ตอนที่ 9-25 ยืดหยุ่นดั่งเสาศิลา
“ตูม!”
โอลิเวอร์ร่วงจากท้องฟ้าตกลงปะทะผิวแม่น้ำ เกิดสายน้ำฉีดพุ่งขึ้น
“พี่ใหญ่!” บลูเมอร์มองดูอยู่ที่ริมฝั่ง ร้องคำรามลั่นขณะเดียวกันก็วิ่งตรงไปตำแหน่งที่โอลิเวอร์ร่วงตกลงไป
ผู้ชมจำนวนเป็นล้านมีมากเกินไป หลายคนที่อยู่ห่างฝั่งมากไม่สามารถเห็นโอลิเวอร์และเซียนดาบจ้าวภูผาสู้กัน พวกเขาทำได้แต่เพียงแต่พยายามฟังสิ่งที่คนข้างหน้าคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คนดูเป็นล้านเริ่มส่งเสียงพึมพำทันที
ความต่างชั้นกันระหว่างคนทั้งสองมีมากเกินไป!
ที่สำคัญเฮนด์เซนยังคงยืนอยู่กับที่เหมือนกับว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
“อาจารย์ลินลี่ย์, โอลิเวอร์แพ้แล้วหรือ?” จักรพรรดิโจฮันน์ตรัสกับลินลี่ย์ที่อยู่ข้างพระองค์อย่างสงสัย
“ยังคงเร็วเกินไปที่จะสรุปออกมา” ลินลี่ย์ยังคงจ้องมองเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนที่ไม่ยอมขยับอยู่ในกลางอากาศ ลินลี่ย์บอกกับตัวเอง “ข้าสงสัยจริงว่าเกิดผลอะไรกับเฮนด์เซนแน่หลังจากเขารับการโจมตีโดยตรง”
เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนกำลังรู้สึกอึดอัดมากในตอนนี้
เขามั่นใจมากในพลังป้องกันของเขาเขาเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทวีปยูลานมาหลายศตวรรษแล้วจนบัดนี้ก็ยังไม่พบว่าพลังป้องกันของใครจะแข็งแกร่งกว่าของเขา ความจริงปราณยุทธของกระบี่อัคนีไม่ได้ล่วงผ่านพลังป้องกันของเขามาได้เลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม...
เมื่อกระบี่อัคนีปะทะกับหมัดของเขาโดยตรงพลังงานแปลกประหลาดทะลวงผ่านการป้องกันของเขาและโจมตีใส่วิญญาณของเขาโดยตรงผ่านแนวป้องกันและแทงเข้าไปในวิญญาณของเขา
เขารู้สึกมึนงง และศีรษะของเขาเจ็บปวดมากปานว่าจะขาดจากกัน
“สมกับเป็นเซียนกระบี่อัจฉริยะจริงๆ เขาพัฒนาวิชาโจมตีจิตวิญญาณนี่เอง” หลังจากนั้นชั่วครู่ เฮนด์เซนก็ฟื้นคืนสู่อาการปกติ “คนหนุ่มอายุยังไม่ถึงห้าสิบปีสามารถพัฒนาวิชาโจมตีได้ถึงขนาดนั้นเชียว”
เฮนด์เซนไม่ได้พบกับพลังโจมตีแบบนี้มานานแล้ว!
พลังโจมตีวิญญาณตามปกติไม่ได้มีแบบเฉพาะอย่างนั้น
ตัวอย่างเช่นศิษย์คนโตของเทพสงครามเฟนซึ่งลินลี่ย์ได้พบก็ทำให้ลินลี่ย์หมดสติได้โดยใช้สายฟ้าโจมตีลินลี่ย์ ทำให้ลินลี่ย์ต้องใช้เวลาเพื่อฟื้นฟูตัวเอง นี่ก็เช่นกันเป็นการโจมตีส่วนวิญญาณ
ตัวอย่างเช่นเทพสงครามแค่ใช้เสียงพูดก็ทำให้ผู้คนสั่นสะท้านวิญญาณได้
หลักการพื้นฐานภายใต้การโจมตีวิญญาณนั้นง่ายมาก แค่ใช้พลังจิตเพื่อสร้างพลังโจมตี จากนั้นใช้กับจิตวิญญาณของคู่ต่อสู้
พูดง่ายก็คือมันคือพลังจิตโจมตี
แต่แม้ว่าจะเป็นทฤษฎีง่ายๆ แต่ก็ฝึกได้ยากมาก นี่เป็นเพราะพลังจิตกล่าวโดยทั่วไปก็คือมันอ่อนนุ่มและยืดหยุ่นเหมือนปุยฝ้าย เพื่อสร้างพลังจิตโจมตีนักสู้ก็ต้องเปลี่ยนสำลีให้เป็นมีดคมได้และใช้มันแทงลงไปในวิญญาณของคู่ต่อสู้
แม้ว่าเซียนเกือบทั้งหมดจะมีความสามารถกระจายพลังจิตของพวกเขาได้ก็ตาม แต่ถ้าใช้โจมตีเล่า? แปลงสำลีให้เป็นมีด?
ยาก!
แต่แม้ว่าจะยากก็ตามยอดฝีมือระดับสูงเหล่านั้นที่ฝึกสมาธิเพ่งถึงกฎธาตุมาเป็นเวลานานก็สามารถบรรลุถึงระดับนั้นได้ เฮนด์เซนก่อนหน้านี้ก็เคยประสบกับการโจมตีทางวิญญาณแบบนี้มาก่อน
“พลังจิตของโอลิเวอร์ยังไม่กล้าแข็งมาก มีแนวโน้มว่าเป็นระดับเดียวกับจอมเวทระดับแปด ถ้าเขามีพลังจิตเท่าจอมเวทระดับเก้า เป็นไปได้ที่ข้าอาจจะต้องบาดเจ็บหนัก ถ้าเป็นระดับเซียนจอมเวท...” เฮนด์เซนหัวเราะอย่างใจเย็น
และเวลานั้นเฮนด์เซนมองลงมาที่แม่น้ำแชนน์
แม่น้ำแชนน์กลับคืนสู่ความสงบตามปกติ แต่โอลิเวอร์ยังไม่ปรากฏตัวออกมา
“โอลิเวอร์ ดูเหมือนเจ้าจะไม่ออกมาจนกว่าเจ้าจะรักษาแขนเสร็จสินะ” เฮนด์เซนหัวเราะลั่นเสียงของเขาสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
“รักษาแขนหรือ?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้วรู้สึกประหลาดใจ
“ซูมม!”
สายน้ำพุ่งกระจายจากแม่น้ำและเงาร่างดำเลือนรางพุ่งขึ้นในท้องฟ้าทันทีและกลับมายืนจ้องมองเฮนด์เซนอีกครั้ง แขนขวาของโอลิเวอร์ที่บิด กลับคืนเป็นปกติดังเดิม
โอลิเวอร์หัวเราะเย็นชาขณะมองดูเฮนด์เซน “รักษาแขนน่ะหรือ? เฮนด์เซน ต่อให้เจ้าต้องการทำเช่นนั้น เจ้าก็ไม่สามารถทำได้”
“ธาตุประเภทแสงมีความเร้นลับจริงๆนักเวทธาตุแสงระดับสูงบางคนก็สามารถรักษาบาดแผลหายได้ในทันที อย่างไรก็ตาม...ในเรื่องพลังป้องกันและพลังโจมตี กฎธรรมชาติของธาตุแสงด้อยกว่ากว่ากฎธรรมชาติธาตุดิน” เฮนด์เซนพูดด้วยความมั่นใจ
กฎธรรมชาติธาตุดิน
ลินลี่ย์ก็ฝึกในกฎธรรมชาติธาตุดินเช่นกัน
“เป็นไปได้ยังไงที่เจ้าจะเข้าใจความลึกลับของกฎธาตุแสง?” โอลิเวอร์พูดอย่างใจเย็น “เฮนด์เซน อย่าได้มั่นใจเกินไปนัก เจ้าลิ้มพลังโจมตีของกระบี่ข้าไปแล้วไม่ใช่หรือ”
เฮนด์เซนขมวดคิ้ว
แม้ว่าวิญญาณจะแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อรับพลังโจมตีวิญญาณก็จะต้องได้รับบาดเจ็บบ้างเป็นแน่
“ด้วยความเสียหายของวิญญาณเจ้า เจ้าจะสามารถใช้พลังได้เต็มร้อยหรือไม่?” โอลิเวอร์ชักกระบี่เงาแสงด้วยมือซ้าย
เขากวัดแกว่งกระบี่อัคนีด้วยมือขวาและกระบี่เงาแสงด้วยมือซ้าย
“แต่ข้าแตกต่างออกไป แขนของข้าหัก แต่ตอนนี้ได้รับการรักษาแล้ว ข้าไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย” โอลิเวอร์ควงกระบี่คู่ ชั้นแสงเจิดจ้าครอบคลุมกระบี่เงาแสงของเขาขณะที่รัศมีดำเยือกเย็นกลืนกินแสงได้ครอบคลุมกระบี่อัคนี
ทั้งสองมีพลังตรงกันข้ามสุดขั้ว
“ข้าอยากจะดูซิว่าเจ้าจะจัดการสองพลังสุดขั้วนี้ได้ยังไง!” ตาของโอลิเวอร์ฉายประกายเย็นชาจากนั้นตัวเขาเปลี่ยนเป็นแสงสว่างเจิดจ้าเหมือนกับดวงอาทิตย์ ขณะเดียวกันชุดแสงสีดำกระพริบอยู่ในท่ามกลางแสงสว่าง
ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นจนถึงระดับสูงสุดของเขา
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยร่างโอลิเวอร์108 ร่างอีกครั้ง
“แคล้ง!” หน้าของเฮนด์เซนเคร่งขรึมเขาชักดาบหนักสีน้ำตาลออกมาจากด้านหลัง
“ฮ่าฮ่า... ในที่สุดเจ้าก็ชักดาบออกมาจนได้” เสียงหัวเราะของโอลิเวอร์สั่นสะเทือนทั้งฟ้าผู้ชมนับไม่ถ้วนเงียบเสียงกันหมด
ราตรีนี้ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆหนาทำให้สนามต่อสู้มีแสงสลัวมาก ผู้ชมด้านล่างมีความรู้สึกว่าเมฆหนาครึ้มอยู่ใกล้โอลิเวอร์และเฮนด์เซน ทั้งสองแทบจะสามารถสัมผัสเมฆได้เพียงแค่ยกมือขึ้นเท่านั้น
“บึ้ม บึ้ม!”
คลื่นระเบิดเสียงที่น่ากลัวสามารถได้ยินได้ แต่ละครั้งที่โอลิเวอร์พุ่งผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง จะมีคลื่นระเบิดเสียงดังสะท้านแก้วหู พลังคลื่นระเบิดเสียงเหล่านั้นในท้องฟ้ารุนแรงปรากฏเป็นคลื่นแสงวาบ เปลวไฟพุ่งลงข้างล่างจากแรงอัดกดดัน
ไอพ่นของแรงลมทำให้ผมของทุกคนเริ่มสะบัดยุ่งเหยิง
คนนับไม่ถ้วนจับจ้องมองปรากฏการณ์นี้ หวังว่าพวกเขาจะสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในท้องฟ้าได้ชัดเจน
“แคล้ง แคล้ง!
แต่ละครั้งที่กระบี่คู่ของโอลิเวอร์ปะทะกับดาบหนักสีน้ำตาลของเฮนด์เซน กระบี่สายธาตุแสงสว่างและสายธาตุมืดทั้งสองระเบิดพลังงานออกมาผสานกันได้อย่างแปลกประหลาดและโจมตีพร้อมกันพร้อมกับแสวงช่องว่างโจมตีของเฮนด์เซน
“คาดไม่ถึงเลยว่าโอลิเวอร์มีการโจมตีในรูปแบบนี้!” เมื่อเงยหน้ามองดูการต่อสู้ลินลี่ย์อดลอบถอนหายใจไม่ได้
เขาต้องยอมรับว่าโอลิเวอร์เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ธาตุแสงกับธาตุมืดมีกฎธาตุที่ตรงกันข้ามอย่างเห็นได้ชัด แต่โอลิเวอร์ไม่เพียงแต่สามารถฝึกทั้งสองพร้อมกันได้เท่านั้น เขายังใช้ทั้งสองร่วมกันได้สมบูรณ์แบบ
“ฮ่าฮ่า...”
ด้วยการโจมตีต่อเนื่องติดต่อกัน เสียงหัวเราะของโอลิเวอร์ก็ดังขึ้น “เฮนด์เซน, ว่ายังไง,เจ้าจะเอาแต่ป้องกันอย่างเดียวหรือ? หรือว่าวิญญาณของเจ้าบาดเจ็บจนเจ้าตอบโต้ไม่ได้?”
“บึ้ม!”
เมฆฝนส่งเสียงกระหึ่มดังน่ากลัวขณะที่สายฟ้าแลบแปลบปลาบเหมือนงูและผ่าลงที่พื้นปฐพี สองสามวินาทีต่อมาฝนก็เริ่มโปรยปราย
ในพริบตา ก็มีฝนตกไปทั่วพื้นที่
“โธ่เว้ย..ทำไมฝนมาตกเอาตอนนี้?” ผู้ชมเป็นล้านเริ่มสบถเสียงดัง ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่มีอุปกรณ์กันฝน เมื่อจู่ๆ ฝนก็ตกใส่มาทางพวกเขาอย่างนั้นพวกเขาจึงกลายสภาพเป็นเหมือนไก่ที่จมน้ำไปครึ่งตัว อย่างไรก็ตาม ผู้ชมเหล่านี้ยังคงเงยหน้าจ้องมองการประลองในท้องฟ้าต่อไป
แต่เพราะเม็ดฝนที่ตกหนักทำให้พวกเขาไม่สามารถลืมตาจ้องมองด้านบนได้เต็มที่
น่าสมเพช
หลายคนจำต้องถอดชุดนอกออกมาและพยายามใช้ชุดนอกของพวกเขากันฝนบางส่วน เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้แหงนหน้ามองดูการประลองระหว่างสุดยอดฝีมือทั้งสองนี้ได้ต่อไปเพราะนี่อาจจะไม่มีโอกาสอย่างนี้ไปเป็นร้อยปี แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ฝนที่ตกหนักใส่พวกเขาเหมือนแกล้งขัดขวางพวกเขาไม่ให้เห็นการต่อสู้ในกลางเวหา
ตอนนี้มีน้อยคนมากที่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในท้องฟ้า
แน่นอนว่า ลินลี่ย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
“อาจารย์ลินลี่ย์ เกิดอะไรขึ้นกับการประลองข้างบนนั้น?” จักรพรรดิโจฮันน์รีบถามลินลี่ย์ ราชตระกูลยังค่อนข้างสบายเพราะทันทีที่ฝนเริ่มตก ร่มขนาดใหญ่หลายคันถูกนำมาใช้กางทันที
ลินลี่ย์และอีกหลายคนยังคงนั่งตัวแห้งอย่างสบายใต้ร่มกันฝน
“ทูลฝ่าบาท, เฮนด์เซนยังคงตั้งรับอยู่ ขณะที่โอลิเวอร์โจมตีใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตาม...ดูเหมือนโอลิเวอร์จะไม่สามารถทำอันตรายเฮนด์เซนได้” ลินลี่ย์ยิ้ม
แต่แม้จะพูดออกไปอย่างนั้นแต่ในใจลินลี่ย์ยังคงประหลาดใจอยู่ “ทุกๆครั้งที่โอลิเวอร์โจมตีจะแฝงพลังจิตโจมตีด้วย เฮนด์เซนจะตกอยู่ในสภาพใดกันแน่?”
ฝนยังคงตกหนักต่อเนื่อง
คบเพลิงนับไม่ถ้วนถูกฝนรดดับไปนานแล้ว ตอนนี้ต้องอาศัยเวทส่องสว่างของนักเวทสายธาตุแสงไม่กี่คนเพิ่มแสงสว่างให้กับพื้นที่
“โอลิเวอร์, เจ้าโจมตีเสร็จหรือยัง?” เฮนด์เซนพูดอย่างใจเย็น
“ว่าไงนะ?” โอลิเวอร์ตะลึงทันที
เป็นไปได้หรือว่าแม้เขาจะโจมตีเป็นเวลานานแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถทำให้เฮนด์เซนบาดเจ็บได้แม้แต่น้อย? พลังโจมตีวิญญาณเป็นอาวุธลับของเขา
โอลิเวอร์กวัดแกว่งกระบี่สองเล่มในมือยืนจ้องเฮนด์เซนกลางอากาศ
เฮนด์เซนมองดูโอลิเวอร์อย่างสงบ “เมื่อข้ารับการจู่โจมวิญญาณของเจ้าครั้งแรกข้าบาดเจ็บแน่นอน แต่หลังจากนั้นเนื่องจากข้าเตรียมรับมือไว้แล้วการโจมตีของเจ้าจึงไม่สามารถทำอันตรายข้าได้แม้แต่น้อย”
“เตรียมรับมือ?” โอลิเวอร์ตะลึง
เขาป้องการพลังโจมตีที่วิญญาณได้ยังไง? แม้แต่โอลิเวอร์ก็ยังนึกไม่ออก
“โอลิเวอร์, เจ้าต้องเข้าใจนะ แม้ว่าพลังโจมตีวิญญาณจะพิเศษ แต่เจ้าไม่ใช่เป็นคนเดียวที่ใช้ได้ ยังมีคนอีกมากในประวัติศาสตร์ทวีปยูลานที่พัฒนาการจู่โจมทำร้ายที่จิตวิญญาณ และข้าก็เคยกับการโจมตีเช่นนี้มาก่อนเช่นกัน ที่สำคัญเจ้าเป็นเพียงนักรบคนหนึ่ง พลังจิตของเจ้ายังอ่อนเกินไป เป็นไปได้ว่าเจ้ามีระดับพลังจิตเท่ากับจอมเวทระดับแปดเท่านั้น ถ้าเจ้ามีพลังจิตระดับเก้า...อย่างนั้นบางทีเจ้าอาจทำร้ายได้ แม้ว่าข้าจะเตรียมรับมือการโจมตีของเจ้าก็ตาม ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงชัยชนะของข้าในวันนี้คงไม่ได้มาง่ายๆ แน่”
เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนมองดูโอลิเวอร์อย่างใจเย็น
“ว่าไงนะ?!” โอลิเวอร์พบว่ายากจะยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้
เรื่องนี้กระทบจิตใจของเขาอย่างเหลือเชื่อ!
“โอลิเวอร์, เจ้าทำได้น่าประทับใจมาก บรรลุถึงระดับนี้ได้ก่อนครึ่งศตวรรษ” เฮนด์เซนลูบดาบหนักสีน้ำตาลในมือของเขาอย่างนุ่มนวล “ตอนนี้, เตรียมรับการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของข้าถือเสียว่านี่เป็นการแสดงการให้เกียรติพลังของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะเป็นหรือตาย นั่นขึ้นแล้วแต่สวรรค์”
โอลิเวอร์รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่น่าขันมาก
ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตายเหรอ?
“เฮนด์เซน, อย่าลำพองเกินไปนัก ถ้าเจ้ามีความสามารถก็ลงมือได้เลย มาฆ่าข้าได้เลย พูดกันพอแล้ว” ร่างของโอลิเวอร์เปล่งแสงขาวเจิดจ้าผสมกับแสงสีดำ
ร่างครึ่งหนึ่งของเขามีแสงสีขาวบริสุทธิ์คลุม อีกครึ่งหนึ่งเป็นสีดำสนิท
“มาเลย!” ผมของโอลิเวอร์ที่ดำและขาวสยายกระจายในอากาศ เขาแผ่รังสีไปทุกตำแหน่งและเร่งเร้าพลังกระบี่ทั้งสองในมือจนสูงสุด
เซียนดาบเจ้าภูผาเฮนด์เซนควงดาบหนักสีน้ำตาลมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“นี่คือพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของข้า ชื่อวิชานั้นก็คือ ทลายโลก ถ้าเจ้าจะต้องตายข้าก็ปรารถนาให้เจ้าตายโดยมีความรู้ว่าตายเพราะอะไร” เฮนด์เซนลืมไปแล้วว่าพวกที่เรียกว่าอัจฉริยะตายเพราะเขามากี่คนแล้ว
โอลิเวอร์คนที่หกหรือว่าคนที่เจ็ด?
เขาลืมไปแล้ว
แต่เฮนด์เซนรู้ว่าถ้าอัจฉริยะคนหนึ่งตาย อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สมควรเป็นอัจฉริยะต่อไป
“พี่ใหญ่!”บลูเมอร์ตะโกนใส่ท้องฟ้าสุดเสียง “ระวังตัวด้วย!” บลูเมอร์หลั่งน้ำตาเป็นสาย แต่เนื่องจากฝนที่ตกหนักจึงไม่มีใครบอกได้ว่าเป็นน้ำตาหรือสายฝน
แม้ว่าฝนจะตกหนักและสายฟ้าลั่น แต่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งก็ยังสามารถได้ยินคำพูดระหว่างนักสู้ทั้งสองคนได้
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของน้องชาย แม้โอลิเวอร์จะอยู่ภายในรัศมีขาวดำก็ยังยิ้มได้อย่างเต็มหน้า โอลิเวอร์มีรัศมีขาวดำรายล้อมมีสภาพเจิดจ้าแสบตา สำหรับผู้ชมด้านล่าง โอลิเวอร์ดูเหมือนดาวที่ฉายแสงสว่างอยู่ในท่ามกลางสายฝน
“บึ้ม!”
โอลิเวอร์เคลื่อนไหวทันทีและคลื่นระเบิดเสียงดังขึ้นขณะที่เขากลายสภาพเป็นแนวแสงยาวพุ่งเข้าหาเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน
“ฮ่าาาาห์” เฮนด์เซนตวาดเสียงดังอย่างใจเย็น
กระบี่เงาแสงและกระบี่อัคนีดูเหมือนผสานเข้าด้วยกันและแสงดำและแสงขาวบิดเป็นเกลียวเข้าด้วยกัน ขณะที่โอลิเวอร์มีใบหน้าที่ดุร้ายฟันกระบี่ทั้งสองลงขณะใกล้เข้าไปเป็นท่าโจมตีสุดท้าย
แต่ขณะที่เฮนด์เซนตวัดดาบยักษ์ไปข้างหน้า เหมือนกับว่าจะแฝงไปด้วยอานุภาพทลายโลกทั้งหมด
“ปังงงง!”
เสียงปะทะดังน่ากลัวได้ยินได้ เหมือนกับว่าโลกระเบิด ขณะเดียวกันสายลมพายุรุนแรงน่ากลัวกวาดไปทั่วทุกตำแหน่ง เหมือนกับว่าฝนตกหนักใส่แผ่นกัน มันถูกแรงพลังลมกวาดออกไป
“ตูมมม” ร่างมนุษย์คนหนึ่งปกคลุมไปด้วยรัศมีดำและขาวสลัวร่วงลงแม่น้ำแชนน์ด้วยความเร็วสูง..และบนผิวแม่น้ำแชนน์มีเลือดมากมายลอยขึ้นมาสามารถเห็นได้