ตอนที่แล้วตอนที่ 9-26 เวลาและสถานที่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9-28 เดเลีย

ตอนที่ 9-27 ทูตพิเศษแห่งจักรวรรดิยูลาน


หมีที่ดูน่ารักหัวเราะเช่นกัน  “ใช่ ใช่แล้วแทบจะทันทีที่เดเลียรู้ว่าเจ้าลินลี่ย์อยู่ที่นี่ นางก็เริ่มวางแผนมาที่นี่ทันทีเหมือนกัน”

“พี่เหลือง, เจ้าอยากตายใช่ไหม?”  เดเลียจับหูของมัน

“ไม่เจ็บเลย ฮ่าฮ่า มันไม่เจ็บ” หมีใหญ่พูดอย่างดีใจ

“ฮึ่ม” เดเลียย่นจมูกและบุ้ยปาก  “พี่เหลือง ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งมากจริงไหม?  เจ้าเป็นหมีปฐพีและเจ้าก็หนังหนาเจ้าไม่กลัวถูกบิดหู” ขณะที่นางพูด  นางเดินมาหยุดอยู่ข้างบุรุษวัยกลางคนโดยไม่สนใจหมี

หมีใหญ่ลูบหัวของมันและพูดด้วยเสียงทุ้มน่ารัก  “เดเลียจ๋า, อย่าโกรธไปเลย  ข้าผิดไปแล้ว ตกลงนะ?”

เดเลียมองมันและเริ่มหัวเราะ

“ฮัตตัน, เดเลียแค่ล้อเจ้าเล่น  นางไม่โกรธใครง่ายๆ หรอก”  บุรุษวัยกลางคนพูดและหัวเราะอย่างใจเย็น  และจากนั้นจึงหันไปจ้องดูฟ้า  “แพร์รีย์กำลังจะกลับมาแล้ว”

บนท้องฟ้าเหยี่ยวตัวหนึ่งกางปีกยาวห้าหรือหกเมตรโฉบลงมาที่เรือด้วยความเร็วสูงและดูเหมือนมันเคลื่อนไหวด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า ตาของมันสีทองและขนบนหัวของมันสีน้ำเงิน มันมีลักษณะที่ดุร้ายมาก

นี่คืออสูรเวทระดับเก้า– เหยี่ยวพายุสายฟ้า

ทหารบนเรือไม่ได้ขัดขวางมัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจำเหยี่ยวพายุสายฟ้านี้ได้  มันบินลงมาอยู่ข้างเดเลียและคนอื่น

“พายุน้อย, เจ้าได้อะไรมาบ้าง?”  เดเลียลูบศีรษะของเหยี่ยวพายุสายฟ้าอย่างเอ็นดู

เหยี่ยวพายุสายฟ้ารวบปีกยืดตัวขึ้นพอมันยืดตัวจะมีความสูง 2 เมตร ตอนนี้เหยี่ยวพายุสายฟ้าดีใจที่เดเลียให้ความสนใจมัน  มันพริ้มตาลงขณะที่เดเลียลูบศีรษะของมัน

“แพร์รี่ย์, มาที่นี่เลย”หมีใหญ่พูดอย่างไม่พอใจ

เหยี่ยวพายุสายฟ้าชำเลืองมองหมีใหญ่จากนั้นเข้าไปหามันอย่างว่าง่าย  หมีปฐพีเป็นอสูรเวทระดับเซียนและเป็นสัตว์ประเภทที่มีพละกำลังมาก

ความจริงทั้งหมีปฐพีและเหยี่ยวพายุสายฟ้าเป็นอสูรเวทคู่หูของบุรุษวัยกลางคน เขาเป็นเซียนจอมเวทแห่งจักรวรรดิยูลานชื่อว่าลองฮอส

ท่านลองฮอสเป็นจอมเวทธาตุลม

นักเวทธาตุลมมีความน่ากลัวมาก  เมื่อลองฮอสได้เหยี่ยวพายุสายฟ้าของเขาในเทือกเขาอาทิตย์อัสดงค์ เขาต้องใช้เวทคมมีดมิติจึงจะทำร้ายหมีปฐพีนี้จนบาดเจ็บหนักได้

พลังรุกของเวทคมมีดมิติน่ากลัวมากสามารถตัดผ่านผนังกำแพงแห่งความเป็นจริงได้ด้วยตัวมันเอง

เผชิญกับการโจมตีแบบนี้แม้แต่นักสู้ระดับเซียนชั้นสูงอย่างเฮนด์เซนก็อาจถูกตัดขาดเป็นสองส่วน  นอกจากนี้จอมเวทสายธาตุลมยังควบคุมสายลมในระดับที่น่ากลัวและสามารถเคลื่อนไหวได้เร็ว

กล่าวกันง่ายๆก็คือเมื่อให้เวลาเพียงพอ เซียนจอมเวทสามารถเอาชนะเซียนนักรบได้อย่างง่ายดาย  แต่เซียนนักรบก็ไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นจอมเวทส่วนใหญ่จะพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้อสูรเวทระดับเซียนมาครอง

อนิจจาการจับอสูรเวทระดับเซียนเป็นเรื่องที่ยากเกินไป

เดเลียยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือจับสร้อยคอเล่นขณะที่นางมองไปทางทิศตะวันออก  สายลมแผ่วเบาพัดผมนางสยายนางมีอิริยาบถเคลื่อนไหวที่งดงาม แม้แต่พวกนักรบที่อยู่ด้านข้างดอจ้องมองนางอย่างตื่นเต้นมิได้

เดเลียเป็นผู้มีชื่อเสียงมากในทวีปยูลานนางเป็นอัจฉริยะที่เป็นจอมเวทระดับเจ็ดขณะอายุได้ 22 ปี นอกจากนี้นางยังมีตระกูลที่ทรงอำนาจมากหนุนหลังนางและเซียนจอมเวทลองฮอสได้รับนางไว้เป็นศิษย์  ว่ากันในเรื่องของรูปลักษณ์  นางอาจถูกจัดอยู่ในสิบอันดับแรกหญิงงามในเมืองหลวงเช่นกัน  หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมโดดเด่นย่อมมีคนตามติดพันมากมาย

แต่น่าเสียดายเดเลียปฏิเสธไปหมดทุกคน

เพราะตระกูลของนางและเพราะนางเติบโตในเมืองหลวงเดเลียจึงฉลาดในการพูดและตัดสินความตั้งใจของคนอื่นๆ ได้ตั้งแต่ได้ทราบข่าวการต่อสู้ของลินลี่ย์กับโอลิเวอร์ที่แพร่กระจายอยู่ทั่วจักรวรรดิยูลาน  เดเลียคิดแผนไม่หยุด ในที่สุดก็โน้มน้าวจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิยูลานให้ส่งทูตพิเศษไปจักรวรรดิโอเบรียน

ก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้ามาพวกเขาได้แจ้งจักรวรรดิโอเบรียนแล้ว และได้รับการตอบตกเป็นธรรมดา

“เมืองแชนน์...”  เดเลียพึมพำ

สถานที่ครอบครองความฝันของนางฝันถึงบุคคลที่นางปรารถนารอคอย

สายน้ำยังคงไหลรี่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว  บนดาดฟ้าเรือ หมีปฐพีและเหยี่ยวพายุสายฟ้ายืนเคียงข้างเดเลียขณะที่เรือมหึมายังแล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง

ในไม่ช้าเรือก็หายลับเส้นขอบฟ้าขณะที่แล่นไปตามแม่น้ำแชนน์

ข่าวที่ว่าทูตพิเศษจากจักรวรรดิยูลานกำลังเดินทางมาแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงโดยเร็ว ขณะที่ราชวงศ์และขุนนางก็ทราบข่าวนี้ด้วยเช่นกัน  แต่เท่าที่ชาวเมืองหลวงกังวลอยู่ในตอนนี้พวกเขาห่วงอยู่สองเรื่อง

พวกเขาเพียงแต่กังวลเรื่องการประลองใหญ่สองครั้ง

การประลองครั้งแรกคือการประลองที่เกิดขึ้นระหว่างเซียนกระบี่อัจฉริยะ,โอลิเวอร์และเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน การประลองครั้งที่สองจะเกิดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้าระหว่างลินลี่ย์นักรบเลือดมังกรและเฮนด์เซนเซียนดาบจ้าวภูผา

หรือว่าลินลี่ย์จะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของโอลิเวอร์ผู้ประลองคนก่อน?หรือว่าเขาจะจบลงด้วยหายนะอย่างเดียวกัน?

ไม่มีใครรู้

แต่ในใจของประชาชนชาวจักรวรรดิ เกือบทั้งหมดเชื่อว่าเฮนด์เซนผู้แข็งแกร่งที่สุดจะได้รับชัยชนะอีกครั้ง

ถนนโบลเดอร์ในพื้นที่ของเคานท์วอร์ตัน

“ในอีกสามเดือน ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้รบกวนลินลี่ย์เว้นแต่มีเรื่องสำคัญ!” ประกาศนี้มาจากเจ้าของคฤหาสน์ตั้งแต่คืนพายุนั้น

บรรยากาศในคฤหาสน์ตึงเครียดมาก

ในลานฝึกฝนหลังคฤหาสน์  วอร์ตันฝึกเป็นเวลาสั้นๆ  จากนั้นก็ไม่มีอารมณ์ฝึกต่อ  เขาวางดาบศึกประหารปรปักษ์ไว้ข้างตัวจากนั้นนั่งลงอย่างไม่สบายใจ

“เฮนด์เซนนั่นก็เกินไป” วอร์ตันสบถ  ตราบใดที่เขาคิดถึงเรื่องลินลี่ย์  เขาจะเริ่มกังวล  “เฮนด์เซน ถ้าเจ้าอดทนมากนักทำไมเจ้าไม่รออีกสักสิบปีให้พี่ข้าบรรลุระดับเซียนในร่างมนุษย์เสียก่อนแล้วค่อยประลองกับพี่ชายข้า! ประลองตอนนี้ไปจะมีประโยชน์อะไร”

“แม่มันเอ๊ย, เขาไม่เพียงแต่จะทำเกินไป,ยังเป็นตัวที่น่ารังเกียจอีกด้วย!”

เกทส์เดินเข้ามาและพูดอย่างโมโห  “มีเซียนมากมายอยู่ในจักรวรรดิและวิทยาลัยเทพสงครามก็มียอดฝีมืออยู่หลายคนเช่นกัน  ทำไมเฮนด์เซนไม่ไปท้าทายพวกเขา?กลับมาท้าทายใต้เท้า ใต้เท้าเพิ่งจะอายุยี่สิบเจ็ดปี แต่เฮนด์เซนผู้นั้นอายุหลายร้อยปีแล้ว”

“สาปแช่งเขาไปก็ไม่มีประโยชน์”

บาร์เกอร์เดินเข้ามาหาวางขวานยักษ์ด้ามยาว “ใต้เท้าเห็นดีด้วยกับการประลองกับเฮนด์เซน ตอนนี้ทางเลือกอย่างเดียวของเขาก็คือหวังว่าใต้เท้าจะเอาชนะได้”

“ใต้เท้าจะต้องชนะแน่นอน”

เกทส์กำหมัดและเหวี่ยงใส่อากาศหลายคราและพูดด้วยความโกรธ “ข้าปฏิเสธจะเชื่อว่าอวัยวะภายในของเฮนด์เซนจะถูกป้องกันไว้ด้วยพลังป้องกันภายนอกของเขา  ยิ่งกว่านั้นเรื่องที่แปลกก็คือสิ่งที่ใต้เท้าได้พัฒนาขึ้นเมื่อไม่นานมานี้มันลึกลับจริงๆต้องเป็นวิชาที่ไม่ธรรมดาแน่นอน

เกทส์และคนอื่นๆไม่เข้าใจจริงๆ ว่าชีพจรคุ้มกันนั้นทรงพลังมากเพียงใด

ลินลี่ย์อยู่ในลานฝึกส่วนตัวของเขา  ตอนนี้ เขานั่งทำสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งเป็นการฝึกฝนให้สอดคล้อยกับคัมภีร์ลับเลือดมังกร  ตอนนี้ ลินลี่ย์มีความเข้าใจระดับสูงแล้ว  ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือปราณยุทธ

เมื่อใดก็ตามที่ลินลี่ย์เวลาว่าง เขาจะฝึกปราณยุทธพยายามดูดซับพลังงานจากเลือดมังกรในสายเลือดของเขาให้มากเท่าที่เป็นไปได้  จนกว่าจะบรรลุระดับเซียน  การฝึกปราณยุทธความจริงไม่จำเป็นต้องเพ่งสมาธิมากเกินไป  ตราบใดที่ฝึกตามวิธีที่ระบุไว้แค่นั้นย่อมเพียงพอ  ดังนั้นตอนนี้ลินลี่ย์กำลังไตร่ตรองถึงปัญหาอื่นในใจ

“ครั้งสุดท้าย เมื่อข้าเผชิญหน้ากับเฟนศิษย์คนโตของเทพสงครามและเมื่อข้าเผชิญหน้ากับเทพสงคราม ข้าพบว่าพวกเขาทั้งสองมีความสามารถโจมตีถึงพลังวิญญาณได้ โอลิเวอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญจนสร้างพลังโจมตีเช่นนั้น มีแนวโน้มว่ามีหลายคนที่เชี่ยวชาญในวิชารูปแบบนี้  ข้าควรจะพัฒนาการโจมโตฐานวิญญาณในลักษณะนี้ดีไหม?  ถึงข้าไม่ทำอย่างน้อยข้าก็ควรเรียนรู้วิธีป้องกันดีไหม?”

ขณะที่ฝึกปราณยุทธของเขาลินลี่ย์ยังคงตั้งคำถามนี้ในใจของเขา

หลักการพื้นฐานของการโจมตีฐานวิญญาณคืออะไร?

และนักสู้จะป้องกันได้อย่างไร?

ขณะที่ลินลี่ย์คิดและฝึก  แฮรุนอนพักอยู่กับพื้นส่วนบีบีขดตัวนอนอยู่บนหลังแฮรุอย่างสบาย ตาของมันปรือ

“บีบีเจ้าคิดว่าเจ้านายจะเอาชนะเฮนด์เซนในการประลองได้ไหม?”  แฮรุพูดเบาๆ

“ธรรมดา” บีบีลืมตาและพูดอย่างมั่นใจ

แต่จากนั้นบีบีพูดเสียงเบา  “แต่แน่นอนว่าเฮนด์เซนนั้นดูเหมือนจะแข็งแกร่งเช่นกัน แต่ไม่ว่ายังไง ถ้าพี่ใหญ่สู้จนถึงกับเจียนตายในการประลองกับเฮนด์เซน  ข้าบีบี จะบุกช่วยทันที ฮึ่ม.. สองคืนที่แล้วทุกคนเอาแต่ดูโอลิเวอร์ถูกเล่นงานปางตาย เขายังไม่ฟื้นจนป่านนี้  ข้าไม่ยอมให้พี่ใหญ่ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น

“นั่นเป็นการละเมิดกฎไม่ใช่หรือ?”  แฮรุพูดอย่างสงสัย

เมื่อคนสองคนประลองกันไม่ว่าแพ้หรือชนะ คนอื่นจะไม่เข้าไปแทรกแซง

“กฎบ้าบออะไรกัน  โลกนี้ใหญ่และสวรรค์ก็ใหญ่กว่า  แต่ไม่มีอะไรใหญ่กว่าพี่ใหญ่ กฎเหล่านั้นจะสำคัญเทียบกับชีวิตพี่ใหญ่ได้ยังไง?”  บีบีพูดอย่างลำพอง  “นอกจากนี้  แล้วยังไงเล่าถ้าบีบีจะเข้าไปแทรกแซง?  พี่ใหญ่ข้าเป็นจอมเวท  เจ้าก็รู้!  เมื่อจอมเวทประลองกับนักรบ พวกเขาจะใช้อสูรเวทเป็นปกติอยู่แล้ว  ถ้าข้าแทรกแซง นั่นก็ไม่ใช่การละเมิดกฎ”  ขณะที่เขาพูด บีบีรู้สึกเหมือนกับว่าข้อโตแย้งของเขามีประโยชน์มากและเขาหัวเราะอย่างดีใจ

ประตูเมืองหลวงเปิดออก  เส้นทางจากพระราชวังไปยังประตูด้านทิศตะวันออกของเมืองเรียงรายไปด้วยทหารจากกองทัพจักรวรรดิโดยแบ่งออกเป็นสองแนวแถวในแต่ละด้านของถนน

อัศวินของวังหลวงตั้งแถวเรียงรายตามอยู่ด้านหลังรถประทับของจักรพรรดิ มีขุนนางจำนวนมากเดินตามหลังพวกเขา

ยอดฝีมือระดับเซียนของวิทยาลัยเทพสงครามเคนยอนและแลงค์มาด้วยกันทั้งคู่

ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขารู้ว่าผู้แทนจากจักรวรรดิยูลานมีจอมเวทระดับเซียนอยู่ด้วย ถ้าฝ่ายของพวกเขาไม่มีนักสู้ระดับเซียนปรากฏ  อย่างนั้นฝ่ายของพวกเขาจะดูอ่อนแอกว่า

“ทำไมพวกเขายังไม่มาถึงนี่?”  จักรพรรดิโจฮันน์ตรัสกับมหาดเล็กที่อยู่ใกล้ๆอย่างไม่สบายใจ

“ฝ่าบาทเรือของทูตพิเศษแห่งจักรวรรดิยูลานเตรียมจะเทียบท่าแม่น้ำแล้วพระเจ้าค่ะ  พวกเขาจะมาถึงนี่ในไม่ช้า”  มหาดเล็กทูลด้วยความเคารพ

จักรพรรดิโจฮันน์พยักหน้า

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสองประเทศมหาอำนาจที่ทรงพลังที่สุดในทวีปยูลานก็คือจักรวรรดิยูลานและจักรวรรดิโอเบรียน จักรพรรดิโจฮันน์ปรารถนามากว่าจักรวรรดิโอเบรียนของพระองค์เองสามารถอยู่เหนือกว่าจักรวรรดิยูลาน

แต่อนิจจา  จักรวรรดิยูลานก็มีจุดแข็งของตนเองเช่นกัน

จักรวรรดิยูลานดำรงคงอยู่มาเกินกว่าหมื่นปีแล้วและเป็นประเทศเก่าแก่  นอกจากนี้จักรวรรดิยูลานกลายเป็นแหล่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับนักเวท ถ้าจักวรรดิโอเบรียนมีนักสู้ระดับเซียนมากที่สุด อย่างนั้นจักรวรรดิยูลานก็พูดได้ว่าพวกเขามีจอมเวทระดับเซียนอยู่หลายคน

ที่สำคัญจอมเวทระดับเซียนมีพลังคุกคามได้มากกว่านักสู้ระดับเซียน  ตัวอย่างเช่น จอมเวทระดับเซียนสายธาตุลมลองฮอส แม้แต่เฮนด์เซนก็ยังไม่กล้าพูดว่าเขามั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้ ที่สำคัญตราบใดที่ลองฮอสมีเวลาเตรียมตัวสักเล็กน้อย  เวทคมมีดมิติของเขาสามารถตัดเฮนด์เซนขาดเป็นสองท่อนได้

“พวกเขามาถึงนี่แล้ว!”

ผู้ชมหลายคนชาวจักรวรรดิโอเบรียนเห็นเรือลำมหึมาเข้าเทียบท่า  เมื่อพวกเขาเห็นหมีที่น่ารักอยู่บนดาดฟ้าเรือขณะที่เหยี่ยวตัวใหญ่ก็อยู่ด้วยเช่นกัน หลายๆ คนรู้สึกประหลาดใจ

“หมีปฐพี? กับเหยี่ยวพายุสายฟ้า?”

เคนยอนและแลงค์มองหน้ากัน  พวกเขาอดประหลาดใจไม่ได้  แม้ว่าพวกเขาจะรวมพลังกัน พวกเขาไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะหมีปฐพีระดับเซียนได้

เดเลียอยู่ในชุดยาวงดงามและยืนอยู่ข้างเซียนจอมเวทสายธาตุลมลองฮอส   พวกเขาขึ้นฝั่งด้วยกันและด้านหลังพวกเขามีอสูรเวทสองตัวนักรบบนเรือและอสูรเวทของนักรบ

“แคล้ง!”

อัศวินของจักรวรรดิแปรขบวนเป็นสองแถวขณะเดียวกันก็ชูหอกขึ้นในอากาศ อัศวินเหล่านี้ถูกคัดเลือกมาจากอัศวินประจำวังที่ดีที่สุด  ทุกคนเป็นนักรบระดับเจ็ด  และนายกองของพวกเขาเป็นนักรบระดับแปด

“อาจารย์,นักรบของจักรวรรดิโอเบรียนทรงพลังมากกว่าของจักรวรรดิยูลานจริงๆ  พวกเขามีราศีที่แตกต่างกัน  ของพวกเราค่อนข้างจะเหลวไหลไปเล็กน้อย”  เดเลียคุยกับอาจารย์ของนางเงียบๆราวกับว่าไม่มีใครอื่นปรากฏ

ลองฮอสพยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน

เมืองหลวงของจักรวรรดิยูลานเป็นเมืองที่เก่าแก่มาก และตระกูลเก่าแก่ของเมืองหลวงก็เอาแต่สนุกสนานกับชีวิต  ตรงกันข้าม จักรวรรดิโอเบรียนคือประเทศของนักรบ และพวกเขาทุกคนต่างพยายามเอาชนะกันและกัน มิน่าเล่าถึงได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศมหาอำนาจทางทหารที่แข็งแกร่งที่สุด

จักรพรรดิโจฮันน์  แลงค์ เคนยอนและมหาดเล็กประจำวังออกมาต้อนรับพวกเขา

“เดเลีย เลโอนใช่ไหม? ฮ่าฮ่า..”  จักรพรรดิโจฮันน์ทรงพระสรวลเสียงดัง

เดเลียถอนสายบัวอย่างนอบน้อม  “ทูตพิเศษเดเลียแห่งจักรวรรดิยูลานขอถวายบังคมท่านผู้ปกครองจักรวรรดิโอเบรียน,จักรพรรดิโจฮันน์ หม่อมฉันขออวยพรด้วยความจริงใจและขอส่งความปรารถนาดีในนามของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิยูลาน”

“จักรพรรดิโจฮันน์  นี่คืออาจารย์ของข้า เซียนจอมเวทลองฮอส”  เดเลียยิ้มขณะที่นางแนะนำตัว

จักรพรรดิโจฮันน์มองดูอาจารย์ลองฮอส  “ข้ามีความสุขมากที่ได้พบกับท่านอาจารย์ลองฮอส”

“ข้าพระองค์รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พระองค์เช่นกันจักรพรรดิโจฮันน์”  ลองฮอสพูดพลางยิ้ม

เดเลียอดมองดูรอบๆนางมิได้ แววผิดหวังปรากฏอยู่ในดวงตานาง นางไม่พบคนที่นางกำลังมองหา แต่ขณะเดียวกัน นางทูลจักรพรรดิโจฮันน์  “จักรพรรดิโจฮันน์  ท่านทั้งสองนี้คงเป็นยอดฝีมือระดับเซียนใช่ไหม?  พระองค์แนะนำให้หม่อมฉันรู้จักได้ไหม?”

ก่อนที่เดเลียจะมาถึง  นางก็ได้รับข้อมูลมาบ้างแล้ว  และนางรู้เรื่องของเคนยอนและแลงค์อยู่บ้าง

ทูตพิเศษเดเลียแห่งจักรวรรดิยูลาน  และเซียนจอมเวทสายธาตุลมและคนอื่นๆ ตอนนี้จัดขบวนเดินเข้าเมืองหลวงแชนน์ที่ซึ่งมีการต้อนรับครั้งใหญ่รอพวกเขาอยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด