ตอนที่ 9-39 ปกปิดความจริง
ลินลี่ย์กลับไปยังคฤหาสน์เคานท์วอร์ตัน เมื่อกลับไปแล้ว เขาขังตัวเองอยู่ในลานฝึกของเขาและห้ามมิให้คนอื่นเข้าไป แม้ว่าวอร์ตันกับนีน่าเพิ่งแต่งงานกัน แต่หลังจากได้รับทราบว่าเรย์โนลด์ตายในการสู้รบ วอร์ตันรู้ว่าตอนนี้พี่ชายของเขารู้สึกยังไง
ไม่มีใครในคฤหาสน์เคานท์กล้าเข้าไปรบกวนลินลี่ย์
ประตูลานฝึกยังคงปิดแน่น
ลินลี่ย์นั่งอยู่ที่โต๊ะหิน มีขวดไวน์หนึ่งขวดและแก้วสองใบตั้งอยู่ แก้วไวน์ใบหนึ่งตั้งอยู่หน้าลินลี่ย์ อีกใบหนึ่งวางไว้ตรงข้าม เพียงแต่ไม่มีใครนั่งอยู่ด้านตรงข้ามของลินลี่ย์
ลินลี่ย์รินไวน์ลงในแก้วสองใบ จากนั้นยกแก้วไวน์ใบหนึ่งทำท่าชนฉลอง
“น้องสี่....” ลินลี่ย์จ้องมองข้างหน้าเขา สายตาดูเหมือนแทบจะมองทะลุผนังได้จริงๆ อย่างไรก็ตามตาของเขาแดง “ขอให้ไปสู่คติเถอะ”
ลินลี่ย์แหงนหน้าดื่มเหล้าทั้งแก้ว
น้องสี่ตายแล้ว
ลินลี่ย์ไม่สามารถทำใจรับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ
แต่ตอนแรกเขาสอบถามจักรพรรดิโจฮันน์จากนั้นก็ไปสอบถามคนในตระกูลดันสตัน เขาได้ตรวจสอบสีหน้าของคนในตระกูลดันสตันอย่างระมัดระวัง ลินลี่ย์จึงได้ข้อสรุป....
บางทีน้องสี่ของเขาอาจตายในการสู้รบอย่างสมเกียรติ บางทีคงไม่มีใครผิดเลยก็ได้
แต่สิ่งที่ลินลี่ย์ไม่รู้ก็คือมีเพียงสมาชิกสำคัญตระกูลดันสตันสามหรือสี่คนเท่านั้นที่รู้ความจริง นีออน ดันสตันรู้ว่าจะต้องให้ความสนใจสีหน้าของพวกเขาซึ่งทำให้เขาไม่บอกความจริงกับใคร
มีอีกคนที่รู้ความจริงก็คือมารดาของเรย์โนลด์!
นางก็คือคนที่พวกยามประตูเรียกว่า ‘นายหญิง’ ก่อนหน้านั้น มารดาของเรย์โนลด์หัวใจสลาย นีออนรู้ดีว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าลินลี่ย์ มารดาเรย์โนลด์คงไม่สามารถกลบเกลื่อนได้แน่นอน จึงทำให้ไม่มีสตรีปรากฏตัวอยู่ในห้องโถงใหญ่เลย มารดาของเรย์โนลด์ไม่ปรากฏให้เห็นที่นั่น
“น้องสี่,เจ้าเป็นคนเล็กที่สุดในพวกเขาทั้งสี่คน ข้าไม่คาดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนแรกที่จากไป” หัวใจของลินลี่ย์เหมือนกับถูกมีดกรีดแทง และน้ำตาสองสายเริ่มไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ลินลี่ย์ใช้มือคว้าขวดเหล้าพลางแหงนหน้ายกขวดขึ้นดื่ม
“แค่ก แค่ก” หลังจากดื่มอย่างรวดเร็วลินลี่ย์ก็เริ่มไอ แต่หลังจากไอสองสามครั้งแล้วลินลี่ย์ก็แหงนหน้าดื่มเหล้าอีกจนหมดขวด
บีบีและแฮรุยืนอยู่ที่มุมลานฝึกไม่กล้าทำอะไรที่รบกวนลินลี่ย์แม้แต่น้อย
“นี่เป็นครั้งที่สี่แล้วที่พี่ใหญ่หัวใจสลาย” บีบีพูดกับตนเองครั้งแรกเมื่อเขาเลิกคบกับอลิซ ครั้งที่สองเมื่อเขาทราบข่าวการตายของบิดา ครั้งที่สามเมื่อปู่เดลินจากไป....
สมาชิกครอบครัว สหายคนแล้วคนเล่าล้วนจากเขาไป
ลินลี่ย์รู้สึกเจ็บปวดมาก แต่ลินลี่ย์รู้... เขาต้องแข็งแกร่ง เพราะเขายังมีสมาชิกครอบครัวอื่นและสหายอื่นอีก เขาต้องเข้มแข็งเพื่อประโยชน์ของผู้ที่ตายแล้วและของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่
“อย่างนั้นข้าขอจมอยู่กับทุกข์ของข้าสักสามวัน”
ลินลี่ย์ยิ้มและหัวเราะอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาร้องไห้โดยไม่มียั้ง ร้องไห้ตามที่ต้องการ ดื่มตามต้องการหัวเราะตามที่ต้องการ รำพึงรำพันตามต้องการนึกถึงความหลังตามที่ต้องการ...หรือแม้แต่พูดคุยกับเรย์โนลด์เหมือนกับว่าเขาอยู่ที่นั่น
สามวันต่อมา!
“แอ๊ดดดด” ประตูลานฝึกเปิดออก เดเลียรออยู่ข้างนอกลานฝึกอยู่ตลอดเวลาสองสามวันที่ผ่านมา และขอให้บ่าวรับใช้นำม้านั่งหินมาตั้งไว้ที่นั่น นางนั่งคอยอยู่ที่นั่นอ่านหนังสือรอลินลี่ย์อย่างใจเย็น
สามวัน!
ลินลี่ย์ขังตัวเองอยู่ลานฝึกอยู่สามวัน และเดเลียก็ยังคอยลินลี่ย์อยู่ด้านนอกถึงสามวัน
เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เดเลียหันหน้ามองทั้งประหลาดใจและดีใจ ตอนนี้ลินลี่ย์สวมชุดยาวสีฟ้า หลังของเขาตรงเหมือนคันทวนและไม่มีท่าทางกดดันแม้แต่น้อย
“ลินลี่ย์...” เดเลียดีใจเข้ามาต้อนรับเขาทันที
ลินลี่ย์มองดูเดเลียและขณะที่ทำอย่างนั้นเขารู้สึกอบอุ่นใจความรู้สึกขอบคุณมีอยู่ในหัวใจของเขา เนื่องจากระดับในปัจจุบันของลินลี่ย์เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเดเลียรออยู่ข้างนอกตลอดสามวันเต็ม?
แม้ว่าเขาจะอยู่ภายในลานฝึกโดยมีประตูกางกั้นเขากับเดเลีย แต่ลินลี่ย์ก็รู้สึกได้ถึงการปรากฏตัวของเดเลียตลอดเวลา
ทันใดนั้นลินลี่ย์เหยียดแขนและกอดเดเลียไว้
เดเลียตะลึง
ลินลี่ย์ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มกอดนางมาก่อน!
ขณะกอดเดเลียในวงแขนลินลี่ย์ก้มหน้าลง ปลายจมูกของเขาเสียดสีปอยผมเดเลีย เป็นกลิ่นที่ทำให้เบิกบาน กลิ่นหอมของนาง ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกจิตใจสงบขึ้น
ราวกับเรือลำน้อยเดียวดายที่เข้าเทียบท่าเรือในที่สุด
“เดเลีย, ขอบคุณจริงๆ” เสียงของลินลี่ย์ดังขึ้นข้างหูของเดเลีย
เมื่อลินลี่ย์กอดนางอิงศีรษะกับอกลินลี่ย์เดเลียรู้สึกมีสุขมากกว่าครั้งไหนๆนางใช้เวลาหลายปีในสถาบันหวังว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้จากนั้นรอปีแล้วปีเล่า...จนตอนนี้ ดูเหมือนว่าฝันของนางใกล้เข้ามามากกว่าแต่ก่อน
หลังจากวันที่ลินลี่ย์เดินออกมาจากลานฝึกเขากับเดเลียมีความใกล้ชิดเพิ่มอีกขั้นหนึ่ง บางครั้งพวกเขาก็บอกความคิดของกันและกันได้จากแค่เพียงมองดู เพียงแต่ลินลี่ย์ไม่ดันทุรังผ่านด่านอุปสรรคสุดท้ายระหว่างพวกเขา และเดเลียก็ไม่พยายามจะทำเช่นนั้น
“ใต้เท้ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
เกทส์พูดกับวอร์ตันเบาๆ ในลานฝึกฝนของคฤหาสน์
รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของวอร์ตัน “หลังจากออกจากลานฝึกฝนพี่ใหญ่ข้าดูเหมือนจะสนิทกับแม่หญิงเดเลียมากขึ้น เมื่อข้าเห็นเขาตอนนี้แล้ว เขายังยิ้มได้ มีแนวโน้มว่าตอนนี้เขาคงรู้สึกดีขึ้นแล้ว”
เกทส์พยักหน้าเบาๆ “เมื่อใต้เท้าไม่ออกมาเป็นเวลาสามวันช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ”
“น้องห้า, เจ้าคิดว่าใต้เท้าจะเหมือนเจ้าหรือ? ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความสิ้นหวังง่ายๆ?” บุรุษร่างใหญ่มหึมาและแข็งแรงอีกคนที่อยู่ใกล้ๆพูดพลางหัวเราะ
“พี่รอง, ทำไมต้องมาวิจารณ์ข้าแบบนี้ด้วย?” เกทส์พูดอย่างไม่พอใจ
คฤหาสน์เคานท์สงบเงียบมาก ลินลี่ย์ยังคงใช้ชีวิตกับการฝึกฝนเงียบๆ ต่อไป ขณะเดียวกันเขาเตรียมตัวมุ่งหน้าสู่ดินแดนอนารยชน
……..
“ฝ่าบาท, อาจารย์ลินลี่ย์ดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเคยแล้ว เขาตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝน ไม่มีการกระทำใดๆที่ผิดปกติ แต่แน่นอนว่าในวันแต่งงานของใต้เท้าวอร์ตัน อาจารย์ลินลี่ย์ไปเยี่ยมเยือนตระกูลดันสตัน” มหาดเล็กรายงานด้วยความเคารพ
หน้าของจักรพรรดิโจฮันน์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ดีมาก, เจ้าไปได้แล้ว” จักรพรรดิโจฮันน์พูดอย่างใจเย็น
เมื่อรู้ว่าลินลี่ย์ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดไปจากธรรมดา จักรพรรดิโจฮันน์รู้สึกโล่งใจมาก “โชคดี โชคดีจริงๆ ที่ลินลี่ย์เชื่อว่าคำที่ข้าบอกไปเป็นความจริง”
“ตระกูลดันสตันก็มีวิธีการปฏิบัติตัวได้ดีจริงๆ” จักรพรรดิโจฮันน์พอใจมาก
เขารู้ว่าเนื่องจากอิทธิพลของตระกูลดันสตันในกองทัพ พวกเขาจะรู้ความจริงที่เกิดขึ้นได้ในที่สุด และยังมีแนวโน้มว่าพวกเขาคงจะรู้ความจริงก่อนจักรพรรดิโจฮันน์จะรู้เสียอีก
แต่เห็นได้ชัดว่าลินลี่ย์ไม่ได้รู้อะไรจากการเดินทางไปตระกูลดันสตันของเขา และเชื่อสนิทว่าเรย์โนลด์ตายในการต่อสู้ โดยที่ทหารเมืองนีลไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้ทัน
………
เดเลียจ้องดูจดหมายในมือของนาง จากนั้นมองลินลี่ย์ นางมีสีหน้าที่ไม่สบายใจ
“เดเลีย, เกิดอะไรขึ้น?” ลินลี่ย์มองดูเดเลียด้วยความสงสัย
เดเลียส่ายศีรษะอย่างจนใจ “นี่คือจดหมายจากพ่อแม่ข้า พวกท่านบอกว่าท่านย่าข้าป่วยหนักและต้องการให้ข้ากลับบ้านทันที ย่าของข้า...” ท่าทางที่เศร้าและกังวลปรากฏอยู่บนใบหน้าของเดเลีย
ลินลี่ย์กุมมือเดเลีย มองดูนางและปลอบใจ “อย่าห่วงเลย ท่านย่าเจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร”
“ลินลี่ย์, ข้าต้องรีบไปบ้าน” เดเลียมองหน้าลินลี่ย์อย่างจนใจ “ข้าตั้งใจจะไปแดนอนารยชนกับเจ้า แต่ตอนนี้...”
ลินลี่ย์ยิ้มและปลอบโยนนาง “ไม่เป็นไร เจ้ากลับไปบ้านก่อน ด้วยความสามารถของกลุ่มของข้า เราน่าจะปักหลักในแดนอนารยชนได้ไม่ยาก ในอนาคตเมื่อเจ้ามาหาข้าก็จะหาข้าได้ง่ายๆ”
เดเลียมองลินลี่ย์นางไม่อยากจะแยกจากลินลี่ย์
แต่ท่านย่าของนางป่วยหนัก จดหมายของบิดามารดานางทำให้นางกังวลมาก ไม่มีอะไรที่นางจะทำได้.. นางได้แต่ต้องกลับไปยังจักรวรรดิยูลาน
เช้าวันต่อมาเดเลียก็ขับขี่เหยี่ยวพายุสายฟ้าบินตรงกลับจักรวรรดิยูลาน
……
ภายในเขตมณฑลปกครองกลางของจักรวรรดิโอเบรียน ในลานส่วนตัวซึ่งเป็นของโรงแรมเลิศหรูระดับสูง เยลพลิกเปิดอ่านจดหมายจำนวนหนึ่งที่เขาได้รับตามปกติ
“หืม? มีบางอย่างเกี่ยวกับน้องสี่? เกิดอะไรขึ้นกับน้องสี่? หรือว่าเขาได้ความดีความชอบทางการทหารและเตรียมจะได้เลื่อนยศ?” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเยล
ในอดีต บรรดาพี่น้องร่วมน้ำมิตร เยลกับเรย์โนลด์ค่อนข้างเป็นหนุ่มเจ้าสำราญทั้งคู่ พวกเขาตามจีบหญิงสาวด้วยกัน ทั้งสองคนค่อนข้างจะทำตัวเสเพลกันทั้งคู่ ขณะที่จอร์จกับลินลี่ย์ค่อนข้างจะควบคุมตนเอง
เยลเปิดจดหมายและเริ่มอ่าน
ขณะที่อ่านนั้นเอง...
หน้าของเยลซีดขาวทันที ร่างของเขาเริ่มสั่นอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ เยลเอามือกุมศีรษะและหลับตา หลังจากนั้นเป็นเวลานาน... เยลลืมตาในที่สุด
หน้าของเขาซีดออกไปทางเทา ไม่มีสีเลือดให้เห็น
“เป็นไปไม่ได้”
ตาของเยลเริ่มเปียกชื้น ในไม่ช้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เขากล้ำกลืนความโศกเศร้าในใจ เยลอ่านต่อไป
หลังจากอ่านจบ...
“น้องสี่!!!” น้ำตาเยลเริ่มหลั่งไหล
ถ้าจะถามกันว่าใครเป็นคนที่เยลห่วงใยใส่ใจมากที่สุด? แน่นอนว่าไม่ใช่พี่ชายร่วมสายเลือดของเขาแน่ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาความจริงเย็นชาที่สำคัญภายในหอการค้าดอว์สัน... มีการชิงดีชิงเด่นต่อสู้ภายในมากมาย
ในช่วงสิบปีหลังจากออกมาจากสถาบันเอินส์ แม้ว่าเยลจะเชื่อใจใครบางคน แต่เขาก็ไม่ปฏิบัติต่อคนใดคนหนึ่งเหมือนกับเป็นเพื่อนตายในใจของเขามีเพื่อนตายอยู่เพียงสามคนเท่านั้น สามคนที่อยู่ในวัยเดียวกับเขา
จอร์จ ลินลี่ย์ เรย์โนลด์!
เยลยืนนิ่งกับที่ ตลอดทั้งร่างสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ทันใดนั้นประกายไฟฟ้าปรากฏวูบขึ้นในมือของเขา จดหมายเหลือแต่เถ้าถ่าน
เยลเป็นจอมเวทธาตุสายฟ้า เขาคือคนที่อ่อนแอที่สุดในสี่พี่น้อง เป็นเพียงจอมเวทระดับหกเท่านั้น
“เจ้าชาย...จูเลียน?” เยลเค้นเสียงออกมาจากไรฟัน ตลอดทั้งร่างยังคงสั่น
“ความจริงเจ้าเอาแต่ยืนเฉยมองดู และปล่อยให้น้องสี่ตาย!!! ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าจะเล่นงานเจ้าให้ตายแน่นอน!” เยลสูดหายใจลึก หลับตา
เขาฝืนสงบจิตใจ
หอการค้าดอว์สันมีอิทธิอย่างสูงในกลุ่มชาวเมืองท้องถิ่นและเมืองชายแดนอย่างเมืองนีลก็ยังเป็นเมืองที่หอการค้าดอว์สันจับตาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก พ่อค้าและขุนนางคนชั้นสูงล้วนติดต่อทำการค้ากับหอการค้าดอว์สัน
บางทีความลับนี้อาจจะเก็บเอาไว้จากลินลี่ย์ได้ แต่ไม่มีทางที่จะเก็บความลับนี้จากหอการค้าดอว์สันที่กระจายอยู่ทั่วโลก
“ไม่มีทางที่พ่อจะยอมระดมกำลังของหอการค้าเพื่อจัดการกับเจ้าชายคนหนึ่งเพื่อข้า นอกจากนี้ถ้าเขาพยายามแล้วก็อาจจะไม่สำเร็จก็ได้” เยลเข้าใจเรื่องนี้
องค์ชายจูเลียนเป็นผู้ปกครองมลฑลอาคเนย์ เขาควบคุมทหารจำนวนมาก หอการค้าดอว์สันจะสู้กับเขาได้ยังไง?
“น้องสาม!” ทันใดนั้นลินลี่ย์ผุดขึ้นมาในใจโดยเยลมิได้ตั้งใจ
“น้องสามจะไม่ล้างแค้นให้กับน้องสี่หรือ?” เยลรู้ดีว่าสี่พี่น้องใส่ใจกันและกันเพียงไหน เขามั่นใจว่าถ้าลินลี่ย์รู้สาเหตุที่เรย์โนลด์ตาย เขาจะต้องหาทางล้างแค้นแน่นอน “ต้องเป็นเจ้าชายจูเลียนและจักรพรรดินั้นที่ปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้เขารู้ น้องสามไม่มีเครือข่ายข่าวกรอง”
เมื่อใดก็ตามที่เยลคิดถึงเด็กหนุ่มผู้น่ารักที่ติดตามเขากินดื่มเที่ยวเมาหัวราน้ำด้วยกันกับเขาที่‘สวรรค์น้ำหยก’ เขารู้สึกเจ็บปวดใจ
“น้องสี่, ข้าขอสัญญา น้องสามจะต้องล้างแค้นให้เจ้าแน่” เยลรำพึงกับตนเอง
ทันใดนั้น เยลคำรามลั่น “ฟังคำสั่งข้า! ไปจัดเตรียมให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะเข้านครหลวงเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
ในเวลาห้านาทีเยลก็นั่งอยู่บนม้าฝีเท้าดีมีองครักษ์สองคนขนาบข้าง เขารีบควบม้ามุ่งตรงสู่นครหลวงเต็มฝีเท้า ในระหว่างทาง เยลเลิกทำกิจกรรมอย่างอื่นเดินทางทั้งวันทั้งคืน ไม่ดื่มไม่กิน
ในระหว่างทางมุ่งสู่เมืองหลวง เขาเปลี่ยนม้าที่หลายเมือง และยังคงเร่งรีบเข้าสู่เมืองหลวงเต็มฝีเท้าม้า
หลังจากผ่านไปสองวันหนึ่งคืน เยลและคนของเขาก็มาถึงเมืองหลวง เนื่องจากเขาเดินทางด้วยความเร็วสูง ดวงตาของเยลแดงก่ำเส้นเลือดขึ้น และหน้าของเขายังซีดขาวมองดูเหมือนกับคนป่วยหนัก
“เรามาถึงแล้ว”
เยลเห็นคฤหาสน์ของวอร์ตันจากระยะไกล หลังจากการเดินทางผ่านไปสองวันและหนึ่งคืน ในที่สุดเยลก็รู้สึกเต็มไปด้วยความหวัง
“ท่านเยล?” ยามเฝ้าประตูจำเยลได้อยู่แล้ว ในอดีตที่ผ่านมา เยลมักจะมาเยี่ยมลินลี่ย์เสมอ ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาต้องรายงานใดๆเพื่อขออนุญาตให้เยลเข้ามา เพียงแต่ยามทั้งสองคนงงงวย ทำไมเยลถึงดูเหนื่อยหอบนัก
“น้องสาม!”
เยลตรงเข้าไปในคฤหาสน์จากนั้นเริ่มตะโกนเรียกเต็มเสียง “น้องสาม,ออกมาเถอะ! น้องสาม, รีบออกมา!!!” ลินลี่ย์ได้ยินเสียงเยลตะโกนครั้งแรกแทบจะทันที เขารีบออกมาจากลานฝึกของเขาอย่างเร็วทันที
เมื่อเห็นเยลแต่ไกล ลินลี่ย์ตะลึง
ตอนนี้หน้าของเยลซีดขาวมาก ผมเผ้ากระเซิงยุ่งเหยิง นี่คือพี่ใหญ่เยลที่ชอบแต่งตัว หล่อและร่าเริงหรือนี่?
เมื่อเห็นลินลี่ย์ เยลรีบวิ่งเข้ามาหาและจับไหล่ลินลี่ย์แน่นตาที่แดงของเขาจ้องมองลินลี่ย์ เขาพูดปนสะอื้น “น้องสามเจ้าต้องล้างแค้นให้น้องสี่ให้ได้นะ!”