ตอนที่ 9-24 โอลิเวอร์ปะทะเฮนด์เซน
วันที่ 4 พฤษภาคมปียูลานที่ 10009 คืนนี้อาจรับรองได้ว่าเป็นอะไรก็ได้ แต่ก็ยังเป็นคืนปกติ ประชาชนหลายคนในเมืองหลวงไม่สามารถหลับตาลงได้และออกมาที่นอกเมืองแทน คืนนี้ท้องฟ้าไร้ดวงดาวไม่มีแสงจันทร์ มีแต่เมฆหนาปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
ชาวเมืองหลวงมากมายพากันถือโคมออกมาเป็นกลุ่มละสามบ้างห้าบ้าง พวกเขารอคอยชมการต่อสู้ที่มาถึง
“เฮ้, น้องสามเจ้าคิดว่าท่านโอลิเวอร์และท่านเฮนด์เซนจะประลองกันตรงจุดไหน? ตอนนั้นเมื่อท่านโอลิเวอร์ท้าประลองท่านเฮนด์เซน เขาไม่ระบุให้ชัดเจนว่าพวกเขาจะสู้กันที่ใดพวกเขาเพียงแต่บอกว่าสู้กันนอกเมือง แต่เป็นนอกเมืองประตูตะวันออกหรือประตูตะวันตก หรือประตูใต้หรือว่าประตูเหนือ?”
“ใครจะไปรู้? เราไม่มีทางเลือกได้แต่รออยู่เงียบๆ”
คำถามนี้กวนใจใครๆหลายคน หลายคนมาจากเมืองต่างๆนอกจากคนกลุ่มน้อยที่ไม่สนใจอะไร และพวกนักเวทจำนวนหนึ่ง หลายๆ คนส่วนใหญ่มากันผู้คนเกือบครึ่งเมืองมาดูการประลองนี้ เมื่อนักท่องเที่ยวจากเมืองต่างๆ เข้ามาสมทบ วันนี้จึงมีผู้คนอยู่ที่นี่เป็นล้าน
ผู้คนรวมกลุ่มอยู่ด้านนอกประตูเมืองทั้งสี่ของเมืองหลวง
ไม่มีใครรู้ว่าการประลองจะใช้ที่ใด
คนกลุ่มใหญ่ที่อยู่คฤหาสน์ท่านเคานท์ก็ออกไปเช่นกันเป็นปกติ แต่กลุ่มของลินลี่ย์สามารถบอกได้ว่าการประลองจะเกิดขึ้นที่ใด ทั้งนี้เป็นเพราะ.. เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนตั้งใจกระจายรัศมีของเขา
เซียนดาบจ้าวภูผาและโอลิเวอร์ไม่ได้บอกชัดเจนว่าการประลองจะเกิดขึ้นที่ใด
ดังนั้น เฮนด์เซนเซียนดาบจ้าวภูผาจึงเลือกมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำแชนน์ซึ่งอยู่ตอนเหนือของเมืองหลวง เขายืนอยู่ในอากาศเหนือแม่น้ำซึ่งถ้าวัดส่วนกว้างที่สุดก็กว้างหลายร้อยเมตร อย่างไรก็ตามในเรื่องความยาวไม่อาจเทียบได้กับแม่น้ำยูลานเลย และแม่น้ำแชนน์ความจริงจะไหลไปบรรจบกับแม่น้ำยูลานในที่สุด
พวกเซียนมีความรู้สึกไวต่อรัศมีของเซียนอื่นมาก
ถ้ามีการต่อสู้ของเซียนเกิดขึ้นในที่เฉพาะเจาะจง เซียนที่อยู่ห่างออกไปเป็นร้อยๆกิโลเมตรก็จะรู้สึกได้ ลินลี่ย์ไม่ได้อยู่ในร่างแปลงแต่เพราะแฮรุและบีบีทั้งคู่สามารถรู้สึกได้ถึงรัศมีของเฮนด์เซนได้
“เหนือแม่น้ำแชนน์ ทางเหนือของเมือง ไปกันเลยการประลองจะเกิดขึ้นที่นั่น ท่านเฮนด์เซนอยู่ที่นั่นแล้ว” ประกาศแจ้งนี้กระจายไปทั่วเมืองราวกับพายุและลามไปถึงประชาชนด้านใต้ ตะวันออกและตะวันตกของเมืองแต่ละด้าน
ประชาชนเป็นล้านที่ชุมนุมอยู่ในที่นั้นเทกันไปที่ด้านทิศเหนือราวกับสายน้ำหลาก
ประชาชนมากมายมหาศาลเดินข้ามเมืองตรงไปที่ทิศเหนือ ที่สำคัญ มีคนอยู่ที่นี่มากเกินไป ถ้าพวกเขาเดินกันจนเต็มถนนของเมืองหลวงก็จะแออัดมากเกินไป
“ที่นี่มีผู้คนมากมายจริงๆ” ลินลี่ย์ วอร์ตัน บาร์เกอร์และคนอื่นๆจ้องมองดูภาพข้างหน้าด้วยความตกใจ
คนเกินกว่าล้านกำลังยืนอยู่สองข้างฝั่งแม่น้ำแชนน์ ผู้ชมแปดหมื่นคนในสนามประลองว่าดูเหมือนทะเลผู้คนแล้วแต่ผู้ชมที่เพิ่มอีกเป็นล้านเหล่านี้เป็นภาพที่ดูน่ากลัวจริงๆ
ทั้งสองฝั่งแม่น้ำแชนน์เต็มไปด้วยผู้คน
ส่วนที่แย่ที่สุดก็คือ...
ผู้คนยังคงทยอยมาถึงจากทิศตะวันออกตะวันตกและทิศใต้ของเมือง เหมือนกับมวลน้ำที่หลากไหลเข้ามาท่วมต่อเนื่องประชาชนที่นี่มีแต่จะเพิ่มขึ้น
“คนมากมายนัก เฮ้อ.. โอลิเวอร์นั่น...ทำไมเขาต้องยืนยันจะประลองให้ได้ในอีกสามเดือนด้วย? ถ้าเป็นครึ่งเดือนผู้คนจากหัวเมืองอื่นคงไม่สามารถมาได้ทัน สามเดือน... แม้แต่คนจากมณฑลพายัพก็ยังมาทันเวลาสบายๆ” ฮิลแมนส่ายศีรษะ
ซาสเลอร์ได้แต่หัวเราะ “ยิ่งคนมากขึ้นก็ยิ่งเป็นปรากฏการณ์ที่น่ากลัว”
ดูเหมือนซาสเลอร์มองภาพนี้อย่างที่เห็นภาพทหารผีอมตะจำนวนเป็นล้านของเขา ร่างทหารผีอมตะเป็นล้านของเขานับเป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ
“ที่สำคัญอื่นหมดก็คือเราจะไปให้ถึงด้านหน้าได้ยังไง? เราจะทำได้แต่ดูอยู่ห่างๆเท่านั้นหรือ?” เมื่อเห็นว่าข้างหน้ามีคนหนาแน่นเพียงไหน พ่อบ้านแอชลี่ย์ไม่กล้าเบียดตัวเข้าไป
เกทส์พูดอย่างดีใจ “ง่ายมาก ให้เราห้าพี่น้องเบิกทางให้เอง”
เนื่องจากโครงร่างของพวกเขาใหญ่จึงสามารถเบียดตัวไปข้างหน้าได้
“ไม่ต้องเร่งพวกเจ้าไม่สังเกตหรือว่าทหารของจักรพรรดิโจฮันน์ยังมาไม่ถึง?” ลินลี่ย์หัวเราะ เพียงชั่วเวลานั้นเอง ทหารจากกองทัพได้จัดตั้งขบวนเรียบร้อยและกำลังเดินอยู่ในทางของพวกเขา
ที่นี่มีสามัญชนเป็นล้านและมีทหารไม่น้อยกว่าแสน
แต่เนื่องจากพวกเขาตั้งขบวนหนาแน่นสวมเกราะสะท้อนแสง พวกทหารสร้างความหวั่นเกรงและกดดันต่อพวกสามัญชนได้
“โฮกกกก!” “กรรรรรร!”
ผู้ชมนับล้านมีอสูรเวทที่อยู่ในระดับของเขาด้วยเช่นกันบางตัวก็เชื่องเพราะความแข็งแกร่งของยอดฝีมือ เสียงร้องของอสูรเวทสามารถได้ยินเช่นกัน พอๆกับเสียงระเบ็งเซ็งแซ่สนทนาของพวกมนุษย์
เป็นฉากภาพที่ดูวุ่นวายยิ่งนัก
“เงียบ!”
เสียงที่ทรงพลังของคนผู้หนึ่งดังขึ้น “ทุกท่านที่อยู่บนเรือในแม่น้ำแชนน์, ขอให้ขึ้นฝั่งโดยด่วน! ถ้าพวกท่านยังอยู่ที่แม่น้ำระหว่างที่ท่านเฮนด์เซนกับท่านโอลิเวอร์ต่อสู้กันมีโอกาสสูงที่เรือของพวกท่านจะถูกคลื่นกวาดหายอับปาง ผู้คนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำแชนน์ทุกท่านขอให้ขยับถอยออกไปสิบเมตร! ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามาใกล้ฝั่งแม่น้ำ ทหารจะปฏิบัติตามคำสั่งอยู่ตรงนี้!”
ทหารประจำเมืองหลวงเริ่มจัดระเบียบคนดู
ระดับบนของจักรวรรดิไม่กล้าประมาท ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ กับคนเป็นล้านๆ ก็คงเป็นเรื่องอันตรายร้ายแรง การประลองกันระหว่างเซียนทั้งสองคนเป็นโอกาสบันเทิง พวกเขาไม่ยอมให้เกิดโศกนาฏกรรมได้
“ท่านวอร์ตัน, ท่านลินลี่ย์ เชิญมากับเรา” ทหารสองคนเดินมาหาพวกเขา
ลินลี่ย์กับวอร์ตันได้แต่ยิ้มให้กัน
จักรพรรดิโจฮันน์ทำข้อตกลงไว้ก่อนแล้ว หลังจากผู้ชมเหล่านั้นถอยออกมาสิบเมตรพวกขุนนางของจักรวรรดิจะอยู่ด้านหน้า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ไปถึงชายฝั่งแม่น้ำ แต่ด้วยแม่น้ำที่กว้างหลายร้อยเมตรถือว่ายังมีพื้นที่กว้างขวางพอให้เซียนทั้งสองได้ประลองกัน
นอกจากนี้นักสู้ระดับเซียนทั้งสองนี้จะประลองกันกลางอากาศ
พวกขุนนางได้รับการจัดที่ไว้แล้วแนวยาวตามฝั่งแม่น้ำแชนน์ จุดชมดูที่ดีที่สุด พวกเขาเตรียมดูการแสดงที่น่าทึ่งนี้ สามัญชนของจักรวรรดิเมื่อเห็นเช่นนี้ไม่อาจโกรธได้
มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างชนชั้นขุนนางกับสามัญชน
พวกที่สามารถเป็นขุนนางได้ล้วนแต่มีพรสวรรค์กันทั้งนั้นหรือผู้ที่มีคุณูปการกับประเทศชาติ ตราบใดที่ท่านมีความสามารถ ท่านสามารถเป็นขุนนางได้ สามัญชนของจักรวรรดิจะยกย่องชื่นชมขุนนางอย่างมาก และพวกเขาก็ปรารถนาจะรับราชการบ้างเช่นกัน
ลมราตรีเย็นยะเยือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้ฝั่งแม่น้ำ ลมราตรีทำให้ขุนนางหลายคนต้องใช้ชุดคลุม
ฝั่งแม่น้ำแต่ละด้านจุดไฟสว่างไสวไปตลอดลำน้ำแชนน์ อย่างไรก็ตามในอากาศเหนือแม่น้ำแชนน์ เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนยืนอยู่กับที่ตามลำพังกลางอากาศ โอลิเวอร์ยังไม่ปรากฏตัว
“อาจารย์ลินลี่ย์, ทำไมโอลิเวอร์ยังไม่ปรากฏตัว?” จักรพรรดิโจฮันน์ตรัสกับลินลี่ย์ที่ตอนนี้อยู่ข้างพระองค์
จักรพรรดิโจฮันน์ขอร้องเป็นการส่วนพระองค์ให้ลินลี่ย์มานั่งข้างเขา เหตุผลแรกก็คือเพราะเขาต้องการเสริมสร้างสัมพันธ์กับลินลี่ย์ ประการที่สอง เพราะอยู่ข้างลินลี่ย์เขาจะปลอดภัยขึ้นขณะดูการประลองของเซียนทั้งสอง
“อย่าเพิ่งใจร้อน ฝ่าบาท” ลินลี่ย์ “เฮนด์เซนเองก็ยังรออย่างอดทน ฝ่าบาท, พระองค์ต้องรออย่างเงียบๆ”
“ก็จริง” จักรพรรดิโจฮันน์ยิ้มและพยักหน้า
ในอากาศเหนือแม่น้ำแชนน์เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนยืนอยู่ เขาสวมชุดสีเทาเรียบง่าย และสะพายดาบหนักสีน้ำตาลอยู่บนหลัง เขายังหลับตา
ทันใดนั้น...
เฮนด์เซนลืมตาและจ้องมองทางทิศตะวันออก ร่างพร่าเลือนของมนุษย์ร่างหนึ่งกำลังบินมาทางอากาศด้วยความเร็วสูง ในพริบตาร่างมนุษย์ร่างที่สองก็มาถึงกลางอากาศเหนือแม่น้ำแชนน์
เป็นโอลิเวอร์กับกระบี่เงาแสงและกระบี่อัคนีสะพายอยู่ที่หลังของเขา วันนี้โอลิเวอร์อยู่ในชุดยาวสีดำ เขามองดูลึกลับมากและผมสีขาวของเขาพริ้วสะบัดตามสายลม
“ท่านโอลิเวอร์มาถึงแล้ว!”
ผู้คนนับล้านที่รออย่างอดทนส่งเสียงดีใจทันทีคลื่นเสียงกระหึ่มไปทั้งท้องฟ้าจนผิวแม่น้ำแชนน์กระเพื่อม ทุกคนคงนึกภาพออกว่าคนเป็นล้านตะโกนดีใจพร้อมกันเสียงจะดังเพียงไหน
“จำนวนคนมากมายขนาดนั้นน่ากลัวจริงๆ” วอร์ถอนหายใจด้วยความรู้สึกทึ่ง
ลินลี่ย์หัวเราะ
ในอากาศเหนือพวกเขาโอลิเวอร์และเฮนด์เซนไม่ได้รับผลกระทบแม้สักนิด พวกเขาจ้องกันและกันกลางอากาศ โดยโอลิเวอร์แสดงให้เห็นรังสีต่อสู้
“เฮนด์เซน,ไม่มีทางที่ข้าจะยั้งมือในการประลองของเราวันนี้ ถ้าข้าพลั้งมือฆ่าท่าน ท่านอย่าได้ตำหนิโทษข้า” โอลิเวอร์พูดอย่างเย็นชา
เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนหัวเราะและมองดูโอลิเวอร์อย่างใจเย็น “ถ้าเจ้าสามารถฆ่าข้าได้ งั้นก็ฆ่าได้เลย ข้าจะไม่ตำหนิเจ้าแน่นอน”
คำพูดเหล่านี้จากเซียนที่แข็งแกร่งทรงพลังทั้งสองทำให้ผู้ชมตื่นเต้นจนตัวสั่นกันหมด โอวสวรรค์ นี่จะเป็นการประลองเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายระหว่างเซียนที่ทรงพลังหรือนี่?
การประลองระหว่างเซียนทั้งสองนี้ไม่ใช่การประลองของเซียนธรรมดา คนหนึ่งเป็นเซียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกเซียนดาบจ้าวภูผา อีกคนหนึ่งเซียนกระบี่อัจฉริยะผู้ที่วันนี้จะมาแก้มือล้างอายจากความพ่ายแพ้เมื่อหกปีก่อน การสู้รบครั้งนี้จะทำให้ทุกคนตื่นเต้น
หลังจากเสียงเรียกด้วยความตื่นเต้นนับไม่ถ้วนแล้ว ทุกคนก็อยู่ในความเงียบ
ในคนนับล้านๆที่ปรากฏอยู่นี้ ไม่มีสักคนเดียวที่ส่งเสียง สิ่งเดียวที่สามารถได้ยินก็คือเสียงวิ่งของสัตว์ในสนามและเสียงลมพัดหวีดหวิว
“วันนี้ ข้าต้องได้เห็นอะไรดีๆ จากคนทั้งสองนี้” ตาของลินลี่ย์แหลมเป็นประกายเหมือนสายฟ้าและนอกจากนี้ สายลมรอบๆก็ยังเป็นใจกับสายตาของเขา แม้ว่าจะมีความมืดยามราตรี แต่เขาสามารถเห็นทุกอย่างในอากาศได้ชัดเจน คนทั้งสองยืนอยู่ในอากาศเหนือพื้นหลายร้อยเมตร
ตามสิ่งที่เทพสงครามบอก ถ้าลินลี่ย์สามารถเอาชนะเฮนด์เซนได้ นั่นหมายความว่าเขามีคุณสมบัติรู้ความลับของดินแดนทวีปยูลาน เฮนด์เซนยังคงเป็นผู้ฝึกฝนกฎธรรมชาติของธาตุดิน เป็นธรรมดาที่ลินลี่ย์จะต้องสังเกตการต่อสู้ครั้งนี้อย่างระมัดระวัง
สำหรับโอลิเวอร์...ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าโอลิเวอร์เป็นคู่แข่งที่ทรงพลัง
ไม่ใช่แค่ลินลี่ย์
บลูเมอร์ เคนยอนคาสโตรและศิษย์ส่วนตัวคนอื่นของเทพสงครามก็มาดูการประลองครั้งนี้เช่นกัน ที่สำคัญเนื่องจากพลังของเฮนด์เซน แม้แต่ในวิทยาลัยเทพสงครามก็มีแต่เพียงศิษย์ที่ฝึกมาเป็นพันปีเท่านั้นจึงจะสามารถเอาชนะเขาได้
“หกปีที่แล้ว ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านแม้แต่น้อย แต่วันนี้...” โอลิเวอร์หัวเราะอย่างเยือกเย็น เขาชักกระบี่อัคนีสีดำสนิทออกมาจากด้านหลัง
“เจ้าจะเริ่มต้นด้วยกระบี่อัคนีเลยใช่ไหม?” เฮนด์เซนยิ้ม แต่จากนั้นหน้าของเขา ค่อยๆ เคร่งขรึม เขาไม่ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ไม่ได้ชักดาบของเขา
หน้าของโอลิเวอร์กลายเป็นเย็นชา
“โอว? หกปีที่แล้ว ท่านยังไม่ได้ชักดาบท่านยังคิดว่าท่านไม่จำเป็นต้องชักดาบเพื่อเอาชนะข้าได้หรือ?” โอลิเวอร์กล่าวอย่างเย็นชา
“ถ้าเจ้ามีความสามารถ อย่างนั้นก็บังคับให้ข้าชักดาบเถอะ” เฮนด์เซนพูดอย่างใจเย็น ขณะเดียวกันระลอกคลื่นปราณยุทธสีเหลืองน้ำตาลรอบตัวเฮนด์เซนทำให้เขาดูเหมือนอิงอยู่ในคลื่นธาตุดิน
ทั้งสองแยกห่างกันหลายร้อยเมตร เป็นธรรมดาอยู่เองที่ต้องพูดกันเสียงดัง
ผู้ชมจำนวนเป็นล้านทั้งหมดได้ยินคำพูดของพวกเขาได้ชัดเจน พวกเขาตะลึง เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนผยองจนไม่ยอมชักดาบ
“เฮนด์เซนผู้นี้บางทีไม่รู้ว่ากระบี่อัคนีของโอลิเวอร์แฝงพลังโจมตีวิญญาณควบคู่กับการโจมทางกายหยาบด้วย” ลินลี่ย์ไม่พูดอะไร
สำหรับเฮนด์เซนเมื่อกล้าใช้วิธีเช่นนั้นก็หมายความว่าคงมีเหตุผลพอจะมั่นใจ ลินลี่ย์ไม่ต้องการให้เฮนด์เซนถูกโอลิเวอร์ฆ่าในกระบี่เดียว นั่นคงเป็นเรื่องน่าขันเกินไป
แสงสีขาวเจิดจ้ากระจายออกเต็มท้องฟ้าเหมือนความฝัน แสงขาวที่กระพริบแต่ละครั้งจะปรากฏร่างของโอลิเวอร์ในท้องฟ้า ในพริบตาก็มีร่างโอลิเวอร์ 108ร่างปรากฏอยู่ในกลางอากาศ
“ใช้เคล็ดวิชาแบบนี้เองหรือ? โอลิเวอร์ เจ้าไม่รู้หรือว่าวิชาแบบนี้ไม่มีประโยชน์จะใช้ป้องกันข้า?” เฮนด์เซนยืนอยู่กับที่ในกลางอากาศอย่างใจเย็นและตรึงรัศมีของเขาไว้
“จริงหรือ?”
โอลิเวอร์หัวเราะอย่างเย็นชา สิ่งประหลาดก็คือ ร่างทั้ง 108นั้นของโอลิเวอร์เคลื่อนไหวพร้อมกัน พุ่งเข้าใส่เซียนดาบจ้าวภูผาพร้อมกัน
เฮนด์เซนยืนอยู่ที่เดิมบางคราวก็ก้าวหนึ่งก้าว
ก้าวหน้าหนึ่งก้าวก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ก้าวซ้ายหนึ่งก้าวและก้าวขวาหนึ่งก้าว แต่ทุกก้าวทำให้เขาเคลื่อนไปได้หลายสิบเมตรหลบทุกการโจมตีของโอลิเวอร์ได้อย่างง่ายดาย
ในเรื่องความเร็วเฮนด์เซนไม่ได้ช้ากว่าโอลิเวอร์แม้แต่น้อย
“ท่านจะเอาแต่หลบจริงๆ หรือ?” โอลิเวอร์ตะโกนด้วยความโกรธ
“ต่อให้ข้าสู้กับเจ้าตรงๆ เจ้าจะทำอะไรได้?” เสียงเยือกเย็นของเฮนด์เซนดังขึ้นจากนั้นเขากลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม และจากนั้นเขารั้งรัศมีสีธาตุดินกลับมาแนบระดับร่างกาย
“วืดดด”
ร่างทั้ง 108ของโอลิเวอร์ผสานรวมเป็นหนึ่ง ร่างของโอลิเวอร์ปกคลุมไปด้วยรัศมีดำหม่นเยือกเย็นซึ่งดูเหมือนจะกลืนแสงรอบตัวเขาได้ทั้งหมด หน้าของโอลิเวอร์ไม่อาจมองเห็นได้ชัด
“หืม?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ
ธาตุลมไม่สามารถเข้าไปใกล้โอลิเวอร์ได้
“วืดดด”
รังสีดำแหวกอากาศพุ่งโจมตีเฮนด์เซนโดยตรง เฮนด์เซนยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับแค่ใช้หมัดขวาต่อยออกไปง่ายๆ
“บึ้ม!”เสียงระเบิดกำแพงเสียงดังได้ยินชัด
หมัดที่กระแทกลงด้วยน้ำหนักดังภูผาตรึงอากาศโดยรอบสถานที่
“บึ้ม!!!”
ในที่สุดโอลิเวอร์ก็ปรากฏตัว กระบี่อัคนีของเขาฟันใส่หมัดของเฮนด์เซน เมื่อเฮนด์เซนต่อยออกไปโอลิเวอร์ไม่พยายามจะหลบ กลับกระแทกกระบี่ของเขาต้านปะทะตรงๆ พลังที่น่ากลัวจากหมัดผ่านกระบี่อัคนีและด้วยเสียงที่น่าสะพรึงกลัวแขนขวาของโอลิเวอร์บิดในลักษณะแปลกประหลาด และเขาถูกกระแทกปลิวออกไปเพราะพลังหมัดนั้น
สำหรับเฮนด์เซนยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
“เฮนด์เซน... ดูเหมือนจะลำบากแล้ว” ลินลี่ย์มองดูเฮนด์เซนอย่างระมัดระวัง