ตอนที่ 276 – ตอนที่ 257 สี่ขุนพลเผ่าปีศาจแดนใต้
ประกายแสงวาบผ่านนัยน์ตาของบุรุษผู้สวมเกราะหนัก หัวเหว่ย เขาทอดทิ้งสหายที่เขาปกป้องมาตลอดแล้ววิ่งออกไปจากถ้ำ
พฤติกรรมของเขาสร้างความตกใจอย่างหนักให้แก่ทูตพยัคฆ์บิน
แต่ไม่มีอะไรต้องคิดมาก, ทูตพยัคฆ์บินไล่ตามเขาไม่ลดละ
ทูตพยัคฆ์บินต้องทำเรื่องๆ หนึ่งให้ชัดเจน นั่นคือเขาจะเป็นผู้รับประโยชน์ของเม็ดพลังแต่เพียงผู้เดียว แต่พลังเขาตามลำพังเป็นไปไม่ได้ ทำไมไม่เอาความลับนี้ไปบอกจักรพรรดิเล่า? จักรพรรดิเผ่าปีศาจบูรพาก็จะพระราชทานรางวัลใหญ่แก่เขา และตัวเขาเองยังจะได้รับประโยชน์มีพลังรุดหน้าอีกมากมายด้วย ก่อนที่จะนำความลับนี้ไปทูลเสนอจักรพรรดิเผ่าปีศาจ เขาต้องฆ่าหัวเหว่ยตัวแทนของราชันย์เผ่าปีศาจแดนใต้ก่อน มิฉะนั้นถ้าหัวเหว่ยรายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องสูง ราชันย์เผ่าปีศาจแดนใต้ คงต้องดำเนินการเรื่องนี้ก่อนจักรพรรดิเผ่าปีศาจบูรพาจะได้รู้ ในเวลาเดียวกันชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตราย และเด็กมนุษย์น้อยผู้นี้ยังจะถูกจับไปยังดินแดนเผ่าปีศาจแดนใต้อีกด้วย
ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หัวเหว่ยจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้
“มาร่วมมือกันฆ่าหัวเหว่ยเถอะ! เขากำลังเตรียมเรียกกำลังเสริม แม่ทัพปีศาจเก้าหัวมาร่วมซุ่มโจมตีครั้งนี้ด้วย เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากยากจะจัดการได้ เราต้องฆ่าหัวเหว่ยก่อน เพื่อปัดเป่าเภทภัยในอนาคต!” ทูตพยัคฆ์บินไม่ลืมตะโกนบอกเย่ว์หยางก่อนจะไล่ตาม
ในใจของทูตพยัคฆ์บิน สถานะเดิมของเย่ว์หยางก่อนนั้นเป็นศัตรูสำหรับเขา แต่ตอนนี้กลายเป็นสมบัติหายากไปแล้ว
เขายกเลิกความคิดที่จะฆ่าเย่ว์หยางและสี่สาวชั่วคราว
เขายอมตัดใจใช้กลอุบายและวิธีต่างๆ เช่นร่วมมือหรือหลอกลวง เพื่อปลอบประโลมเจ้าเด็กมนุษย์ผู้นี้
หลังจากฆ่าหัวเหว่ยแล้ว จากนั้นเขาจะร่วมกับสหายของเขาเอาตัวเด็กลึกลับผู้นี้กลับไปมอบให้จักรพรรดิของเผ่าปีศาจ ด้วยความช่วยเหลือของมนุษย์ลึกลับผู้รู้วิธีกลั่นเม็ดพลัง จักรพรรดิของเผ่าปีศาจจะมีพลังแข็งแกร่งรุดหน้ายิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะได้นำทัพเข้าดินแดนสวรรค์.. ตราบใดที่เขาสามารถเข้าไปในแดนสวรรค์ในตำนานได้ แม้เพียงได้เห็นสักครั้ง เขาคงตายโดยไม่มีอะไรต้องเสียใจ
“ตามเขาไป” เย่ว์หยางให้อู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและโล่วฮัวดูเร็วๆ
เหตุผลที่เขากลั่นเม็ดพลังต่อหน้าหัวเหว่ยและพยัคฆ์บินมีแต่สี่สาวที่เข้าใจ นี่เป็นกับดักเพื่อล่อและฆ่าศัตรู ก่อนนี้ มันจะเป็นไปไม่ได้สำหรับหัวเหว่ยและทูตพยัคฆ์บินที่จะหนีออกไปจริงๆ เนื่องจากพวกเขายังต้องระมัดระวังเย่ว์หยางและสาวทั้งสี่
ทันทีที่เย่ว์หยางกลั่นยาได้สำหรับ หัวเหว่ยและทูตพยัคฆ์บินจะสู้อย่างสุดกำลังแน่นอน เพื่อเก็บเอาไว้เป็นความลับ
บางทีหัวเหว่ยและทูตพยัคฆ์บินอาจตามกำลังเสริมมาอีกเท่าที่เป็นไปได้ แต่ไม่ว่าจะมีมามากเพียงใด ทั้งสองฝ่ายก็จะสู้กันเองจนได้ กระทั่งอีกฝ่ายหนึ่งถูกกำจัดออกไป ที่สำคัญที่สุด ฝ่ายของพวกเย่ว์หยางซึ่งมีพลังอ่อนแอที่สุดในตอนแรก อย่างน้อยจะปลอดภัยชั่วคราว เนื่องจากสถานะของพวกเขาเปลี่ยนจากที่เป็นศัตรูไปเป็นเป้าหมายที่ทั้งหัวเหว่ยและทูตพยัคฆ์บินต้องการล่อลวงให้มาอยู่ฝ่ายของตน แม้ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะได้รับชัยชนะในที่สุด พวกเขาก็จะไม่โจมตีเย่ว์หยางหรือหญิงสาวทั้งสี่อีก
ก่อนที่จะไล่ตาม เย่ว์หยางและโล่วฮัวร่วมมือกันใช้วิชาผสานร่าง ระเบิดพลังแสงอุษาคู่ทำลายงูยักษ์ปี้หลินที่อ่อนแอลงมากจนระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
ดาบยักษ์ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตวัดตัดหัวงูจนขาด
ในที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าปี้หลินตายแน่นอน อู๋เสียใช้พลังเยือกแข็งแช่หัวของมันไว้ในน้ำแข็ง
หลังจากเย่ว์หยางและสี่สาวฆ่าอสรพิษยักษ์ปี้หลินแล้ว พวกเขาตามร่องรอยการต่อสู้ของพยัคฆ์บินและหัวเหว่ยและไล่ตามพวกเขาไป.. เพื่อจะหยุดหัวเหว่ย, ทูตพยัคฆ์บินใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตนสู้กัน ขณะที่หัวเหว่ยใช้พลังป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาเข้าต่อต้าน และพยายามหนีอย่างสุดกำลัง
ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าสหายของเขาแค่อยู่ตรงหน้าเขา หัวเหว่ยไม่มีความมั่นใจว่าจะหลบหนีจากการโจมตีไม่หยุดยั้งของทูตพยัคฆ์บินได้
ทูตพยัคฆ์บินคำรามด้วยความโกรธ เพื่อจะขัดขวางหัวเหว่ยไว้ให้ได้ เขาแทบทุ่มเททุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา และอาจจะไม่ได้อะไรตอบแทนถ้าหัวเหว่ยหลบหนีพ้นเงื้อมมือเขาไปได้ แม้ว่าทูตพยัคฆ์บินจะรู้ว่าเสียงของการต่อสู้จะดึงดูดศัตรูเข้ามาเพิ่มอย่างแน่นอน แต่เขาไม่มีทางสู้อย่างไร้เสียงแน่นอน พลังคลื่นระเบิดพยัคฆ์และพลังพยัคฆ์คำรามทั้งสองอย่างต้องได้เสียงคำรามที่สร้างมาจากลำคอผ่านลมหายใจของเขา
ถ้าเขาไม่คำราม และโจมตีแบบไร้เสียงแทน จะทำให้พลังของเขาลดลงถึงร้อยละแปดสิบ
“โฮกกกก!” ความหวังเดียวของทูตพยัคฆ์บินก็คือสหายของหัวเหว่ยมัวแต่ช้ากว่าจะได้ยินเสียงต่อสู้ตรงนี้ และมาหลังจากเขาสามารถฆ่าหัวเหว่ยและทำให้เขาไม่อาจให้ความลับเรื่องเม็ดพลังรั่วไหลออกไปตลอดกาล นั่นคือผลที่ต้องการมากที่สุด
“ฆ่า!” เย่ว์หยางไม่ทำให้ทูตพยัคฆ์บินรอนานเกินไป ทันทีที่เขามาทัน เขาชักดาบฮุยจินออกมาทันที เปลวเพลิงสีม่วงอาบเต็มท้องฟ้า เขาใช้ดาบฟันใส่ศีรษะของหัวเหว่ย
หัวเหว่ยต่อสู้จนอยู่ในสภาพหมดแรงแล้ว
การจู่โจมของทูตพยัคฆ์บินและเย่ว์หยางประกอบด้วยพลังที่น่าเกรงขามและทรงกำลัง ทูตพยัคฆ์บินบุกโจมตีเต็มกำลังโดยไม่ตั้งรับ ก็เพื่อล่อให้หัวเหว่ยตอบโต้ แต่หัวเหว่ยไม่หลงกลไม่ยอมหยุดอยู่กับที่แม้แต่วินาทีเดียว เขากลับข่มความโกรธในใจและมุ่งหน้าหนีแต่เพียงอย่างเดียว โล่เต่าวิเศษของเขาใช้ป้องกันได้ดีมาก นอกจากนี้เขายังมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ดังนั้นแม้ว่าเขาจะถูกทูตพยัคฆ์บินโจมตีอย่างหนัก เขาก็ยังคงหนีต่อไป
หัวเหว่ยรู้ว่าตราบใดที่เขาสามารถฝืนใจทนจนส่งข่าวให้เหล่าสหายของเขาจนพวกเขามาถึงได้ อย่างนั้นสถานการณ์ก็จะกลับกลายทันที
ในเส้นทางโบราณนี้ พยัคฆ์บินไม่มีทางที่จะได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือ เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาส่วนใหญ่ตายในการต่อสู้ และเมื่อสหายเกือบทั้งหมดของหัวเหว่ยซุ่มคอยลอบทำร้าย พลังของพวกเขาจะมากกว่าพยัคฆ์บินถึงสิบเท่า ดังนั้นเพื่อจะล้อมพยัคฆ์บินและจับเป็นมนุษย์อีกห้าคนจะไม่มีปัญหาแน่นอน
นอกจากนี้ นักรบผู้แข็งแกร่งที่สุดก็อยู่ในกลุ่มพวกเขาด้วย แม่ทัพของเผ่าปีศาจ ปีศาจเก้าหัว แล้วยังมีสี่ในแปดยอดขุนพลเผ่าปีศาจที่กำลังรอพวกเขาอยู่
พลังต่อสู้ของขุนพลเผ่าปีศาจแต่ละคนคือ จินฉาน, ซือเตียว, ผีผา, ฉือเมิ่งสามารถสังหารทูตพยัคฆ์บิน เจ้าอันธพาลที่ดีแต่รังแกคนอ่อนแอกลัวคนแข็งแกร่งได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าแม่ทัพปีศาจเก้าหัวและขุนพลเผ่าปีศาจทั้งสี่จะมาไม่ทันเวลา แต่ก็ยังคงมีนักสู้นอกคอกชาวมนุษย์ท่านหลิวเฮ่อกับคุณชายตวนมู่ พวกเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 แม้ว่าร่างของพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่าเผ่าปีศาจบูรพา นักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวมนุษย์โดยปกติจะแข็งแกร่งกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดของเผ่าพันธุ์อื่นๆ ถึง 2-3 ระดับ ตราบใดที่หลิวเฮ่อและท่านตวนมู่มาถึง ทูตพยัคฆ์บินจะไม่มีทางรับมือพวกเขาได้แน่
ในฐานะทูตเผ่าปีศาจและข้าหลวงของเผ่าปีศาจ พลังของเขาก็แทบจะอยู่ในระดับเดียวกับเขาหรืออาจจะด้อยกว่าเขาเล็กน้อย พวกเขามีจำนวนไม่กี่สิบเท่านั้น ตราบใดที่หัวเหว่ยสามารถพบกับสหายได้ เขาก็จะเอาชนะทูตพยัคฆ์บินได้แน่นอน
ตราบใดที่หนึ่งในพวกเขาได้ทราบข่าวและตามมาทัน เหตุการณ์ก็จะกลายเป็นดี
แต่สิ่งที่ทำให้หัวเหว่ยผิดหวังก็คือคนแรกที่ได้ทราบข่าวและตามมาทันกลับไม่ใช่สหายของเขา แต่เป็นสหายของพยัคฆ์บินผู้รอดตายคนเดียวในเส้นทางผ่านโบราณ อสูรคะนองตาทอง
“เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อบุรุษวัยกลางคนที่เป็นร่างแปลงของอสูรตาทองเห็นภาพข้างหน้าเขา เขาถึงประหลาดใจอย่างหนัก
“อย่าเหลวไหลน่า ตาทอง! อย่ามัวแต่ใช้ความสุภาพที่น่ารำคาญอยู่เลย ข้าขอสั่งเจ้าให้ทุ่มพลังเต็มที่เพื่อฆ่าหัวเหว่ย!” เมื่อทูตพยัคฆ์บินเห็นว่าคนแรกที่นำหน้ามาคือสหายของเขาจริงๆ เขาจึงรู้สึกดีใจ เขารู้สึกว่าสวรรค์ยังทรงโปรดเขาจริงๆ ถ้าผู้ที่มาเป็นศัตรู อย่างนั้นเขาจะมีเรื่องปวดหัวเป็นสามเท่า โชคดีที่ผู้มากลับเป็นอสูรคะนองตาทอง เจ้าผู้นี้ปกติจะน่ารำคาญที่สุด แต่เนื่องจากเขาสามารถมาถึงในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือ ทัศนคติที่ย่ำแย่ของเขาก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปทันที ตราบใดที่เขาสามารถรอดชีวิตนำความลับกลับไปทูลบอกจักรพรรดิเผ่าปีศาจ ตราบใดที่เขายังอยู่ในอารมณ์ดี เขาจะยอมพูดดีๆ กับอสูรตาทอง
“เราควรจะวิ่งหนีกันเดี๋ยวนี้ อสูรประหลาดสี่ตนกำลังไล่ตามข้ามา ข้าเพิ่งจะหนีพ้นจากพวกมันได้ ตอนนี้พวกท่านต่อสู้กันมาอย่างหนัก แต่พวกเขาจะมาถึงภายในหนึ่งนาทีแล้ว” บุรุษวัยกลางคนร่างแปลงของอสูรคะนองตาทองยังคงยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าเรามีเวลาสักสิบนาที เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรสักอย่าง ข้าจะบุกและสังหารเจ้าเต่านี่เดี๋ยวนี้!”
“อย่างนั้นเจ้าควรพาตัวเด็กหนุ่มผู้นี้จากไป ชีวิตของเขาสำคัญมากกว่าของเจ้า พาเขาไปกับเจ้า!” ทูตพยัคฆ์บินสั่งให้อสูรคะนองตาทองพาตัวเย่ว์หยางจากไป
“ข้ากำลังคิดว่า เขาคงไม่มีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้..”
จากทางเข้าทางผ่านโบราณไกลออกไป หญิงสาวงดงามกำลังถือผีผาหยกตรงเข้ามาหาพวกเขา
เมื่อพยัคฆ์บินเห็นสตรีนางนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที “ปีศาจผีผาหนึ่งในสี่ขุนพลเผ่าปีศาจแดนใต้หรือ?”
อีกด้านหนึ่ง หัวเหว่ยมีความสุขเต็มใบหน้า
แม้แต่ในที่มืดไกลออกไป บุรุษอ้วนหน้ายิ้มคนหนึ่งเดินตรงมาทางพวกเขา
ข้างๆ ตัวเขา มีคางคกทองที่น่าเกลียดมากมี 3 ขา ที่ตามหลังเขามา เป็นบุรุษผอมกำลังขี่ม้าประหลาดที่ดูไม่เหมือนม้าหรือลา ทันทีที่บุรุษผอมปรากฏตัว เขายังคงไอค็อกแค็กดูคล้ายกับทรมานจากโรคร้ายและพร้อมจะตกม้าตายในนาทีใดนาทีหนึ่งก็ได้
เมื่อทูตพยัคฆ์บินเห็นปีศาจทั้งสามตนนี้ปรากฏตัวขึ้น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาหมุนตัวแล้ววิ่งเข้าไปในทางผ่านโบราณด้านหลังของเขาด้วยความเร็วปานพายุหมุน เขาเร็วขนาดที่ว่าหายตัวไปในพริบตาเดียว
เพราะเขาห่วงแต่จะหลบหนี เขาจึงไม่ได้แจ้งเตือนสหายของเขาอสูรตาทองได้ทันเวลา
เย่ว์หยางตกใจเล็กน้อย
พยัคฆ์บินนี้เพิ่งจะขอให้สหายของเขาจากไปก่อนด้วยคำพูดเปี่ยมคุณธรรม ทันทีที่ศัตรูแข็งแกร่งมาถึง เขาเอาตัวรอดคนเดียวด้วยความเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร?
อสูรตาทองยิ้มอย่างจนใจ ดูเหมือนเขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้
บุรุษสวมเกราะหนักหัวเหว่ยวิ่งไปขวางทางหลบหนีของพยัคฆ์บิน
ปราณที่ระเบิดออกรอบตัวเขาขณะที่เขาปล่อยหมัดรุกใส่หัวเหว่ย พอกางแขนทั้งสองออก เขากลับไปพุ่งไปอยู่ในตำแหน่งของพยัคฆ์บินเพื่อคอยขัดขวางศัตรูปล่อยให้สหายของเขาพยัคฆ์บินหนีไปก่อน
เขายังคงผงกศีรษะให้เย่ว์หยางพูดว่า “เย่ว์หยาง! เจ้าก็จากไปพร้อมกับสหายข้าได้เช่นกัน!”
เย่ว์หยางตะลึงเล็กน้อย “ว่าไงนะ?”
อสูรตาทองส่ายหน้าอย่าเฉยเมย “ราวๆ สิบห้ากิโลเมตรข้างหลังเรา มีวงเวทเทเลพอร์ทอยู่แห่งหนึ่ง นั่นจะนำไปสู่วงเวทเทเลพอร์ตที่อยู่นอกรั้วของชั้นในดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพจะมีซากเศษอิฐปูนให้คนได้หลบซ่อนชั่วคราว ถ้าพวกเจ้าโชคดีพอ จงหาพื้นที่รอยแยกแล้วซ่อนตัวซะ จากนั้นค่อยหาทางจากไป แม้ว่าจักรพรรดิของเราได้จับครอบครัวของเจ้าไป แต่ฝ่าบาทจะไม่ทำร้ายพวกเขา ฝ่าบาทจะทำแค่เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างชนชาติระหว่างมนุษย์อย่างจื้อจุนและพันธมิตรปราณก่อกำเนิด พวกเผ่าปีศาจแดนใต้ไม่สนใจจะรุกรานดินแดนเล็กอย่างทวีปมังกรทะยาน พวกเจ้าจงไปเสียเดี๋ยวนี้ ข้าสามารถยันพวกมันได้เพียงไม่กี่นาที ขอให้พวกเจ้าโชคดี!”
หัวเหว่ยวิ่งเข้ามาในเวลาชั่ววินาที แล้วก็ถูกอสูรตาทองจับได้อีก
เขายกหัวเหว่ยแล้วทุ่มหัวเหว่ยกระเด็นไปไกล
“นี่ช่างเป็นอสูรประหลาดที่โง่เง่าสิ้นดี เป็นไปได้ยังไงที่เจ้าคิดว่า แค่เพียงลำพังกำลังของเจ้า แล้วเจ้าจะต่อต้านการบุกจู่โจมของพวกเราทั้งสี่คนได้?” หญิงงามผู้ถือผีผาหัวเราะ
“ข้าก็ไม่ได้คิดอย่างนั้นแน่ แต่ข้าแค่ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ต่อกษัตริย์ของข้า ดังนั้น ข้ายอมตายโดยไม่มีอะไรต้องเสียใจ!” สีหน้าของอสูรตาทองไม่มีเปลี่ยน เขายังคงกางแขนขวางทางเอาไว้
“ก็เพราะเจ้าคิดแบบนี้ อย่างนั้นเราจะให้เจ้าสมหวังในปณิธานก่อน” บุรุษอ้วนผู้อุ้มคางคกทองสามขายิ้มกว้าง เหมือนกับว่าเขาพูดทักทายด้วยไมตรี มากกว่าจะฆ่าผู้ใดผู้หนึ่ง บุรุษผอมที่อยู่ข้างตัวเขายังไออย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่าจะไอออกมาจากปอดและเหมือนกับว่าจะล้มลงกับพื้นได้ทุกเมื่อ แต่แม้ตรวจสอบด้วยญาณทิพย์ระดับสี่ของเย่ว์หยาง เขาสามารถบอกได้ว่าบุรุษผอมผู้นี้ไม่ใช่เป้าหมายที่จัดการได้ง่าย
“ไปเดี๋ยวนี้, ข้าไม่อาจทนได้อย่างนี้นานนัก” อสูรตาทองมองดูศัตรูค่อยๆ ใกล้เข้ามา จึงเร่งรัดเย่ว์หยางให้จากไปโดยเร็ว
“ข้าก็ต้องการไปเหมือนกัน… แต่ข้าทำได้เพียงขอบคุณท่านที่แสดงน้ำใจไมตรี ข้าคิดว่าข้าอยู่นี่จะดีกว่า” รอยยิ้มสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ปรากฏเต็มใบหน้าเย่ว์หยาง โดยไม่ทันรู้ตัวมีสตรีหุ่นยั่วยวนเข้ามากอดเย่ว์หยางจากด้านหลังแสดงอาการกรีดกรายเหมือนเป็นคนรัก ขาขาวเรียวยาวโผล่ออกมาจากชุดยาวผ่าข้างแล้วเกี่ยวต้นขาเย่ว์หยางจากด้านข้าง เสียดสีกับต้นขาด้านในของเย่ว์หยางอย่างนุ่มนวล ขณะเดียวกันนางใช้แขนขาวดุจบัวขาวโอบคอเย่ว์หยาง ริมฝีปากทาลิปสติกสีม่วงคลอเคลียอยู่ใกล้หูเขา นางพ่นลมหายใจที่หอมหวนออกมา “น้องชาย, เจ้าเป็นคนฉลาดมาก ไม่ได้โง่เหมือนเจ้าบ้านั่น ที่ไม่รู้ตัวว่าเท้าข้างหนึ่งก้าวลงโลงไปแล้ว เจ้าควรทำตัวเป็นเหมือนน้องชายที่ว่าง่าย แล้วพี่สาวจะจูบให้เป็นรางวัลเจ้า ตกลงนะ?”
“แน่นอนว่า มันดีกับข้า แต่ข้าเกรงว่าคู่หมั้นข้าจะโกรธ ท่านก็รู้ว่าสตรีขี้หึงกันทั้งนั้น นั่นน่ะคือหายนะชัดๆ” เย่ว์หยางพยามแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นสามีที่ดี
“ใครคือคู่หมั้นของเจ้า?” หญิงสาวสวยริมฝีปากม่วงพ่นหายใจกลิ่นหอมสีม่วงใส่เย่ว์หยางเป็นครั้งแรก
“ข้างหลังข้าไง สุภาพสตรีสี่นางกำลังจ้องดูท่านแทบตาย” เย่ว์หยางตอบ
“เอ๋? ก็แค่สาวบริสุทธิ์ที่ไม่มีประสบการณ์ น้องชาย เจ้าช่างว่าง่ายจริงๆ! ความจริงทำไมเราต้องไปสนใจด้วยเล่าว่าพวกนางคิดอะไร ถ้าบุรุษไม่รู้วิธีหาความสุขกับสตรี ยังจะเป็นบุรุษอยู่ได้อีกหรือ? ให้พี่สาวคนนี้สอนกลเม็ดให้สักเล็กน้อยนะ ข้ารับรองเลยว่าเจ้าจะทำให้พวกนางร่อนด้วยยินดีปนทรมาน และทำให้พวกนางตกอยู่ในมนต์สะกดของร่างกายเจ้า” หญิงหุ่นยั่วยวนมองดูอู๋เสีย, อู๋เหิน, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัว พอเห็นว่าพวกนางไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด นางใจเย็นลงได้ และกวาดสายตาเย็นชาผ่านพวกนางและเกลี้ยกล่อมเย่ว์หยางต่อไป
พอได้ยินเช่นนี้ ความรู้สึกกลัดมันปรากฏอยู่บนหน้าของเย่ว์หยางทันที
เขายื่นมือซุกซนตามนางแล้วโอบสะโพกกลมของหญิงร่างยั่วยวน ทำท่าเหมือนกับบุรุษผู้มักมาก
ตอนแรกหญิงร่างยั่วยวนริมฝีปากม่วงแตกตื่นอย่างมาก กระทั่งมือเย่ว์หยางคว้าสะโพกนางและเริ่มคลึ้งเฟ้นนาง ดังนั้นนางไม่ทราบว่าจะทำยังไง ได้แต่ยั่วยวนต่อ นางทำเป็นครางเบาๆ ออกมาจากลำคอ ผลของการครางก็คือการยั่วยวนหว่านเสน่ห์ และทำให้บุรุษมีความต้องการเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า
พอได้ยินเสียงสตรีครางอย่างยั่วยวนนี้ มือของเย่ว์หยางทำเป็นเหมือนจะกระตุ้นอารมณ์ เขาล้วงลงไปตรงรอยผ่าของชุดนาง
“เจ้าช่างซุกซนนัก!” หญิงสาวหุ่นยั่วยวนบิดตัวนาง เป่าลมหายใจใส่หูเย่ว์หยางแรงๆ
“หลายคนก็พูดอย่างนั้น บางพวกก็ตายในระยะเวลาสั้นๆ หลังจากที่พูดกับข้าอย่างนั้น” เย่ว์หยางยังคงยิ้มขณะที่ตอบอย่างนั้น หญิงงามผู้มีริมฝีปากม่วงตอบ “อย่างนั้นเจ้าก็ฆ่าข้าเสียด้วยสิ” แต่นางตื่นตัวทันที และพยายามหลบหนีทันที แต่สายเกินไปเสียแล้ว ภายใต้พันธนาการของเย่ว์หยาง ตลอดทั้งร่างนางแข็งอยู่กลางอากาศ เย่ว์หยางระเบิดพลังเพลิงสีม่วง แล้วใช้ท่าดาบที่หนึ่ง ผ่าภูผาพร้อมกัน ส่งผลให้หญิงงามริมฝีปากม่วงที่ชะงักค้างอยู่กลางอากาศและเพิ่งจะฟื้นตัวได้กระเด็นออกไป
นางร่วงลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวด
นางเลื่อนมือมาปิดท้องที่เลือดไหลซึมออกมา ขณะที่นางครางอย่างเจ็บปวด นางใช้มือข้างหนึ่งยันพื้นไว้
ร่างที่สวยงามแต่เดิมของนางงอลงเหมือนกุ้งที่ถูกปรุงอย่างดี เสื้อผ้าบนตัวนางถูกเพลิงม่วงเผามอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน ผิวตรงท้องน้อยของนางที่ถูกทำร้ายตอนนี้ดำเหมือนถ่าน ขาที่เพรียวขาวราวหิมะของนางก็เต็มไปด้วยบาดแผลถูกฟัน มีเลือดสดๆ ไหลออกมา หญิงงามผู้มีริมฝีปากม่วงเรียกบอลแสงสีเขียวของนางออกมา ขณะที่แสงสีเขียวครอบคลุมตัวนาง บาดแผลของนางก็เริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาที บาดแผลของนางก็หายสนิท
อย่างไรก็ตาม นางยืนขึ้นทั้งที่ร่างเปลือยอย่างไม่อายและระเบิดรังสีอำมหิตที่น่ากลัวมาทางเย่ว์หยาง “เจ้ามนุษย์เลว เจ้าบังอาจทำร้ายร่างกายที่สวยงามของข้าหรือ?”
“ถ้าเจ้าต้องการเกลี้ยกล่อมข้า นั่นเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่เจ้าสวยกว่านี้ตอนกลับมาเกิดใหม่!” เย่ว์หยางฉีกยิ้มกว้าง
พอได้ยินเช่นนี้ หญิงงามผู้ถือผีผาหยกเอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก
บุรุษอ้วนผู้พาคางคกทอง 3 ขามาด้วยก็ยังหัวเราะกับเขาด้วย “อย่างนั้นเจ้าต้องการเป็นศัตรูของเราหรือ? เด็กน้อย นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยแม้แต่น้อย เห็นว่ายังคงมีเวลาให้เจ้าเปลี่ยนใจ บางทีเจ้าจะพิจารณาดูอีกทีก็ได้”
“ถ้าเจ้าคุกเข่าต่อหน้าข้าและให้ข้าใช้เท้าเหยียบหัวเจ้า บางทีข้าจะรับไว้พิจารณา” คำตอบของเย่ว์หยางเกือบทำให้ทุกคนคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว
“เด็กน้อย เจ้าก็เป็นเหมือนคางคกที่กำลังหาวอยู่ชัดๆ ช่างคุยโวจริงๆ! เจ้าคางคกทองเอ๋ย เจ้าเด็กนี่คุยโวดีกว่าเจ้าเสียอีก!” หญิงงามผู้ถือผีผาหยกหัวเราะคิกคัก
พอได้ยินเช่นนี้ บุรุษที่ตอนแรกยังยิ้มอยู่ได้ หยุดยิ้มทันที
ความโกรธของเขาทำให้เขาหน้าแดงไปหมด พลางตะโกนว่า “ยัยผีผาบ้า ข้าคางคกทอง ข้าไม่ใช่คางคกน่ารังเกียจสักหน่อย”
เย่ว์หยางโบกมืออย่างไม่ไยดี “ไปลงนรกซะแล้วอธิบายกับพระยายมเถอะ ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นคางคกน่ารังเกียจหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่เห็นมีอะไรต้องคุยโตกับการฆ่าคางคกที่น่ารังเกียจ..” หญิงสาวทั้งสี่นางยังคงเงียบอยู่ แต่พวกนางเรียกคัมภีร์ออกมาแล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถือดาบยักษ์เตรียมพร้อมโจมตีทุกเมื่อ ขณะที่เจ้าเมืองโล่วฮัวเริ่มรวบรวมพลังแสงอุษา ขณะที่หญิงงามลึกลับอู๋เสียซ่อนตัวอยู่หลังพวกนาง ตราบใดที่นางโจมตี ก็จะเป็นรูปแบบการสังหารที่ทรงพลังแน่นอน
ถ้าพวกนางทั้งสี่ไม่ได้อยู่กับเย่ว์หยาง พวกนางไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ศัตรูเหล่านี้ได้แม้แต่คนเดียว
แต่ตราบใดที่เย่ว์หยางยังปรากฏตัวอยู่ อย่างนั้นพวกนางสามารถแสดงพลังที่แท้จริงของพวกนางได้
ไม่ว่าพวกนางจะสนับสนุนพลังต่อสู้ให้เย่ว์หยางมากแค่ไหน พวกนางจะไม่ยอมหยุดส่งพลังให้เขา ตอนนี้คือเวลาที่เขาจำเป็นต้องได้รับการหนุนเสริมมากที่สุด
****************