ตอนที่ 9-27 ทูตพิเศษแห่งจักรวรรดิยูลาน
หมีที่ดูน่ารักหัวเราะเช่นกัน “ใช่ ใช่แล้วแทบจะทันทีที่เดเลียรู้ว่าเจ้าลินลี่ย์อยู่ที่นี่ นางก็เริ่มวางแผนมาที่นี่ทันทีเหมือนกัน”
“พี่เหลือง, เจ้าอยากตายใช่ไหม?” เดเลียจับหูของมัน
“ไม่เจ็บเลย ฮ่าฮ่า มันไม่เจ็บ” หมีใหญ่พูดอย่างดีใจ
“ฮึ่ม” เดเลียย่นจมูกและบุ้ยปาก “พี่เหลือง ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งมากจริงไหม? เจ้าเป็นหมีปฐพีและเจ้าก็หนังหนาเจ้าไม่กลัวถูกบิดหู” ขณะที่นางพูด นางเดินมาหยุดอยู่ข้างบุรุษวัยกลางคนโดยไม่สนใจหมี
หมีใหญ่ลูบหัวของมันและพูดด้วยเสียงทุ้มน่ารัก “เดเลียจ๋า, อย่าโกรธไปเลย ข้าผิดไปแล้ว ตกลงนะ?”
เดเลียมองมันและเริ่มหัวเราะ
“ฮัตตัน, เดเลียแค่ล้อเจ้าเล่น นางไม่โกรธใครง่ายๆ หรอก” บุรุษวัยกลางคนพูดและหัวเราะอย่างใจเย็น และจากนั้นจึงหันไปจ้องดูฟ้า “แพร์รีย์กำลังจะกลับมาแล้ว”
บนท้องฟ้าเหยี่ยวตัวหนึ่งกางปีกยาวห้าหรือหกเมตรโฉบลงมาที่เรือด้วยความเร็วสูงและดูเหมือนมันเคลื่อนไหวด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า ตาของมันสีทองและขนบนหัวของมันสีน้ำเงิน มันมีลักษณะที่ดุร้ายมาก
นี่คืออสูรเวทระดับเก้า– เหยี่ยวพายุสายฟ้า
ทหารบนเรือไม่ได้ขัดขวางมัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจำเหยี่ยวพายุสายฟ้านี้ได้ มันบินลงมาอยู่ข้างเดเลียและคนอื่น
“พายุน้อย, เจ้าได้อะไรมาบ้าง?” เดเลียลูบศีรษะของเหยี่ยวพายุสายฟ้าอย่างเอ็นดู
เหยี่ยวพายุสายฟ้ารวบปีกยืดตัวขึ้นพอมันยืดตัวจะมีความสูง 2 เมตร ตอนนี้เหยี่ยวพายุสายฟ้าดีใจที่เดเลียให้ความสนใจมัน มันพริ้มตาลงขณะที่เดเลียลูบศีรษะของมัน
“แพร์รี่ย์, มาที่นี่เลย”หมีใหญ่พูดอย่างไม่พอใจ
เหยี่ยวพายุสายฟ้าชำเลืองมองหมีใหญ่จากนั้นเข้าไปหามันอย่างว่าง่าย หมีปฐพีเป็นอสูรเวทระดับเซียนและเป็นสัตว์ประเภทที่มีพละกำลังมาก
ความจริงทั้งหมีปฐพีและเหยี่ยวพายุสายฟ้าเป็นอสูรเวทคู่หูของบุรุษวัยกลางคน เขาเป็นเซียนจอมเวทแห่งจักรวรรดิยูลานชื่อว่าลองฮอส
ท่านลองฮอสเป็นจอมเวทธาตุลม
นักเวทธาตุลมมีความน่ากลัวมาก เมื่อลองฮอสได้เหยี่ยวพายุสายฟ้าของเขาในเทือกเขาอาทิตย์อัสดงค์ เขาต้องใช้เวทคมมีดมิติจึงจะทำร้ายหมีปฐพีนี้จนบาดเจ็บหนักได้
พลังรุกของเวทคมมีดมิติน่ากลัวมากสามารถตัดผ่านผนังกำแพงแห่งความเป็นจริงได้ด้วยตัวมันเอง
เผชิญกับการโจมตีแบบนี้แม้แต่นักสู้ระดับเซียนชั้นสูงอย่างเฮนด์เซนก็อาจถูกตัดขาดเป็นสองส่วน นอกจากนี้จอมเวทสายธาตุลมยังควบคุมสายลมในระดับที่น่ากลัวและสามารถเคลื่อนไหวได้เร็ว
กล่าวกันง่ายๆก็คือเมื่อให้เวลาเพียงพอ เซียนจอมเวทสามารถเอาชนะเซียนนักรบได้อย่างง่ายดาย แต่เซียนนักรบก็ไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นจอมเวทส่วนใหญ่จะพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้อสูรเวทระดับเซียนมาครอง
อนิจจาการจับอสูรเวทระดับเซียนเป็นเรื่องที่ยากเกินไป
เดเลียยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือจับสร้อยคอเล่นขณะที่นางมองไปทางทิศตะวันออก สายลมแผ่วเบาพัดผมนางสยายนางมีอิริยาบถเคลื่อนไหวที่งดงาม แม้แต่พวกนักรบที่อยู่ด้านข้างดอจ้องมองนางอย่างตื่นเต้นมิได้
เดเลียเป็นผู้มีชื่อเสียงมากในทวีปยูลานนางเป็นอัจฉริยะที่เป็นจอมเวทระดับเจ็ดขณะอายุได้ 22 ปี นอกจากนี้นางยังมีตระกูลที่ทรงอำนาจมากหนุนหลังนางและเซียนจอมเวทลองฮอสได้รับนางไว้เป็นศิษย์ ว่ากันในเรื่องของรูปลักษณ์ นางอาจถูกจัดอยู่ในสิบอันดับแรกหญิงงามในเมืองหลวงเช่นกัน หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมโดดเด่นย่อมมีคนตามติดพันมากมาย
แต่น่าเสียดายเดเลียปฏิเสธไปหมดทุกคน
เพราะตระกูลของนางและเพราะนางเติบโตในเมืองหลวงเดเลียจึงฉลาดในการพูดและตัดสินความตั้งใจของคนอื่นๆ ได้ตั้งแต่ได้ทราบข่าวการต่อสู้ของลินลี่ย์กับโอลิเวอร์ที่แพร่กระจายอยู่ทั่วจักรวรรดิยูลาน เดเลียคิดแผนไม่หยุด ในที่สุดก็โน้มน้าวจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิยูลานให้ส่งทูตพิเศษไปจักรวรรดิโอเบรียน
ก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้ามาพวกเขาได้แจ้งจักรวรรดิโอเบรียนแล้ว และได้รับการตอบตกเป็นธรรมดา
“เมืองแชนน์...” เดเลียพึมพำ
สถานที่ครอบครองความฝันของนางฝันถึงบุคคลที่นางปรารถนารอคอย
สายน้ำยังคงไหลรี่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว บนดาดฟ้าเรือ หมีปฐพีและเหยี่ยวพายุสายฟ้ายืนเคียงข้างเดเลียขณะที่เรือมหึมายังแล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
ในไม่ช้าเรือก็หายลับเส้นขอบฟ้าขณะที่แล่นไปตามแม่น้ำแชนน์
ข่าวที่ว่าทูตพิเศษจากจักรวรรดิยูลานกำลังเดินทางมาแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงโดยเร็ว ขณะที่ราชวงศ์และขุนนางก็ทราบข่าวนี้ด้วยเช่นกัน แต่เท่าที่ชาวเมืองหลวงกังวลอยู่ในตอนนี้พวกเขาห่วงอยู่สองเรื่อง
พวกเขาเพียงแต่กังวลเรื่องการประลองใหญ่สองครั้ง
การประลองครั้งแรกคือการประลองที่เกิดขึ้นระหว่างเซียนกระบี่อัจฉริยะ,โอลิเวอร์และเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน การประลองครั้งที่สองจะเกิดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้าระหว่างลินลี่ย์นักรบเลือดมังกรและเฮนด์เซนเซียนดาบจ้าวภูผา
หรือว่าลินลี่ย์จะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของโอลิเวอร์ผู้ประลองคนก่อน?หรือว่าเขาจะจบลงด้วยหายนะอย่างเดียวกัน?
ไม่มีใครรู้
แต่ในใจของประชาชนชาวจักรวรรดิ เกือบทั้งหมดเชื่อว่าเฮนด์เซนผู้แข็งแกร่งที่สุดจะได้รับชัยชนะอีกครั้ง
ถนนโบลเดอร์ในพื้นที่ของเคานท์วอร์ตัน
“ในอีกสามเดือน ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้รบกวนลินลี่ย์เว้นแต่มีเรื่องสำคัญ!” ประกาศนี้มาจากเจ้าของคฤหาสน์ตั้งแต่คืนพายุนั้น
บรรยากาศในคฤหาสน์ตึงเครียดมาก
ในลานฝึกฝนหลังคฤหาสน์ วอร์ตันฝึกเป็นเวลาสั้นๆ จากนั้นก็ไม่มีอารมณ์ฝึกต่อ เขาวางดาบศึกประหารปรปักษ์ไว้ข้างตัวจากนั้นนั่งลงอย่างไม่สบายใจ
“เฮนด์เซนนั่นก็เกินไป” วอร์ตันสบถ ตราบใดที่เขาคิดถึงเรื่องลินลี่ย์ เขาจะเริ่มกังวล “เฮนด์เซน ถ้าเจ้าอดทนมากนักทำไมเจ้าไม่รออีกสักสิบปีให้พี่ข้าบรรลุระดับเซียนในร่างมนุษย์เสียก่อนแล้วค่อยประลองกับพี่ชายข้า! ประลองตอนนี้ไปจะมีประโยชน์อะไร”
“แม่มันเอ๊ย, เขาไม่เพียงแต่จะทำเกินไป,ยังเป็นตัวที่น่ารังเกียจอีกด้วย!”
เกทส์เดินเข้ามาและพูดอย่างโมโห “มีเซียนมากมายอยู่ในจักรวรรดิและวิทยาลัยเทพสงครามก็มียอดฝีมืออยู่หลายคนเช่นกัน ทำไมเฮนด์เซนไม่ไปท้าทายพวกเขา?กลับมาท้าทายใต้เท้า ใต้เท้าเพิ่งจะอายุยี่สิบเจ็ดปี แต่เฮนด์เซนผู้นั้นอายุหลายร้อยปีแล้ว”
“สาปแช่งเขาไปก็ไม่มีประโยชน์”
บาร์เกอร์เดินเข้ามาหาวางขวานยักษ์ด้ามยาว “ใต้เท้าเห็นดีด้วยกับการประลองกับเฮนด์เซน ตอนนี้ทางเลือกอย่างเดียวของเขาก็คือหวังว่าใต้เท้าจะเอาชนะได้”
“ใต้เท้าจะต้องชนะแน่นอน”
เกทส์กำหมัดและเหวี่ยงใส่อากาศหลายคราและพูดด้วยความโกรธ “ข้าปฏิเสธจะเชื่อว่าอวัยวะภายในของเฮนด์เซนจะถูกป้องกันไว้ด้วยพลังป้องกันภายนอกของเขา ยิ่งกว่านั้นเรื่องที่แปลกก็คือสิ่งที่ใต้เท้าได้พัฒนาขึ้นเมื่อไม่นานมานี้มันลึกลับจริงๆต้องเป็นวิชาที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
เกทส์และคนอื่นๆไม่เข้าใจจริงๆ ว่าชีพจรคุ้มกันนั้นทรงพลังมากเพียงใด
ลินลี่ย์อยู่ในลานฝึกส่วนตัวของเขา ตอนนี้ เขานั่งทำสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งเป็นการฝึกฝนให้สอดคล้อยกับคัมภีร์ลับเลือดมังกร ตอนนี้ ลินลี่ย์มีความเข้าใจระดับสูงแล้ว ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือปราณยุทธ
เมื่อใดก็ตามที่ลินลี่ย์เวลาว่าง เขาจะฝึกปราณยุทธพยายามดูดซับพลังงานจากเลือดมังกรในสายเลือดของเขาให้มากเท่าที่เป็นไปได้ จนกว่าจะบรรลุระดับเซียน การฝึกปราณยุทธความจริงไม่จำเป็นต้องเพ่งสมาธิมากเกินไป ตราบใดที่ฝึกตามวิธีที่ระบุไว้แค่นั้นย่อมเพียงพอ ดังนั้นตอนนี้ลินลี่ย์กำลังไตร่ตรองถึงปัญหาอื่นในใจ
“ครั้งสุดท้าย เมื่อข้าเผชิญหน้ากับเฟนศิษย์คนโตของเทพสงครามและเมื่อข้าเผชิญหน้ากับเทพสงคราม ข้าพบว่าพวกเขาทั้งสองมีความสามารถโจมตีถึงพลังวิญญาณได้ โอลิเวอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญจนสร้างพลังโจมตีเช่นนั้น มีแนวโน้มว่ามีหลายคนที่เชี่ยวชาญในวิชารูปแบบนี้ ข้าควรจะพัฒนาการโจมโตฐานวิญญาณในลักษณะนี้ดีไหม? ถึงข้าไม่ทำอย่างน้อยข้าก็ควรเรียนรู้วิธีป้องกันดีไหม?”
ขณะที่ฝึกปราณยุทธของเขาลินลี่ย์ยังคงตั้งคำถามนี้ในใจของเขา
หลักการพื้นฐานของการโจมตีฐานวิญญาณคืออะไร?
และนักสู้จะป้องกันได้อย่างไร?
ขณะที่ลินลี่ย์คิดและฝึก แฮรุนอนพักอยู่กับพื้นส่วนบีบีขดตัวนอนอยู่บนหลังแฮรุอย่างสบาย ตาของมันปรือ
“บีบีเจ้าคิดว่าเจ้านายจะเอาชนะเฮนด์เซนในการประลองได้ไหม?” แฮรุพูดเบาๆ
“ธรรมดา” บีบีลืมตาและพูดอย่างมั่นใจ
แต่จากนั้นบีบีพูดเสียงเบา “แต่แน่นอนว่าเฮนด์เซนนั้นดูเหมือนจะแข็งแกร่งเช่นกัน แต่ไม่ว่ายังไง ถ้าพี่ใหญ่สู้จนถึงกับเจียนตายในการประลองกับเฮนด์เซน ข้าบีบี จะบุกช่วยทันที ฮึ่ม.. สองคืนที่แล้วทุกคนเอาแต่ดูโอลิเวอร์ถูกเล่นงานปางตาย เขายังไม่ฟื้นจนป่านนี้ ข้าไม่ยอมให้พี่ใหญ่ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น
“นั่นเป็นการละเมิดกฎไม่ใช่หรือ?” แฮรุพูดอย่างสงสัย
เมื่อคนสองคนประลองกันไม่ว่าแพ้หรือชนะ คนอื่นจะไม่เข้าไปแทรกแซง
“กฎบ้าบออะไรกัน โลกนี้ใหญ่และสวรรค์ก็ใหญ่กว่า แต่ไม่มีอะไรใหญ่กว่าพี่ใหญ่ กฎเหล่านั้นจะสำคัญเทียบกับชีวิตพี่ใหญ่ได้ยังไง?” บีบีพูดอย่างลำพอง “นอกจากนี้ แล้วยังไงเล่าถ้าบีบีจะเข้าไปแทรกแซง? พี่ใหญ่ข้าเป็นจอมเวท เจ้าก็รู้! เมื่อจอมเวทประลองกับนักรบ พวกเขาจะใช้อสูรเวทเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าข้าแทรกแซง นั่นก็ไม่ใช่การละเมิดกฎ” ขณะที่เขาพูด บีบีรู้สึกเหมือนกับว่าข้อโตแย้งของเขามีประโยชน์มากและเขาหัวเราะอย่างดีใจ
ประตูเมืองหลวงเปิดออก เส้นทางจากพระราชวังไปยังประตูด้านทิศตะวันออกของเมืองเรียงรายไปด้วยทหารจากกองทัพจักรวรรดิโดยแบ่งออกเป็นสองแนวแถวในแต่ละด้านของถนน
อัศวินของวังหลวงตั้งแถวเรียงรายตามอยู่ด้านหลังรถประทับของจักรพรรดิ มีขุนนางจำนวนมากเดินตามหลังพวกเขา
ยอดฝีมือระดับเซียนของวิทยาลัยเทพสงครามเคนยอนและแลงค์มาด้วยกันทั้งคู่
ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขารู้ว่าผู้แทนจากจักรวรรดิยูลานมีจอมเวทระดับเซียนอยู่ด้วย ถ้าฝ่ายของพวกเขาไม่มีนักสู้ระดับเซียนปรากฏ อย่างนั้นฝ่ายของพวกเขาจะดูอ่อนแอกว่า
“ทำไมพวกเขายังไม่มาถึงนี่?” จักรพรรดิโจฮันน์ตรัสกับมหาดเล็กที่อยู่ใกล้ๆอย่างไม่สบายใจ
“ฝ่าบาทเรือของทูตพิเศษแห่งจักรวรรดิยูลานเตรียมจะเทียบท่าแม่น้ำแล้วพระเจ้าค่ะ พวกเขาจะมาถึงนี่ในไม่ช้า” มหาดเล็กทูลด้วยความเคารพ
จักรพรรดิโจฮันน์พยักหน้า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสองประเทศมหาอำนาจที่ทรงพลังที่สุดในทวีปยูลานก็คือจักรวรรดิยูลานและจักรวรรดิโอเบรียน จักรพรรดิโจฮันน์ปรารถนามากว่าจักรวรรดิโอเบรียนของพระองค์เองสามารถอยู่เหนือกว่าจักรวรรดิยูลาน
แต่อนิจจา จักรวรรดิยูลานก็มีจุดแข็งของตนเองเช่นกัน
จักรวรรดิยูลานดำรงคงอยู่มาเกินกว่าหมื่นปีแล้วและเป็นประเทศเก่าแก่ นอกจากนี้จักรวรรดิยูลานกลายเป็นแหล่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับนักเวท ถ้าจักวรรดิโอเบรียนมีนักสู้ระดับเซียนมากที่สุด อย่างนั้นจักรวรรดิยูลานก็พูดได้ว่าพวกเขามีจอมเวทระดับเซียนอยู่หลายคน
ที่สำคัญจอมเวทระดับเซียนมีพลังคุกคามได้มากกว่านักสู้ระดับเซียน ตัวอย่างเช่น จอมเวทระดับเซียนสายธาตุลมลองฮอส แม้แต่เฮนด์เซนก็ยังไม่กล้าพูดว่าเขามั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้ ที่สำคัญตราบใดที่ลองฮอสมีเวลาเตรียมตัวสักเล็กน้อย เวทคมมีดมิติของเขาสามารถตัดเฮนด์เซนขาดเป็นสองท่อนได้
“พวกเขามาถึงนี่แล้ว!”
ผู้ชมหลายคนชาวจักรวรรดิโอเบรียนเห็นเรือลำมหึมาเข้าเทียบท่า เมื่อพวกเขาเห็นหมีที่น่ารักอยู่บนดาดฟ้าเรือขณะที่เหยี่ยวตัวใหญ่ก็อยู่ด้วยเช่นกัน หลายๆ คนรู้สึกประหลาดใจ
“หมีปฐพี? กับเหยี่ยวพายุสายฟ้า?”
เคนยอนและแลงค์มองหน้ากัน พวกเขาอดประหลาดใจไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะรวมพลังกัน พวกเขาไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะหมีปฐพีระดับเซียนได้
เดเลียอยู่ในชุดยาวงดงามและยืนอยู่ข้างเซียนจอมเวทสายธาตุลมลองฮอส พวกเขาขึ้นฝั่งด้วยกันและด้านหลังพวกเขามีอสูรเวทสองตัวนักรบบนเรือและอสูรเวทของนักรบ
“แคล้ง!”
อัศวินของจักรวรรดิแปรขบวนเป็นสองแถวขณะเดียวกันก็ชูหอกขึ้นในอากาศ อัศวินเหล่านี้ถูกคัดเลือกมาจากอัศวินประจำวังที่ดีที่สุด ทุกคนเป็นนักรบระดับเจ็ด และนายกองของพวกเขาเป็นนักรบระดับแปด
“อาจารย์,นักรบของจักรวรรดิโอเบรียนทรงพลังมากกว่าของจักรวรรดิยูลานจริงๆ พวกเขามีราศีที่แตกต่างกัน ของพวกเราค่อนข้างจะเหลวไหลไปเล็กน้อย” เดเลียคุยกับอาจารย์ของนางเงียบๆราวกับว่าไม่มีใครอื่นปรากฏ
ลองฮอสพยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน
เมืองหลวงของจักรวรรดิยูลานเป็นเมืองที่เก่าแก่มาก และตระกูลเก่าแก่ของเมืองหลวงก็เอาแต่สนุกสนานกับชีวิต ตรงกันข้าม จักรวรรดิโอเบรียนคือประเทศของนักรบ และพวกเขาทุกคนต่างพยายามเอาชนะกันและกัน มิน่าเล่าถึงได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศมหาอำนาจทางทหารที่แข็งแกร่งที่สุด
จักรพรรดิโจฮันน์ แลงค์ เคนยอนและมหาดเล็กประจำวังออกมาต้อนรับพวกเขา
“เดเลีย เลโอนใช่ไหม? ฮ่าฮ่า..” จักรพรรดิโจฮันน์ทรงพระสรวลเสียงดัง
เดเลียถอนสายบัวอย่างนอบน้อม “ทูตพิเศษเดเลียแห่งจักรวรรดิยูลานขอถวายบังคมท่านผู้ปกครองจักรวรรดิโอเบรียน,จักรพรรดิโจฮันน์ หม่อมฉันขออวยพรด้วยความจริงใจและขอส่งความปรารถนาดีในนามของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิยูลาน”
“จักรพรรดิโจฮันน์ นี่คืออาจารย์ของข้า เซียนจอมเวทลองฮอส” เดเลียยิ้มขณะที่นางแนะนำตัว
จักรพรรดิโจฮันน์มองดูอาจารย์ลองฮอส “ข้ามีความสุขมากที่ได้พบกับท่านอาจารย์ลองฮอส”
“ข้าพระองค์รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พระองค์เช่นกันจักรพรรดิโจฮันน์” ลองฮอสพูดพลางยิ้ม
เดเลียอดมองดูรอบๆนางมิได้ แววผิดหวังปรากฏอยู่ในดวงตานาง นางไม่พบคนที่นางกำลังมองหา แต่ขณะเดียวกัน นางทูลจักรพรรดิโจฮันน์ “จักรพรรดิโจฮันน์ ท่านทั้งสองนี้คงเป็นยอดฝีมือระดับเซียนใช่ไหม? พระองค์แนะนำให้หม่อมฉันรู้จักได้ไหม?”
ก่อนที่เดเลียจะมาถึง นางก็ได้รับข้อมูลมาบ้างแล้ว และนางรู้เรื่องของเคนยอนและแลงค์อยู่บ้าง
ทูตพิเศษเดเลียแห่งจักรวรรดิยูลาน และเซียนจอมเวทสายธาตุลมและคนอื่นๆ ตอนนี้จัดขบวนเดินเข้าเมืองหลวงแชนน์ที่ซึ่งมีการต้อนรับครั้งใหญ่รอพวกเขาอยู่