานที่มาจากกองทัพ ก็ไม่น่าจะปลอมไปได้” จักรพรรดิโจฮันน์พูดจริงจัง ความหมายในคำพูดของเขาชัดเจน แม้ว่าข้อมูลจะผิดไปบ้างแต่ก็เป็นความผิดพลาดของผู้รายงานกองทัพ และไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขา
ลินลี่ย์จ้องมองจักรพรรดิโจฮันน์
“จักรพรรดิโจฮันน์เกี่ยวกับเรื่องที่ข้าได้รู้ เรย์โนลด์สหายรักของข้านำกลุ่มอัศวินออกลาดตระเวน แต่กลับถูกกองกำลังจักรวรรดิโรฮอลท์ไล่ล่าจนมาถึงกำแพงเมืองนีล กองกำลังไล่ล่าของจักรโรฮอลท์มีจำนวนสามร้อยคน! แต่เวลานั้น เจ้าชายจูเลียนออกคำสั่งให้ทหารอยู่ในที่และป้องกันเมืองอยู่ภายในเมืองด้วยความขลาดกลัว!”
สีหน้าท่าทางของโจฮันน์เปลี่ยน
“เผชิญหน้ากับกองกำลังเพียงสามร้อยคน ทำไมกองกำลังรักษาการณ์ที่มีกำลังพลเป็นหมื่นนายต้องยืนอยู่ในที่ในเมืองนีลด้วย?” เสียงของลินลี่ย์เย็นชาทุกที “เรย์โนลด์น้องข้าและผู้ใต้บังคับบัญชาสิบกว่าคนร้องตะโกนขอให้เปิดประตูจากฐานกำแพงเมือง แต่เจ้าชายจูเลียนออกคำสั่งให้คงปิดประตูเมืองและด้วยคำสั่งนั้น... เรย์โนลด์และคนของเขาต้องเสียชีวิต ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม”
ลินลี่ย์จ้องมองโจฮันน์อย่างเย็นชา “จักรพรรดิโจฮันน์ บอกข้าที เราจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไง?”
จักรพรรดิโจฮันน์รู้แล้ว่าไม่มีทางใดคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้ เขาไม่กล้าโกหกหรือพูดกำกวมเมื่ออยู่ต่อหน้าเซียนระดับสูง ข้ออ้างยังจะใช้ได้อีกหรือ?
หน้าของโจฮันน์แข็งทันที “จูเลียน เจ้าบัดซบนั่น!”
โจฮันน์มองดูลินลี่ย์ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ “อาจารย์ลินลี่ย์ เราไม่รู้ว่าจูเลียนทำเรื่องอะไรอย่างนี้จริงๆ เขาทำให้จักรวรรดิของเราได้รับความอับอาย อาจารย์ลินลี่ย์ โปรดอย่ากังวล เรารับรองว่าเราจะดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อตำหนิเขา พรุ่งนี้ ไม่สิ เราจะส่งมหาเสนาบดีของเราไปที่มณฑลอาคเนย์และสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราจะไม่ยอมให้ใครที่ก่อความผิดสำคัญได้รับโทษเบาๆแน่”
ลินลี่ย์มองเห็นลูกไม้เล็กๆน้อยๆ ของโจฮันน์ตั้งแต่แรกแล้ว
โจฮันน์จะส่งคนไปหรือ?
ต่อให้พวกเขาพบอะไรก็ตาม พวกเขาจะไม่กล่าวโทษเจ้าชายจูเลียนด้วยความผิดร้ายแรง
“ฝ่าบาท, พระองค์ไม่ต้องยุ่งยากลำบากเลย ใครก็ตามที่ทำให้น้องของข้าตาย ข้าจะทำให้พวกมันตาย” เสียงของลินลี่ย์เย็นชาดุร้ายทำให้หัวใจของโจฮันน์สั่นไหว
แต่จักรพรรดิโจฮันน์ก็โมโหเช่นกัน
ความจริงลินลี่ย์กำลังบอกว่าเขาจะฆ่าจูเลียนตรงๆ! เขากำลังจะฆ่าน้องชายของโจฮันน์ เขา โจฮันน์มีน้องชายเพียงคนเดียว เรย์โนลด์เป็นตัวอะไร? ไม่มีอะไรมากกว่าขุนนางทั่วไป ถ้าเขาตาย ก็ถือว่าตายไป
ชีวิตของเรย์โนลด์จะเทียบได้กับของน้องชายเขาได้ยังไง?
“ลินลี่ย์ จักรวรรดิมีกฎหมายของจักรวรรดิ” จักรพรรดิโจฮันน์พูดด้วยเสียงเย็นชา
เพื่อประโยชน์ของน้องชายของเขา เขาตัดสินใจเผชิญหน้ากับลินลี่ย์สักครั้ง
ลินลี่ย์มองดูจักรพรรดิโจฮันน์เขากล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ข้าของบังอาจถาม ตามกฎอาญาศึกจะต้องลงโทษยังไงกับคนที่กลัวต่อการรบกับทหารศัตรูสามร้อยคนและยังยืนดูปล่อยให้ทหารฝ่ายตนเองถูกสังหาร?”
“ก็ต้องลงโทษประหารชีวิตแน่นอน” โจฮันน์พยักหน้า “อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น”
ลินลี่ย์จ้องมองโจฮันน์ “สิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนมากอยู่แล้ว ข้าเพียงแต่มาแจ้งท่านถึงสิ่งที่ข้าจะทำ โจฮันน์ อย่ากดโชคของตัวเองให้ตกต่ำ อย่าคิดว่าท่านจะใช้กฎโลกๆผูกมัดและจำกัดข้าได้”
ยอดฝีมือระดับเซียนมีอิสระเหนือกฎหมายและข้อบังคับแน่นอน
จักรพรรดิโจฮันน์จ้องมองลินลี่ย์ ทันใดนั้น เขาพูดเสียงอ่อนและขอร้อง “ลินลี่ย์ เจ้าก็มีน้องชายคนหนึ่งเช่นกัน เจ้าน่าจะเข้าใจว่าข้ารู้สึกอย่างไร”
“ฮ่าฮ่า...” ลินลี่ย์หัวเราะลั่น “ฝ่าบาท,ดูเหมือนท่านจะแนะนำว่าตราบใดที่คนมีพี่ชาย แล้วพวกเขาก็สามารถฆ่าน้องชายของข้าได้โดยไม่มีโทษ และจากนั้นจะมีพี่ชายของพวกเขามาพูดกับข้า ‘เจ้ามีน้องชายที่ดีเช่นกัน’? แล้วให้ข้ายกโทษให้น้องชายเหล่านั้นใช่ไหม?”
ลินลี่ย์มีสีหน้าเย็นชาขึ้นเหมือนกับมีน้ำแข็งเคลือบอยู่บนใบหน้า “ช่างน่าขันนัก!”
ช่างน่าขันแน่นอน ใครบางคนที่ฆ่าน้องชายของเขาและตอนนี้กลับพยายามขอความเห็นใจพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับน้อง
“ลินลี่ย์, เจ้า...” จักรพรรดิโจฮันน์โกรธ
“โจฮันน์ข้าหวังว่าท่านจะไม่ปล่อยให้ตนเองทำอะไรบุ่มบ่าม...” แค่เพียงพลิกมือลินลี่ย์ดึงตราสีแดงสดใสที่เทพสงครามมอบให้เขาออกมา
จักรพรรดิโจฮันน์เมื่อเห็นตราที่อยู่ในมือของลินลี่ย์ ก็เหมือนกับถูกราดน้ำเย็นรดศีรษะ เขาสั่นตลอดทั้งร่าง
“ตราของเทพสงคราม?” โจฮันน์จ้องมองตราด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
หลังจากก่อตั้งจักรวรรดิโอเบรียน เทพสงครามโอเบรียนได้สละและมอบราชสมบัติให้กับโอรสของเขาผู้รับราชบัลลังก์ตกทอดไปถึงคนรุ่นอนาคต จักรพรรดิทุกรุ่นจะรู้กันดีว่าตราเทพเจ้าสงครามก็คือตัวแทนของเทพเจ้าสงคราม!
ใครก็ตามที่ถือตราเทพเจ้าสงครามนี้มีอำนาจบังคับให้จักรพรรดิสละราชสมบัติได้
ปกติมีคนเพียงไม่กี่คนที่ครอบครองตราเทพเจ้าสงครามและคนพวกนั้นคงไม่กล้าจะปลอมแปลงคำสั่งจากเทพสงคราม
“ยังดีที่ท่านจำตราเทพเจ้าสงครามได้” ลินลี่ย์มองจักรพรรดิโจฮันน์อย่างใจเย็น “จักรพรรดิโจฮันน์, ข้าไม่สนใจเรื่องที่ว่าท่านไม่สามารถจัดการอย่างเป็นธรรม ข้า, ลินลี่ย์ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นแบบอย่างของเกียรติและความชอบธรรม อย่างไรก็ตาม อย่าพยายามกีดกันและจำกัดข้า ข้าจะไม่รุกรานล่วงเกินคนอื่น แต่ข้าไม่ต้องการให้คนอื่นรุกรานข้าเช่นกัน”
“นอกจากนี้ ข้าไม่ต้องการเห็นท่านวางแผนต่อต้านหรือลงมือกับตระกูลดันสตัน ตระกูลของเรย์โนลด์สหายข้า” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็นจากนั้นก็เหาะขึ้นอากาศไปทางทิศตะวันออกทันที
โจฮันน์ได้แต่มองขณะลินลี่ย์บินไปทางทิศตะวันออก
เขารู้...ว่าลินลี่ย์จะมุ่งหน้าไปทางหัวเมืองอาคเนย์เพื่อฆ่าน้องชายของเขา แต่เขาจะกล้าห้ามลินลี่ย์หรือ? ตอนนี้ โจฮันน์ไม่กล้าใช้คำพูดกระตุ้นโมโหลินลี่ย์อีก
เขาคือจักรพรรดิจริงๆ
แต่ใครให้อำนาจเขา? เทพสงคราม! คำพูดเดียวจากเทพสงครามสามารถบังคับให้เขาสละราชสมบัติได้ เพียงแค่นั้น เขา, โจฮันน์ก็จะไม่เหลืออำนาจแม้แต่น้อย การสูญเสียชีวิตของน้องชายของเขาหรือสูญเสียอำนาจจักรพรรดิ... อย่างไหนสำคัญกว่า?
โจฮันน์เลือกตนเอง
สายลมพัดอย่างรุนแรงขณะที่ลินลี่ย์บินไปมณฑลอาคเนย์ด้วยความเร็วสูง เวลานี้แสงสีดำสายหนึ่งบินออกมาจากเมืองหลวงด้วยความเร็วสูง ในไม่ช้าก็มาถึงข้างตัวลินลี่ย์ นั่นคือบีบี
“พี่ใหญ่, เป็นยังไงบ้าง?” บีบีถาม
“แม้ว่าโจฮันน์จะลำเอียงเข้าข้างน้องชาย แต่เขาให้คุณค่าของอำนาจจักรวรรดิมากกว่า ข้าไม่ต้องพูดอะไร ทั้งหมดที่ข้าทำคือแสดงตราประจำของเทพสงครามและเขาไม่กล้าขึ้นเสียงอีกต่อไป” ลินลี่ย์หัวเราะ
อำนาจโลกๆ?
นั่นไม่มีอะไรมากไปกว่าอำนาจรองที่คนอื่นยกมาให้ มีแต่อำนาจที่แท้จริงซึ่งพัฒนาโดยการฝึกฝน จึงจะมีผลที่แท้จริง มิน่าเล่าเทพสงครามจึงไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิ แต่กลับใช้เวลากับการฝึกฝนเงียบๆ แทน
ลินลี่ย์กับบีบีหนึ่งมนุษย์หนึ่อสูรเวทบินไปทางทิศตะวันออกด้วยความเร็วสูงและในพริบตาก็หายลับไปทางขอบฟ้าทิศตะวันออก