Ep.492 - ชุดสีม่วง
1/3
Ep.492 - ชุดสีม่วง
เมื่อลงมือ ฮังอวี่สำแดงพลังรบที่ไม่ด้อยไปกว่าระดับยอดฝีมือ และมันมากพอให้ไมนัสรู้สึกหวั่นกลัว
ไมนัสตระหนักว่าได้ทันทีว่าพลังรบของอีกฝ่ายไม่ด้อยไปกว่าตน หรืออาจเหนือกว่าด้วยซ้ำ
แต่ที่น่าฉงนคือ
อีกฝ่ายเป็นมนุษย์จริงๆน่ะหรือ?
มนุษย์ในแคว้นทะเลตะวันตกถูกชาวพื้นเมืองพบตัวช้ากว่าแคว้นเดียวดายหลายเดือน
ดังนั้นในสายตาของไมนัส มนุษย์จึงเป็นแค่ตัวอ่อนแอ เก่งสุดไม่เกินระดับเดียวกับขุนนางเล็ก หลักฐานก็คือกองทัพที่มันส่งไปทำผลงานได้ดีตลอดมา เผ่ามนุษย์ไม่มีคราใดไม่พ่ายแพ้ พวกเขาไม่อาจตอบโต้กลับได้เลย
นี่ทำให้ไมนัสไม่เห็นมนุษย์อยู่ในสายตา แต่ขณะนี้ จู่ๆก็มนุษย์คนหนึ่งโผล่มา และพลังรบไม่ด้อยไปกว่าตัวมัน
ฮังอวี่ไม่เสียเวลาพล่ามไร้สาระ เขาแอบเข้ามาเพื่อลอบสังหาร
ทุกวินาทีมีค่า!
ภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งของค่ายกลล่าแสงและเงา
ปราณสงครามเกราะพลังจิตสีจางลงกว่า 80% - 90%
ฮังอวี่ปลดปล่อยมังกรโลกันต์ออกมา มันอ้าปากพ่นไฟอันร้อนแรง หมายกวาดกลืนไมนัสหายเข้าไปในกองเพลิง เสาเพลิงอันทรงพลังทั้งสามระลอกถูกพ่นติดต่อกัน
ปลุกเลือดปีศาจ!
กลบฝังปีศาจคลั่ง!
ฮังอวี่โจมตีด้วยพลังทั้งหมดของเขา!
ภายใต้การรุกอันรุนแรงเช่นนี้
ภายใต้สภาวะเกราะพลังจิตที่ใกล้แตกสลาย หากยังอยู่เฉย ไมนัสต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม ม่านตาสีทองเข้มไม่สั่นไหว แหวนในมือซ้ายทอประกาย พลังลึกลับไหลเข้าสู่ร่างกาย
เกราะพลังจิตที่ตอนนี้สีซีดจางและหดเล็กลง จู่ๆก็พองตัวขึ้นเหมือนลูกโป่งที่ถูกเป่าลมเข้าไปใหม่
เสาเพลิงโลกันต์ทั้งสามมาถึงเป็นอย่างแรก และมันทรงพลังมาก แต่เมื่อต้องเผชิญกับเกราะปราณสงครามใหม่ กลับสลายไปในพริบตาเดียว
บรึ้ม!
ดาบสองเล่มในมือฮังอวี่ที่อยู่ในสถานะกลบฝังปีศาจคลั่งเข้าทิ่มแทงต่อทันที
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่สัมผัสได้ถึงอำนาจเกินต้าน แต่มันสายเกินกว่าที่จะหยุดมือแล้ว!
กึ้งงงง!
คมดาบของฮังอวี่ถูกสะท้อนกลับ แรงสั่นสะเทือนก่อผลกระทบทางจิต กลายเป็นตนเองที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
แม้จะบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่ต้องขอบคุณปราณสงครามเกราะของฮังอวี่ ทำให้ยังพอทรงตัวได้ แม้ถูกไมนัสโต้กลับ
นี่คือปราณสงครามเกราะพลังจิตอีกรูปแบบหนึ่ง!
สามารถเรียกมันว่า ‘ปราณสงครามเกราะรวมจิต’ ก็ได้
แรงปะทะของมันรุนแรงยิ่งกว่าปราณสงครามระเบิดในขั้น 3 อยู่ได้นานกว่า และช่วยปัดเป่าเทคนิคทั้งหมด นอกจากนี้ยังสะท้อนการโจมตีทางกายภาพ เป็นสกิลที่ร้ายกาจมาก
แต่ไม่ใช่ว่าไมนัสเพิ่งใช้สกิลปราณสงครามเกราะพลังจิตไปเมื่อสองวินาทีที่แล้วหรอกหรือ?
ทำไมถึงใช้สกิลเดิมต่อเนื่องได้ล่ะ?
ฮังอวี่กวาดสายตามองและสังเกตเห็นว่าแหวนในมือซ้ายของไมนัสเป็นสีม่วง หากไม่มีอะไรผิดพลาด นั่นสมควรเป็นแหวนที่ใช้รีเซ็ตสกิล และแม้แต่สกิลขั้น 4 ก็สามารถรีเซ็ตได้
สมแล้วที่เป็นพลังของอุปกรณ์สีม่วง!
แต่แล้วไง?
ต่อให้เอฟเฟกต์ของมันทรง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรีเซ็ตซ้ำสอง
หรือง่ายๆว่าไม่สามารถใช้ต่อเนื่องได้ในช่วงเวลาสั้นๆ!
ไมนัสกุมดาบดำสองเล่มในมือ เปิดการโจมตีอย่างรุนแรงใส่ฮังอวี่เบื้องหน้า
ฮังอวี่ตอบโต้กลับด้วยควงอาวุธคู่ ทั้งสองแลกดาบกันอย่างทัดเทียม ในหนึ่งวินาทีปะทะกันมากกว่าสิบครั้ง!
ทุกๆการโจมตีของไมนัสมาพร้อมเอฟเฟกต์ปราณสงคราม สามารถทำลายการป้องกันทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย เป็นเหตุผลที่ว่า ปราณเกราะบนตัวฮังอวี่แทบไม่อาจต้านทานได้ แตกสลายในทันที สูญเสียเอฟเฟกต์ป้องกันไป
ทางออกเดียวคือต้องจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด!
ด้านฮังอวี่ อาวุธหลักของเขามาพร้อมเอฟเฟกต์ปราณสงคราม เป็นเหตุผลที่ทำให้ทานรับการโจมตีของไมนัสตรงๆได้ ส่วนอาวุธรองสามารถปลดปล่อยไอเยือกแข็ง แช่แข็งศัตรูในช่วงเวลาสำคัญ ลดความเร็วของไมนัสได้
เปิดใช้งานชุบโลหิต!
เปิดใช้งานวิถีกระบี่ล่าแสง!
ทั้งสองฝ่ายต่างมีสกิลควงอาวุธคู่ เป็นนักรบสายโจมตีฉับไว
อย่างไรก็ตาม ด้านการโจมตีฮังอวี่โดดเด่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดาเมจที่เขาทำมันสูงเกินไป เกือบทุกการโจมตีไมนัสไม่อาจหยุดเอาไว้ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะเจตนารมณ์แห่งการต่อสู้ของไมนัสไม่สูงเท่าฮังอวี่ ตลอดเวลามันมักมองหาทางออกให้ตัวเองเสมอ และจุดนี้ยิ่งทำให้เผยจุดอ่อนออกมา
แน่นอน
ไมันสก็มีลูกเล่นในมือเช่นกัน
อาวุธสองชิ้นในมือ ชิ้นหนึ่งใช้โจมตีด้วยพลังจิต และอีกชิ้นสามารถสร้างภาพหลอน เรียกได้ว่าเป็นสมบัติวิเศษสำหรับเวลาสู้ตัวต่อตัวขนานแท้
หากคู่ต่อสู้มีค่าความต้านทานอ่อนแอ คงถูกมันถล่มโจมตีตายในรอบเดียว
ยังไงก็ตาม ฮังอวี่สวมชุดม่วงสองชิ้น และถือไข่มุกปีศาจผนึกวิญญาณ บวกกับมีสายเลือดขุมนรก ดังนั้นเอฟเฟกต์อาวุธทั้งสองของไมนัสเลยมีผลกระทบต่อเขาน้อยลง แม้จะก่อกวนให้รู้สึกรำคาญบ้าง แต่ไม่มากพอที่จะขัดจังหวะเขาได้
ประมาณสิบวินาทีต่อมา
ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนกันกว่าร้อยกระบวนท่า
ไมนัสพบว่าค่าพลังชีวิต พลังโจมตี และความเร็วในการโจมตีของมันด้อยกว่าคู่ต่อสู้มาก มันเม้มริมฝีปาก ระเบิดปราณสงครามพายุออกมาอีกครั้ง!
ใบมีดสายลมจำนวนมากกระจายปกคลุมรอบตัว สกิลนี้สามารถทำให้เกิดการเชือดเฉือนอย่างบ้าคลั่ง
การโจมตีจากปราณสงครามสามารถทำลายการป้องกันเกือบทั้งหมดได้
หากโดนมันเข้าไปในระยะประชิด ฮังอวี่จะถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายใต้ปราณสงครามพายุ!
และตอนนี้มันสายเกินไปแล้วหากคิดหลบเลี่ยง!
ปราณสงครามพายุยังมีอีกเอฟเฟกต์หนึ่ง นั่นคือมีทั้งแรงผลักและแรงดูดในเวลาเดียวกัน เมื่อถูกห่อหุ้มทั้งตัวแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหนี
กระบวนท่าใหญ่เช่นนี้ ระยะเวลาคูลดาวน์ต้องนานมาก
ทว่าตั้งแต่ครั้งก่อนที่ไมนัสใช้
มันเพิ่งผ่านไปไม่ถึง 20 วินาทีเท่านนั้น
นี่แสดงว่าสกิลในแหวนสีม่วงไม่น่าจะมีแค่สกิลรีเซ็ต แต่ให้เอฟเฟกต์ที่ทรงพลังยิ่งกว่านั้น!
ฮังอวี่ใช้บลิงค์ทันที แยกตัวจากปราณสงครามพายุอย่างไว ถอยอกไปหาที่หลบ
“สกิลมิติอีกแล้ว!”
ไมนัสไม่เข้าใจ ชายผู้นี้ไปเอาสกิลมากมายมาจากไหน?
สกิลมิติไม่เพียงหายาก แต่ยังฝึกฝนได้ยากอีกด้วย!
ยิ่งนานไม่นัสยิ่งตระหนักว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮังอวี่ และไม่มีความจำเป็นที่ต้องตัดสินขั้นเด็ดขาดกับฮังอวี่ในสถานที่นี้
ตัวมันขอเพียงหลุดจากคุกโลหิต ก็จะสามารถตะโกนเรียกลูกน้องตนอื่นๆได้
ที่นี่คือดินแดนของมัน!
มันคือเจ้านายของเมืองๆนี้!
เพียงแหกปากร้อง ต่อให้มนุษย์ผู้นี้แก่กล้าเพียงใด ยังไงมันก็ไม่รอด และสุดท้ายถูกจับหั่นเป็นชิ้นๆ!
ไมนัสใช้ประโยชน์จากปราณสงครามพายุ วิ่งไปทางปลายขอบเขตแดนคุกโลหิต
เมื่อไมนัสเคลื่อนไหว ปราณสงครามพายุก็เคลื่อนตามมันไปด้วย
ใบมีดสายลมนับไม่ถ้วนเชือดเฉือนเขตแดนคุกโลหิต กำแพงเขตแดนอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ค่อยๆแยกจากกัน
แต่ฮังอวี่จะปล่อยให้ผู้ครองแคว้นทะเลตะวันตกหนีไปได้อย่างไร? เขาพรวดออกจากที่หลบภัย เปิดใช้งานหนึ่งกระบี่ล่าแสง พุ่งเข้าตัดหน้าไมนัส
แม้ปราณสงครามจะอ่อนกำลังลงแล้ว แต่เมื่อพุ่งเข้ามา ฮังอวี่ยังถูกใบมีดสายลมฟันเอาหลายครั้ง
ฮังอวี่ปลดปล่อยปราณสงครามระเบิดในขั้น 3 เพื่อทำให้พายุปราณรอบตัวอ่อนกำลังลง แม้ยังคงถูกเชือดเฉือนจากทุกทิศทางไม่ว่าจะคอ ต้นขา ข้อพับ ฯลฯ
กระนั้นมันก็ไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวของเขา ปราศจากเลือดไหลจากบาดแผล ทุกการโจมตีที่โดนตัว มีเลือดหมอกเลือดกระจายออกมา แต่สุดท้ายพวกมันก็กลับไปรวมตัวกันอีกครั้ง
นี่คือการเปลี่ยนแปลงร่างที่เกิดจากมรดกของปีศาจคลั่งอาบโลหิต
แปลงโลหิต!
ไม่ว่าจะเป็นศีรษะ หรือหัวใจ ทั้งหมดสามารถกลายเป็นหมอกเลือดได้ จุดไหนบนตัวที่ถูกโจมตี สามารถซ่อมแซมตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
ฮังอวี่ไม่มีจุดอ่อนอีกต่อไป ไม่ว่าจะโดนโจมตีส่วนไหนของร่างกาย สำหรับเขามันไม่ต่างกัน
มองในมุมนี้ เขาไม่ใช่มนุษย์ที่มีเลือดเนื้ออีกต่อไปแล้ว!