ตอนที่ 266 ทดสอบเกราะนกยูง
หุบเขาเล็กใกล้กับเผ่าหมาป่าเพลิงถังเทียนและพวกทั้งสองเกาะกลุ่มกัน
ถังเทียนและพวกพ้องอยู่ในเผ่าหมาป่าเพลิงมาสองวันแล้วและคนในเผ่าทุกคนเทิดทูนถังเทียนเหมือนเทพเจ้า ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้หัวหม่าเอ้อและบริวารของนางที่เห็นเหตุการณ์ต่อสู้กับตาตัวเองได้แพร่กระจายข่าวนี้
สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ในกลุ่มดาวหมาป่านั้นโหดร้ายมากกฎการปกครองที่เคร่งครัดถูกใช้ในกลุ่มดาว
ถังเทียนทิ้งงานคัดเลือกหน่วยกล้าตายที่ดีที่สุดให้ปิง
ถังเทียนอาเฮ่อและหลิงซิ่ววิ่งไปที่หุบเขาเพื่อทดสอบวิวัฒนาการของเกราะนกยูง
ลักษณะกายภาพของนกยูงเปลี่ยนไปสิ้นเชิง การเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดที่สุดก็คือตรงกลางขนสีเงินทุกเส้นจะมีแนวเส้นสีน้ำเงิน
แต่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดก็คือประสิทธิภาพของเกราะนกยูง
การทดสอบแรกก็คือลักษณะของการป้องกัน เนื่องจากตั้งแต่แรกการป้องกันของนกยูงนั้นธรรมดามาก
“ถ้ามันพังข้าไม่ชดใช้ให้เจ้านะ” หลิงซิ่วเตือนถังเทียน
ถังเทียนไม่พอใจ “เจ้าเห็นข้าเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ” หลิงซิ่วพูดไม่ลังเล และแค่นเสียง “เจ้าหาเรื่องกระทั่งยุงดูดเลือดเจ้าเรียกให้พวกมันชดใช้เจ้า แล้วอย่างอื่นจะทำไม่ได้หรือ?”
ถังเทียนถลึงตา ราวกับว่าเขาได้ยินมาผิด เขาทำท่าเจ็บปวดใจ “ซิ่วซิ่วน้อย ข้าเป็นคนแบบนั้นในใจเจ้าเหรอ?เจ้าทำข้าเจ็บปวดใจนัก! เราสัมพันธ์ลึกดุจพี่น้อง พี่น้องที่ดีต้องพูดถึงด้วยความภักดี ข้านึกคิดกับเจ้าอย่างเที่ยงธรรมเสมอ เหมือนกับเป็นพี่น้องร่วมสาบาน..”
อาเฮ่อแก้ตัวให้เขา “มันเป็นเรื่องเที่ยงธรรมอยู่แล้วที่ดูแลอีกฝ่าย เอาเถอะน่า เรามาดูพัฒนาการทั้งหมดกัน หลิงซิ่ว เริ่มที่ใช้ปราณแท้ 3 เปอร์เซ็นต์พอ”
หลิงซิ่วไม่สนใจทะเลาะกับถังเทียนอีกต่อไป เขาให้ความสนใจวิวัฒนาการสมบัติดวงดาวเขาไม่สนใจสมบัติดวงดาวอื่น แต่เขากับอาเฮ่อก็เป็นเหมือนกัน อาวุธที่พวกเขาใช้ไม่ใช่อาวุธธรรมดา อาจารย์ของเขาไม่เคยบอกเขาเรื่องหอกเงินว่าเป็นอาวุธที่มีชื่อเสียงและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่เขาสามารถรู้สึกได้ว่าหอกเงินไม่ธรรมดาและมักมีข้อสงสัยว่ามันคือสมบัติดวงดาวเช่นกัน
ถังเทียนสวมเกราะนกยูงแล้วกางแขนกว้างและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “มาเลย ซิ่วซิ่วน้อย ข้าไม่เกลียดเจ้าหรอกน่า!”
หลิงซิ่วมือสั่น เขาไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป เขาตะโกนอย่างหงุดหงิด “หุบปาก!”
รังสีเยือกเย็นวาบขึ้น และหอกฉกเข้าหาเหมือนมังกร
ติง!
ถังเทียนถอยไปสองสามก้าว จากนั้นค่อยหยุดยั้งได้
อาเฮ่อปรากฎตัวหน้าถังเทียนและตรวจสอบจุดที่ถูกแทงอย่างระมัดระวัง และกล่าว “การป้องกันทำได้ดีมาก ไม่มีรอยขีดข่วนจากการโจมตี ปราณแท้ของหลิงซิ่วสามเปอร์เซ็นต์น่าจะแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักสู้ระดับสวรรค์วิถีธรรมดานอกจากนี้ยังหมายความว่าวิทยายุทธธรรมดาที่นักสู้สวรรค์วิถีใช้โจมตีก็ไม่สามารถทำลายพลังป้องกันของนกยูงได้”
การประเมินของอาเฮ่อนั้นตรงประเด็นมาก
ถังเทียนลูบอกอย่างภูมิใจ “แต่พลังไม่สามารถแยกจากกันได้สมบูรณ์ ถ้าข้าไม่ใช้ปราณแท้ปกป้องร่างด้วย ร่างกายข้าคงได้บอบช้ำเป็นแน่”
อาเฮ่อพยักหน้า “มีเหตุผลทีเดียว เกราะขนนกยูงไม่ใช่เกราะหนัก ตอนนี้เราลองที่ระดับปราณห้าเปอร์เซ็นต์กัน”
“ข้าต้องใช้ปราณแท้ป้องกันร่างกายข้านะ” ถังเทียนตะโกน
“ตกลง” อาเฮ่อพยักหน้า
ติง!
เกิดประกายดวงดาวเล็กๆชัดเจนกว่าการโจมตีครั้งก่อนบนตัวถังเทียน แต่ครั้งนี้เขาเพียงแต่โอนเอน และไม่ถึงกับถอย
หลังจากตรวจสอบดูจุดกระแทกแล้ว ขนตรงส่วนที่รับแรงกระแทก มีรอยร้าว แต่เกิดสิ่งที่น่าประหลาดขณะที่เห็นรอยร้าวด้วยตาเปล่า เขามองเห็นรอยร้าวค่อยๆ หายไปเหลือแต่เพียงแนวเส้นสีน้ำเงินตรงกลางขนที่เปลี่ยนสี
“มันมีคุณสมบัติในการซ่อมแซมตัวเองได้” อาเฮ่อพึมพำ
หลิงซิ่วทำหน้าประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะไม่สนใจสมบัติดวงดาว แต่เขาก็มีความรู้อยู่บ้าง สมบัติดวงดาวที่มีคุณสมบัติซ่อมแซมตนเองมีจำนวนลดลงและทั้งหมดราคาแพงมาก
“เจ้ามาลองดูบ้าง”อาเฮ่อบอกถังเทียน “ลองใช้เท้าดาบถานถุ่ยปราณแท้สามเปอร์เซ็นต์”
“ได้เลย”ถังเทียนหรี่ตาลงและรังสีเท้าดาบถานถุ่ยยิงออกมา
ฉัวะ!
รังสีดาบยาวหนึ่งเมตรสว่างขาวโพลนราวหิมะส่งเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศและหายไปหลังจากพุ่งไปไกลเกินสิบเมตร
ซีดดด ทุกคนอดสูดหายใจหนาวเหน็บไม่ได้
พวกเขาทุกคนเคยเห็นพลังเท้าดาบถานถุ่ยและรู้พลังของมันดี
ถังเทียนเองก็ตกใจกับพลังเท้าดาบถานถุ่ยของตนเอง “หวา..แข็งแกร่งมาก”
ทันใดนั้นเขามีความคิดบางอย่างและพูดขึ้น “ข้าจะลองใช้ปราณแท้ของนกยูงดู”
แนวเส้นเพลิงเงินออกมาจากจิตวิญญาณพลังยุทธของเขาและเข้าไปผสานกับจิตวิญญาณยุทธของเกราะนกยูง ในเวลาต่อมาปราณแท้เย็นยะเยือกของนกยูงโคจรเข้าไปในร่างของเขาอย่างต่อเนื่องโลกที่ถังเทียนเห็นกลายเป็นโลกใสกระจ่างทันที
อาเฮ่อและหลิงซิ่วเห็นเพียงภาพพร่าเลือนพวกเขาไม่เห็นความเคลื่อนไหวของถังเทียน
รังสีดาบน้ำเงินเคลือบสีเงินขนาดครึ่งเมตรยิงออกมาอย่างเงียบงัน
รังสีดาบนั้นไวเหมือนสายฟ้า
ก่อนที่ทั้งสองคนจะตั้งหลักได้รังสีดาบก็ตัดเข้าไปในหน้าผาห่างออกไปห้าสิบเมตร เหมือนกับว่าตัดของอ่อนนุ่มหน้าผามีรอยลึกมาก
ข้างหน้าผา หลิงซิ่วและอาเฮ่อทำหน้าเหยเก
รังสีดาบตัดหินหน้าผาเหมือนกับตัดกระดาษและกินเนื้อลึกลงไปมาก
“ข้าคิดว่าลึกประมาณหนึ่งเมตร”เสียงของถังเทียนดังมาจากด้านหลังของพวกเขา เขาหยุดเชื่อมโยงกับเกราะนกยูง และรังสีฆ่าฟันเยือกเย็นหายไปทันที
สีหน้าของอาเฮ่อค่อยๆ คืนสู่ความสงบ “ใช่แล้ว พลังเพิ่มขึ้นอย่างสมเหตุผลมีการเพิ่มพลังสมาธิไปด้วย จึงได้ผลออกมาเป็นเช่นนั้น ปราณแท้ของเกราะนกยูงน่ากลัวมาก! พลังเช่นนี้นับว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าอาวุธระดับเงินของสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือเสียอีก มีแนวโน้มมากว่ามันอาจเทียบได้กับอาวุธระดับเงินของห้าดินแดนขั้วขอบฟ้าก็ได้”
“นั่นเป็นวิวัฒนาการอีกครั้ง”หลิงซิ่วตะลึง “ถ้ามีครั้งที่สองหรือสามมันจะมิไร้เทียมทานเชียวหรือ?”
“วิวัฒนาการของสมบัติดวงดาวเกิดได้ยากมาก ยิ่งมีวิวัฒนาการมากขึ้นเท่าใดระดับความยากของวิวัฒนาการก็จะมากขึ้นเท่านั้น” อาเฮ่อส่ายหัว “มันจะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร? ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องยากมากที่เกราะนกยูงจะวิวัฒนาการครั้งที่สองได้อีก”
“ทำไมเป็นเช่นนั้น?” ถังเทียนกับหลิงซิ่วถามพร้อมกัน
อาเฮ่อกล่าว “จุดอ่อนที่แท้จริงก็คือร่างของนกยูงก็คือเกราะบรอนซ์ ถ้าข้าบอกเจ้าว่าศักยภาพสมบัติดวงดาวชั้นเงินก็คือขุมสมบัติ อย่างนั้นศักยภาพของสมบัติดวงดาวชั้นบรอนซ์ก็เป็นเพียงสมบัติเล็กน้อย เมื่อบรอนซ์กลายเป็นสมบัติระดับเงิน ก็หมายความว่าเจ้าเปิดขุมสมบัติของมันออกมาแล้วและตระหนักถึงศักยภาพมากมายจึงทำให้มันยกระดับได้ และเวลานี้วิวัฒนาการของมันข้าคิดว่าเกือบถึงระดับสูงสุดของศักยภาพของมันแล้ว”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของอาเฮ่อ ถังเทียนสามารถเชื่อได้
เมื่อปราณแท้นกยูงเข้ามาในร่างของเขา สีหน้าของเขากลายเป็นเย็นชาและทุกอย่างรอบตัวเขาชัดกระจ่างถังเทียนรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้และสิ่งที่อาเฮ่ออธิบายเข้ากันพอดี
“อาเฮ่อนี่สมองดีจริงๆ” ถังเทียนชมเชย อาเฮ่อฉลาดมากการวิเคราะห์ของเขาเต็มไปด้วยเหตุผลและทำให้ผู้คนเชื่อมั่นเขา
หลิงซิ่วที่อยู่ด้านข้างหัวเราะก๊าก “นี่เจ้าคิดว่าทุกคนเขาโง่เหมือนเจ้าหรือ?”
ถังเทียนคำราม “เจ้านั่นแหละโง่! หอกพิทักษ์คุณธรรมบ้าอะไร ข้าว่านั่นมันหอกงี่เง่ามากกว่า!”
หลิงซิ่วเป็นเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง และหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันที “คนแซ่ถังเจ้าดูถูกข้าได้ แต่อย่าหมิ่นหอกของข้า! เจ้าอยากสู้ใช้ไหม?ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้รู้จักว่าอะไรคือความเชื่อมั่นของคน”
“ถ้าเจ้าอยากขายขี้หน้าเองฮ้า.. ข้าจะส่งเสริมเจ้าก็ได้!” ถังเทียนจ้องเขาอย่างโมโหเช่นกัน
“มาเลย!วันนี้เจ้าไม่ตายก็เป็นข้าสิ้น!” รังสีฆ่าฟันของหลิงซิ่วแผ่กระจาย
….
อาเฮ่อรู้สึกปวดหัวทันที เขาเอามือก่ายหน้าผาก เด็กน้อยสองคนนี่ ทำไมไม่เลิกท้าทายกันบ้างเลยนะ?
เขาเข้าไปคั่นระหว่างพวกเขาและยกมือห้าม “เรายังมีการทดสอบสำคัญอีกอย่างหนึ่งนะ”
“ค่อยทดสอบหลังจากสู้กันแล้ว”
ถังเทียนกับหลิงซิ่วตะโกนพร้อมกันและตระหนักว่าพวกเขาพูดเหมือนกันทำให้ต่างคนต่างโมโหมากกว่าเดิม
“ดูเหมือนพวกเจ้าทั้งสองคนว่างมากจริงๆเลยนะ ถึงได้มีเวลาทะเลาะกัน หึ หึมีคนกำลังเงื้อดาบรอเตรียมฆ่าพวกเจ้าทั้งสองอยู่”
เสียงเกียจคร้านของปิงดังออกมาขณะร่างใหญ่ของพยัคฆ์ฟ้าปรากฏอยู่ต่อหน้าคนทั้งสาม
“ใครกัน?เบื่อหน่ายชีวิต! พวกมันยังกล้ามาท้าสู้กับเราอีกหรือ? ฆ่าพวกมัน!”
“พวกเขาต้องการตาย!งั้นเราจะต้องไปและฆ่าพวกเขาให้หมด”
ถังเทียนและหลิงซิ่วหันเหความสนใจไปที่คำพูดของปิง ทั้งสองคำรามอย่างโมโห
“คนจากกลุ่มศักดินาชาวยุทธพบเส้นทางเจ้าแล้ว” ปิงกล่าว “ตอนนี้พวกเขากำลังตรงมาหาพวกเจ้า โอว จริงสิครั้งนี้พวกเขาส่งกำลังคนมาอย่างเต็มที่ นอกจากหัวหน้าใหญ่อูเถี่ยหวี่ นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีสามคนจากกองกำลังศักดินาชาวยุทธล้วนเคลื่อนไหวออกมาหมดนอกจากนั้น ยังมีนักสู้ระดับสวรรค์วิถีอีกจำนวนหนึ่ง มีความเป็นไปได้ว่าราวๆร้อยคน คนทั้งหมดนี้ไม่เหมือนบริวารของซินลี่ ในกลุ่มศักดินาชาวยุทธทุกคนที่ถูกเลือกมาล้วนมีฝีมือสูงส่ง นอกจากมีพลังนักสู้ระดับสวรรค์วิถีแล้ว พวกเขาต้องอยู่ในกลุ่มศักดินาชาวยุทธอย่างน้อยห้าปี ทุกคนนั้นแข็งแกร่งมาก
หน้าของทั้งสามคนเคร่งเครียดทันที
“พวกที่เพิ่งยอมแพ้ไปใช้ประโยชน์ไม่ได้เป็นธรรมดา พวกเขายังด้อยในเรื่องความภักดี ความเป็นไปได้ในการใช้พวกเขาน้อยมาก” ปิงพูดต่อ “จำนวนคนในเผ่าหมาป่าเพลิงน้อยนิดเกินไป มีนักสู้ระดับสวรรค์วิถีแค่สิบคนและนั่นเป็นมาตรการที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นเราจึงต้องพึ่งพาตัวเอง”
ถังเทียนรู้จักปิงดีเช่นกัน เมื่อเห็นว่าปิงทำท่าลับๆ ล่อๆเขารู้ว่าปิงมีแผนการดีๆ แล้ว “เฮ้ลุง,เลิกพูดโยกโย้เสียที บอกแผนเรามา!”
ปิงตัดสินใจยอเขา “ตามคาด สมกับเป็นหนุ่มน้อยชาวฟ้าจริงๆเจ้าสามารถบอกได้จากเพียงแค่ชำเลืองเท่านั้น”
“ติงตังกับข้าปรึกษากันนานมากและคิดได้แผนรบออกมา”
ปิงแบ่งแผนออกเป็นสามส่วนและให้พวกเขาสามคน
ถังเทียนเมื่ออ่านจบ ก็รู้สึกแปลก“ทำไมเราต้องเชิญเผ่าอื่นทั้งหมดเล่า? พวกเขาจะไม่ช่วยเรา”
“เขาต้องการให้พวกเขาจับตามองชัยชนะของพวกเรา” อาเฮ่อกล่าวอย่างใจเย็น “แต่พวกเจ้าไม่ต้องข่มขู่พวกเขาใช่ไหมหรือข่มเหงพวกเขา?เว้นแต่ว่าเจ้ามีความสนใจในแผ่นดินแห้งแล้งหรือ?”
“ก็อย่างที่อาเฮ่อคาดไว้”ปิงชมชย และโกรธขึ้นทันที “ไม่มีทางเลือกเผ่าหมาป่าเพลิงมีคนน้อยไป ข้าลดมาตรฐานข้าแล้ว แต่ก็ยังหาได้เพียงยี่สิบคน ค่ายทหารใหม่ของข้ากำลังก่อสร้างจุได้หมื่นคน”
“มะ...หมื่น คน?”หน้าของถังเทียนดำเป็นก้นหม้อ
ปิงสนองตอบทันที และตระหนักได้ว่าหลายๆ อย่างกำลังแย่เนื่องจากเขาพูดผิด
เป็นไปตามคาด ถังเทียนโกรธมาก “ท่านกล้าเอาเงินข้าไปใช้ทำอย่างนั้นได้ยังไง? ท่านบ้าไปแล้วท่านกล้าบอกข้าว่าจะสร้างค่ายทหารสำหรับคนหมื่นคนเชียวหรือ? เงินข้า, มันเงินของข้า!”
สองประโยคสุดท้ายว่า “มันเงินของข้า”เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสียใจอย่างไม่มีอะไรเปรียบ