ตอนที่แล้วตอนที่ 32 นักเรียนกลายเป็นอาจารย์ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 34 เพื่อน (อ่านฟรี)

ตอนที่ 33 การปะทะ​ (อ่านฟรี)​


เปิดเทอมวันแรกก็คึกคักแล้ว แม็กนัสกับรักนาร์ทำได้ดีทีเดียวในชั้นเรียนของพวกเขา แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ค้นพบว่าตัวเองถนัดอะไรและอะไรที่ทำได้แย่ นั่นทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย

คาบเรียนที่สองของวันคือวิชาแปลงร่าง วันจันทร์เป็นวันที่ยุ่งที่สุดสำหรับนักเรียนและคณาจารย์ทุกคน เนื่องจากตารางเรียนแน่นเอี๊ยด

ในคาบเรียนนี้ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลสอนพวกเขาเกี่ยวกับทฤษฎีเบื้องหลังการแปลงร่างก่อน ปรากฎว่ามีสูตรทางคณิตศาสตร์อยู่เบื้องหลังด้วย แล้วแม็กนัสก็เก่งวิชาคณิตศาสตร์ สูตรการแปลงร่างกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงที่ตั้งใจไว้มี (t)อิทธิพลโดยตรงจากน้ำหนักของวัตถุ (a) ภาวะไร้ระเบียบ (v) พลังไม้กายสิทธิ์ (w) สมาธิตั้งมั่น (c) และตัวแปรที่ไม่รู้จัก (z)

หมายความว่า t(การแปลงร่าง) เท่ากับพลังไม้กายสิทธิ์ (w) * สมาธิตั้งมั่น (c) จากนั้นทั้งหมดหารด้วยภาวะไร้ระเบียบ (v) * น้ำหนักของวัตถุ (a) จากนั้นนำทั้งหมดมาคูณด้วยตัวแปรที่ไม่รู้จักตัวที่ห้า (z)

แล้วทีนี้ ตัวแปรที่ไม่รู้จักคืออะไรที่ไม่มีใครรู้ แม็กนัสสังเกตเห็นว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา พ่อมดและแม่มดทุกคนได้ทำการค้นคว้าเพื่อให้เวทมนตร์ของพวกเขาสมบูรณ์แบบ สร้างคาถาใหม่ๆ และวิธีการเพิ่มพลัง แต่ไม่มีใครค้นคว้าที่มาของมันได้ว่าทำไมเวทมนตร์ถึงมีอยู่? ไม่มีใครตอบคำถามนี้ของพวกเขาได้ พวกเขารู้เพียงว่าเวทมนตร์มีต้นกำเนิดในแอฟริกาเช่นเดียวกับมนุษย์

แต่สิ่งหนึ่งที่แม็กนัสแน่ใจก็คือ เวทมนตร์นั้นเป็นไปตามกฎของฟิสิกส์ ตัวอย่างเช่น การอนุรักษ์สสารและพลังงาน แต่ก็มีบางครั้งที่กฎเหล่านี้อาจถูกทำลายโดยพ่อมดที่ทรงพลังมาก และนั่นคือสิ่งที่เขาตั้งเป้าไว้ว่าจะบรรลุ แต่สำหรับตอนนี้ ร่างเล็กๆ วัย 11 ขวบของเขาไม่สามารถฝันที่จะทำแบบนั้นได้

ได้มีหลายตัวอย่างในวิชาแปลงร่างรวมทั้งศาสตราจารย์มักกอนนากัลได้เตือนพวกเขาว่ามันอันตรายเช่นกัน

“การแปลงร่างเป็นเวทมนตร์ที่ซับซ้อนและอันตรายที่สุดที่พวกเธอจะได้เรียนที่ฮอกวอตส์ ถ้ามีใครเล่นซนในชั้นเรียน ฉันไล่พวกคุณออกไปและไม่ต้องกลับมา ฉันเตือนพวกคุณแล้วนะ”

คือสิ่งที่เธอพูด

ภารกิจแรกของพวกเขาคือเปลี่ยนไม้ขีดให้เป็นเข็ม นี่ถือเป็นคาถาแปลงร่างที่ง่ายที่สุด

"รักนาร์ แค่คอยดูฉันแล้วเรียนรู้นะ" แม็กนัสกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“แต่ฉันทำได้แล้วนะ” รักนาร์ตอบกลับทันที

แม็กนัสหันไปหาเขาด้วยความตกตะลึง และมีเข็มเงินอยู่ตรงหน้าเขา

"เฮ้ นายเก่งมากเลยนะ เอาล่ะ นายทำให้มันเป็นสีเงิน งั้นฉันจะทำให้มันเป็นสีทอง ถึงยังไงฉันก็ชอบสีทองอยู่ดี" แม็กนัสอ้างอย่างภาคภูมิใจ

“อาคุส[คาถานี้ไม่มีคำร่ายระบุไว้ ผู้แปลจึงสร้างขึ้นมาเอง]

"ใช่ใช่กลายเป็นเข็มซะ" เขาพึมพำขณะที่กำลังหมุนไม้กายสิทธิ์ไปที่ขีดไฟ เขาเพ่งสมาธิไว้ในใจ จินตนาการก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน ในที่สุดมันก็มีรูปร่างเหมือนเข็มและเปลี่ยนเป็นสีทอง แต่ที่น่าตกใจคือมันกลายเป็นขนาดใหญ่กว่าก้านไม้ขีดไฟเดิมเสียอีก

ศาสตราจารย์มักกอนนากัลปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอมีดวงดาวในดวงตาของเธอ แต่ยังคงมีใบหน้าที่จริงจัง

"สมบูรณ์แบบ ดีกว่าที่ฉันคาดไว้ การทำให้มันใหญ่ขึ้นกว่าขนาดเดิมเป็นสิ่งที่พ่อมดหลายคนทำได้ยาก คุณเพนดราก้อน และคุณโอโรโบสก็น่าทึ่งสำหรับความพยายามครั้งแรกของคุณเช่นกัน สิบคะแนนให้สลิธีริน" ศาสตราจารย์มักกอนนากัลประกาศแล้วจากไป เธอไม่สามารถยกย่องใครมากเกินไปเพราะจะทำให้คนอื่นหมดกำลังใจ

"ฉันว่าเราน่าจะคว้าแชมป์บ้านดีเด่นได้นะ ก็เพียงแค่รวบรวมแต้มพวกนี้" แม็กนัสคุยกับรักนาร์

"ฮิฮิ ยังเหลือควิดดิชอยู่ แต่ฉันไม่สนใจมัน ฉันเกลียดการบิน" รักนาร์กล่าวอย่างไม่พอใจ

“แต่ฉันอยากลอง ฉันคิดว่าฉันน่าจะชอบมัน โอเค มาช่วยคนอื่นๆ กัน ดูสิ สเนปก็ทำเหมือนกัน” แม็กนัสอุทาน

“ทำไมเขาถึงพยายามหลบหน้าเราด้วยเราไม่เคยพูดอะไรไม่ดีกับเขาเลยนะ” รักนาร์ถาม

แม็กนัสถอนหายใจ "คงรู้สึกไม่ดีมั้งฉันเดา "

หลังจากนั้นพวกเขาช่วยนักเรียนหลายคนทำให้สำเร็จ พวกเขายังคอยช่วยหลายคนจากฮัฟเฟิลพัฟ แม็กนัสได้รับชื่นชมจากนักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เขาพูดคุยกับใคร พวกเขาก็จะแสดงความเคารพเสมอ เอาล่ะ... ยกเว้นบางคนที่อยู่ในสลิธีริน

แม็กนัสรู้ว่าเขาเก่งเรื่องคาถาทุกประเภทและวิชาแปลงร่าง แต่เมื่อพูดถึงการปรุงยา เขาอยู่ในระดับปานกลาง แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ต่อน้ำยานำโชค ในขณะเดียวกัน รักนาร์มีความถนัดเรื่องคาถาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยแต่เป็นระดับเทพในการปรุงยา เขาบอกว่าเขาชอบวิชาปรุงยาตั้งแต่ยังเล็กและจำสูตรปรุงยาได้ทั้งหมดไปจนถึงปีที่ 7 เนื่องจากเขามีหนังสือทั้งหมดที่บ้านอยู่แล้ว แม็กนัสพยายามถามเขาเกี่ยวกับบ้านของเขา แต่รักนาร์ก็เลี่ยงคำถามทุกครั้ง

วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดยังเป็นคลาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับ แม็กนัสและเขาก็เก่งในคลาสแบบนั้น มันไม่ได้แตกต่างจาก วิชาคาถามากนัก มันน่าตื่นเต้นสำหรับเขาเพราะมันสอนคาถาต่างๆ เพื่อค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่

ศาสตราจารย์แฮร์ริสันเป็นอาจารย์ชาวอเมริกัน เขาเป็นบุคคลากรที่ยอดเยี่ยม เขาบอกทุกคนว่าเขาเคยเป็นมือปราบมารที่ทำงานให้กับ MACUSA อยู่ในแผนกที่รับผิดชอบในการจัดการกับสัตว์ร้ายที่โจมตีโนแมจ ทั้งยังเป็นคนตลกและเข้ากับคนง่าย แต่วันแรกจะเป็นภาคทฤษฎีและบทนำเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาจะเริ่มเรียนรู้สิ่งที่ปฏิบัติได้จากคาบเรียนถัดไป

แต่มีบางอย่างที่แม็กนัสรู้สึกแปลกๆ วิชาปรุงยาและวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดของพวกเขาอยู่กับกริฟฟินดอร์ แต่เขาไม่เห็นซิเรียสหรือเจมส์เลย มีแค่ลิลลี่ที่อยู่แต่เขาไม่ได้คุยกับเธอ เมื่อพิจารณาว่าตอนนี้สเนปหวาดระแวงขนาด

จากนั้นก็มีชั้นเรียนวิชาสมุนไพรศาสตร์กับเรเวนคลอ เขาชอบคนพวกนี้เพราะพอมีความรู้ แต่บางคนก็ภูมิใจในตัวเองมากเกินไป ศาสตร์สมุนไพรเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับแมกนัสเพราะเขามีความจำดีมากและจดจำทุกอย่างได้แล้ว รักนาร์ก็ยอดเยี่ยมในเรื่องนี้เช่นกัน เหตุผลของเขาคือ "ในการปรุงยาวิเศษ ฉันต้องการวัตถุดิบคุณภาพสูง และฉันไม่ไว้ใจนักสมุนไพรคนไหนทั้งนั้น ดังนั้นฉันจึงปลูกสมุนไพรเอง"

จนถึงตอนนี้ แม็กนัสได้เรียนรู้ว่ารักนาร์ห่วยเรื่องวิชาคาถาซึ่งวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดก็ห่วยไม่ต่างกัน

แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นตลอดทั้งวันคือวิชาการบิน เขาเฝ้าฝันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่ามันจะเจ๋งขนาดไหน แต่โชคไม่ดีที่วันจันทร์ไม่มีเรียนการบิน ดังนั้นเขาต้องรอจนถึงวันรุ่งขึ้น

ตารางวันของพวกเขาสิ้นสุดลงแล้ว แถมแม็กนัสได้ทำการบ้านของเขาเรียบร้อย มันเยอะมากจริงๆ แต่มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องทฤษฎีเขาความจำดี เขาช่วยรักนาร์ทำมันให้เสร็จด้วย และทั้งสองคนก็ว่าง

“เราจะไปไหนกัน แม็กนัส” รักนาร์ถาม

"เพื่อหารูปเหมือนของเมอร์ลิน" แม็กนัสตอบด้วยรอยยิ้ม

แม็กนัสพบข้อมูลนี้จากการได้ยินนักเรียนบางคนพูดถึงมรดกของเขา แม็กนัสยังคงตกใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยอมรับความจริงนี้ ตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องการคือคำตอบ

ภาพเหมือนอยู่บนผนังข้างโถงบันได ถัดจากภาพเหมือนของเพื่อนเก่าของเมอร์ลินและเพื่อนข้าราชบริพารของกษัตริย์อาเธอร์ เซอร์คาโดแกน

เขาพบภาพเหมือนอย่างรวดเร็ว ข้างใน เขาเห็นเมอร์ลินยืนอยู่ เคราของเขายาวและขาว และเขาสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่พร้อมฮู้ด น่าจะเป็นแฟชั่นของเหล่าพ่อมดในยุคนั้น

“อ๊าาา...นี่คือเด็กที่ท่านพูดถึงเหรอ?” เซอร์คาโดแกนอุทาน

ภาพเหมือนของเมอร์ลินยิ้ม "ฮ่าฮ่า ยินดีต้อนรับสู่ฮอกวอตส์นะ เด็กน้อย ตอนนี้ข้าเป็นแค่ภาพเหมือน ดังนั้นข้าจึงไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเจ้า เจ้าอยู่ในตระกูลใดกัน และเจ้าพบมรดกของข้าได้อย่างไร"

แม็กนัสตอบตามความจริง “สวัสดีครับ ผมไม่ได้มาจากตระกูลผู้วิเศษครับ พ่อแม่ของผมเป็นคนไม่มีเวทมนตร์ ผมไม่ได้เป็นคนพบมรดกของคุณ ที่ถูกต้องคือมันต่างหากที่เจอผม เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมหลงทางและหาบ้านไม่เจอ ผมจึงนอนในสวนสาธารณะใต้ต้นไม้ ต้นไม้ต้นนั้นคุยกับผมตอนหลับ และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็เริ่มประสบอุบัติเหตุแปลกๆ เมื่อวานนี้ผมเพิ่งรู้เกี่ยวกับมรดกของผมนี่แหละครับ”

เมอร์ลินหัวเราะเสียงดัง "บ๊ะ ฮ่าฮ๋าฮ่าฮ่า... เยี่ยมมาก เจ้ามาจากตระกูลที่ไม่มีเวทมนตร์ นั่นจะดียิ่งกว่านั้นอีก อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องสอนเจ้าเรื่องความเท่าเทียมแล้ว ส่วนเรื่องต้นไม้นั่น ข้าเชื่อว่าเจ้าได้คุยกับข้าแล้วใช่ไหม”

แม็กนัสพยักหน้า "ครับ ผมคุยแล้วแต่มันบอกว่าผมไม่พร้อมสำหรับความรู้หรือของขวัญ"

“ใช่ ใช่ เจ้าต้องแข็งแกร่งขึ้น ข้าได้ทิ้งสิ่งที่น่าอัศจรรย์ไว้ให้เจ้าแล้ว แม็กนัส เจ้าจะเข้าใจทุกอย่างเมื่อเจ้าเริ่มการผจญภัยต่อจากนี้ พวกคนรุ่นใหม่บ้าๆ พวกนี้ได้ทำลายคำว่าพ่อมดที่ข้าทำงานอย่างหนักเพื่อปรับปรุง ข้าเห็นพวกเขาคุยกันทุกวันว่าครอบครัวของพวกเขาเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ หรือพวกเขาเกลียดพวกแม็กบ็อบขนาดไหน จิตใจของพวกเขาคับแคบมากจนไม่เข้าใจว่าเราทุกคนมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน” เมอร์ลินมีความเศร้าเล็กน้อยในน้ำเสียงของเขา

“ผมเข้าใจครับ อาเธอร์ก็พูดแบบเดียวกันเกี่ยวกับโลกของมักเกิ้ล” แม็กนัสพูด

"เดี๋ยว.. อะไรนะ? เจ้าเจอเจ้าหมอนั่นแล้วเหรอ?” เมอร์ลินอุทาน

"บว๊ะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า... ข้าชนะแล้วเมอร์ลิน" อาเธอร์ปรากฏตัวในรูปเหมือนของเมอร์ลินโดยไม่ทันตั้งตัว

แม็กนัสหัวเราะเบาๆ “ใช่ ผมพบเขาในพระราชวังบักกิงแฮม ทุกคนมองไม่เห็นเขา ยกเว้นผม”

อาเธอร์เริ่มหักข้อนิ้ว “ไอ้สารเลวเอ๊ย ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้า ที่นี่เจ้าไร้ซึ่งเวทมนตร์ แกกล้าทิ้งให้ข้าล่องหนเน่าเปื่อยอยู่ตรงนั้นเหรอ? เซอร์คาโดแกน มาที่นี่และช่วยข้าด้วย ในฐานะกษัตริย์ของเจ้า ข้าขอบัญชา”

“พะยะค่ะฝ่าบาท” เซอร์คาโดแกนกระโดดไปที่รูปเหมือนของเมอร์ลินเช่นกัน

เมอร์ลินคำราม “หึ ข้าจัดการพวกเจ้าสิบคนพร้อมกันก็ได้ อาเธอร์ ฉันเรียกเจ้าว่าบ้องตื้นเพราะมีเหตุผลนะ”

“งั้นเหรอ ไอ้เวรตาเขียว ข้าจะแสดงพลังกำปั้นแห่งความพิโรธของข้าให้แกเห็น!” อาเธอร์ตะโกนและวิ่งไปโจมตีเมอร์ลิน

เมอร์ลินก็พร้อมที่จะปะทะเช่นกัน เขาส่งหมัดแรกไปที่ใบหน้าของอาเธอร์และตอบโต้กับสมุนของเขาทันที

*ผั่ว*

เขาชกไปที่หลังศีรษะของอาเธอร์ แต่อาเธอร์มาเตรียมพร้อม เขายกขาขึ้นขณะที่เขากำลังจะหงายหลัง และ *เปรี้ยง*

ส่งตรงถึงผู้ผลิตทารกของเมอร์ลิน "ก๊าก ฮา ฮา... แกไม่จำเป็นต้องใช้มันเพราะเอาไปทำอะไรไม่ได้ แต่มันก็ยังเจ็บจี๊ดเหมือนเดิม เอาไปเลยไม้ตายของข้า ลูกเตะไข่!"

“แกก็ต้องโดนเหมือนกัน”

*ผั่ว*

เมอร์ลินยังตีไม้มงคลสำหรับผลิตทารกของอาเธอร์ไปพร้อมๆ กัน ทั้งคู่ทรุดตัวลงคุกเข่า เซอร์คาโดกันยืนดูอยู่ด้านข้าง

นอกภาพที่ชุลมุลนั้น แม็กนัสกับรักนาร์เห็นทั้งหมด “นายเอาด้วยไหม รักนาร์”

แม็กนัสยื่นป๊อปคอร์นให้รักนาร์ทั้งคู่หัวเราะขณะที่ดู

"ฮ่าฮ่า... ฉันสามารถดูมันได้ทั้งวัน" แม็กนัสเฮฮาขั้นสุด

และแล้ว อาเธอร์กับเมอร์ลินก็หันไปหาแม็กนัสพลันรู้สึกอับอาย

“อ่า แม็กนัส เราไม่ได้ทะเลาะกัน เราแค่เล่นๆ กันดูสิ เราเป็นพี่น้องกัน” อาเธอร์ช่วยเมอร์ลินให้ลุกขึ้น

"ใช่ แม็กนัส เธอควรจะมีเมตตาต่อผู้คน" เมอร์ลินกล่าวเสริม

“ไม่เอาน่า สู้ๆ ผมยังเหลือป๊อปคอร์นอยู่ครึ่งถุง” แม็กนัสสะกิดพวกเขา

อาเธอร์กับเมอร์ลินยิ้มอย่างมีเลศนัย แม็กนัสก็รู้จักกระตุกขาของพวกเขาเช่นกัน

"ล้อเล่นน่ะ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ เมอร์ลินผมจัดภาพเหมือนที่หอพักของผมแล้ว คุณสามารถมาคุยกับผมที่นั่นได้" เขาพูดว่า.

"ได้เจ้าหนู แล้วเราจะไปหา"

หลังจากนั้นแม็กนัสก็จากไป และการต่อสู้ก็ยังดำเนินต่อไป

"วันนี้มีเพียงหนึ่งเดียวที่จะชนะ!..." อาเธอร์ตะโกน

*เปรี้ยง*

"เมอร์ลิน!... เจ้าขี้โกง!... ใช้ก้อนหิน!..."

_____________________________

เพจแปลถ้าเช่นนั้นข้าขอลา

สูตรวิชาการแปลงร่าง

โถงทางบันได

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด