ตอนที่แล้วตอนที่ 9-25 ยืดหยุ่นดั่งเสาศิลา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9-27 ทูตพิเศษแห่งจักรวรรดิยูลาน

ตอนที่ 9-26 เวลาและสถานที่


ในทางกลับกันร่างของเฮนด์เซนถูกกระแทกกระเด็นไปด้วยความเร็วสูงจากแรงปะทะที่น่ากลัว เพียงแต่หลังจากปลิวถอยหลังไปเกือบร้อยเมตรเฮนด์เซนก็ค่อยยืนหยัดมั่นคงได้และมีเลือดซึมจากปากเฮนด์เซนสายหนึ่ง

เฮนด์เซนปาดเลือดออกจ้องมองดูแม่น้ำแชนน์

“สมกับเป็นเซียนกระบี่อัจฉริยะพลังโจมตีสุดท้ายทรงพลังอย่างแท้จริง” เฮนด์เซนพึมพำกับตนเอง ช่วงเวลาเป็นตาย พลังโจมตีสุดท้ายของโอลิเวอร์เข้าถึงระดับพลังใหม่และทำลายพลังป้องกันของเฮนด์เซนปะทะใส่ร่างของเฮนด์เซน ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ

“ครืนนน” ฝนยังคงตกหนักไม่หยุดและบนผิวแม่น้ำแชนน์ คลื่นน้ำม้วนตัวเป็นระลอก  สีแดงบนผิวน้ำสลายหายไปจากสายตา

เงียบราวป่าช้า!

ทุกคนตกอยู่ในอาการเงียบ และคนบนฝั่งทั้งสองข้างแม่น้ำจ้องมองดูแม่น้ำแชนน์  ทุกคนต้องการรู้  เซียนกระบี่อัจฉริยะตายแล้ว เพียงแค่นั้นหรือ?

“พี่ใหญ่!”  บลูเมอร์ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวดใจและโดดลงไปในสายน้ำแชนน์ที่ขุ่น

“อาจารย์ลินลี่ย์, โอลิเวอร์ตายหรือเปล่า?”  จักรพรรดิโจฮันน์กังวลใจ

ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ  “ข้าพระองค์ไม่แน่ใจ”  ขณะที่เขาพูด ลินลี่ย์ก้มหน้ามองบีบี  ขณะที่บีบีก็มองลินลี่ย์อย่างจนใจ  “พี่ใหญ่, ตอนนี้รัศมีของโอลิเวอร์อ่อนมาก  และเขาไม่หายใจ  ข้าตรวจสอบสัญญาณชีวิตของเขาแล้ว  ดูเหมือนเขากำลังจะตาย”

ผู้ชมนับไม่ถ้วนต่างพูดคุยกันถึงสถานการณ์นี้อย่างเบาๆ  และคลางแคลงใจว่าโอลิเวอร์ตายหรือเปล่า  แต่ทุกคนยังจำได้...พลังโจมตีเจิดจ้าสุดท้ายของโอลิเวอร์

“ซ่า..” น้ำพุ่งกระจายไปทุกที่

ร่างของบลูเมอร์พุ่งออกมาจากน้ำ  ลินลี่ย์สามารถบอกได้ทันทีว่าหน้าของโอลิเวอร์ขาวซีดไร้สีเลือดริมฝีปากเขาซีดเช่นกัน เขาไม่มีลมหายใจอยู่เลย

มีแต่ใช้พลังจิตวิญญาณตรวจสอบดูเขาจึงจะรู้สึกได้ว่าโอลิเวอร์ยังมีชีวิต

“หลีกไป หลีกไป” บลูเมอร์เอากระบี่เงาแสงกระบี่อัคนีและพี่ชายของเขาในอ้อมแขนวิ่งมาหาจักรพรรดิโจฮันน์

ตาของบลูเมอร์นองด้วยน้ำตา

“ฝ่าบาท, ฝ่าบาท, หมออยู่ที่ไหน? เร็วๆ เข้า”บลูเมอร์ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้จักรพรรดิโจฮันน์เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วจอมเวทสายธาตุแสงระดับเก้าที่อยู่ในวังก็มาด้วย

“ท่านแอนเดอร์ เร็วเข้า ช่วยโอลิเวอร์”  จักรพรรดิโจฮันน์ตรัสสั่งทันที

ชายชราผมขาวเดินออกมาจากด้านหลังของจักรพรรดิโจฮันน์ทันทีและรีบตรงมาที่ร่างอ่อนแอของโอลิเวอร์มือของเขาเรืองแสงสีขาว เขาแตะร่างของโอลิเวอร์ ในไม่ช้าหน้าของโอลิเวอร์ปรากฏสีสันอีกครั้ง

“เขาเป็นยังไงบ้าง?  พี่ข้าเป็นยังไงบ้าง?”  บลูเมอร์ถามอย่างเร่งร้อน

แม้ว่าบลูเมอร์จะดื้อรั้นและเย็นชามากต่อคนอื่น  แต่ในใจบลูเมอร์ เขารักโอลิเวอร์เหมือนพ่อ  พี่ชายของเขาดูแลเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก สำหรับบลูเมอร์ไม่มีใครอื่นที่สำคัญเท่ากับพี่ชายของเขา

“อย่าเพิ่งเร่ง ตอนนี้ ทั้งหมดที่ข้าทำก็คือรักษาบาดแผลง่ายๆของท่านโอลิเวอร์อย่างถาวรก่อน ข้าจำเป็นต้องใช้เวทรักษามากขึ้นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บภายใน”  ชายชราผมขาวพยักหน้าขณะพูด  จากนั้นเริ่มร่ายเวททันที  บลูเมอร์มองดูด้วยความกังวลห่วงใย  แต่เขาไม่กล้ารบกวนการทำงานของจอมเวทสายธาตุแสง

ในไม่ช้า...

แสงระยิบระยับเข้าไปในร่างของโอลิเวอร์และบาดแผลบนตัวของโอลิเวอร์เริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว  ผลของเวทรักษาช่างน่าทึ่ง

“หืม?” ชายชราผมขาวส่ายหน้างุนงง

“ว่ายังไง?” บลูเมอร์ลนลานถาม

ชายชราผมขาวส่ายศีรษะขมวดคิ้ว “ร่างของท่านโอลิเวอร์ได้รับการรักษาหมดแล้ว  อาการบาดเจ็บภายนอกอวัยวะภายในและกระทั่งกระดูกที่หักก็ได้รับการรักษาแล้ว  แต่ท่านโอลิเวอร์ก็ยังไม่ฟื้น นี่มัน....

ลินลี่ย์ตรวจสอบภายในโอลิเวอร์อย่างระมัดระวังเช่นกัน

“วิญญาณของโอลิเวอร์บาดเจ็บหนัก”  บีบีบอกลินลี่ย์ทางใจ “ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ว่าวิญญาณของเขายังอ่อนแอมาก”

ถึงตอนนี้เฮนด์เซนในชุดยาวสีเทาลอยตัวลงมาจากท้องฟ้าช้าๆ และมาหยุดอยู่หน้าจักรพรรดิโจฮันน์อย่างสง่างาม

“เฮนด์เซน!”  บลูเมอร์จ้องเฮนด์เซนอย่างเกลียดชัง

พี่ชายคนเดียวของเขาสมาชิกครอบครัวคนเดียวของเขา บลูเมอร์รู้สึกเกลียดเฮนด์เซนอย่างที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาอ่อนแอกว่าเฮนด์เซนมากมายบลูเมอร์อาจจะวิ่งเข้าโจมตีไปแล้ว

“เลิกจ้องหน้าข้าเสียที  วิญญาณของพี่ชายเจ้าบาดเจ็บหนักและเขาก็อยู่ในอาการครึ่งเป็นครึ่งตาย แต่นั่นไม่ใช่เพราะข้า  เมื่อจะใช้การโจมตีครั้งสุดท้ายของเขา  พี่ชายเจ้าดูเหมือนจะเปิดใช้วิชาต้องห้ามเพื่อใช้โจมตีข้าหวังว่าจะฉุดข้าตกตายตามกันไปด้วย” หน้าของเฮนด์เซนก็ค่อนข้างซีดเช่นกัน

“วิชาต้องห้าม?” บลูเมอร์ขมวดคิ้ว

ทันใดนั้นเขาระลึกได้...

เมื่อไม่นานนี้เขาต้องการเรียนรู้วิชากระบี่อัคนีจากพี่ชายของเขา แต่โอลิเวอร์สั่งให้เน้นที่การเรียนวิชากระบี่เงาแสงเท่านั้น  และห้ามไม่ให้เขาฝึกวิชากระบี่อัคนีอย่างเด็ดขาด

“หรือว่ามีข้อห้ามบางอย่างมิให้นักสู้ใช้กฎธาตุตรงกันข้ามพร้อมกัน?”  บลูเมอร์ก้มหน้ามองพี่ชายของเขา

โอลิเวอร์หน้าแดงและร่างของเขาอยู่ในสภาพสุดยอดอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ยังไม่ฟื้น และรังสีวิญญาณของเขาอ่อนแอมาก  เหมือนกับว่าจะมอดดับได้ทุกเมื่อ

“ท่านโอลิเวอร์แพ้?”

“น้องชายของเขาแบกศพออกมา  อนิจจา เซียนกระบี่อัจฉริยะตายเสียแล้ว”

“ใครบอกว่าตาย? บางทีเขาแค่หมดสติเนื่องจากอาการบาดเจ็บ”

“ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น  ท่านเฮนด์เซนเซียนดาบจ้าวภูผาดูเหมือนยังสบายอยู่ได้ และแม้ตอนลงมาจากท้องฟ้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแกร่งกว่าโอลิเวอร์มาก”

ผู้ชมเป็นล้านพูดคุยถึงการต่อสู้นี้ทั้งหมด  แม้ว่าท้องฟ้ายังมีฝนตกหนัก แต่ก็ไม่อาจลดความร้อนแรงของเหตุการณ์ได้  ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่พวกเขาเห็น  ไม่ว่าโอลิเวอร์จะตายหรือหมดสติจากอาการบาดเจ็บของเขา  แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ...

ผู้ชนะการประลองครั้งนี้ก็คือเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน!

ผลเช่นนี้ใครๆส่วนใหญ่ก็ได้คาดกันไว้แล้ว  ที่สำคัญเฮนด์เซนมีชื่อเสียงมายาวนาน และเป็นเซียนที่ทรงพลังที่สุดซึ่งยังมีชีวิตอยู่  เขาไม่เคยพ่ายแพ้การชนะในการประลองครั้งนี้เป็นเรื่องธรรมดา

ทุกคนจะตกตะลึงถ้าเฮนด์เซนเป็นฝ่ายแพ้

คลื่นผู้ชมเริ่มสลายตัวออกไป  หลายคนเริ่มมุ่งหน้ากลับไปเมืองหลวง ขณะที่อีกหลายคนมุ่งหน้าไปหมู่บ้านที่อยู่ชานเมือง

ผู้คนค่อยๆจากไป  แต่ทหารยังคงยืนคุ้มกัน

“พี่ของข้ายังไม่ตาย”  บลูเมอร์พูดอย่างเย็นชา  จากนั้นแบกร่างพี่ชายของเขา  เขาสั่งบ่าวไพร่ของเขาให้เอากระบี่เงาแสงและกระบี่อัคนีตามเขามา  บลูเมอร์จากไปพร้อมกับอุ้มร่างพี่ชายไว้ในวงแขน

“ข้าหวังว่าโอลิเวอร์จะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้”  จักรพรรดิโจฮันน์ถอนหายใจ ตอนนี้จักรพรรดิโจฮันน์ยังมีคนรายล้อมเกินกว่าพันคน

คนเหล่านี้เป็นขุนนางทั้งนั้น  หลายคนต้องการรู้ว่าโอลิเวอร์เป็นหรือตาย

“ท่านเฮนด์เซนแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ  เขาชนะได้ง่ายๆ อีกครั้งหนึ่ง” เสียงขุนนางคนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปพูดอย่างยกย่อง  เฮนด์เซนหัวเราะอย่างใจเย็น

จากนั้นเฮนด์เซนมองดูลินลี่ย์เขาพูดพลางหัวเราะ  “ความจริงเทียบกับโอลิเวอร์แล้ว ข้าอยากประลองกับอาจารย์ลินลี่ย์มากกว่า”

เกิดความเงียบงันทันที

ทุกคนตกใจ เฮนด์เซนด์เพิ่งจะชนะประลองกับโอลิเวอร์หยกๆ  และตอนนี้เขาต้องการท้าลินลี่ย์ประลอง?

ลินลี่ย์เงียบอยู่ชั่วขณะจากนั้นจึงพูด “ท่านเฮนด์เซน นี่หมายความว่ายังไง?”

เฮนด์เซนยิ้ม  “ครั้งสุดท้ายที่สนามประลองเจ้ากับโอลิเวอร์ยังประลองกันไม่จบ แต่โอลิเวอร์ชักกระบี่อัคนีออกมาและเจ้าเตรียมใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมของเจ้า ตอนนั้นข้าจำได้ เจ้าพูดว่าดาบหนักอดาแมนเทียมของเจ้าใช้วิชาที่เนื่องกับกฎธาตุดินใช่ไหม?”

“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า

“ข้าก็เหมือนกัน  เป็นคนที่ศึกษามาทางกฎของธาตุดิน  ข้าคาดว่าเราควรจะร่วมประลองกัน นั่นจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเราทั้งสองคนเพื่อบรรลุระดับความเข้าใจที่สูงขึ้น”  เฮนด์เซนมองดูลินลี่ย์  “ข้าอยากจะเชิญเจ้าร่วมซ้อมมือ  เจ้าจะยอมรับไหม?”

ไม่มีเสียงจากขุนนางรอบด้าน  แม้แต่จักรพรรดิโจฮันน์ก็ยังไม่กล้าส่งเสียง

ฝ่ายหนึ่งเป็นเซียนที่มีชื่อเสียงยังมีชีวิตแข็งแกร่งที่สุด อีกฝ่ายเป็นเซียนซึ่งเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยพบพานมาก่อนในโลก

“พี่ใหญ่....” วอร์ตันอดพูดไม่ได้

ลินลี่ย์หันมามองน้องชาย  เขาหัวเราะ

ในใจวอร์ตันนั้นโกรธแทบคลั่ง  เขาคิดเองว่า “เฮนด์เซนผู้นี้น่ารังเกียจจริงๆ  เขาเพิ่งจะเอาชนะโอลิเวอร์จนปางตายแล้วบัดนี้ยังต้องการจะฆ่าพี่ชายข้าด้วยหรือ? เป็นเพราะเขาเห็นว่าทั้งพี่ชายและโอลิเวอร์เป็นอัจฉริยะทั้งคู่  และกลัวว่าในอนาคต พวกเขาจะคุกคามสถานะของเขา?”

วอร์ตันไม่ใช่เพียงคนเดียวที่คิดเช่นนี้  หลายคนที่อยู่ในที่นั้นก็คิดเหมือนกัน

ที่สำคัญลินลี่ย์และโอลิเวอร์คืออัจฉริยะที่โดดเด่นทั้งคู่  หนึ่งในนั้นถูกเล่นงานจนยังสงสัยอยู่ว่าจะรอดชีวิตหรือไม่ และตอนนี้เฮนด์เซนกลับเชิญลินลี่ย์ร่วมซ้อมมือ?  หลายคนตั้งคำถามถึงแรงจูงใจของเขาเป็นธรรมดา

“ว่าไง, เจ้าปฏิเสธหรือเปล่า?”  เฮนด์เซนถามพลางหัวเราะ

ลินลี่ย์มองดูเฮนด์เซนขณะที่ยิ้ม “เวลาล่ะ, และสถานที่?”

เฮนด์เซนประหลาดใจ

เขาเข้าใจความหมายนี้ของลินลี่ย์ทันทีว่ายอมรับคำท้าทายของเขา  “ข้าประลองกับโอลิเวอร์เสร็จสิ้นวันนี้ไปแล้ว  ยังไม่อยู่ในสภาพที่ดี  เอาอย่างนี้เป็นไง สามเดือนจากนี้ไป  วันที่ 4 สิงหาคม เหนือยอดเขาทุสคอนทางตะวันออกเมือง เราจะไปประลองกันที่นั่น”

“ได้” ลินลี่ย์ยิ้มและพยักหน้า

ลินลี่ย์ต้องการประลองกับเฮนด์เซนเช่นกัน เขาเพิ่งเริ่มเข้าใจชีพจรคุ้มกันที่เป็นวิชาตั้งรับ  ผสานกับพลังโจมตีสัจธรรมแห่งธาตุดิน  ลินลี่ย์ไม่คิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ได้ง่ายดาย  เขาไม่เพียงแต่ได้รับการปกป้องด้วยพลังป้องของชีพจรคุ้มกันเท่านั้น   แต่ยังได้รับการปกป้องจากเกล็ดมังกรด้วย  ด้วยพลังป้องกันที่ทรงพลังนั้นก็ยากจะบอกว่าเฮนด์เซนดีกว่าหรือว่าเขาดีกว่า

“เมื่อเป็นเช่นนั้น อย่างนั้นฝ่าบาท, ลินลี่ย์,ข้าขอลาก่อน” เฮนด์เซนพยักหน้าให้พวกเขา  จากกลายเป็นแสงสีเทาพุ่งเข้าไปในท้องฟ้า

“พี่ใหญ่...” วอร์ตันวิ่งเข้ามาหา

“ข้าไม่เป็นไร, แพ้หรือชนะก็ยังต้องมุ่งมั่นอยู่ดี”  ลินลี่ย์ยิ้มด้วยความมั่นใจจากนั้นพาคนของเขากลับไปที่พัก

สำหรับพวกขุนนางและราชตระกูล  พวกเขาทุกคนร่วมกันคิดพิจารณา  หลังจากนั้นไม่นานทุกคนพากันกลับเข้าเมืองหลวงทั้งที่ฝนยังตกอยู่

แม่น้ำแชนน์กลับสู่ความสงบตามปกติอีกครั้งเหลือแต่ร่องรอยความยุ่งเหยิงอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเป็นหลักฐานของความตื่นเต้นก่อนหน้านั้น

………..

ณจุดที่แม่น้ำแชนน์และแม่น้ำยูลานมาบรรจบกันเรือมหึมาสูงหกชั้นแล่นจากแม่น้ำยูลานเข้าในแม่น้ำแชนน์อัศวินแถวหนึ่งกำลังยืนอยู่เป็นระเบียบบนดาดฟ้า

อัศวินผู้แข็งแกร่งหลายคนมีอสูรเวทอยู่ด้วย  คนธรรมดาจะไม่มีทางได้ใช้อสูรเวท เพราะอัศวินหลายคนมีอสูรเวทก็หมายความว่าสถานะของคนที่อยู่บนเรือไม่ธรรมดา

“เมื่อเรามาถึงแม่น้ำแชนน์ เราจะใช้เวลาเพียงสามวันก็จะถึงเมืองหลวงของจักรวรรดิโอเบรียน แต่น่าเสียดายที่เราจะพลาดชมการประลองระหว่างเซียนกระบี่อัจฉริยะ โอลิเวอร์และท่านเฮนด์เซน”

นักรบที่อยู่บนดาดฟ้าเรือกำลังสนทนากันเอง

ในเวลานี้บุรุษคนหนึ่งมีผมแซมสีขาวขึ้นไปบนดาดฟ้า  ดูเหมือนเขาเป็นบุรุษวัยกลางคนอายุราว 40-50ปี ที่อยู่ข้างเขาคือหมีขนน้ำตาลตัวหนึ่งที่ดูน่ารักไร้เดียงสา  หมีตัวนี้สูงเท่ากับคนและดูเหมือนน่ารักมาก

“โกรว โกรว, นายท่าน ข้ารู้สึกอึดอัดที่นี่มีแต่น้ำ เราบินไปดีกว่า” หมีน้ำตาลน่ารักนั้นดูเหมือนจะพูดกับบุรุษวัยกลางคน

“ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดน้ำ”  บุรุษวัยกลางคนหัวเราะขณะที่เขาเดินที่รั้วกั้นข้างเรือและมองลงไปที่คลื่น

“คารวะใต้เท้า..”  เมื่อบุรุษวัยกลางคน ทหารบนดาดฟ้าเรือทักทายด้วยความเคารพ  ขณะนั้นเองหญิงงามผมทองร่างระหงเดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้ม นางหัวเราะพลางหันหน้าไปทางบุรุษวัยกลางคน “อาจารย์, เรามาถึงแม่น้ำแชนน์แล้ว อีกไม่ช้าเราจะถึงจักรวรรดิโอเบรียนแล้ว”

บุรุษวัยกลางคนหัวเราะพลางมองดูสตรีผมทอง  “ฮ่าฮ่า  แน่อยู่แล้ว, เดเลีย ข้าคิดว่าเจ้าใจร้อนมากกว่าข้าเสียอีกนะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด