ตอนที่แล้วตอนที่ 9-35 เป้าหมาย : แดนอนารยชน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9-37 ข่าวเศร้าวันแต่งงาน

ตอนที่ 9-36 วิกฤติของเรย์โนลด์


บาร์เกอร์และน้องๆของเขาในเวลานี้ บาร์เกอร์ อังเก้ บูนและเกทส์ทุกคนถึงระดับเก้ากันแล้ว  หลังจากแปลงร่างพวกเขาจะมีพลังระดับเซียน  สำหรับน้องคนที่สามเฮเซอร์ขาดอีกก้าวเล็กๆในการบรรลุระดับเก้า คือสามารถจะเข้าถึงได้ทุกเมื่อ  บรรดาห้าพี่น้องนี้ บาร์เกอร์เกทส์และเฮเซอร์เชี่ยวชาญถึงเคล็ด ‘กวัดแกว่งอาวุธหนักเสมือนของเบาได้’

“หลังจากน้องของข้าแต่งงานแล้ว  เราจะมุ่งหน้าสู่แดนอนารยชน  ด้วยความช่วยเหลือของบาร์เกอร์และน้องๆหลายสิ่งหลายอย่างจะง่ายมากขึ้น” ตาของลินลี่ย์ฉายประกายโดยไม่ต้องพูด

ลินลี่ย์ตื่นเต้นดีใจแทบไม่อาจรอเริ่มอนาคตของเขาในแดนอนารยชนที่ซึ่งเขาจะสู้รบกับศาสนจักรเจิดจรัส

นอกจากเรื่องทึ่งน่ายินดีที่บูนเป็นนักรบระดับเก้าแล้ว ทุกคนยังคาดหวังงานแต่งงานที่จะมาถึงอย่างกระตือรือร้น  วอร์ตันยิ้มได้ทั้งวันทุกวันเช่นกัน

ครั้งนี้วอร์ตันและนีน่าจะร่วมกันฉลองงานแต่งงานในวังหลวง  ความตื่นเต้นความแออัดจะมากยิ่งกว่าการฉลองงานหมั้น

ภายในลานบ้านที่เงียบสงบ

หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝน ลินลี่ย์นั่งอยู่ข้างโต๊ะหิน  แค่เพียงพลิกมือเขาหยิบไวน์ผลไม้ออกมา  ขณะที่ดื่ม เขาจ้องมองไปข้างหน้าและไตร่ตรองจากลักษณะของเขา เขากำลังคิดบางอย่าง

บีบีแอบมองลินลี่ย์

“ควั่บ” บีบีมาปรากฏตัวบนโต๊ะของลินลี่ย์ทันที

ลินลี่ย์สะดุ้งเพราะบีบี  “บีบี,เจ้าทำอะไร?”

บีบียืนตัวตรงพับเก็บกรงเล็บจ้องมองลินลี่ย์ด้วยสายตาประเมิน  “เท่าที่ข้าบีบีประเมินดู  ข้าพบว่า พี่ใหญ่... กำลังคิดถึง...คิดเรื่องเกี่ยวกับความรัก

บีบีพูดด้วยลักษณะเชื่อมั่นอย่างแท้จริง

ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ข้ากำลังคิดถึงพี่น้องสหายของข้า ในอีกไม่กี่วันนี้จะเป็นวันแต่งงานของวอร์ตัน  แต่พี่ใหญ่เยล, พี่รอง, น้องสี่... ไม่มีใครมาได้เลย”

ลินลี่ย์ถอนหายใจยาว

“ข้าสงสัยว่าตอนนี้ทั้งสามคนกำลังทำอะไร” เยล เรย์โนลด์และจอร์จสหายรักทั้งสามของลินลี่ย์มีสถานะมั่นคงอยู่ในใจของลินลี่ย์ ความรักที่พวกเขามีต่อกันลึกซึ้งประดุจเป็นพี่น้องกันจริงๆ

เรย์โนลด์ไปได้ไม่ค่อยสวย หลังจากพักในช่วงเวลาสั้น เขากลับไปยังกองทัพ แม้หลังจากได้ทราบข่าวการประลองของลินลี่ย์กับเฮนด์เซน  เขาก็ไม่มีโอกาสมาชมดู

ทั้งนี้เป็นเพราะ ในฐานะทหารคนหนึ่ง เขาต้องทำตามคำสั่งและขั้นตอน

แม้ว่าเรย์โนลด์ค่อนข้างเหลวไหลและเกียจคร้านอยู่บ้าง  แต่เมื่อเขาอยู่ในกองทัพ  เขาจะเป็นลูกผู้ชายที่ทำตามคำสั่งและเชื่อฟังคำสั่งโดยไม่มีข้อสงสัย

ที่ชายแดนมณฑลอาคเนย์แห่งจักรวรรดิโอเบรียนในพื้นที่ด้านใต้ของเมืองนีลเป็นพื้นที่ซึ่งจักรวรรดิโอเบรียนให้ความสนใจระวังจักรวรรดิโรฮอลท์  ที่นี่คือพื้นที่ซึ่งวุ่นวายหนัก

จักรวรรดิโรฮอลท์ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของดินแดนอนารยชนและทางทิศตะวันตกของทุ่งราบใหญ่ตะวันออกไกล

เนื่องจากมีสงครามประจำกับนักรบบนหลังม้าแห่งทุ่งราบใหญ่  จักรวรรดิโรฮอลท์มีความดุร้ายมาก มีจิตวิญญาณนักสู้และกองทหารของพวกเขาที่เป็นอัศวินบนหลังม้า มีความห้าวหาญเป็นตำนาน จักรวรรดิโรฮอลท์และจักรวรรดิโอเบรียนทำสงครามกันตลอดในพื้นที่ใกล้กับเมืองนีลเลือดจากการรบพุ่งนับไม่ถ้วนย้อมพื้นที่กันดารนอกเมืองจนเป็นสีแดงเข้ม

“วิ้ววว!”  “วิ้วววว!” ลมพัดแรงหวีดหวิวผ่านทุ่งหญ้าซึ่งสูงชั่วครึ่งบุรุษ  หญ้าไหวเอนตามลม เมื่อมองผ่านไปจะมองเห็นว่ามีลำธารเล็กสายหนึ่งอยู่ใกล้ๆ ม้าหลายสิบตัวกำลังก้มกินน้ำ

อัศวินหลายคนนั่งพักอยู่บนพื้น ขณะที่อีกหลายคนยังคงจับตาเฝ้าดู

ตอนนี้ เรย์โนลด์กำลังนั่งอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง  ตาเหมือนเหยี่ยวของเขามองกวาดไปรอบๆ  เมื่อเขาอยู่ในกองทัพ เรย์โนลด์จะทำตัวแตกต่างจากไปจากวิธีที่เขาทำเป็นปกติส่วนตัว ตอนนี้เขาสวมเกราะสีน้ำเงินซึ่งมีตราเครื่องหมายเป็นเพลิงสีทองที่หน้าอกของเขา  เครื่องหมายนี้บ่งบอกว่าเขาเป็นสมาชิกของกองพลเพลิงทองหนึ่งในกองพลระดับสูงของจักรวรรดิโอเบรียน

และแบบของเกราะเขาเป็นการบ่งบอกยศของเขา นายกองอาวุโส

เรย์โนลด์ดึงนาฬิกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อและตรวจดูเวลา  “บ่ายสามถึงห้าโมง อีกฝ่ายน่าจะมาถึงแล้ว”

“ใต้เท้า” อัศวินผมน้ำเงินเดินเข้ามาหาพร้อมกับหัวเราะ “จักรวรรดิโรฮอลท์ปัจจุบันนี้ไม่อยู่ในสภาพทำสงครามกับจักรวรรดิโอเบรียน  ท่านไม่รู้สึกว่าเราสิ้นเปลืองพลังงานไปกับการจับตาดูเป็นเวลานานหรือ”

“ไทเกอร์, ไม่ต้องพูดเลย” เรย์โนลด์ขมวดคิ้ว

“ขอรับ” อัศวินผมน้ำเงินไม่กล้าหัวเราะต่อไป

ผู้บัญชาการหน่วยอัศวินนี้เป็นตำแหน่งขั้นต่ำสำหรับยศนายกองอาวุโสโดยรวมแล้วมีกองกำลังขนาดกลางสามกอง มีจำนวนคนรวมเก้าร้อยคน  ตอนนี้พวกเขาแยกกันเป็นหน่วยเล็ก 18คนและใช้เส้นทางแยกกัน หน่วยที่เรย์โนลด์นำความจริงเป็นกองกำลังส่วนตัวของเขาและเป็นหน่วยที่แข็งแกร่งมาก

เขาอยู่ในกองทัพมาได้ 2-3 ปีแล้ว และเรย์โนลด์ค่อยๆได้รับการเลื่อนยศจากทหารทั่วไปจนอยู่ในตำแหน่งปัจจุบัน

“แม้ว่าจักรวรรดิโรฮอลท์จะไม่เปิดศึกกับจักรวรรดิโอเบรียนเรามาเกินกว่าสิบปีแล้วแต่ก็ยังมีการปะทะกันเล็กๆ น้อยๆ ตามแนวชายแดนไม่ใช่หรือ”  เรย์โนลด์พูดจริงจัง  “และตามการคำนวณของข้าเป็นเวลานานมากแล้วหลังจากทำสงครามครั้งใหญ่ ข้าคาดว่าประชากรของจักรวรรดิโรฮอลท์น่าจะถึงขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว  และแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องเกณฑ์คนเข้าทำสงคราม  ดังนั้นเราต้องระมัดระวังเอาไว้”

หมายความว่าการสู้รบจะมีขึ้นง่ายมาก

เมื่อประชากรเพิ่มพูนขึ้นมากและมีพื้นที่หรืออาหารสนับสนุนคนไม่พอ  จักรวรรดิจะเริ่มทำสงครามกับประเทศอื่นๆเป็นธรรมดา ถ้าไม่อย่างนั้นจักรวรรดิจะเกิดความวุ่นวายภายใน หลังจากจักรวรรดิทั้งสองมีคนได้รับบาดเจ็บมากมายและจำนวนประชากรลดลงก็หมายความว่าจำนวนที่ดินมีพอเหมาะแก่ประชาชน  พวกเขาจึงยุติการสู้รบเป็นธรรมดา

ความจริงนี่เป็นหนึ่งในหลักการพื้นฐานที่สุด

ที่สำคัญ ประชาชนส่วนใหญ่ พื้นฐานที่สำคัญที่สุดก็คือการมีอาหารอย่างเพียงพอและสถานที่ดำรงชีวิต

“ขอรับ, ใต้เท้า เราจะระมัดระวัง” อัศวินผมน้ำเงินหัวเราะ

“จริงสิ ใต้เท้า ก่อนนั้นท่านเคยอยู่ในสถาบันเอินส์กับอาจารย์ลินลี่ย์ ข้าได้ยินมาว่าเขาสู้กับท่านเฮนด์เซนและยังยืนหยัดอยู่ได้?”  อัศวินผมน้ำเงินพูดเบาๆ

เมื่อได้ยินบริวารของเขาถามเขาเรื่องลินลี่ย์ เรย์โนลด์อดยิ้มไม่ได้

“เพียงเหตุผลที่เขาตกเป็นรองบ้างก็เพราะเขามีปราณยุทธไม่พอ”  เรย์โนลด์พูดอย่างใจเย็น ในใจของเขาเรย์โนลด์รู้สึกว่าเขาค่อนข้างเสียดายที่เขาไม่สามารถไปดูการประลองเสี่ยงชีวิตของพี่ร่วมสาบานที่เขารัก

เขาหันหน้าจ้องมองไปทางตะวันตก เรย์โนลด์หยีตาเนื่องจากแสงอาทิตย์สาดส่อง พี่ร่วมสาบานที่รักของเขาอยู่ในเมืองหลวงทางตะวันตก

“อีกปีกว่า จะครบสิบปีแห่งความมุ่งมั่นของข้า และข้าจะออกจากกองทัพได้” เรย์โนลด์ลอบถอนหายใจกับตนเอง

แปดปีกว่าในการใช้ชีวิตกับกองทัพทำให้เรย์โนลด์มีความสนุกและเพลิดเพลินอย่างแท้จริง  แต่เรย์โนลด์รู้ว่าตามกฎของตระกูลของเขา  ถ้าลูกหลานของตระกูลสามารถไปถึงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพันหรือรองผู้บัญชาการกองพันได้  พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในกองทัพได้  ถ้าทำไม่ได้อย่างนั้นพวกเขาจะต้องกลับมายังตระกูล

ตอนนี้ เรย์โนลด์เป็นเพียงนายกองอาวุโส เขายังต้องไปอีกก้าวหนึ่ง

แต่แม้ว่าเรย์โนลด์จะค่อนข้างสนุกกับชีวิตทหาร  แต่เขาไม่ต้องการใช้ชีวิตทั้งหมดอยู่ในกองทัพ  เขายังคงต้องการหาที่เงียบสงบสำหรับฝึกเวทเขาเป็นจอมเวทระดับเจ็ดแล้ว ถ้าใช้เวลาฝึกฝนอย่างพากเพียรอีกร้อยปี เขาจะเป็นจอมเวทระดับเก้าได้

ขณะที่รออยู่เงียบๆ  หน่วยอื่นๆก็มาถึง เวลาราว 16.50 น. กองกำลัง 400 คนก็มารวมกันที่นี่ กับอีก 500 คนที่มาถึง

“หืม?” เรย์โนลด์ขมวดคิ้วทันที

ทันใดนั้นเขามีความรู้สึกถึงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้น เหมือนกับว่ามีพลังสังหารที่มองไม่เห็นกำลังคืบคลานมาทางพวกเขา  ในฐานะจอมเวทคนหนึ่ง เรย์โนลด์มีพลังจิตที่ทรงพลังและลางสังหรณ์ของเขากล้าแข็งมากกว่าคนทั้งหมด

“ทุกคน, ระวังตัว!”  เรย์โนลด์ตะโกนอย่างเย็นชาทันที

“ขอรับ,ใต้เท้า!”  อัศวินรอบๆ ทั้งหมดสงสัย แต่ตอนนี้เองเสียงกีบเท้าของสัตว์ก็ดังขึ้นจนได้ยิน มันเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง

“ศัตรูซุ่มจู่โจม!  ศัตรูซุ่มจู่โจม!”  เสียงตะโกนเร่งเร้าดังก้องท้องฟ้า

อัศวินแทบทุกคนมีปฏิกิริยารวดเร็ว คว้าหอกและยกโล่ของพวกเขา  ขณะที่ทุกคนพุ่งเข้าหาม้าด้วยความเร็วสูง แต่ขณะนี้เองก็เริ่มมีห่าธนูระดมยิงมาจากระยะไกล

“ควั่บ!”  “ควั่บ!”

ธนูถูกระดมยิงมาเป็นสายราวกับตั๊กแตนลง อัศวินทุกคนคุกเข่าตั้งโล่ป้องกันตนเองขณะที่ต่างฝ่ายต่างก็เคลื่อนไหวมาใกล้กัน

โล่ของจักรวรรดิมีคุณภาพสูง ในการสู้รบเป็นเรื่องยากที่ธนูธรรมดาจะสามารถทะลุผ่านไปได้  และแน่นอน ธนูหลายลูกกระทบเข้ากับโล่  แต่โล่เพียงสั่นสะเทือนเล็กน้อยและลูกธนูร่วงลงพื้นแต่ธนูราวๆ สิบดอกทะลุผ่านโล่ป้องกัน ราวกับว่าโล่เหล่านั้นทำจากกระดาษ...

“ฉึก!”

ธนูที่เคลื่อนอย่างรวดเร็วทะลุโล่จากนั้นปักเข้าที่ศีรษะอัศวินคนหนึ่งสมองระเบิดออก

เรย์โนลด์เมื่อเห็นเช่นนี้ รู้สึกไม่สบายใจ อัศวินเหล่านี้คือทีมที่เขาสร้างขึ้นมาและติดตามเขามานานถึงหกปี หกปีที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันย่อมมีความผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง  แต่เรย์โนลด์สามารถบอกได้ทันทีว่า  “สามารถยิงทะลุโล่ได้จากระยะไกลหลายร้อยเมตรได้ก็หมายความว่าพวกเขามียอดฝีมือระดับเจ็ดหรือแปดแน่นอน  และมีถึงสองสามคน”

“ครืนนน” ขณะที่ระยะห่างกระชั้นเข้ามา เสียงฝีเท้าม้าควบดังชัดขึ้น  คนกลุ่มนี้สวมเกราะสีเทาและกีบเท้าม้าของพวกเขาหุ้มผ้าเอาไว้

ต่อหน้าคนเหล่านี้ อัศวินที่ร่างเปื้อนเลือดเกินกว่าสิบกำลังหนี

รอสซี่,  เรย์โนลด์สีหน้าเปลี่ยน  อัศวินทั้งสิบเป็นคนในหน่วยของเขา

“ใต้เท้า, หนีเร็ว! นี่เป็นทหารแห่งจักรวรรดิโรฮอลท์ และจำนวนของพวกเขามาเป็นพัน! เร็วเข้า อ๊า..!!” อัศวินร่างเปื้อนเลือดวิ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูง  แต่ในพริบตาธนูก็ทะลุคอหอยของเขา

“ฆ่าพวกมันให้หมด!  อย่าปล่อยให้ใครรอด!”  เสียงเย็นชาดังขึ้นแต่ไกล

“หนี!”

เรย์โนลด์ตะโกนลั่น สู้กับศัตรูจำนวนเป็นพัน ขณะที่เขามีคนเพียงไม่กี่ร้อยน่ะหรือ?  และยิ่งกว่านั้น พวกมันซุ่มโจมตีและศัตรูมีนักรบฝีมือดีระดับเจ็ดและระดับแปดหลายคน

นอกจากนี้ภารกิจของพวกเขาคือลาดตระเวน พวกเขาต้องรีบกลับไปแจ้งข่าว

ผู้โชคดีรอดชีวิตกระโดดขึ้นม้าศึกของพวกเขาทันที  บางทีเพราะศัตรูของพวกเขาต้องการจะได้ม้าหลายร้อยตัวธนูที่ระดมยิงลงมาจึงถูกแต่พวกอัศวินเท่านั้นไม่มีสักดอกที่ใช้สังหารม้า

หนี!

หนี!

มีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ในใจของเรย์โนลด์ก็คือหนีให้เร็วที่สุด  ตั้งแต่แรกคนสี่ร้อยคนพยายามหนี  แต่ตอนนี้เหลือเพียงร้อยคน ร้อยคนหนีไปได้เพราะเรย์โนลด์ใช้เวทคุกคามศัตรู  ขณะที่หนีไปเรย์โนลด์ยังคงร่ายคาถาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่เรย์โนลด์เป็นศูนย์กลางเปลวเพลิงแปดสายรูปร่างเหมือนดาบยักษ์ระเบิดพลังออกมาทันทีแตกกระจายออกไปทุกทิศตำแหน่งและพุ่งโจมตีกองทัพที่กำลังไล่ตามมา

เวทธาตุเพลิง – ดาบเพลิงนรกพิฆาต!

“ฉัวะ ฉัวะ”เปลวเพลิงฟันใส่ร่างอัศวินเหล่านั้น พวกเขาส่งเสียงร้องโหยหวน เกราะเหล็กของพวกเขาหลอมละลายอย่างรวดเร็วและในพริบตาพวกเขาก็เหลือแต่เถ้าถ่าน ทุ่งหญ้าโดยรอบเริ่มติดไฟเช่นกัน และไล่ลามไปตามกองกำลังที่ไล่ตาม ทำให้พวกเขาช้าลง

“ไล่ตาม ไล่ตามไป!” ผู้นำผมทองจ้องมองเรย์โนลด์แต่ไกล

ถ้าไม่ใช่เพราะจอมเวทที่อยู่ห่างออกไปนั้น เขาคงกวาดล้างนักรบกลุ่มนี้ได้ไปนานแล้ว แต่เพราะจอมเวทนั่นทำให้ต้นไม้และหญ้าแห้งของฤดูใบไม้ร่วงเริ่มติดไฟได้ง่ายและลุกไหม้เป็นไฟลามทุ่งขัดขวางการไล่ตามของพวกเขา

พลังเวทไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ

เรย์โนลด์ไม่กล้าใช้เวทระดับเจ็ด เวททั้งหมดที่ใช้ออกไปนั้นเขาใช้แค่เวทระดับหก  แต่ถึงอย่างนั้นก็แทบจะทำให้พลังเวทในตัวเรย์โนลด์หมดเกลี้ยง

มีเพียงหน่วยทหารจากจักรวรรดิโรฮอลท์หน่วยเดียวที่มีคนอยู่สามร้อยนายที่ไล่ตาม แต่หน่วยนี้มียอดฝีมือระดับเจ็ดเกินกว่าสิบคน  เห็นได้ชัดว่านี่คือหน่วยฝีมือดี และในหน่วยของเรย์โนลด์มีนักรบระดับเจ็ดอยู่เพียงคนเดียวและแน่นอนนั่นก็คือเขาเองซึ่งเป็นจอมเวทระดับเจ็ด

“เมืองนีล!  ข้าเห็นเมืองนีลแล้ว!”  หนึ่งในอัศวินตะโกนเสียงดัง

“เมืองนีล!”  เรย์โนลด์เห็นแต่ไกลโครงร่างสลัวของเมืองมองเห็นได้แต่ไกล ตาของเขาเต็มไปด้วยความหวังและเขากระตุ้นม้าให้วิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง

“ควั่บ!”  ธนูอีกลูกหนึ่งยิงไล่หลังพวกเขาและเรย์โนลด์ที่อ่อนแรงหลบหลีกอย่างบ้าคลั่งขณะที่ใช้โล่บังได้อีกครั้ง ‘ฉัวะ’ เสียงธนูเจาะโล่และปักเข้าที่ไหล่ของเรย์โนลด์ พลังที่รุนแรงของธนูทำให้ร่างของเรย์โนลด์โอนเอน  จนเขาเกือบตกม้า

หลังจากวิ่งมาตลอดสองชั่วโมง ก็เกือบเป็นเวลาค่ำ

กำแพงเมืองนีลตั้งอยู่บนที่ราบสูง มีนักรบเดินไปมาไม่กี่คนขณะที่ขุนนางระดับสูงเดินเล่นไปมาอย่างไร้จุดหมาย

“เปิดประตูเมืองเร็วเข้า!” มีทหารของจักรวรรดิโรฮอลท์ไล่ตามเรามา ฆ่าพวกมันให้หมด!!” เรย์โนลด์คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว

ในพริบตา เรย์โนลด์และทหารที่ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคนก็มาถึงชานเมืองนีล  แต่ประตูเมืองไม่ยอมเปิด

“ควั่บ!” ธนูดอกหนึ่งยิงมาจากขุนนางบนกำแพงเมือง

“อย่าเปิด!  อย่าเปิดประตูเมือง!”  เสียงแหลมดังมาจากด้านบ้าน  “ยิงธนูของเจ้า!ยิงศัตรูให้ตาย!”

หน่วยไล่ล่าของจักรวรรดิโรฮอลท์หยุดในช่วงห่างระยะธนูยิง  มีสิบคนลงจากหลังม้า จากนั้นบุกตรงไปที่กำแพงเมือง  พวกเขาหลบลูกธนูที่ยิงมาจากด้านบนอย่างง่ายดายและทั้งหมดใช้ปราณยุทธคุ้มกัน

คนพวกนี้เป็นนักรบที่แข็งแกร่งแน่นอน

“ฆ่าจอมเวทซะ” ผู้นำของคนทั้งสิบจ้องมองเรย์โนลด์เขม็ง พวกเขาไล่ตามมาตลอดทางเพื่อฆ่าเรย์โนลด์ จอมเวทที่ไม่เหลือพลังเวทก็เป็นคนที่อ่อนแอมาก

ตอนนี้เรย์โนลด์ไม่สามารถตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย

“เปิดประตู!” ตอนนี้อัศวินของเรย์โนลด์รู้สึกสิ้นหวัง แม้ว่าพวกเขาจะมีสิบกว่าคนและศัตรูจะมีสิบคนแต่จากที่เห็นปราณยุทธของฝ่ายตรงข้าม พวกเขาสามารถบอกได้ว่าผู้นำของศัตรูสามารถฆ่าพวกเขาได้ทั้งหมด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด