ตอนที่แล้วEp.492.2 - ชุดสีม่วง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.494 - ราชามังกรคลั่งโจมตี

Ep.493 - เกราะวิญญาณปีศาจอมตะ


3/3

Ep.493 - เกราะวิญญาณปีศาจอมตะ

[เกราะวิญญาณปีศาจอมตะ] อุปกรณ์เลเวล 16 , สีม่วงคุณภาพต่ำ , พลังป้องกันทางกายภาพ+80 , ป้องกันเวทย์+80 , ภูมิคุ้มกันดาเมจจากคุณธาตุทั้งหมด +10 , คุณสมบัติทั้งหมด+30 , ความต้านทานทั้งหมด+30 , สกิลเสริม : วิญญาณปีศาจอมตะ , ค่าความทนทาน 47

ชุดสีม่วงเลเวล 16!

และมันมีคุณสมบัติเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย!

เนื่องจากเป็นเกราะหลักที่สวมใส่บนตัว ดังนั้นค่าคุณสมบัติของมันจึงมากยิ่งกว่าเสื้อคลุมของราชาแห่งแดนล้างบาปซะอีก

อาศัยแค่ค่าโบนัสคุณสมบัติของมันชิ้นเดียว เทียบได้เลยว่าการสวมชุดเซ็ทโบราณสงครามศักดิ์สิทธิ์เลเวล 13 ทั้งตัว!

แม้อุปกรณ์ประเภทชุดเซ็ทจะมาพร้อมกับเอฟเฟกต์ชุดที่ทรงพลัง แต่เมื่อเทียบกับชุดสีม่วงแล้ว เกราะม่วงทรงพลังยิ่งกว่า เพราะมันไม่ใช่เพิ่มแค่โบนัสคุณสมบัติ แต่ยังมาพร้อมมรดก

[วิญญาณปีศาจอมตะ] มรดกพิเศษ , พละกำลัง+30 , ว่องไว +30 , ค่าพลังชีวิต+50 , ค่าพลังจิต+50 , อัตราฟื้นฟูพลังชีวิต +15 , อัตราฟื้นฟูค่าพลังจิต+8 , สกิลมรดก : พิธีกรรมวิญญาณปีศาจอมตะ!

ซึ่งมันพิเศษมาก! โดยเฉพาะอัตราการฟื้นฟู ตรงจุดนี้กระทั่งเสื้อคลุมราชาแดนล้างบาปก็ยังเทียบไม่ได้

อย่างไรก็ตาม  ราชาแดนล้างบาปมาพร้อมสามสกิล และสองในสามเป็นสกิลติดตัวอันทรงพลัง

ขณะที่เกราะม่วงชิ้นนี้มีสกิลเดียว แต่เอฟเฟกต์ของ ‘พิธีกรรมวิญญาณปีศาจอมตะ’ ค่อนข้างร้ายกาจมาก

[พิธีกรรมวิญญาณปีศาจอมตะ] สกิลพิเศษ , เมื่อพลังชีวิตหมดลง จะสามารถฟื้นฟูร่างกายตัวเองได้ทันที พร้อมกำจัดสถานะผิดปกติทั้งหมด สามารถรับดาเมจทั้งหมดได้ภายใน 30 วินาทีหรือ 3000 หน่วย และถ่ายโอนพวกมันทั้งหมดไปในช่วง 3 วินาทีหลังสกิลสิ้นสุดลง , ระยะเวลาคูลดาวน์ 12 ชั่วโมง

สามารถตีความได้ว่า

หากฮังอวี่ถูกยำจนเละ เขาจะไม่ตาย แต่เอฟเฟกต์นี้จะถูกเปิดใช้งานแทน และไม่ว่าจะโดนหักแขน ขา หัว หรืออวัยวะแหลกเป็นชิ้นๆ ก็สามารถหายได้ทันที ขณะเดียวกันขจัดสภาวะผิดปกติจากอาการอัมพาต มึนงง ฯลฯ ได้ทั้งหมด

หากอาศัยเอฟเฟกต์ของมัน สามารถช่วยให้รอดพ้นจากความตายได้ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง!

และนี่เองคือเหตุผลที่ไมนัสไม่ตายจากการถูกโจมตี แม้ได้รับดาเมจมหาศาล!

อย่างไรก็ตาม ดาเมจจะยังคงตามมาอยู่ดี!

เพราะพวกมันไม่ใช่ว่าได้รับการยกเว้น เพียงแค่ถ่วงเวลาให้ล่าช้าออกไปก็เท่านั้น

หากสกิลนี้ถูกเปิดใช้งาน แล้วไม่สามารถจบการต่อสู้โดยเร็ว หรือเตรียมโพชั่นกับผู้รักษาให้เพียงพอล่ะก็ ภายใต้ดาเมจจำนวนมหาศาล อาจตายในพริบตา!

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่น่าทึ่ง!

ไมนัสสมควรมีอุปกรณ์สีม่วงสองชิ้น

อีกชิ้นคือแหวนสีม่วง ที่มีความสามารถรีเซ็ตสกิล

ไมนัสเดิมก็ไม่อ่อนแอ อันที่จริงหากมันเลือกสู้จนถึงที่สุด ด้วยอุปกรณ์สองชิ้นนี้ในมือ อาจเอาชนะฮังอวี่ก็ได้

บอกได้คำเดียวว่าเจ้าหมอนี่มันโง่ ที่เลือกหนทางสูญเสียโอกาสชนะไป

แหวนสีม่วงไม่ดรอป

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่สำคัญ เพราะด้วยชุดเกราะวิญญาณปีศาจอมตะนี้

เท่ากับว่าการเดินทางของฮังอวี่ในครั้งนี้ไม่เปล่าประโยชน์แล้ว

มันกลายเป็นอุปกรณ์สีม่วงชิ้นที่สามที่เขาได้ครอบครอง

ผู้ครองแคว้นทั้งหมดปกติมักมีอุปกรณ์สีม่วงในการครอบครอง แต่มากสุดก็แค่ตนละ 1 - 2 ชิ้นเท่านั้น

หากเทียบเฉพาะในแง่การครอบครอง ฮังอวี่ถือว่าเหนือกว่าพวกมันแล้ว

ไม่เสียเวลาต่อ ฮังอวี่ออกจากอาณาเขตของผู้ครองแคว้นทะเลตะวันตก

มุ่งหน้าด้วยความเร็วสูง ใช้เวลาประมาณครึ่งวัน ก็มาถึงเมืองแนวประการังดำที่เฉินหยูอยู่

และเมื่อมาถึงเมืองแนวประการังดำ เขาก็ได้รับข่าวดี

กองทัพที่รวบรวมเหล่าขุนนางเล็กเพื่อเตรียมโจมตีปิดล้อมได้ล่าถอยกลับไปแล้ว

เฉินหยู และมนุษย์คนอื่น ๆ ในแคว้นทะเลตะวันตกต่างสับสน เพราะศัตรูมีพลังรบเหนือกว่ามาก หากบุกเข้ามาจริงๆยังไงมนุษย์ก็พ่ายแพ้ แต่นึกไม่ถึงเลย ว่าจะยอมจากไปในวินาทีสุดท้าย

“อะไรนะ?”

“นายฆ่าผู้ครองแคว้นทะเลตะวันตก!?”

เฉินหยูเหม่อมองฮังอวี่ ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดการล่าถอยขึ้น แต่ละคนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ

“อาศัยแค่คนเดียว”

“แทรกซึมเข้าไปในเมืองหลักและสังหารผู้ครองแคว้นคาบ้านของมัน?”

หวังเอ๋อส่ายหางทันทีและพูดว่า “ฮ่ง ไม่ใช่คนเดียว หนึ่งคนกับหนึ่งหมาต่างหาก เปิ่นหวังก็มีส่วนช่วยด้วย!”

เครดิตของหวังเอ๋อต้องยกให้ในเรื่องการสอดแนม

หากไม่มีความสามารถในการตรวจจับของสุนัข ตลอดทางคงเปลืองแรงไปเยอะ

พวกคุณคงไม่คิดหรอกใช่ไหมว่าการลอบเข้าหาไมนัสมันจะง่ายขนาดนั้น? และยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเข้าไปในจังหวะที่ไมนัสอยู่ลำพัง ดังนั้นบทบาทของหวังเอ๋อมีความสำคัญมาก

ทุกคนรู้ว่าบอสฮังมีฮัสกี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายฮัสกี้เป็นเพียงสุนัขของบอสฮัง เป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณของเขา ดังนั้นภารกิจนี้ สุดท้ายคนที่ทุกคนจะสรรเสริญก็คือฮังอวี่อยู่ดี!

บอสฮังสามารถแก้ไขวิกฤตครั้งใหญ่ในแคว้นทะเลตะวันตกได้ด้วยพลังรบของเขา

แม้จะได้ยินมาว่ามหาเทพแห่งแคว้นเดียวดายแก่กล้ามาก แต่ก็ไม่นึกว่าจะทรงพลังขนาดนี้ ฮ๊าาา!

เฉินหยูเอ่ยถาม “แต่ถึงไมนัสถูกลอบสังหาร ก็ใช่ว่ากองทัพทหารจะตัดสินใจล่าถอยในทันทีแบบนี้ เรื่องราวมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น”

ฮังอวี่กล่าว “แน่นอน เพราะการตายของไมนัสไม่ใช่การตายธรรมดา มันจะไม่มีวันได้ปรากฏตัวในแคว้นทะเลตะวันตกอีกต่อไป ผมคิดว่าพวกเมืองโพ้นทะเลน่าจะรู้เรื่องนี้ เลยตระหนักถึงความร้ายแรงที่กำลังตามมา”

ผู้ครองแคว้นจากไปแล้ว แคว้นทะเลตะวันตกตกอยู่ในความโกลาหลครั้งใหญ่ คนของไมนัสจะต้องมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจอย่างแน่นอน

และพวกขุนนางใหญ่ก็คงเคลื่อนไหวเช่นกัน

ถึงขั้นนี้ ใครมันจะมีเวลามามัวสนใจเผ่ามนุษย์ที่อ่อนแออีก?

ฮังอวี่กล่าว “ต่อไปแคว้นทะเลตะวันตกจะต้องวุ่นวายแน่ๆ ชาวพื้นเมืองอาจไม่สนใจปราบปรามเผ่ามนุษย์ แต่พวกคุณก็ไม่ควรลดการป้องกันลง เฮสการ์ประกาศว่าจะไม่ปล่อยมนุษย์ไปซักคน ดังนั้นการอพยพเป็นทางเลือกเดียว ขอให้คุณตัดสินใจทันที”

“แคว้นเดียวดายตอนีน้สามารถรวมเป็นหนึ่งแล้ว พวกเราแกร่งพอที่จะมีพลังต้านทานเฮสการ์ได้ ก่อนที่จะสายเกินไป ผมอยากให้คุณล่าถอยไปเแคว้นเดียวดายทันที!”

“อย่าลังเล! รีบเดินทางให้เร็วที่สุด!”

คำเหล่านี้ ทุกคนไม่อาจโต้แย้งได้ แคว้นทะเลตะวันตกแคยประสบสงครามมาหลายครั้งแล้ว และเกือบทุกครั้งมนุษย์พ่ายแพ้ยับเยิน ไม่มีกองกำลังใหญ่ในแคว้นทะเลตะวันตกอีกต่อไป

ดินแดนของมนุษย์เหลือไม่มากนัก พวกเขาไม่อาจอยู่รอดได้ มีแต่ต้องฉวยโอกาสหนีให้เร็วที่สุด

ทุกวันนี้ชาวมังกรเริ่มกวาดล้างมนุษย์จากสันเขามังกร มีเพียงแคว้นเดียวดายเป็นข้อยกเว้น เพื่อความอยู่รอด เพื่อที่พวกตนจะได้แกร่งยิ่งกว่านี้ มีแต่ต้องยอมเข้าร่วมกับกองทัพในแคว้นเดียวดาย

มีแค่ทางเลือกนี้ ถึงจะมีโอกาสชนะ!

ตอนนี้เฉินหยูไม่เหลือเหตุผลที่ต้องกังวลอีก

ที่อยากจะบอกเพียงอย่างเดียว

คือเธอเสียใจ

เสียใจมากๆ!

ที่ในวันนั้นเลือกแยกทางกับเขา!

ถ้ารู้ว่าวันนึงจะเป็นแบบนี้ เธอคงไปกับเขาตั้งแต่แรก

กับอีแค่การยอมเป็นลูกน้องของฮังอวี่ แต่สุดท้ายได้ตำแหน่งอาวุโสในองค์กรมังกรคราม ยังไงก็ดีกว่าสภาพในตอนนี้!

แต่ก็แน่ล่ะการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง เธอเลือกทางที่อาจได้กำไรเยอะ แต่ก็มีโอกาสเสียเยอะเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเลือกแล้วก็ไม่ควรจมอยู่กับความเสียใจ และหากมีโอกาส ก็ไม่ควรทำผิดซ้ำสองอีก

นั่นแหละคือชีวิต!