ตอนที่ 31 : สัตว์พิเศษ
หลินมู่ไปหากับดักและดูว่าเจอสัตว์อะไรบ้างด้วยความคิดที่จะได้เหยื่อล่อ เขาดูกับดักทั้งหมดและเจอหนูหางหนามสองตัว เขาฆ่ามันและเก็บไว้ในแหวนเพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อในภายหลัง
จากนั้นหลินมู่จึงเปลี่ยนเส้นทางและเข้าสู่ป่าส่วนที่ลึกกว่าในป่า ป่าดูจะมีความเงียบจนน่ากลัวในวันนี้ และแม้แต่สายลมก็ราวกับจะหยุดพัด หลินมู่เริ่มล่าเหยื่อโดยการค้นหารอบที่ว่างที่พวกมันอาศัยอยู่
เมื่อหาหลายที่แล้วแต่ก็ไม่เจออะไรใกล้ ๆ เลย เขาจึงคิดที่จะไปดูบ่อน้ำที่มีสัตว์มาดื่มน้ำ เขาหานกตัวเล็ก ๆ แต่ก็ไม่คุ้มค่าพอที่จะเหนื่อยล่า จึงทิ้งมันไป
หลินมู่ใช้เวลาสองชั่วโมงค้นหาสัตว์แต่ก็ไม่เจอเลย เขาสรุปว่าถ้าค้นหาเช่นนี้ต่อไปคงไม่เจอแน่ เขาเลยหยิบหนูหางหนามออกมาตัวหนึ่งและเชือดท้องมันให้โลหิตไหลออกมา
เขาโปรยโลหิตไปรอบ ๆ เพื่อให้กลิ่นกระจายออก จากนั้นจึงวางศพหนูไว้บนพื้น เรียบร้อยแล้วหลินมู่ไปซ่อนตัวหลังหินก้อนใหญ่และรอให้สัตว์ป่าปรากฏตัวออกมา เขาต้องรอหนึ่งชั่วโมงกว่าจะได้เห็นสิ่งที่รอคอย
มันเป็นวัวตัวใหญ่ที่มีฟันยาวแหลมคมอย่างผิดปกติ นี่คือวัวมีดโกน เป็นสัตว์ที่ถือว่าอันตรายในป่าเหนือ มันมีเขาโค้งและกีบเท้าเปล่งประกายราวกับทำมาจากโลหะขัดเงา ขนสีฟ้าสลับดำทำให้รู้ว่าเป็นมันได้ง่ายมาก
หลินมู่กลืนน้ำลายเมื่อได้เจอมัน เขารู้ว่ามันเป็นงานที่ท้าทายมากในการฆ่าเจ้านี่ วัวมีดโกนคือสัตว์แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพยายามล่ามาจนถึงตอนนี้และมันเป็นสัตว์ชั้นสูง มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าหมาป่าหลังเหล็กและเสือดำปอยเหลือง พลังของมันเทียบเท่ายอดฝีมือที่มีร่างกายขั้น 9
แม้กระทั่งยอดฝีมือขั้น 10 ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะล่ามันคนเดียว ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยมากที่หลินมู่จะฆ่ามันได้ การพุ่งโจมตีของมันนั้นก็รุนแรงพอที่จะให้ต้นไม้แยกเป็นสองท่อนแล้ว เท้าของมันยังขยี้หินเป็นชิ้น ๆ ได้อีก
หลินมู่หยุดนิ่งและรอให้มันมากินหนูหางหนามและจากไป ไม่นานจากนั้นเขาก็ไม่ได้ยินอะไรอีก เขาจึงแอบมอง เมื่อแน่ใจว่ามันไปแล้วเขาก็ออกมาจากหลังหิน
หลินมู่มองทิศทางที่วัวมีดโกนมุ่งหน้าและเดินตรงข้ามกับมัน เขาไม่อยากจะเจอมันอีกแล้ว เขาเดินไปไม่นานและเจอสถานที่ดีที่เหมาะกับการซุ่มสังหารสัตว์ป่า
เขาเชือดท้องหนูหางหนามอีกตัวและปล่อยให้เลือดไหลลงพื้น ครั้งนี้เขารอไม่นานสัตว์ก็ปรากฏตัวออกมาแล้วหลังจากที่เขาซ่อนตัวหลังต้นไม้ใหญ่ เขาแอบมองดูมันและพบว่ามันเป็นสัตว์ที่คล้ายกับหมาป่าขนาดเล็ก
รูปร่างของมันส่วนใหญ่คล้ายกับหมาป่าเล็กมากเว้นเสียแต่สีดำสนิทและกระดูกสันหลังที่แทงทะลุเป็นแนวร่างกาย กระดูกของมันมีตั้งแต่หัวลากยาวไปจนถึงปลายหาง หลินมู่ไม่รู้จักชื่อของสัตว์ตัวนี้เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอมัน
เขาไม่เคยเห็นนายพรานคนใดล่าสัตว์เช่นนี้กลับเมืองมาก่อน
‘หรือจะเป็นสัตว์หายาก แบบนี้ถ้าขายมันข้าจะต้องได้เงินเยอะแน่’
หลินมู่คิด
หลินมู่รอให้มันเข้ามาใกล้เพื่อกินหนูหางหนาม ตำแหน่งที่หลินมู่อยู่นั้นสูงกว่ามัน ทำให้เขาได้เปรียบในการโจมตีก่อนที่มันจะตอบโต้ได้ เขาอยากจะใช้หมัดทลายศิลาฆ่ามันในทีเดียว
หลินมู่รอให้หมาป่าเข้ามาในตำแหน่งที่พอดีและตั้งท่าหมัดทลายศิลา ทันทีที่มันมาถึงตำแหน่ง หลินมู่ก็พุ่งออกไปและใช้หมัดทลายศิลาซัดมันเข้าที่ข้างหัว
ทันทีที่หมัดของหลินมู่ปะทะกับหัวของมัน เขาสัมผัสได้ถึงแรงสะท้อนกลับอันรุนแรงและความเจ็บปวดที่แล่นมาที่มืออย่างรุนแรง กะโหลกของมันแข็งกว่าหมาป่าหลังเหล็กและไม่แตก หลินมู่หวังจะฆ่ามันในทีเดียวแต่ก็ต้องตกใจที่เขาทำไม่ได้
มันร้องด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ตายและเพียงแค่มึนงงจนล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นมันหยุดเคลื่อนไหว หลินมู่ชักดาบสั้นออกมาฟันคอมัน ดาบทะลวงผ่านชั้นเนื้อแต่ก็หยุดเมื่อปะทะกับกระดูกสันหลัง
หลินมู่ดึงดาบกลับและกระโดดถอย เขารอให้มันตายก่อนจะเข้าใกล้ เมื่อแน่ใจว่ามันตาย หลินมู่เก็บมันไว้ในแหวน ในที่สุดเขาก็หาสิ่งที่จะขายในเมืองในวันพรุ่งนี้เจอแล้ว
หลินมู่กลับไปยังกระท่อม ท้องนภามืดในเวลาชั่วโมงเดียว เขาไม่ชำแหละมันเพราะไม่รู้ว่าเขาขายอะไรจากตัวมันได้บ้าง หลินมู่ตั้งใจจะเก็บมันไว้ทั้งตัวและให้คนที่ซื้อมันจัดการเอง เขาจะขายวัตถุดิบของมันทั้งหมดและเก็บเนื้อไว้เอง
หลินมู่ตั้งเนื้อบนเตาใหญ่นอกกระท่อมเพื่อทำอาหารขณะที่ฝึกตนต่อไป เขาฝึกหมัดทลายศิลาจนกระทั่งเนื้อสุก จากนั้นจึงนั่งลงกินเนื้อ ขณะที่กินนั้นเขารู้สึกเหมือนมีคนมองดูเขาอยู่จึงมองรอบ ๆ เขาไม่เจอใครเลยแต่ก็เห็นเงาสี่ขาขนาดเล็กยืนอยู่ใกล้พุ่มไม้
หลินมู่เข้าไปใกล้เพื่อดูแต่เงาก็หายไปหลังพุ่มไม้เมื่อเขาอยู่ใกล้ เมื่อคลาดสายตาจากเงา หลินมู่กลับมากินอาหารต่อ จากนั้นจึงฝึกต่อไปจนกระทั่งถึงเวลานอน
ขณะที่เขากำลังจะนอน เขามีความคิด
‘เฮ่อ รอยแยกมิติไม่เปิดในวันนี้ วันนี้มันจะไม่โผล่มาสินะ?’
หลินมู่คิดด้วยใบหน้าสับสนเล็กน้อย
เขานอนลงบนเตียงและรอให้รอยแยกมิติเปิด เขารอเป็นชั่วโมงกว่าจะเผลอหลับไปเพราะรอยแยกมิติไม่ปรากฏออกมา หลินมู่เข้าสู่ห้วงหลับใหลและฝึกต่อ ขณะที่ฝึกนั้นเขานึกถึงสัตว์สองตัวที่ได้เจอในวันนี้
‘ข้าไม่คิดว่าวัวมีดโกนจะอยู่ในส่วนนั้นของป่าเลย พวกมันเป็นสัตว์ชั้นสูงและจากที่ข้าได้ยินมา พวกมันจะอยู่ในป่าทางตะวันตก’
หลินมู่คิด
‘แม้แต่สัตว์ที่เหมือนหมาป่าเล็กนั่นก็เป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน มันจะต้องไม่ได้อยู่ในส่วนนี้ของป่าเช่นกัน ทำไมสัตว์พวกนี้ถึงปรากฏตัวในป่าส่วนนี้กันเล่า?’
หลินมู่ถามตัวเอง
เขารู้ดีกว่าคิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เขาผลักความคิดเหล่านั้นทิ้งไปและฝึกฝนต่อ จากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ศีรษะ จากนั้นก็ลามมาที่หลัง
‘ทำไมจู่ ๆ ข้าถึงเจ็บล่ะ?’
นี่คือความคิดสุดท้ายก่อนที่สติของหลินมู่จะหายไปจากห้วงหลับใหลและเขาตื่นนอน
หลินมู่ลืมตาและพบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้น แต่ศีรษะนั้นติดอยู่กับประตูกระท่อม มือขวาของเขายื่นขึ้นไปชนประตูและกำลังถูกดึงออกไปแต่มีประตูขวางเอาไว้
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่หลินมู่จะเข้าใจสถานการณ์
‘รอยแยกมิติ! มันเปิดตอนที่ข้าหลับ’
หลินมู่คิด
เขาพยายามเปิดประตูอย่างยากลำบากเพราะหัวของเขาติดแนบประตูอยู่ มันลำบากที่เขาจะขยับแขนอีกข้าง แต่พยายามไม่นานนักหลินมู่ก็เปิดประตูได้ ทันทีที่ประตูเปิด มือของเขาถูกดึงออกไปข้างนอกพร้อมกับร่างกายของเขา
เขาแทบจะยืนไม่ขึ้นแต่ก็เดินไปหาตำแหน่งที่แหวนดึงเขาไป หลินมู่เดินไปตามชายป่าราว 100 เมตรก่อนที่รอยแยกมิติจะเปิดออกในที่สุด เมื่อมือเข้าสู่รอยแยกมิติ เขารู้สึกว่ารอยแยกมิตินั้นแตกต่างจากเดิม
หลินมู่รู้สึกราวกับว่ามือของเขาได้จุ่มลงในแม่น้ำที่กำลังไหล มันเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เขาได้โอสถฟื้นฟูสี่สายโลหิตและกล่องไม้กฤษณา ตอนนี้เขากำลังตื่นเต้นเมื่อคิดว่าจะได้ของล้ำค่ามาอีกครั้ง