ตอนที่ 9-26 เวลาและสถานที่
ในทางกลับกันร่างของเฮนด์เซนถูกกระแทกกระเด็นไปด้วยความเร็วสูงจากแรงปะทะที่น่ากลัว เพียงแต่หลังจากปลิวถอยหลังไปเกือบร้อยเมตรเฮนด์เซนก็ค่อยยืนหยัดมั่นคงได้และมีเลือดซึมจากปากเฮนด์เซนสายหนึ่ง
เฮนด์เซนปาดเลือดออกจ้องมองดูแม่น้ำแชนน์
“สมกับเป็นเซียนกระบี่อัจฉริยะพลังโจมตีสุดท้ายทรงพลังอย่างแท้จริง” เฮนด์เซนพึมพำกับตนเอง ช่วงเวลาเป็นตาย พลังโจมตีสุดท้ายของโอลิเวอร์เข้าถึงระดับพลังใหม่และทำลายพลังป้องกันของเฮนด์เซนปะทะใส่ร่างของเฮนด์เซน ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
“ครืนนน” ฝนยังคงตกหนักไม่หยุดและบนผิวแม่น้ำแชนน์ คลื่นน้ำม้วนตัวเป็นระลอก สีแดงบนผิวน้ำสลายหายไปจากสายตา
เงียบราวป่าช้า!
ทุกคนตกอยู่ในอาการเงียบ และคนบนฝั่งทั้งสองข้างแม่น้ำจ้องมองดูแม่น้ำแชนน์ ทุกคนต้องการรู้ เซียนกระบี่อัจฉริยะตายแล้ว เพียงแค่นั้นหรือ?
“พี่ใหญ่!” บลูเมอร์ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวดใจและโดดลงไปในสายน้ำแชนน์ที่ขุ่น
“อาจารย์ลินลี่ย์, โอลิเวอร์ตายหรือเปล่า?” จักรพรรดิโจฮันน์กังวลใจ
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “ข้าพระองค์ไม่แน่ใจ” ขณะที่เขาพูด ลินลี่ย์ก้มหน้ามองบีบี ขณะที่บีบีก็มองลินลี่ย์อย่างจนใจ “พี่ใหญ่, ตอนนี้รัศมีของโอลิเวอร์อ่อนมาก และเขาไม่หายใจ ข้าตรวจสอบสัญญาณชีวิตของเขาแล้ว ดูเหมือนเขากำลังจะตาย”
ผู้ชมนับไม่ถ้วนต่างพูดคุยกันถึงสถานการณ์นี้อย่างเบาๆ และคลางแคลงใจว่าโอลิเวอร์ตายหรือเปล่า แต่ทุกคนยังจำได้...พลังโจมตีเจิดจ้าสุดท้ายของโอลิเวอร์
“ซ่า..” น้ำพุ่งกระจายไปทุกที่
ร่างของบลูเมอร์พุ่งออกมาจากน้ำ ลินลี่ย์สามารถบอกได้ทันทีว่าหน้าของโอลิเวอร์ขาวซีดไร้สีเลือดริมฝีปากเขาซีดเช่นกัน เขาไม่มีลมหายใจอยู่เลย
มีแต่ใช้พลังจิตวิญญาณตรวจสอบดูเขาจึงจะรู้สึกได้ว่าโอลิเวอร์ยังมีชีวิต
“หลีกไป หลีกไป” บลูเมอร์เอากระบี่เงาแสงกระบี่อัคนีและพี่ชายของเขาในอ้อมแขนวิ่งมาหาจักรพรรดิโจฮันน์
ตาของบลูเมอร์นองด้วยน้ำตา
“ฝ่าบาท, ฝ่าบาท, หมออยู่ที่ไหน? เร็วๆ เข้า”บลูเมอร์ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้จักรพรรดิโจฮันน์เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วจอมเวทสายธาตุแสงระดับเก้าที่อยู่ในวังก็มาด้วย
“ท่านแอนเดอร์ เร็วเข้า ช่วยโอลิเวอร์” จักรพรรดิโจฮันน์ตรัสสั่งทันที
ชายชราผมขาวเดินออกมาจากด้านหลังของจักรพรรดิโจฮันน์ทันทีและรีบตรงมาที่ร่างอ่อนแอของโอลิเวอร์มือของเขาเรืองแสงสีขาว เขาแตะร่างของโอลิเวอร์ ในไม่ช้าหน้าของโอลิเวอร์ปรากฏสีสันอีกครั้ง
“เขาเป็นยังไงบ้าง? พี่ข้าเป็นยังไงบ้าง?” บลูเมอร์ถามอย่างเร่งร้อน
แม้ว่าบลูเมอร์จะดื้อรั้นและเย็นชามากต่อคนอื่น แต่ในใจบลูเมอร์ เขารักโอลิเวอร์เหมือนพ่อ พี่ชายของเขาดูแลเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก สำหรับบลูเมอร์ไม่มีใครอื่นที่สำคัญเท่ากับพี่ชายของเขา
“อย่าเพิ่งเร่ง ตอนนี้ ทั้งหมดที่ข้าทำก็คือรักษาบาดแผลง่ายๆของท่านโอลิเวอร์อย่างถาวรก่อน ข้าจำเป็นต้องใช้เวทรักษามากขึ้นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บภายใน” ชายชราผมขาวพยักหน้าขณะพูด จากนั้นเริ่มร่ายเวททันที บลูเมอร์มองดูด้วยความกังวลห่วงใย แต่เขาไม่กล้ารบกวนการทำงานของจอมเวทสายธาตุแสง
ในไม่ช้า...
แสงระยิบระยับเข้าไปในร่างของโอลิเวอร์และบาดแผลบนตัวของโอลิเวอร์เริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว ผลของเวทรักษาช่างน่าทึ่ง
“หืม?” ชายชราผมขาวส่ายหน้างุนงง
“ว่ายังไง?” บลูเมอร์ลนลานถาม
ชายชราผมขาวส่ายศีรษะขมวดคิ้ว “ร่างของท่านโอลิเวอร์ได้รับการรักษาหมดแล้ว อาการบาดเจ็บภายนอกอวัยวะภายในและกระทั่งกระดูกที่หักก็ได้รับการรักษาแล้ว แต่ท่านโอลิเวอร์ก็ยังไม่ฟื้น นี่มัน....
ลินลี่ย์ตรวจสอบภายในโอลิเวอร์อย่างระมัดระวังเช่นกัน
“วิญญาณของโอลิเวอร์บาดเจ็บหนัก” บีบีบอกลินลี่ย์ทางใจ “ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ว่าวิญญาณของเขายังอ่อนแอมาก”
ถึงตอนนี้เฮนด์เซนในชุดยาวสีเทาลอยตัวลงมาจากท้องฟ้าช้าๆ และมาหยุดอยู่หน้าจักรพรรดิโจฮันน์อย่างสง่างาม
“เฮนด์เซน!” บลูเมอร์จ้องเฮนด์เซนอย่างเกลียดชัง
พี่ชายคนเดียวของเขาสมาชิกครอบครัวคนเดียวของเขา บลูเมอร์รู้สึกเกลียดเฮนด์เซนอย่างที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาอ่อนแอกว่าเฮนด์เซนมากมายบลูเมอร์อาจจะวิ่งเข้าโจมตีไปแล้ว
“เลิกจ้องหน้าข้าเสียที วิญญาณของพี่ชายเจ้าบาดเจ็บหนักและเขาก็อยู่ในอาการครึ่งเป็นครึ่งตาย แต่นั่นไม่ใช่เพราะข้า เมื่อจะใช้การโจมตีครั้งสุดท้ายของเขา พี่ชายเจ้าดูเหมือนจะเปิดใช้วิชาต้องห้ามเพื่อใช้โจมตีข้าหวังว่าจะฉุดข้าตกตายตามกันไปด้วย” หน้าของเฮนด์เซนก็ค่อนข้างซีดเช่นกัน
“วิชาต้องห้าม?” บลูเมอร์ขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นเขาระลึกได้...
เมื่อไม่นานนี้เขาต้องการเรียนรู้วิชากระบี่อัคนีจากพี่ชายของเขา แต่โอลิเวอร์สั่งให้เน้นที่การเรียนวิชากระบี่เงาแสงเท่านั้น และห้ามไม่ให้เขาฝึกวิชากระบี่อัคนีอย่างเด็ดขาด
“หรือว่ามีข้อห้ามบางอย่างมิให้นักสู้ใช้กฎธาตุตรงกันข้ามพร้อมกัน?” บลูเมอร์ก้มหน้ามองพี่ชายของเขา
โอลิเวอร์หน้าแดงและร่างของเขาอยู่ในสภาพสุดยอดอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ยังไม่ฟื้น และรังสีวิญญาณของเขาอ่อนแอมาก เหมือนกับว่าจะมอดดับได้ทุกเมื่อ
“ท่านโอลิเวอร์แพ้?”
“น้องชายของเขาแบกศพออกมา อนิจจา เซียนกระบี่อัจฉริยะตายเสียแล้ว”
“ใครบอกว่าตาย? บางทีเขาแค่หมดสติเนื่องจากอาการบาดเจ็บ”
“ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านเฮนด์เซนเซียนดาบจ้าวภูผาดูเหมือนยังสบายอยู่ได้ และแม้ตอนลงมาจากท้องฟ้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแกร่งกว่าโอลิเวอร์มาก”
ผู้ชมเป็นล้านพูดคุยถึงการต่อสู้นี้ทั้งหมด แม้ว่าท้องฟ้ายังมีฝนตกหนัก แต่ก็ไม่อาจลดความร้อนแรงของเหตุการณ์ได้ ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่พวกเขาเห็น ไม่ว่าโอลิเวอร์จะตายหรือหมดสติจากอาการบาดเจ็บของเขา แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ...
ผู้ชนะการประลองครั้งนี้ก็คือเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน!
ผลเช่นนี้ใครๆส่วนใหญ่ก็ได้คาดกันไว้แล้ว ที่สำคัญเฮนด์เซนมีชื่อเสียงมายาวนาน และเป็นเซียนที่ทรงพลังที่สุดซึ่งยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยพ่ายแพ้การชนะในการประลองครั้งนี้เป็นเรื่องธรรมดา
ทุกคนจะตกตะลึงถ้าเฮนด์เซนเป็นฝ่ายแพ้
คลื่นผู้ชมเริ่มสลายตัวออกไป หลายคนเริ่มมุ่งหน้ากลับไปเมืองหลวง ขณะที่อีกหลายคนมุ่งหน้าไปหมู่บ้านที่อยู่ชานเมือง
ผู้คนค่อยๆจากไป แต่ทหารยังคงยืนคุ้มกัน
“พี่ของข้ายังไม่ตาย” บลูเมอร์พูดอย่างเย็นชา จากนั้นแบกร่างพี่ชายของเขา เขาสั่งบ่าวไพร่ของเขาให้เอากระบี่เงาแสงและกระบี่อัคนีตามเขามา บลูเมอร์จากไปพร้อมกับอุ้มร่างพี่ชายไว้ในวงแขน
“ข้าหวังว่าโอลิเวอร์จะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้” จักรพรรดิโจฮันน์ถอนหายใจ ตอนนี้จักรพรรดิโจฮันน์ยังมีคนรายล้อมเกินกว่าพันคน
คนเหล่านี้เป็นขุนนางทั้งนั้น หลายคนต้องการรู้ว่าโอลิเวอร์เป็นหรือตาย
“ท่านเฮนด์เซนแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ เขาชนะได้ง่ายๆ อีกครั้งหนึ่ง” เสียงขุนนางคนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปพูดอย่างยกย่อง เฮนด์เซนหัวเราะอย่างใจเย็น
จากนั้นเฮนด์เซนมองดูลินลี่ย์เขาพูดพลางหัวเราะ “ความจริงเทียบกับโอลิเวอร์แล้ว ข้าอยากประลองกับอาจารย์ลินลี่ย์มากกว่า”
เกิดความเงียบงันทันที
ทุกคนตกใจ เฮนด์เซนด์เพิ่งจะชนะประลองกับโอลิเวอร์หยกๆ และตอนนี้เขาต้องการท้าลินลี่ย์ประลอง?
ลินลี่ย์เงียบอยู่ชั่วขณะจากนั้นจึงพูด “ท่านเฮนด์เซน นี่หมายความว่ายังไง?”
เฮนด์เซนยิ้ม “ครั้งสุดท้ายที่สนามประลองเจ้ากับโอลิเวอร์ยังประลองกันไม่จบ แต่โอลิเวอร์ชักกระบี่อัคนีออกมาและเจ้าเตรียมใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมของเจ้า ตอนนั้นข้าจำได้ เจ้าพูดว่าดาบหนักอดาแมนเทียมของเจ้าใช้วิชาที่เนื่องกับกฎธาตุดินใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า
“ข้าก็เหมือนกัน เป็นคนที่ศึกษามาทางกฎของธาตุดิน ข้าคาดว่าเราควรจะร่วมประลองกัน นั่นจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเราทั้งสองคนเพื่อบรรลุระดับความเข้าใจที่สูงขึ้น” เฮนด์เซนมองดูลินลี่ย์ “ข้าอยากจะเชิญเจ้าร่วมซ้อมมือ เจ้าจะยอมรับไหม?”
ไม่มีเสียงจากขุนนางรอบด้าน แม้แต่จักรพรรดิโจฮันน์ก็ยังไม่กล้าส่งเสียง
ฝ่ายหนึ่งเป็นเซียนที่มีชื่อเสียงยังมีชีวิตแข็งแกร่งที่สุด อีกฝ่ายเป็นเซียนซึ่งเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยพบพานมาก่อนในโลก
“พี่ใหญ่....” วอร์ตันอดพูดไม่ได้
ลินลี่ย์หันมามองน้องชาย เขาหัวเราะ
ในใจวอร์ตันนั้นโกรธแทบคลั่ง เขาคิดเองว่า “เฮนด์เซนผู้นี้น่ารังเกียจจริงๆ เขาเพิ่งจะเอาชนะโอลิเวอร์จนปางตายแล้วบัดนี้ยังต้องการจะฆ่าพี่ชายข้าด้วยหรือ? เป็นเพราะเขาเห็นว่าทั้งพี่ชายและโอลิเวอร์เป็นอัจฉริยะทั้งคู่ และกลัวว่าในอนาคต พวกเขาจะคุกคามสถานะของเขา?”
วอร์ตันไม่ใช่เพียงคนเดียวที่คิดเช่นนี้ หลายคนที่อยู่ในที่นั้นก็คิดเหมือนกัน
ที่สำคัญลินลี่ย์และโอลิเวอร์คืออัจฉริยะที่โดดเด่นทั้งคู่ หนึ่งในนั้นถูกเล่นงานจนยังสงสัยอยู่ว่าจะรอดชีวิตหรือไม่ และตอนนี้เฮนด์เซนกลับเชิญลินลี่ย์ร่วมซ้อมมือ? หลายคนตั้งคำถามถึงแรงจูงใจของเขาเป็นธรรมดา
“ว่าไง, เจ้าปฏิเสธหรือเปล่า?” เฮนด์เซนถามพลางหัวเราะ
ลินลี่ย์มองดูเฮนด์เซนขณะที่ยิ้ม “เวลาล่ะ, และสถานที่?”
เฮนด์เซนประหลาดใจ
เขาเข้าใจความหมายนี้ของลินลี่ย์ทันทีว่ายอมรับคำท้าทายของเขา “ข้าประลองกับโอลิเวอร์เสร็จสิ้นวันนี้ไปแล้ว ยังไม่อยู่ในสภาพที่ดี เอาอย่างนี้เป็นไง สามเดือนจากนี้ไป วันที่ 4 สิงหาคม เหนือยอดเขาทุสคอนทางตะวันออกเมือง เราจะไปประลองกันที่นั่น”
“ได้” ลินลี่ย์ยิ้มและพยักหน้า
ลินลี่ย์ต้องการประลองกับเฮนด์เซนเช่นกัน เขาเพิ่งเริ่มเข้าใจชีพจรคุ้มกันที่เป็นวิชาตั้งรับ ผสานกับพลังโจมตีสัจธรรมแห่งธาตุดิน ลินลี่ย์ไม่คิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ได้ง่ายดาย เขาไม่เพียงแต่ได้รับการปกป้องด้วยพลังป้องของชีพจรคุ้มกันเท่านั้น แต่ยังได้รับการปกป้องจากเกล็ดมังกรด้วย ด้วยพลังป้องกันที่ทรงพลังนั้นก็ยากจะบอกว่าเฮนด์เซนดีกว่าหรือว่าเขาดีกว่า
“เมื่อเป็นเช่นนั้น อย่างนั้นฝ่าบาท, ลินลี่ย์,ข้าขอลาก่อน” เฮนด์เซนพยักหน้าให้พวกเขา จากกลายเป็นแสงสีเทาพุ่งเข้าไปในท้องฟ้า
“พี่ใหญ่...” วอร์ตันวิ่งเข้ามาหา
“ข้าไม่เป็นไร, แพ้หรือชนะก็ยังต้องมุ่งมั่นอยู่ดี” ลินลี่ย์ยิ้มด้วยความมั่นใจจากนั้นพาคนของเขากลับไปที่พัก
สำหรับพวกขุนนางและราชตระกูล พวกเขาทุกคนร่วมกันคิดพิจารณา หลังจากนั้นไม่นานทุกคนพากันกลับเข้าเมืองหลวงทั้งที่ฝนยังตกอยู่
แม่น้ำแชนน์กลับสู่ความสงบตามปกติอีกครั้งเหลือแต่ร่องรอยความยุ่งเหยิงอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเป็นหลักฐานของความตื่นเต้นก่อนหน้านั้น
………..
ณจุดที่แม่น้ำแชนน์และแม่น้ำยูลานมาบรรจบกันเรือมหึมาสูงหกชั้นแล่นจากแม่น้ำยูลานเข้าในแม่น้ำแชนน์อัศวินแถวหนึ่งกำลังยืนอยู่เป็นระเบียบบนดาดฟ้า
อัศวินผู้แข็งแกร่งหลายคนมีอสูรเวทอยู่ด้วย คนธรรมดาจะไม่มีทางได้ใช้อสูรเวท เพราะอัศวินหลายคนมีอสูรเวทก็หมายความว่าสถานะของคนที่อยู่บนเรือไม่ธรรมดา
“เมื่อเรามาถึงแม่น้ำแชนน์ เราจะใช้เวลาเพียงสามวันก็จะถึงเมืองหลวงของจักรวรรดิโอเบรียน แต่น่าเสียดายที่เราจะพลาดชมการประลองระหว่างเซียนกระบี่อัจฉริยะ โอลิเวอร์และท่านเฮนด์เซน”
นักรบที่อยู่บนดาดฟ้าเรือกำลังสนทนากันเอง
ในเวลานี้บุรุษคนหนึ่งมีผมแซมสีขาวขึ้นไปบนดาดฟ้า ดูเหมือนเขาเป็นบุรุษวัยกลางคนอายุราว 40-50ปี ที่อยู่ข้างเขาคือหมีขนน้ำตาลตัวหนึ่งที่ดูน่ารักไร้เดียงสา หมีตัวนี้สูงเท่ากับคนและดูเหมือนน่ารักมาก
“โกรว โกรว, นายท่าน ข้ารู้สึกอึดอัดที่นี่มีแต่น้ำ เราบินไปดีกว่า” หมีน้ำตาลน่ารักนั้นดูเหมือนจะพูดกับบุรุษวัยกลางคน
“ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดน้ำ” บุรุษวัยกลางคนหัวเราะขณะที่เขาเดินที่รั้วกั้นข้างเรือและมองลงไปที่คลื่น
“คารวะใต้เท้า..” เมื่อบุรุษวัยกลางคน ทหารบนดาดฟ้าเรือทักทายด้วยความเคารพ ขณะนั้นเองหญิงงามผมทองร่างระหงเดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้ม นางหัวเราะพลางหันหน้าไปทางบุรุษวัยกลางคน “อาจารย์, เรามาถึงแม่น้ำแชนน์แล้ว อีกไม่ช้าเราจะถึงจักรวรรดิโอเบรียนแล้ว”
บุรุษวัยกลางคนหัวเราะพลางมองดูสตรีผมทอง “ฮ่าฮ่า แน่อยู่แล้ว, เดเลีย ข้าคิดว่าเจ้าใจร้อนมากกว่าข้าเสียอีกนะ”