ตอนที่ 9-40 ความลับของทวีปยูลาน
ล้างแค้น? เพื่ออะไร?
“เดี๋ยวก่อน!” ทันใดนั้นลินลี่ย์ก็เข้าใจ น้องสี่ตายอย่างอยุติธรรมแน่นอน
ลินลี่ย์คว้าแขนเยลไว้ “พี่ใหญ่เยล, ใจเย็นๆ มาเถอะ เข้าบ้านก่อน บอกเรื่องที่เจ้ารู้ให้ข้าฟังโดยละเอียด” เยลพยักหน้าเล็กน้อย
พวกเขามาถึงลานฝึกของลินลี่ย์
“เหตุการณ์เกี่ยวกับการตายของน้องสี่เป็นยังไงบ้าง?” หน้าของลินลี่ย์จริงจังมาก
เยลพูดอย่างเคร่งขรึม “น้องสาม! วันนั้นน้องสี่พาคนของเขาไปลาดตระเวนที่นอกเมือง ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าพวกเขาจะเผชิญกับทหารของจักรวรรดิโรฮอลท์? น้องสี่เสียเปรียบกำลังพลอย่างมากมาย แม้ว่าจะทุ่มเทกำลังเต็มที่แต่ก็มีเพียงเขากับคนของเขาไม่กี่สิบคนที่หนีออกมาได้ น้องสี่กับคนของเขาอีกสิบกว่าคนหนีมาถึงเมืองนีลและในเวลานั้นมีศัตรูไล่ตามพวกเขาเพียงสามร้อยคน”
“สามร้อยคน?” ลินลี่ย์ไม่อยากจะเชื่อ
“ถูกแล้วแต่เพราะทหารของจักรวรรดิโรฮอลท์ยิงธนูดอกหนึ่งใส่กำแพงตรงจุดที่เจ้าชายจูเลียนยืนอยู่เจ้าชายจูเลียนหวาดกลัว เขาสั่งทันทีว่าไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เปิดประตูเมือง เขาสั่งคนของเขาให้ทำแต่เพียงยืนป้องกันอยู่ภายในเมือง นี่มันทำเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น ขณะที่น้องสี่และคนของเขายังคงตะโกนร้องอย่างโกรธเกรี้ยว ‘เปิดประตู!’ แต่ไม่มีใครกล้าเปิด...เพราะอย่างนั้นน้องสี่และคนของเขาจึงถูกสังหารหมู่กันหมด”
หัวใจของลินลี่ย์เริ่มเร่าร้อนด้วยความโกรธ
เขาสามารถเห็นฉากเหตุการณ์ราวกับว่าตนเองอยู่ที่นั่น น้องสี่ของเขาร้องตะโกนเรียกพวกเขาอย่างทุกข์ทรมานให้เปิดประตู แต่เจ้าชายจูเลียนออกคำสั่งบังคับไม่ให้คนเปิดประตู จึงไม่มีใครกล้าช่วยเหลือพวกเขา
ดังนั้นน้องสี่จึงถูกฆ่าตาย
เขาตายอย่างไม่เป็นธรรมและไร้ความหมาย เขาไม่ควรต้องมาตาย
“ศพของน้องสี่อยู่ที่ไหน?” ลินลี่ย์ถามทันที
เยลยังครวญคราง “ตามเครือข่ายข่าวกรองของหอการค้าเรา น้องสี่ถูกธนูยิงที่ไหล่และจากนั้นศัตรูใช้ดาบรบฟันอกเขาเป็นแผล น้องสี่ล้มลงที่มุมกำแพง และจากนั้นหัวหน้าทหารฝ่ายศัตรูเอาศพน้องสี่ไปเป็นสินสงคราม”
“ว่าไงนะ?!” ลินลี่ย์ไม่อยากเชื่อ “สามร้อยคนอยู่ต่อหน้าประตูเมืองนีล ไม่มีกองกำลังป้องกันเมืองโจมตี พวกเขายอมให้ศัตรูเอาศพน้องสี่ไป?”
นี่มันเรื่องตลกอย่างแท้จริง
“พูดให้ถูกก็คือส่วนใหญ่ของทหารสามร้อยนายอยู่นอกระยะวิถีธนู พวกที่โจมตีจริงๆ มีราวๆ สิบคนยอดฝีมือทั้งสิบคนไม่สนใจธนูแม้แต่น้อย” หัวใจเยลเต็มไปด้วยความขื่นขม “ยอดฝีมือราวๆ สิบคนฆ่าน้องสี่ จากนั้นเอาศพของเขาไป...แต่เป็นเพราะคำสั่งของเจ้าชายจูเลียน จึงไม่มีทหารเมืองคนใดกล้ากล้าออกไปทำศึก”
ทหารของจักรวรรดิโอเบรียนมีวินัยเข้มงวดและเคร่งครัดคำสั่งมาก
แต่คำสั่งที่น่าขันแบบนั้นว่ากันตามตรงเป็นเรื่องยากนักที่พวกเขาจะยอมรับได้
“น้องสี่....” ในใจของลินลี่ย์เขาสามารถเห็นภาพเหตุการณ์ที่น้องสี่ของเขาตะโกนให้เปิดประตูอย่างโกรธเกรี้ยวและสิ้นหวังอยู่นอกกำแพงเมืองนีล แต่ทหารบนกำแพงเมืองกลับปฏิเสธที่จะเปิดอย่างเย็นชา
ความตายที่อยุติธรรมเช่นนั้นทำให้หัวใจลินลี่ย์เต็มไปด้วยความโกรธ
น้องสี่ไม่ควรต้องมาตายเลย!
“โจฮันน์และตระกูลดันสตันทั้งสองกล้าหลอกข้า” ลินลี่ย์รู้ความจริง และเข้าใจทันทีว่ามีแนวโน้มที่ตระกูลดันสตันต้องทำเช่นนั้นเนื่องจากความกลัวต่อการล่วงละเมิดเจ้าชายจูเลียนและจักรพรรดิโจฮันน์
“งั้นก็กลายเป็นว่าเรื่องทั้งหมดนี้ต้นเหตุมาจากเจ้าชายจูเลียน!” ความโกรธของลินลี่ย์กำลังก่อตัว
เขาได้ยินชื่อเสียงของเจ้าชายจูเลียนมานานแล้ว จักรพรรดิโจฮันน์ขึ้นชื่อในเรื่องอคติและความลำเอียงและแต่งตั้งน้องชายที่ไร้ความสามารถของเขาให้ปกครองมณฑลหัวเมือง จากตรงนี้เรื่องเดียวทุกคนก็สามารถบอกได้ว่าจักรพรรดิโจฮันน์ลำเอียงเข้าข้างน้องชายของเขามากเพียงไหน
“น้องสาม,มีแต่เจ้าจึงจะสามารถแก้แค้นให้น้องสี่” เยลพูดขึ้นด้วยความโกรธระคนเจ็บปวด
หัวใจของเยลเต็มไปด้วยการตำหนิตนเอง เขาเองก็ต้องการจะแก้แค้นให้น้องสี่เช่นกัน แต่โดยส่วนตัวแล้ว เขาอ่อนแอเกินไป และหอการค้าดอว์สันไม่ได้เป็นของเขาคนเดียว
ลินลี่ย์พยักหน้าประกายเย็นชาฉายอยู่ในดวงตาของเขา “เนื่องจากเจ้าชายจูเลียนนั้นเป็นเหตุให้น้องสี่ตาย อย่างนั้นเขาก็ต้องตายอย่างแน่นอน” ลินลี่ย์หันไปจ้องเยล “เยล, พักเสียเถอะ, ข้าต้องเดินทางไปทำธุระ”
“เจ้าจะไปทำอะไร? เจ้าจะไปจัดการกับเขาเดี๋ยวนี้เลยหรือ?”
“ไม่”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะอย่างช้าๆและใจเย็น “ถ้าข้าไปฆ่าเจ้าชายจูเลียนโดยตรง เป็นไปได้ว่าจักรพรรดิโจฮันน์จะต้องแก้แค้นกับตระกูลดันสตันโดยตรง..น้องสี่ตายไปแล้ว ข้าไม่ต้องการให้ตระกูลของเขาพินาศไปด้วย”
…..
ภูเขาเทพสงคราม
ลินลี่ย์ยืนอยู่หน้าอุโมงค์ทางเข้าสู่พื้นที่ฝึกฝนของเทพสงครามเขายืนรออยู่เงียบๆ ตอนนี้มีบางคนเหาะมาหาเขาด้วยความเร็วสูง เป็นคาสโตร
“ลินลี่ย์, เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” คาสโตรสงสัย
“ข้าอยากพบกับเทพสงคราม” ลินลี่ย์ตอบ
คาสโตรพยักหน้า “ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าขอไปรายงานการมาถึงของเจ้าก่อน” แต่ในทันใดนั้นมีเสียงดังใกล้หูของคาสโตรและลินลี่ย์พร้อมกัน “ลินลี่ย์, เข้ามาได้”
ลินลี่ย์เตรียมใช้เวทเงาลมอยู่แล้วดังนั้นเขาเหาะเข้าไปในอุโมงค์ เส้นทางที่คดเคี้ยวคุ้นเคยนำพาเขาลึกลงไปในอุโมงค์จนกระทั่งมาถึงหลุม เขาโดดลงข้างล่างลึกหลายพันเมตรก็มาถึงก้นบึ้ง
ครู่ต่อมาไม่นานลินลี่ย์ก็มาถึงประตูหินดำสนิท
“ครึกๆๆๆ” ความร้อนที่น่ากลัวยังคงอยู่ตรงนั้นเปลี่ยนผนังหินเป็นสีแดงฉาน
ลินลี่ย์กราบเรียนด้วยความเคารพ “ท่านเทพสงครามข้าคิดว่าท่านคงทราบเรื่องการประลองของข้ากับเฮนด์เซนแล้ว ข้าคิดว่าตอนนี้ข้าน่าจะมีคุณสมบัติเรียนรู้ความลับที่ท่านตั้งใจจะบอก”
“อย่างนั้นก็เข้ามา” เสียงสงบเย็นของเทพสงครามดังขึ้น
“ครึ่กๆๆๆ...” ประตูหินดำสนิทหมุนเปิดออกเอง เผยให้เห็นอุโมงค์ภายในสายหนึ่ง คลื่นความร้อนที่น่ากลัวพลุ่งออกมาจากภายใน
ลินลี่ย์สร้างปราณยุทธเลือดมังกรในเคล็ดชีพจรคุ้มกัน
“เป็นที่ร้อนจริงๆ” เมื่อจ้องลึกลงไปในอุโมงค์ลินลี่ย์ประหลาดใจ ห่างออกไปท้ายอุโมงค์ลินลี่ย์เห็นบ่อแม็กมาขนาดใหญ่กว้างอย่างน้อยร้อยเมตร ลาวาเดือนปุดๆ และหมุนวนแต่นี่ไม่ใช่ส่วนที่น่าประหลาด
ส่วนที่น่าประหลาดก็คือ....ในอากาศเหนือบ่อแม็กมา ยังมีบอลเพลิงสูงอย่างน้อยสามเมตร
บอลเพลิงนี้มีสีแดงฉานบริสุทธิ์ มันแผ่คลื่นความร้อนที่น่ากลัวจากกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง สำหรับลินลี่ย์ถูกบังคับให้ใช้พลังชีพจรคุ้มกันเพื่อป้องกันตนเอง ทุกคนคงสามารถนึกภาพออกได้ว่าบอลเพลิงนั้นจะร้อนแรงเพียงไหน
อุณหภูมิของลาวาปกติยังไม่สามารถทำร้ายลินลี่ย์ได้ แม้ว่าเขาจะอยู่ใกล้ก็ตาม
ต่อให้เขาเดินอยู่บนลาวาทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือควบคุมปราณยุทธของเขาเพื่อป้องกันตัวเอง ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เคล็ดชีพจรคุ้มกันเลย ทันใดนั้นลินลี่ย์ตระหนักได้บางอย่าง...
“เทพสงครามอยู่ที่ไหน?” ลินลี่ย์มองไปทุกตำแหน่งด้วยความสงสัย
ในพริบตาเขาสามารถสำรวจพื้นที่โดยรอบได้ นอกจากใจกลางบ่อลาวา ทุกอย่างในพื้นที่นี้สามารถเห็นได้ชัด แต่ไม่มีร่างมนุษย์ปรากฏอยู่ในสายตา
“ลินลี่ย์!” เสียงสงบของเทพสงครามดังออกมาจากภายในบอลเพลิง
ลินลี่ย์จ้องมองบอลเพลิงนั้นด้วยความประหลาดใจ
เป็นไปได้หรือว่าเทพสงครามก็คือบอลเพลิงนั้น?
ร่างมนุษย์เลือนรางค่อยๆปรากฏออกมาจากภายในบอลเพลิง ในพริบตาร่างมนุษย์เลือนรางก็ปรากฏอยู่ข้างบ่อแม็กมา
มนุษย์ผู้นี้ก็คือเทพสงคราม
ลินลี่ย์สำรวจดูเทพสงครามผู้เป็นตำนานที่รู้จักกันดีทั้งทวีปยูลานนี้อย่างระมัดระวัง เทพสงครามไม่ใช่บุรุษที่สูงนัก เขาสูงเพียงราวๆ 1.8 เมตร เขามีลักษณะเหมือนคนอายุราวสามสิบปี คิ้วหนาและผมสีแดงฉานงอกยาวมาถึงเอว เนื่องจากลินลี่ย์สังเกตอย่างระมัดระวังเขาจึงตระหนักได้ว่าบนผมสีแดงของเทพสงครามมีเปลวเพลิงอยู่หลายจุด
หน้าของเทพสงครามแข็งกระด้างเหมือนหิน และตาของเขาคมกริบ
ในทุกๆการกระทำของเขาแสดงออกถึงความมั่นใจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขามีพลังแสดงออกที่น่ากลัวทำให้หัวใจของลินลี่ย์สั่นไหว
ทรงพลังจริงๆ!
“ขอคารวะ ท่านเทพสงคราม” ลินลี่ย์กล่าวทักทายอย่างสุภาพ
เทพสงครามสำรวจดูลินลี่ย์อย่างระวัง ปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากเขา เขาพยักหน้าอย่างใจเย็น “ไม่เลว, ข้าเห็นการประลองของเจ้ากับเฮนด์เซนแล้ว เคล็ดวิชาโจมตีของเจ้าน่าสนใจมาก”
ใบหน้าของลินลี่ย์ก็มีรอยยิ้มเช่นกัน
“ท่านเทพสงคราม,ตอนนี้ข้าน่าจะมีคุณสมบัติได้เรียนรู้ความลับของทวีปยูลานแล้วใช่ไหม?” ลินลี่ย์ตัดสินใจมานานแล้วก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าไปแดนอนารยชน เขาจะมาเยี่ยมเทพสงคราม
และตอนนี้เขาต้องไปล้างแค้นให้กับน้องสี่ด้วยเช่นกัน
ลินลี่ย์คำนวณอย่างรอบคอบแล้ว หลังจากแก้แค้นให้กับน้องสี่ของเขา เขาจะมุ่งหน้าไปที่แดนอนารยชนทันที นอกจากนี้การเข้าพบกับเทพสงครามคราวนี้อาจไม่ใช่แค่เพียงเรียนรู้ความลับอย่างเดียวเท่านั้นแต่จะใช้อิทธิพลของเทพสงครามเพื่อข่มโจฮันน์อีกด้วย
โจฮันน์กลัวใครมากที่สุด? ไม่ต้องสงสัยเลย ย่อมเป็นเทพสงคราม!
“ลินลี่ย์,พลังโจมตีที่เจ้าพัฒนาขึ้นมามีลักษณะเฉพาะตนเองดี ระดับพลังปัจจุบันของเจ้าเทียบเท่ากับเฮนด์เซนจริงและเจ้าพอจะมีคุณสมบัติเรียนรู้ความลับของทวีปยูลานได้” เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น
ลินลี่ย์ฟังอย่างระมัดระวัง
“ลินลี่ย์เจ้ารู้ไหมข้ากลายเป็นระดับเทพได้ยังไง?” เทพสงครามมองมาที่ลินลี่ย์ทันที
“ย่อมได้รับโดยผ่านการรู้แจ้งอย่างเพียงพอทำให้ท่านทำลายขีดจำกัดของระดับเซียนเข้าถึงระดับเทพไม่ใช่หรือ?” ลินลี่ย์มองดูเทพสงครามอย่างงงงวย
เทพสงครามส่ายศีรษะเล็กน้อย “การบรรลุเป็นระดับเทพไม่ง่ายขนาดนั้น แม้แต่ซีซาร์เขามีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาอย่างนั้นก็ยังใช้เวลาถึงห้าพันปีก่อนที่จะบรรลุถึงระดับเทพ สำหรับข้า... แม้ว่าในอดีต ข้าจะถึงขีดจำกัดของระดับเซียนแล้วก็ตามเป็นเรื่องยากมาที่ก้าวย่างสุดท้ายและบรรลุต่อไปได้ ห้าพันปีที่แล้ว ในระหว่างสู้รบข้าโชคดีพอได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพชั้นต้นและผสานเข้ากับประกายศักดิ์สิทธิ์นั้น..ข้าจึงได้เป็นระดับเทพ”
ลินลี่ย์ตะลึง
ดังนั้นเทพสงครามผู้ทรงพลังที่ทุกคนยกย่องสูงเทียมฟ้าก็บรรลุได้เพราะเขาได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพชั้นต้น
“เป็นยังไง เจ้าผิดหวังไหม?” เทพสงครามหัวเราะอย่างใจเย็น
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “ไม่เลยเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากที่เกิดขึ้นในอดีต ท่านสามารถถึงขีดจำกัดของระดับเซียนหลังจากผ่านไปไม่กี่ร้อยปี เฟนศิษย์คนโตของท่านใช้เวลาฝึกหลายพันปี ตอนนี้เขาน่าจะถึงขีดจำกัดของระดับเซียนเช่นกัน”
เทพสงครามหัวเราะ
เขาพอใจกับการแสดงออกของลินลี่ย์เป็นอย่างมาก ถึงขีดจำกัดระดับเซียนในเวลาไม่กี่ร้อยปีเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก
“เป็นการยากที่จะถึงขีดจำกัดระดับเซียน เพราะบางคนถึงขีดจำกัดระดับเซียนก็หมายความว่าพวกเขามาถึงปลายเส้นทางของกฎธรรมชาติที่พวกเขาเลือก จะบรรลุผ่านอุปสรรคนั้นได้สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือการรู้แจ้งฉับพลัน! ในตอนแรกพวกเขาต้องผสานและรวมส่วนของกฎแห่งธาตุทุกด้าน ขอเพียงพวกเขาทำได้ พวกเขาก็จะบรรลุผ่านได้สำเร็จ
เทพสงครามถอนหายใจ “ในทั่วทั้งทวีปยูลานจนถึงช่วงไม่กี่ทศวรรษมานี้ มีเซียนอยู่หกคนที่ถึงขีดจำกัดระดับเซียนแล้ว และเพียงแต่จำเป็นต้องไปอีกหนึ่งก้าวก่อนที่จะบรรลุเป็นระดับเทพ ตอนนี้ซีซาร์นั้นบรรลุได้แล้วจึงเหลือเซียนชั้นสุดยอดที่ถึงขีดจำกัดเซียนอยู่อีกห้าคน หนึ่งในนั้นก็คือเฟน”
“ปัจจุบันนี้ ในทวีปยูลานนอกจากนักสู้ระดับเทพห้าคน คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือเฟน และอีกสี่คน ตอนนี้เจ้าน่าจะรู้แล้วว่าเฟนทรงพลังขนาดไหน”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ตอนนี้ลินลี่ย์เริ่มมีความสัมพันธ์ตอบกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในทวีปยูลาน
“ท่านเทพสงคราม ระดับพลังของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และยอดฝีมือเร้นกายมีมากขนาดไหน?” ในอนาคตลินลี่ย์จะต้องรับมือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องถามข้อสงสัยนี้เป็นธรรมดา
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์?”
เทพสงครามหยุดทันทีจากนั้นกล่าว “บรรดายอดฝีมือเร้นกายของทวีปนอกจากยอดฝีมือระดับเทพแล้วเฟนและเซียนชั้นนำอีกสี่คนจะทรงพลังที่สุด พวกเขาต้องการอีกก้าวเดียวก็จะถึงระดับเทพ รองลงมาจากพวกเขาก็เป็นอย่างพวกจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ระดับนี้จะมีอยู่ราวๆสิบคน รองจากพวกเขาเป็นระดับเดียวกับเฮนด์เซน ยอดฝีมือส่วนใหญ่ผู้เร้นกายซ่อนตัวในทวีปนี้จะระดับเดียวกับเฮนด์เซน
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังมากกว่าเฮนด์เซนอีกหรือ?” ลินลี่ย์จดจำความจริงเล็กๆ ข้อนี้ไว้
เทพสงครามชำเลืองเป็นการเตือนลินลี่ย์“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ฝึกพลังเวททำนายศักดิ์สิทธิ์”
ลินลี่ย์มองดูเทพสงครามและถาม “ท่านเทพสงครามอย่างนั้นทวีปยูลานมีความลับใดอยู่กันแน่? มันคืออะไร?” ลินลี่ย์สงสัยมาตลอด
เพราะเหตุผลบางอย่างทวีปยูลานถึงได้ดึงดูดยอดฝีมือมาดินแดนแห่งนี้มากมายนัก
“ในสี่ภพภูมิระดับสูงยังมีอีกชื่อหนึ่งที่ใช้เรียกชื่อภูมิของทวีปยูลาน” วี่แววแห่งความสุขปรากฏบนใบหน้าของเทพสงคราม
“ชื่อใดกัน?” ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย
“สุสานเทพเจ้า!” เทพสงครามตอบเบาๆ
“สุสานเทพเจ้า?” หัวใจลินลี่ย์เต้นแรง “ท่านเทพสงคราม แม้แต่นักสู้ระดับเทพก็ยังต้องตาย ไม่มีเหตุผลเลยที่พวกเขาจะต้องมายังทวีปยูลานเพื่อถูกกลบฝังที่นั่นอย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่” เทพสงครามหัวเราะอย่างใจเย็น “ห้าพันปีที่แล้วยอดฝีมือหลายคนที่ลงมาจากพิภพระดับสูงก็คือนักสู้ระดับเทพ มีกระทั่งเทพระดับกลางและเทพระดับสูง พวกเขาเข้าร่วมสงครามประหัตประหารกันที่นี่ในทวีปยูลาน ในที่สุดนอกจากไม่กี่คนที่เหลืออยู่ ยอดฝีมือเหล่านั้นเกือบทั้งหมดตายอยู่ที่นี่”