ตอนที่ 267 ศัตรูมาเยือน
ถ้าการจ้องสามารถฆ่าคนได้ สายตาของถังเทียนคงฆ่าปิงไปพันครั้งแล้ว
ปิงรู้สึกกดดันอย่างมากและรู้สึกเหมือนว่าเขาไม่ได้รับการต้อนอีกต่อไปเขาโบกมือลาและเดินออกไปอย่างใจเย็น
“เรายังมีทดสอบสำคัญครั้งสุดท้าย” อาเฮ่อโบกมือให้ถังเทียน
ถังเทียนหันหน้าควับแววโกรธบนใบหน้าเขายังไม่ลดลง เขาจ้องอาเฮ่อถมึงทึง
อาเฮ่อกล่าวอย่างใจเย็น “มันสำคัญมาก”
ถังเทียนถามอย่างไม่พอใจ “ทดสอบอะไร?”
นัยน์ตาของอาเฮ่อเป็นประกายวาบ “จากการวิเคราะห์ในปัจจุบัน พลังของกระเรียนเป็นปัจจัยสำคัญในวิวัฒนาการของสมบัติดวงดาว และเราต้องยืนยันว่ามันเป็นปัจจัยเดียวกันใช่หรือไม่”
ถังเทียนสนใจคำพูดของอาเฮ่อทันที “เราจะทำแบบนั้นได้ยังไง?”
“ง่ายมาก” อาเฮ่อชูนิ้วเดียวประกายแสงในดวงตาของเขาสว่างวาบ “เราจะใช้สมบัติดวงดาวอื่นมาทดสอบ ถ้าสมบัตินี้สามารถวิวัฒนาการได้เช่นกัน นั้นพิสูจน์ได้ว่าพลังของกระเรียนเป็นหนึ่งในวิธีกระตุ้นวิวัฒนาการของสมบัติดวงดาว”
“ถ้าไม่ได้จะเป็นยังไง?” หลิงซิ่วอดถามไม่ได้
“อย่างนั้นก็หมายความว่ายังมีเหตุผลอื่นอีก” อาเฮ่อกล่าว
“ยังจะมีเหตุผลอะไรอื่นอีกเล่า?” หลิงซิ่วไม่เข้าใจ
อาเฮ่อจ้องหลิงซิ่วและพูดต่อโดยไม่สะทกสะท้าน “มีอยู่หลายเหตุผล ตัวอย่างเช่น นกยูงที่รับพลังผ่านจิตวิญญาณพลังยุทธของถังเทียนจากนั้นการวิวัฒนาการจึงเริ่มขึ้นนั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สมบัติดวงดาววิวัฒนาการ จากตรงนั้นเอง มีอยู่สองเหตุผลคือประการที่หนึ่งรับอารมณ์ผ่านจิตวิญญาณพลังยุทธประการที่สองคือการเปลี่ยนแปลงในระดับของมันเอง และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่แท้จริงหรืออาจจะมีสองปัจจัยพร้อมกัน หลังจากค้นพบเหตุผลแล้วจากนั้นเราก็มาคิดกันว่าเกณฑ์ใดควรจะเติมให้เต็ม ตัวอย่างเช่นการควบคุมจิตวิญญาณยุทธจะต้องเพิ่มมากเพียงไหน เราจะต้องแน่ใจเรื่องทั้งหมดนี้”
ถังเทียนและหลิงซิ่วปากอ้าค้างมองดูอาเฮ่อเหมือนกับว่าพวกเขากำลังเห็นสัตว์ประหลาด
“ตอนนี้ ข้ารู้แล้วว่าคนฉลาดเป็นเช่นไร”หลิงซิ่วส่ายหัว “สิ่งหนึ่งก็คือเพราะสมองเจ้าใช้แก้ปัญหามากมาย จะไม่เติบโตได้ยังไง?”
ถังเทียนผงกศีรษะเหมือนกับไก่“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” เขาเอียงคอกล่าวทันที “ถ้าเพียงแต่เชียนฮุ่ยอยู่ที่นี่ นางต้องฉลาดกว่าพวกเจ้าทุกคนแน่นอน เชียนฮุ่ยฉลาดที่สุดในโลก แน่นอน เสี่ยวเฮ่อ เจ้าก็ฉลาดเหมือนกัน แต่ข้าให้เป็นที่สอง”
ไม่ว่ายังไงอาเฮ่อก็ไม่สนใจ แต่เพราะคำว่า “เสี่ยวเฮ่อ”.....
หลังจากหงุดหงิดในใจอยู่ไม่กี่วินาที เขาตัดสินใจยกเลิกความสำคัญของปัญหานี้ ถ้าไม่อย่างนั้นทั้งสองคนคงได้ลืมทดสอบแน่ อาเฮ่อเตือนถังเทียน “อย่างนั้นเรามาเริ่มทดสอบกัน”
“โอว โอว โอว ทดสอบ” ถังเทียนกำลังฝันกลางวัน
“ใช่ ใช่ ใช่ ทดสอบ” หลิงซิ่วทวนคำ
พวกเขาเกือบลืมไปแล้ว ข้ารู้ว่าจะกลายเป็นเช่นนั้น... อาเฮ่อคิดในใจ
ทันใดนั้นถังเทียนหันหัวมาถามอย่างเขินอาย “แล้วเราจะทดสอบอะไร?”
“หลังจากพูดไปตั้งมากมาย เจ้าไม่เข้าใจหรือนี่?”อาเฮ่อมองดูถังเทียนจริงจัง เขาต้องการแน่ใจว่าถังเทียนจะไม่ทำเป็นเล่นไป
“ข้าได้ยิน” ถังเทียนผายมือไปข้างหน้าเขา สีหน้าของเขายังงุนงงเล็กน้อย “แต่ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เลย เจ้าพูดมาหลายอย่างมาก มันซับซ้อนเกินไป”
เมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นไม่ค่อยดี ถังเทียนกล่าวชมเขาทันที “แต่มันฟังเหมือนกับว่าทรงพลัง”
อาเฮ่อ “.......”
ขณะที่อาเฮ่อมองดูถังเทียนทำท่าไร้เดียงสา เขายอมยกเลิกเรื่องจะอธิบายถังเทียนไปแล้วและกล่าวตามตรง ไปหาสมบัติดวงดาวและใช้พลังของกระเรียนและดูวิวัฒนาการของมัน”
“หา” คิ้วที่ขมวดของถังเทียนกลายเป็นเสียงหัวเราะและเขาปรบมือ“ใช่แล้ว, ใช่แล้ว, ข้าจำได้!”
“เฮ้, เจ้าเหมียวน้อย, ข้าเห็นเจ้านะ!”ถังเทียนพูดกับกรงเล็บแมวโลหิตในมือของเขา
เขาหยุดยิ้มและมีสีหนาเคร่งขรึมเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนบุคลิกไปเป็นอีกคนที่แตกต่าง ละอองหมอกรอบตัวเขาแน่นขึ้นร่างของเขากลายเป็นภาพเลือนราง ขณะที่คลื่นปราณที่น่าทึ่งครอบคลุมบริเวณทันที
ความประหลาดใจปรากฏในดวงตาของอาเฮ่อและหลิงซิ่ว
ปราณที่ถังเทียนปล่อยออกมากล้าแข็งขึ้น
เจ้าหมอนี่.....
เมื่อถังเทียนโคจรปราณแท้ของเขา,ร่างกระเรียนในตัวเขากลับกลายเป็นมีชีวิตชีวามากขึ้นและเปลี่ยนแปลงต่อไป ถังเทียนถูกดึงดูดโดยอัตโนมัติเพื่อเปลี่ยนแปลงร่างกระเรียน ขณะที่รายละเอียดของการต่อสู้ในสองวันก่อนปรากฏชัดในสายตาของเขาความทรงจำที่กระจัดกระจายทั้งหมดทะลักเข้ามาในสมองของเขาราวกับกระแสน้ำไหลบ่า
เขาลืมเป้าหมายและฝังตัวเองอยู่ในเศษเสี้ยวความทรงจำทั้งหมด
ความทรงจำทั้งหมดนี้ล้วนแต่คุ้นเคย แต่ก็มาพร้อมกับความรู้สึกหนาวเย็นที่ห่างไกล
เขาลืมกระทั่งกระแสเวลา
อาเฮ่อมองดูถังเทียนที่ตอนนี้กลายเป็นเหมือนตุ๊กตาไม้ เขาแทบไม่เชื่อสายตา “การรู้แจ้ง...”
นัยน์ตาของหลิงซิ่วอิจฉาอย่างเห็นได้ชัดและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เจ้าคนผิดปกตินี่ ไม่มีอะไรทำ ดันมารู้แจ้งในเวลาอย่างนี้เขาทำอะไรนักหนาถึงได้รู้แจ้ง, เจ้างี่เง่า, น่ารังเกียจ”
เกินคาดไปมากเขาอยู่ในภาวะรู้แจ้ง
อาเฮ่อรู้สึกว่าตลอดทั้งตัวเขารู้สึกไม่ยินดี สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดมากและถามด้วยความรังเกียจ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้แจ้งใช่ไหม?”
“ครั้งแรกเหรอ?” หลิงซิ่วหน้าถมึงทึง “มันทำอย่างนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว!”
อาเฮ่อพูดไม่ออก
หลังจากนั้นชั่วขณะก็มีคำหลุดออกมาจากสีหน้าที่บิดเบี้ยวของเขา “คนผิดปกติ
ผลงานของถังเทียนทำให้อาเฮ่อที่ได้รับยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะมาตั้งแต่เด็กรู้สึกกดดันมากและยากที่เขาจะรับได้ สิ่งที่ขัดแย้งกันระหว่างทั้งสองคนนี้ก็คือชาติกำเนิดและความภูมิใจ พลังร่างกระเรียนอาจกล่าวได้ว่าถังเทียนฝึกสำเร็จได้โดยบังเอิญ และหลังจากอาเฮ่อเรียนรู้จากเขา อาเฮ่อมีความก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นอย่างไม่ธรรมดาวิทยายุทธของสำนักกระเรียนที่สาบสูญไปทั้งหมดได้รับการฟื้นฟูในเงื้อมมือของเขาแต่ในพริบตาเดียว ถังเทียนก็ได้รับพลังพันกระเรียนบรรจบสังหาร ซึ่งทำให้อาเฮ่อทึ่งประหลาดใจยิ่งนัก
มันแค่เป็นการเริ่มต้น
การสร้างกรงเล็บเพลิงภูตพรายให้เป็นวิชาประเภทโดดเด่นไม่ซ้ำใคร,การได้รับพลังของกระเรียน, วิวัฒนาการสมบัติดวงดาว
แล้วตอนนี้เจ้านี่กำลังเข้าสู่สภาวะรู้แจ้งอีกครั้ง
แม้ว่าอาเฮ่อจะมีความก้าวหน้าเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่เทียบกับถังเทียนแล้วยังด้อยกว่ามาก แม้อาเฮ่อจะถ่อมตัวและสุภาพกับคนอื่นแต่เขาเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจสูง
ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะถังเทียนได้ เขาจะฟื้นฟูสำนักกระเรียนได้สำเร็จยังไง?
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นหลิงซิ่วก็มีความภาคภูมิใจพอๆ กัน จากเริ่มแรก เขาแทบจะแข็งแกร่งเท่าเทียมกับถังเทียน แต่ตอนนี้ ถังเทียนใช้เวลาสั้นๆก็ก้าวหน้าและทิ้งเขาไว้เบื้องหลัง เขาจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้ยังไง?
ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะเจ้าบ้านี่ได้แล้วเขาจะเอาชนะคนทรยศนั่นได้อย่างไร?
ทั้งสองเป็นคนเที่ยงธรรมและตรงไปตรงมาความหลงใหลในการต่อสู้ในใจของทั้งสองนั้นไม่มีการปิดบัง
เฮ่อออ!
หมอกรอบตัวถังเทียนจางลงเหมือนกับว่าถูกลมพัดออกไป ทันใดนั้นมันกลายเป็นเกลียว
ในท่ามกลางหมอกมีดวงตาลึกลับเป็นประกายเหมือนดวงดาว
น่าเสียดายปราณแท้ของเขายังอ่อนแอเกินไป
ใจถังเทียนรู้สึกเสียดาย ถ้าปราณแท้ของเขาแข็งแกร่ง อย่างพลังของกระเรียนจะอันตรายมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยสภาพปราณแท้ในปัจจุบันของเขายังไม่สามารถดึงพลังแปรเปลี่ยนที่แท้จริงของพลังกระเรียนออกมาได้
ความเสียใจฉายอยู่ชั่ววับเดียวใจของถังเทียนจึงกลับมาเฉิดฉายเหมือนดวงอาทิตย์อีกครั้ง
เมื่อลืมตาฉับพลันปราณแท้จากในร่างเขาที่เหมือนพลังไร้สภาพปั่นป่วน และเขารำพึง “กรงเล็บแมวโลหิต!”
ฮ่าห์!
กรงเล็บแมวโลหิตในมือของเขามีชั้นหมอกขึ้นมาทันทีและเปลี่ยนรูปแบบไปเหมือนเปลวเพลิง
เสียงแมวร้องดังออกมาทั่วทั้งบริเวณ
ถังเทียนขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างยังขาดอยู่ แต่เขาไม่มั่นใจว่าอยู่ตรงไหน แต่ความรู้สึกนั้นรุนแรง เขาหลับตาและซึมซับความรู้สึกอย่างพิถีพิภัน
เขาสามารถจับร่องรอยความรู้สึกได้ช้าๆ
กรงเล็บแมวโลหิตในมือเขาเป็นเหมือนแมวที่ถูกขังในกรงพลังของกระเรียนทำให้กรงนั้นอ่อนกำลังลง แต่ยังไม่มากพอให้แมวแหกกรงออกมา
เขาคิดอยู่เป็นเวลานานและยังไม่สามารถจับหาความรู้สึกได้ จึงถอนความรู้สึกออกมา
“เป็นไปไม่ได้ แค่อาศัยพลังของกระเรียนก็ยังแก้ไม่ได้” ถังเทียนสั่นศีรษะพึมพำ
หลังจากเสร็จแล้วเขาถึงได้รู้ตัวว่าอีกสองคนกำลังมองดูเขาด้วยท่าทีประหลาด และสีหน้าประหลาดมากทำให้เขารู้สึกแปลกใจ “เฮ้ เฮ้,ทำไมทำหน้าอย่างนั้นเล่า?”
“ตัวประหลาด!”หลิงซิ่วด่าเขาอย่างหงุดหงิดและหันหลังจากไป
“ตัวประหลาด!” อาเฮ่อเค้นเสียงรอดไรฟันจากหันหลังเดินออกไป
ถังเทียนตะลึงและหลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาค่อยรู้สึกตัว เขาโมโหไล่ตามสองคนไป “เจ้าพวกงี่เง่าทั้งสอง!บอกข้ามาเลย! ทำไมพวกเจ้าถึงด่าข้า, อยากทะเลาะด้วยใช่ไหม....”
เมืองสามวิญญาณ
เซรีนมองดูฉากภาพความวุ่นวายข้างหน้าด้วยความรู้สึกพอใจมาก
ตอนแรกนางกำลังอยากได้อำนาจของตระกูลหลิน แต่หลังจากปิงตัดสินใจโค่นอำนาจพวกเขาซึ่งน่ากลัวและเป็นภัยคุกคาม ตระกูลที่ทรงพลังอื่นๆ ก็กลัวและหนีไป แม้ว่าตระกูลหลินจะพ่ายแพ้แต่จากวิชาจักรกลพวกเขา ตระกูลหลินที่เก็บบรอนซ์ไว้จำนวนมหาศาล เซรีนรับซื้อทั้งหมดไว้ด้วยราคาต่ำมาก
เซรีนมีเงินสดในมือจ้างคนเพิ่มขึ้นอย่างไม่อั้นและสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้นางก็คือเมื่อตระกูลม่อทราบข่าวว่านางตั้งใจสร้างป้อมบรอนซ์พวกเขาส่งวิศวกรจักรกลมาช่วยถึงสี่สิบคน วิศวกรจักรกลพวกนี้มีประสบการณ์โชกโชน และการเดินทางมาถึงของพวกเขาทำให้เซรีนเบาใจมากขึ้นและขอบเขตงานขยายได้เร็วขึ้น
ทันใดนั้นเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น
“แม่นางเซรีน,ดูเหมือนเจ้าทำรายได้เป็นกอบเป็นกำเชียวนะ”
เซรีนตะลึง นางหันไปมองคนผู้นั้นทันทีและหัวใจนางเต้นแรงคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าคือ คุณชายเกอ
แต่เซรีนตั้งหลักได้รวดเร็วเหมือนกับว่านางไม่ได้เห็นสหายรักมาเป็นเวลานาน ใบหน้าของนางยิ้มกว้างทันที“เฮ้, คุณชายคือคนที่ซื้อหิมะแรกไปเมื่อตอนนั้นนี่ ไม่ได้เห็นท่านมานานแล้ว”
คุณชายเกอไม่ได้ยิ้มแต่สายตาเขาจ้องเซรีนเขม็งและกล่าว“ครั้งล่าสุดเราคุณชายนี้ออกจากเมืองสามวิญญาณ ข้าก็ถูกปล้น และหิมะแรกก็ถูกชิงไปด้วยเช่นกัน”
“ว่าไงนะ?” เซรีนทำท่าตกใจ และกล่าวทันที “คุณชายปลอดภัยก็ดีแล้วในเมืองสามวิญญาณ กฎหมาย ระเบียบจะเคร่งครัด”
เขายังคงจ้องมองเซรีนเหมือนกับจะค้นพบว่านางไม่มีอะไรน่าสงสัย เขาคำราม “ถ้าเจ้าโจรนั่นตกมาอยู่ในเงื้อมมือข้าข้าจะทำให้มันเสียใจที่มีชีวิตอยู่”
เมื่อได้ยินคุณชายเกอขู่ฟ่อเซรีนสะท้านใจ ถังเทียนทำอะไรกับเขากันแน่?
หลังจากพูดจบแล้วเขามองดูพื้นที่สับสนวุ่นวายและคำราม “ดูเหมือนแม่นางเซรีนจะพบเงินถุงเงินถังแล้วสงสัยจริงๆ ว่าใครเป็นนักบุญผู้นั้น?”
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองสามวิญญาณ เขาถูกบิดาตำหนิอย่างรุนแรงเขาไม่ยินดียอมแพ้และกลับกลายเป็นว่ามีผู้อาวุโสที่รู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินเรื่องร้านอาวุธจักรกลจึงตัดสินใจติดตามเรื่องนี้
เรื่องที่ผู้อาวุโสสนใจมากที่สุดก็คือเทคนิคการสร้างจักรกล
หลังจากพบกับเหตุการณ์ครั้งล่าสุดในครั้งนี้คุณชายเกอพายอดฝีมือมาด้วยเพื่อความมั่นใจ
ด้วยกำลังหนุนเหล่านี้เขามุ่งหน้ามาที่เมืองสามวิญญาณ
ครั้งล่าสุดเขาไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการ แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ให้โอกาสเซรีนได้หลบหนี
สายตาของเขาเย็นชามาก