ตอนที่ 9-31 ความคาดหวังของผู้ชม
“เหยี่ยวพายุสายฟ้าจะโจมตีอะไรก็ตามที่จะแตะต้องหม่อมฉันในลักษณะคุกคาม” คำพูดเหล่านี้ดูง่ายมาก แต่พวกขุนนางและผู้สูงศักดิ์ที่ปรากฏอยู่นั้นมีสติปัญญาอยู่แล้ว พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขาได้ยินเดเลียพูดเช่นนี้
ขุนนางและผู้สูงศักดิ์ทุกคนหันไปมองดูมาร์ควิสเจฟฟ์ผู้ยังกุมมือที่บาดเจ็บหน้าของเขาซีดและบิดเบี้ยวน่าเกลียด
“มาร์ควิสเจฟฟ์พยายามจะแตะต้องทางกายกับนางพิโธ่เอ๊ย...” ขุนนางและผู้สูงศักดิ์หลายคนลอบสบถด่าอยู่ในใจ แม้ว่าพวกเขาจะไม่พูดเสียงดัง แต่เป็นเรื่องธรรมดาที่สายตาของพวกเขาจะถ่ายทอดความคิดออกมาได้ มาร์ควิสเจฟฟ์รู้สึกอึดอัดมาก
จักรพรรดิโจฮันน์มองดูนัดดาของพระองค์อย่างไม่พอใจเช่นกัน
เขารู้ว่าเหยี่ยวพายุสายฟ้าอยู่ด้านหลังเดเลียเป็นอสูรเวทระดับเก้ามันเป็นของอาจารย์ลองฮอสเซียนจอมเวทธาตุลมอาจารย์ของนางเป็นไปได้มากว่าเดเลียไม่สามารถห้ามได้ทันเมื่อเหยี่ยวพายุสายฟ้าโจมตีมาร์ควิสเจฟฟ์และเหยี่ยวพายุสายฟ้าก็ไม่สามารถพูดกับเดเลียได้
สถานการณ์อย่างนี้ดูเหมือนว่าผลเช่นนี้เดเลียไม่มีความตั้งใจจะลงมือกับมาร์ควิสเจฟฟ์
แน่นอน...
เดเลียไม่ได้ตั้งใจลงมือกับมาร์ควิสเจฟฟ์อยู่แล้ว แต่ก่อนจะมาถึงงานเลี้ยงเดเลียได้บอกกับเหยี่ยวพายุสายฟ้าไว้แล้วว่า ถ้ามีคนพยายามจะแตะต้องนางเหยี่ยวพายุสายฟ้าจะต้องจิกเป็นการลงโทษ
ไม่มีหนุ่มผู้สูงศักดิ์คนใดกล้าเคลื่อนไหวแตะต้องนาง แต่มาร์ควิสเจฟฟ์กลับทำ เป็นธรรมดาอยู่นั่นเองที่เขารนหาเรื่องเจ็บตัวเอง
“มหาดเล็ก! พาเจฟฟ์ไปหาหมอ” จักรพรรดิโจฮันน์สั่งบ่าวรับใช้ของพระองค์
มาร์ควิสเจฟฟ์ไม่พยายามอธิบายได้แต่ก้มหน้าขณะกุมมือของเขาซึ่งเป็นรูขนาดใหญ่ เขารีบออกไปจากหอโถงใหญ่ทันทีจากนั้นจักรพรรดิโจฮันน์ตรัสปลอบเดเลียทันที “แม่นางเดเลีย, ต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เจ้าต้องพบกับเรื่องอะไรแบบนี้ นี่เป็นความผิดของเรา เราหวังว่าเจ้าคงจะไม่ถือสาหงุดหงิดเกินไปนะ”
“ไม่ ไม่เลย องค์จักรพรรดิโจฮันน์ นี่เป็นความผิดพลาดของเจ้าลมน้อยนี้ เมื่อหม่อมฉันกลับไปหม่อมฉันจะบอกให้อาจารย์ตำหนิโทษเขา” ขณะที่นางพูดนางจงใจชำเลืองไปทางเหยี่ยวพายุสายฟ้า
และจากนั้นเดเลียพูดขออภัย “องค์จักรพรรดิโจฮันน์ วันนี้หม่อมฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ตอนนี้อยากจะขอตัวกลับที่พักก่อน หวังว่าพระองค์จะอภัยให้หม่อมฉัน”
“ก็ดีเหมือนกัน แม่นางเดเลีย เมื่อเจ้ากลับไป ก็จงพักผ่อนให้ดี” จักรพรรดิโจฮันน์ตรัสอย่างสุภาพ
เมื่ออาคันตุกะผู้มีเกียรติอย่างเดเลียกลับไปขุนนางและผู้สูงศักดิ์อื่นก็เริ่มซุบซิบพูดคุยกัน มาร์ควิสเจฟฟ์ผู้น่าสมเพชตกเป็นศูนย์กลางของการนินทาไปโดยปริยาย
หลังจากเหตุการณ์นี้ หลังจากได้รับการรักษาโดยจอมเวทธาตุแสงแล้ว มาร์ควิสเจฟฟ์ก็ยังไปทำหน้าที่คนนำเที่ยวให้เดเลียอย่างไม่กลัวหรือละอาย และองค์ชายแปดสก็อตก็ยังร่วมกับเขาด้วยเช่นกัน
แต่น่าเสียดาย
แม้ว่าแม่หญิงเดเลียจะมีความเป็นมิตรมาก แต่อสูรเวททั้งสองนั้นน่ากลัวเช่นกัน
ทันทีเมื่อแม่หญิงเดเลียสะดุดขณะเดินและนางกำลังจะล้ม เจ้าชายสก็อตจะยื่นมือเข้าไปพยุงด้วยความปรารถนาดีโดยกอดนางไว้อย่างไรก็ตามเขาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเหยี่ยวพายุสายฟ้า ครั้งนี้อาการบาดเจ็บดูจะรุนแรงมากกว่ามาร์ควิสเจฟฟ์เสียอีกเนื่องจากมือขวาของเจ้าชายสก็อตถูกจิกทะลุ
หลังจากประสบการณ์ครั้งนี้แล้วทั้งสก็อตและมาร์ควิสเจฟฟ์ต่างก็ได้รับบทเรียนและไม่กล้าเอื้อมมืออีกเลย แต่ขณะที่พวกเขากำลังเป็นไปได้ดี โชคร้ายก็มาเยือนอีกครั้ง
หมีปฐพีตัวนั้นยืดตัวกางอุ้งเล็บตบจนทั้งสก็อตและมาร์ควิสเจฟฟ์จนลอยกระเด็นในอากาศ
แรงตบของหมีปฐพีนั้นรุนแรงขนาดไหน? แค่แรงตบธรรมดาจากหมีปฐพีก็เพียงพอทำให้สก็อตและมาร์ควิสเจฟฟ์กระอักโลหิตได้ พวกเขาถูกเล่นงานจนปางตาย แต่โชคดีที่มีจอมเวทธาตุแสงคอยดูแลรักษา
นี่คือสิ่งที่หมีปฐพีฮัตตันพูดบอกพวกเขา “พวกเจ้าทั้งสองคนเอาแต่วนเวียนอยู่ต่อหน้าข้า ท่านฮัตตันทุกวัน พวกเจ้ามันน่ารำคาญยิ่งนักต่อไปทุกครั้งที่ข้าเห็นพวกเจ้า ข้าจะทุบตีพวกเจ้า!”
โอวสวรรค์!
ใครจะกล้ายั่วโมโหหมีปฐพีระดับเซียนเล่า? ต่อให้เป็นเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนคิดจะเอาชนะหมีปฐพีนั้นย่อมไม่ใช่งานง่าย ที่สำคัญหมีปฐพีเป็นอสูรเวทระดับชั้นสูงแม้แต่ในบรรดาอสูรเวทระดับเซียนก็ตาม ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะอาจารย์ลองฮอสใช้คาถาคมมีดมิติซึ่งมีพลังรุนแรงน่ากลัว เขาจะกำราบอสูรตนนี้ได้ยังไง?
เมื่อได้รับบทเรียนแล้วสก็อตและมาร์ควิสเจฟฟ์ก็ไม่กล้ามารบกวนแม่หญิงเดเลียอีกเลย
หนุ่มๆผู้สูงศักดิ์ของเมืองหลวงผู้มีใจทะเยอทะยานหมายปองแม่หญิงเดเลีย เมื่อเห็นหายนะซึ่งเกิดขึ้นกับมาร์ควิสเจฟฟ์และเจ้าชายสก็อต ก็ไม่กล้าลองดีอีก ไม่มีประโยชน์ที่จะทำอย่างนั้น ถ้าพวกเขาถูกหมีปฐพีระดับเซียนตบจนตาย พวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องสักแอะ
จักรพรรดิโจฮันน์เมื่อได้สนทนากับเดเลียในที่สุดก็รู้ว่าเดเลียเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนปีเดียวกันกับอาจารย์ลินลี่ย์ที่สถาบันเอินส์ นอกจากนี้ เดเลียไม่รีบร้อนกลับจักรวรรดิยูลานและตั้งใจจะอยู่ชมการประลองในจักรวรรดิโอเบรียนระหว่างลินลี่ย์และเซียนดาบจ้าวภูผา
จักรพรรดิโจฮันน์ย่อมยินดีต้อนรับและแสดงน้ำใจผู้เหย้าเป็นธรรมดา
แม้ว่าจะต้องพักอยู่หลายเดือนจากฐานะทูตพิเศษชาวต่างชาติก็ถือว่านานมาก จักรพรรดิโจฮันน์ยินดีต้อนรับนาง และตรัสว่ายิ่งนางอยู่นานก็ยิ่งดี
เวลาผ่านไปและในพริบตา ผ่านไปเกือบสามเดือน พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ 4 สิงหาคมประชาชนนับไม่ถ้วนในเมืองหลวงสนทนากันเรื่องการประลองระดับเซียนที่จะมีมาถึง แม้แต่ที่นอกเมืองหลวงก็เริ่มเต็มไปด้วยผู้คนที่มาจากแดนไกล
นี่เป็นเพราะมีผู้คนตั้งใจจะมาชมดูการประลองครั้งนี้ ในพระนครหลวงมีผู้คนเต็มไปหมด
ถนนโบลเดอร์บ้านพักเคานท์วอร์ตัน ฮิลแมนและพ่อบ้านแอชลี่ย์กำลังดื่มไวน์และพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย
“ลุงแอชลี่ย์ ท่านสังเกตบ้างไหมว่าเมื่อเร็วๆนี้ในเวลาอาหาร ลินลี่ย์จะยิ้มมากกว่าปกติ และมีอารมณ์ขันบ่อยขึ้น” หน้าของฮิลแมนมีรอยยิ้ม
จมูกแดงของพ่อบ้านแอชลี่ย์ที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงมากกว่าเดิม เขาหัวเราะเช่นกัน “ฮิลแมน ข้าคิดว่าเจ้ารู้เหตุผลดีอยู่แล้ว แม่หญิงเดเลียมาเยี่ยมคุณชายลินลี่ย์ทุกวัน คุณชายจะไม่มีความสุขได้ยังไง? เท่าที่ข้าเห็นแม่หญิงเดเลียนี้เป็นกุลสตรีที่ดี และข้ารู้สึกว่าแม่หญิงเดเลียก็ได้รับความสนใจจากคุณชายลินลี่ย์ด้วย”
“ถูกแล้วเมื่อแม่หญิงเดเลียร่วมทานอาหารกับเรา ข้าจำได้ถึงท่าทีที่นางมองดูคุณชายลินลี่ย์” ฮิลแมนพูดในบรรยากาศของผู้มีประสบการณ์
ฮิลแมนและพ่อบ้านแอชลี่ย์ต่างก็พอใจเดเลียมาก
อย่างไรก็ตาม...
“แต่คุณชายลินลี่ย์เองมักจะหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนานี้อยู่เสมอ ข้าเอ่ยถึงเรื่องนี้กับเขาหลายครั้งแล้ว” ฮิลแมนส่ายศีรษะอย่างจนใจ
“ไม่ต้องรีบเร่งตราบใดที่ทั้งสองคนมีใจต่อกัน เมื่อถึงเวลาสมควร พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันแน่” พ่อบ้านแอชลี่ย์ค่อนข้างจะมั่นใจ
ในเวลานี้ วอร์ตันบาร์เกอร์และน้องๆ ของเขาทุกคนมาจากลานฝึกด้านหลัง ร่างใหญ่โตมหึมาของทั้งหกคนมองดูเป็นภาพน่าอัศจรรย์
“ปู่แอชลี่ย์, ลุงฮิลแมน” วอร์ตันร้องเรียทั้งสองแต่ไกล
ในไม่ช้าวอร์ตันก็เข้ามาในห้องนั่งเล่น “เอ๋?พี่ใหญ่กับแม่หญิงเดเลียยังมาไม่ถึงอีกหรือ?” ช่วงนี้ทุกๆ วัน เดเลียจะมาร่วมทานอาหารกลางวันกับลินลี่ย์
“อีกไม่นานก็มาถึงแล้ว อย่าใจร้อน” ฮิลแมนกล่าว
“พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว” เกทส์ที่อยู่ด้านหลังสุดหันหน้าไปดูและเห็นลินลี่ย์เดินเคียงคู่มาพร้อมกับเดเลีย ทั้งสองคนอยู่ในชุดสีฟ้าสดใส เสือดำแฮรุตามอยู่ด้านหลังพวกเขา ขณะที่บีบียืนอยู่บนหลังของแฮรุ
ทั้งสองคนอยู่ในชุดยาวสีฟ้าสดใสลินลี่ย์อยู่ในท่วงท่าสบายและเดเลียก็เคลื่อนไหวงดงามปรากฏเหมือนคู่ที่สวรรค์สร้างสรรค์อย่างแท้จริง
“พี่ใหญ่, ได้เวลาอาหารแล้วท่านยังคุยไม่เสร็จอีกหรือ?”
ลินลี่ย์กับเดเลียมองวอร์ตัน และวอร์ตันหัวเราะลั่นขณะที่เขาส่ายศีรษะ
เวลาบ่ายวันที่ 4สิงหาคม ปียูลานที่ 10009 วันนี้นับเป็นวันที่ยอดเยี่ยม ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าบริสุทธิ์มีเพียงก้อนเมฆอยู่เพียงไม่กี่หย่อม สายลมพัดเฉื่อยสบายๆ ลูบไล้ผ่านหน้าของทุกคนราวกับมือของคนรักที่นุ่มนวล
ภูเขาทุสคอนทิศตะวันตกของเมือง!
นี่คือภูเขาขนาดย่อมที่มีความสูงราวๆพันเมตร และมีพื้นที่สี่เหลี่ยมไม่กี่พันตารางเมตรซึ่งไม่ใหญ่กว่าภูเขา เทียบกับภูเขาเทพสงคราม ยังเล็กมากกว่า อย่างไรก็ตามวันนี้พื้นที่โดยรอบภูเขาถูกแบ่งเป็นแปลงนับไม่ถ้วนทหารประจำเมืองเกินกว่าแสนยืนรอรับคำสั่งเช่นกัน
จำนวนผู้ชมที่นี่ในวันนี้สูงเป็นประวัติการณ์ยังมากกว่าการประลองครั้งสุดท้ายระหว่างโอลิเวอร์กับเฮนด์เซน แม้ว่าหลายคนที่มาถึง จะมีจำนวนเป็นล้านแต่ทั้งหมดถูกแบ่งเป็นเขตๆ ค่อนข้างเคร่งครัด แต่ละเขตจะมีทหารรักษาการณ์ยืนเฝ้า
ภูเขาทุสคอนไม่มีผู้คนอยู่บนภูเขาแต่อย่างใด แต่อากาศเหนือเขาทุสคอนมีลินลี่ย์ลอยตัวอยู่ในอากาศ
แม้แต่ขุนนางชนชั้นสูงก็ยังยืนอยู่ห่างเชิงเขาทุสคอนออกไปหลายร้อยเมตรมีทหารเมืองเฝ้ารักษาการณ์โดยรอบด้าน
วอร์ตันบาร์เกอร์และน้องๆ อยู่ข้างหน้าเป็นธรรมดา ค่อนข้างติดกับจักรพรรดิโจฮันน์ ขณะที่เดเลียและอาจารย์ลองฮอสอยู่ใกล้กับกลุ่มของวอร์ตัน
วอร์ตันและเดเลียเงยหน้าจ้องดูร่างของลินลี่ย์ด้วยความกังวล
“พี่ข้าจะต้องชนะอย่างแน่นอน” วอร์ตันพึมพำในใจเงียบๆ
อาจารย์ลองฮอสแตะไหล่ของเดเลียอย่างนุ่มนวล เดเลียมองอาจารย์ของนาง ตาของนางแดงระเรื่อ เดเลียรู้สึกกดดันอยู่ในใจ
“ไม่เป็นไร ลินลี่ย์จะไม่เป็นไร” อาจารย์ลองฮอสพูดปลอบโยน
“เขาจะไม่เป็นไรแน่นอน” เดเลียรำพึงกับตัวเองเบาๆ ขณะที่นางมองดูบนเขาทุสคอนอีกครั้ง
“บ้าเอ๊ย.. ทำไมเฮนด์เซนถึงยังไม่มา?” เกทส์สบถอย่างเหลืออด เขาไม่สนใจเซียนดาบจ้าวภูผาแม้แต่น้อยและสบถใส่ตามอำเภอใจ
ตอนนี้วอร์ตันพ่อบ้านแอชลี่ย์ ฮิลแมน เดเลีย บาร์เกอร์และน้องๆ เจน รีเบ็คกาและลีนา ทุกคนหวังอยู่เงียบๆ และสวดอวยพรให้ลินลี่ย์ชนะ
“สำหรับลินลี่ย์จะเอาชนะได้ คงจะยากมากๆ” ร่างในชุดยาวสีเทาปรากฏอยู่ข้างพวกเขา
“โอลิเวอร์?” วอร์ตันและเกทส์จ้องมองบุรุษผู้นี้อย่างประหลาดใจ
โอลิเวอร์กลับมามีชีวิตได้!
หน้าของโอลิเวอร์ยังซีด แต่ราศีของเขาสำรวมกว่าเมื่อก่อน บลูเมอร์ยืนอยู่ข้างเขา โอลิเวอร์มองวอร์ตันจากนั้นพูดอย่างสงบ “พลังป้องกันของเฮนด์เซนนั้นทรงพลังมากและพลังโจมตีของเขาก็ประหลาดมากเช่นกัน เจ้าคงจะจำได้เมื่อครั้งที่ข้าสู้กับเขา แขนของข้าหักจากการแทงกระบี่โจมตีเขา พลังของเขาเหนือกว่าข้ามาก นอกจากนี้พลังจิตของเขาก็มีพลังมากเช่นกัน และเขายังรวดเร็วมาก... เขาแทบไม่มีที่ติ จะเอาชนะเขาให้ได้เป็นเรื่องที่ยาก”
“โอลิเวอร์, ใต้เท้าของเราไม่ใช่เจ้า” เกทส์พูดอย่างไม่พอใจ
โอลิเวอร์หัวเราะอย่างใจเย็นและเงียบ เขาเดินไปพร้อมกับน้องชายของเขาอีกที่หนึ่งรอการต่อสู้ที่จะมาถึงอย่างเงียบสงบ
“ท่านเฮนด์เซนมาถึงแล้ว!” เสียงตะโกนอย่างประหลาดใจดังมาจากที่ใดที่หนึ่งในคลื่นมหาชนที่นับไม่ถ้วน
ทุกคนหันไปจ้องดูร่างที่กำลังบินมาด้วยความเร็วสูงจากทิศตะวันออก ในพริบตาเฮนด์เซนก็ปรากฏตัวอยู่เหนืออากาศภูเขาทุสคอนยืนอยู่ด้านตรงข้ามลินลี่ย์
ตอนนี้ลินลี่ย์และเฮนด์เซนอยู่ห่างจากพื้นพันเมตร
ชาวทวีปยูลานทุกคนมีสายตาดีในช่วงที่มีแสงตะวัน พวกเขาจะเห็นร่างทั้งสองอยู่ห่างจากพื้นไปพันเมตรได้ชัดเจน
มือของเดเลียกุมประสานกันแน่นและฝ่ามือนางเปียกชื้น
ขณะนี้เองไม่มีใครสักคนในผู้ชมเป็นล้านรอบภูเขาทุสคอนส่งเสียง ดูเหมือนพวกเขาทุกคนกำลังกลั้นหายใจเนื่องจากทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น
สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่สองร่างที่ลอยสูงอยู่ในอากาศ
“ลินลี่ย์, เจ้ามาถึงเร็วนัก” เฮนด์เซนทักทายตามปกติขณะที่ยังลอยตัวอยู่ในอากาศ
ลินลี่ย์เพียงแต่มองเขาอย่างใจเย็น สายลมเฉื่อยอยู่รอบตัวของเขา ลินลี่ย์ในตอนนี้ยังอยู่ในร่างมนุษย์ เหตุผลที่เขาสามารถบินได้เป็นเพราะเขาใช้เวทลมระดับเก้าเงาลมอยู่ก่อนแล้ว
เวททะยานฟ้าเป็นวิชาระดับเจ็ด ขณะที่เวทปีกอากาศเป็นเวทระดับแปด เวทเงาลมเป็นเวทระดับเก้าผสานกับวิชาปีกอากาศและเวทความเร็วเสียง เมื่อใช้เวทเหล่านี้ไม่เพียงสามารถบินได้เท่านั้น แต่นักสู้ยังมีความเร็วอย่างน่าประหลาด
ลินลี่ย์ถอดชุดชั้นนอกออกเก็บไว้ในแหวนมิติเก็บสมบัติ จากนั้นจ้องมองเฮนด์เซนอย่างเย็นชา “ท่านเฮนด์เซน,เลิกพูดไร้สาระเถอะ เตรียมตัวสู้กันได้แล้ว” ขณะที่พูด ร่างของลินลี่ย์เริ่มมีเกล็ดดำปกคลุม และหนามแหลมปรากฏจากศอก เข่าหน้าผากและแนวสันหลัง หางมังกรงอกจากด้านหลังเขาและดวงตาสีทองเข้มจ้องมองเฮนด์เซน
“โอว, ชื่นใจจริงๆ มาเถอะ, อย่างนั้น...มาดูกันว่าเจ้ามีคุณสมบัติทำให้ข้าชักดาบได้หรือไม่!” เซียนจ้าวภูผาเฮนด์เซนมองดูลินลี่ย์ด้วยสายตามั่นใจ เขาหัวเราะอย่างใจเย็นและพูดด้วยน้ำเสียงกังวาน