ตอนที่ 9-23 ชีพจรคุ้มกัน
คฤหาสน์ของเคานท์วอร์ตันตกอยู่ในความเงียบ ซาสเลอร์อยู่ในห้องฝึก ขณะที่บาร์เกอร์กับน้องๆและวอร์ตันฝึกฝนอยู่ในลานฝึกกว้างด้านหลังคฤหาสน์ รีเบ็คกา ลีนาและเจนน์กำลังสนทนากับองค์หญิงเจ็ดนีน่า
“เฮ้อ”
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกวอร์ตันอาบน้ำและเปลี่ยนชุดสะอาดใหม่จนพอใจแล้ว เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ เขาไม่เคยรู้สึกมีความสุขเหมือนในปัจจุบันนี้มาก่อน
เขาได้อยู่ด้วยกันกับพี่ใหญ่ และกำลังจะได้แต่งงานกับนีน่า ปู่แอชลี่ย์และฮิลแมนมีความสุขอยู่เงียบๆกับชีวิตของขุนนาง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ถ้าท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะต้องมีความสุขมากแน่นอน” วอร์ตันรู้สึกอิ่มเอมใจ ขณะเดียวกัน เขารู้สึกขอบคุณพี่ใหญ่ลินลี่ย์ผู้นำทุกอย่างนี้มาให้เขา
ลินลี่ย์คือเสาหลักของตระกูล
ถ้าไม่ใช่เพราะลินลี่ย์จักรพรรดิคงจะยกนีน่าให้เขาหรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะลินลี่ย์ ในเมืองหลวงนี้ เขาจะเป็นเพียงคนธรรมดาที่อยู่ในหมู่ขุนนาง อย่างดีที่สุดก็เป็นเพียงอัจฉริยะคนหนึ่ง
วอร์ตันจ้องมองปู่แอชลี่ย์ที่อยู่ห่างๆเขานอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้จิบน้ำผลไม้อย่างสบายอารมณ์
“ปู่แอชลี่ย์ พี่ใหญ่ไปไหนหรือ?” วอร์ตันถามขณะเดินเข้ามา
พ่อบ้านแอชลี่ย์เงยหน้าและยิ้ม “โอว, วอร์ตัน คุณชายลินลี่ย์ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว”
“เขายังไม่กลับมาอีกหรือ?” วอร์ตันพยักหน้า
“เจ้าไม่มีอะไรต้องกังวล พี่ใหญ่เจ้าเป็นเซียนคนหนึ่ง คุณชายวอร์ตันเจ้าก็ต้องฝึกฝนหนักเช่นกัน” พ่อบ้านแอชลี่ย์หัวเราะเบาๆ
“แน่อยู่แล้ว” วอร์ตันพยักหน้า
“ปู่แอชลี่ย์เดือนหน้าจะมีการประลองระหว่างเซียนดาบจ้าวภูผา ท่านจะไปดูไหม?” วอร์ตันหัวเราะ
“เป็นเรื่องปกติ ข้าจะพลาดดูการประลองระหว่างเซียนทั้งสองได้ยังไงกัน?” ดวงตาของพ่อบ้านแอชลี่ย์เป็นประกาย “เซียนดาบจ้าวภูผาเป็นยอดฝีมือในหมู่เซียน การประลองคราวนี้จะต้องตื่นเต้นอย่างแน่นอน”
ตาของวอร์ตันยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
“สักวัน ข้าจะต้องเป็นเหมือนพี่ใหญ่, โอลิเวอร์และเฮนด์เซนให้ได้” วอร์ตันตัดสินใจแน่วแน่
จากนั้นเสียงฝีเท้าดังขึ้น
ลินลี่ย์ปรากฏตัวอยู่นอกลานฝึก เมื่อเห็นพี่ใหญ่ของเขา วอร์ตันรู้สึกอบอุ่นใจเขารีบเข้าไปต้อนรับทันที “พี่ใหญ่ ท่านไปทำอะไรมาตั้งนานกว่าจะกลับมาได้? บาร์เกอร์และข้าฝึกฝนเสร็จแล้ว เรากำลังจะเริ่มมื้อค่ำอีกไม่นานแล้ว”
“ข้าไปพบคนบางคนมา” ลินลี่ย์หัวเราะ
ลินลี่ย์ไม่บอกน้องชายของเขาเรื่องการเดินทางไปภูเขาเทพสงคราม เนื่องจากลินลี่ย์เห็นว่าดีที่สุดก็คือไม่ต้องบอกน้องชายเรื่องกิจการของทวีปยูลาน เมื่อน้องชายของเขาบรรลุระดับเซียนยังมีเวลาอีกมากที่จะบอกเขาในตอนนั้น
ภายในลานฝึกด้านหลังจะเป็นที่อยู่ของลินลี่ย์ซึ่งอยู่ภายในคฤหาสน์ ลานพื้นที่ฝึกฝนมีขนาดใหญ่มาก แต่วอร์ตัน บาร์เกอร์และน้องๆทั้งหมดก็ต้องการพื้นที่ฝึกฝนมากเช่นกัน ดังนั้น ลินลี่ย์โดยปกติจะฝึกอยู่ในพื้นที่คฤหาสน์ของตนเอง
“วิ้วววว” “วิ้วววว”สายลมพัดใบไม้ที่ร่วงอยู่บนพื้นกระจายและลอยพลิ้วขึ้นไปในอากาศ ผมของลินลี่ย์โบกสะบัดตามกระแสลม
ลินลี่ย์กวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียมมีเพียงปลายดาบสัมผัสเข้ากับพื้น
“เราจัดการสร้างพลังคลื่นชีพจรได้ถึง 128 ชั้นตามจังหวะพลังโจมตีของเคล็ดสัจธรรมแห่งธาตุดิน” ระหว่างห้าปีที่เขาใช้เวลาอยู่หมู่บ้านยอดเมฆ ลินลี่ย์ก็เชี่ยวชาญพลังคลื่นร้อยชั้นในช่วงปีที่สี่แล้ว
ลินลี่ย์ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วมากเมื่อเขาก้าวหน้าจากตั้งแต่คลื่นสามชั้นเป็นสิบชั้น จากสิบชั้นไปเป็นร้อยชั้น
แต่หลังจากระดับคลื่นร้อยชั้นไปแล้วระดับความก้าวหน้าของลินลี่ย์ก็เริ่มตกลง แม้ว่าเวลาทั้งหมดที่ผ่านไป ลินลี่ย์ก็ถึงระดับที่ใช้คลื่นได้ 128 ชั้น
ด้วยการก้าวหน้าแต่ละครั้ง ลินลี่ย์เพียงแต่เพิ่มจำนวนพลังคลื่นได้เพียงหนึ่งหรือสองชั้น
“ข้าสงสัยจริงว่าขีดจำกัดที่แน่นอนของจำนวนพลังคลื่นมีอยู่เท่าใดกันแน่?” ลินลี่ย์นั่งลงอยู่ในท่าขัดสมาธิ
“ครืดดด” “ครืดดด”
เสียงของชีพจรของโลกเต้นดังออกมาจากจิตใต้สำนึกของลินลี่ย์ จังหวะเต้นเป็นเอกลักษณ์เป็นจังหวะที่ยอดเยี่ยมสามารถทำให้คนตกอยู่ในอำนาจโดยไม่รู้ตัว
กล้ามเนื้อของลินลี่ย์เดี๋ยวขยายเดี๋ยวหดตัวอย่างต่อเนื่องและสั่นสะเทือนเป็นจังหวะ และลมเกิดขึ้นรอบตัวลินลี่ย์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ขณะทำสมาธิลินลี่ย์ได้สังเกตไว้ก่อนนั้นว่ากล้ามเนื้อของเขาดูดซับแก่นธาตุดินได้อย่างรวดเร็วเมื่อมีการสั่นสะเทือนตามจังหวะชีพจรของธาตุดิน ทำให้ร่างกายของเขาฟื้นฟูพลังได้ไว
“อา!”
ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนทันทีตาของเขาเป็นประกายแสงน่ากลัว
“จังหวะเต้นของชีพจรโลก จังหวะเต้นของชีพจรโลก...” ลินลี่ย์ระลึกได้ทันทีว่าวิชาที่เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนเคยใช้ป้องกันตัวเขาเองกับโอลิเวอร์
ร่างของเฮนด์เซนถูกชั้นคลื่นสีธาตุดินคลุมรอบทันทีซึ่งคลื่นพลังนั้นได้กระหน่ำใส่เขาบีบบังคับให้เขาต้องถอยออกไป
“ตอนนั้นข้าเพียงแต่รู้สึกว่าพลังป้องกันของเฮนด์เซนดูเหมือนมีคุณสมบัติที่คุ้นเคย แต่เวลานั้น ข้ายังไม่เข้าใจ และข้าไม่มีเวลาวิเคราะห์ แต่ตอนนี้...”
ลินลี่ย์มีความรู้สึกที่พิเศษคล้ายกับเห็นพระจันทร์เพ็ญซึ่งถูกซ่อนบังอยู่หลังม่านหมอกค่อยๆกระจ่างขึ้นในใจของเขา
“จังหวะเต้นชีพจรของโลกไม่ใช่แค่คลื่นสั่นสะเทือนแต่สามารถกลายเป็นพลังไร้ลักษณ์ และอาจส่งผ่านปราณยุทธได้” นั่นเป็นเหมือนกับมีฟิล์มทึบแสงปิดบังความรู้นี้ไว้ พอมองผ่านทะลุฟิล์มนี้ได้ ตอนนี้ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจแล้ว
“ใช้ชีพจรโลกเพื่อป้องกัน ฮ่าฮ่า..เวทสายธาตุดินมีเวทระดับต้องห้ามคือ เวทคุมจังหวะ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยึดหลักการเดียวกัน อย่างไรก็ตาม พลังคุ้มกันชีพจรคงใช้แต่ป้องกันตัวเราเอง”
ปราณยุทธสีฟ้า-ดำของลินลี่ย์เริ่มครอบคลุมเต็มพื้นที่รอบตัวเขา
“ไม่, นั่นไม่ใช่วิธีทำงาน”
ลินลี่ย์หลับตาปล่อยให้ใจของเขาผสานเข้ากับจังหวะชีพจรของโลก ขณะที่เปลี่ยนปราณยุทธเลือดมังกรของเขาเข้าเป็นจังหวะเดียวกัน เขาเข้าใจในเรื่องหลักการทั่วไปแล้ว แต่หลักการนี้มาใช้งาน นั่นไม่ใช่งานง่าย
ลินลี่ย์ยืนอยู่กับที่กลางลานฝึกขณะที่คลื่นปราณยุทธสีฟ้า-ดำคลุมรอบตัวเขา
หลักการนั้นค่อนข้างจะง่าย ตัวอย่างเช่นกระดาษบางสามารถฉีกขาดได้ง่ายๆ แต่ถ้ากระดาษ แต่ถ้ากระดาษถักหนาถึงหกชั้น กระดาษถักนี้อาจสามารถรับพลังได้ถึงร้อยปอนด์
วัสดุเดียวกันหลังจากพับทบและถักสามารถรองรับพลังได้มากมายมหาศาล
ปราณยุทธก็เหมือนกัน เมื่อเอามาใช้สำหรับป้องกัน
ปราณยุทธอย่างเดียวกันเมื่อเอามาใช้ในวิธีการที่แตกต่าง สามารถป้องกันพลังที่จะมาถึงได้สิบเท่าหรืออาจถึงร้อยเท่าก็ได้ “จังหวะเต้นชีพจรของโลกก็ทำนองเดียวกันต้องมีเคล็ดเฉพาะทาง
จังหวะชีพจรโลกเป็นแค่หนึ่งในหลายเส้นทางภายในกฎแห่งธาตุดิน
ลินลี่ย์บรรลุถึงเข้าใจเรื่องจังหวะเต้นของชีพจรโลกในระดับค่อนข้างสูง ทั้งหมดที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือต้องแปลงความเข้าใจและใช้หลักการเดียวกันนี้สร้างพลังป้องกันชีพจรคุ้มกันด้วยตัวของเขาเอง เนื่องจากเขาเข้าใจหลักการแล้ว เมื่อเขาเริ่มประยุกต์ใช้ เขาจะก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
“พี่ใหญ่ ได้เวลากินกันแล้ว” วอร์ตันเดินเข้ามาหาโดยมีบาร์เกอร์กับน้องๆเดินมาข้างหลัง ทั้งห้าคนเพิ่งฝึกเสร็จและอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว
แต่เมื่อพวกเขาผลักเปิดประตู พวกเขาพบว่า...
ลินลี่ย์มีปราณยุทธสีฟ้า-ดำซึ่งม้วนตัวเป็นคลื่นเหมือนหมอกล้อมรอบตัว ลินลี่ย์ซ่อนอยู่ภายในคลื่นปราณเหล่านั้น
“พี่ใหญ่?”
“ใต้เท้า?”
วอร์ตันบาร์เกอร์และคนอื่นๆ มองหน้ากันเองทุกคน แม้ว่าการฝึกจะสำคัญ แต่การพักก็สำคัญเช่นกัน
“อย่าเพิ่งรบกวนพี่ใหญ่” บีบีออกคำสั่งอยู่ที่มุมลานฝึก
“ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว พี่ใหญ่ควรจะพักได้แล้ว” ขณะที่พูด วอร์ตันเดินเข้าหาลินลี่ย์ บีบีกับแฮรุมองหน้ากันเอง แต่ไม่ได้ขวางเขา
ลินลี่ย์สั่งบีบีและแฮรุไม่ให้เข้ามาใกล้เขา เนื่องจากอาจจะได้รับบาดเจ็บจากพลังคลื่นเหล่านั้น
“ปล่อยให้เจ้าเด็กนี่ได้รับบทเรียนสักครั้งก็ดีเหมือนกัน” บีบีลอบพูดกับตัวเอง
วอร์ตันยังคงระมัดระวัง ปราณยุทธรอบตัวลินลี่ย์หนาแน่นมาก แต่เขาค่อนข้างจะอยู่ห่างจากลินลี่ย์ ปราณยุทธตรงนี้ค่อนข้างกระจายตัว วอร์ตันจะกังวลปราณยุทธขนาดเล็กน้อยนั้นได้ยังไง?
แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้ขอบปราณยุทธสีฟ้า-ดำทันใดนั้นวอร์ตันรู้สึกถึงคลื่นพลังงานแปลกประหลาดทะลักออกมาโจมตีเขา
“ปัง!”
วอร์ตันปลิวละลิ่วออกไป วอร์ตันรู้สึกเหมือนถูกโจมตีหลายสิบครั้งในทันที และแต่ละครั้งรู้สึกเหมือนกับถูกอุกกาบาตตกใส่
“วอร์ตัน” เกทส์เป็นคนแรกที่เข้าไปรับตัววอร์ตันไว้
“วอร์ตัน, เป็นอะไรหรือเปล่า?” เกทส์ถาม
“ข้าไม่เป็นไร” วอร์ตันยกมือคลำอก รู้สึกถึงรสของเลือดที่ปาก เขาจ้องมองลินลี่ย์อย่างเหลือเชื่อ “พี่ใหญ่ปล่อยปราณยุทธของเขา แต่ข้าเพียงแต่สัมผัสขอบด้านนอกเท่านั้นและพลังมันรุนแรงขนาดนั้นได้ยังไง?”
วอร์ตันไม่เชื่อ ปราณยุทธหนาแน่นที่ใกล้ลินลี่ย์มีอันตรายสูงยิ่งเข้าใกล้ก็จะยิ่งมีอันตรายมาก
“วอร์ตัน ใต้เท้าคงจะไม่หยุดฝึกแม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเขาต้องฝึกอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญดีที่สุดคือเราอย่าเพิ่งไปรบกวนเขา” บาร์เกอร์พูดอย่างจริงจัง
วอร์ตันพยักหน้าเช่นกัน “ข้าจะสั่งให้พวกยามห้ามไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนเขา”
“ไม่จำเป็น แฮรุกับข้าจะเฝ้าดูแลเขา” บีบีพูดอย่างยโส “ตอนนี้พวกเจ้าไปได้แล้ว ถ้าพี่ใหญ่ยังฝึกไม่เสร็จ ก็อย่างเพิ่งรบกวนเขา”
วอร์ตันบาร์เกอร์และคนอื่นๆ มองหน้ากันเอง จากนั้นจึงออกไป
ขณะเดียวกันวอร์ตันและบาร์เกอร์ได้สั่งให้คนอื่นๆ อย่ารบกวนการฝึกของลินลี่ย์ คืนนั้นตอนอาหารค่ำ เจนน์ นีน่าและคนอื่นๆประหลาดใจเช่นกันที่ลินลี่ย์ฝึกฝนอย่างหนัก
“เขากำลังฝึกอย่างหนักมากจนไม่ยอมกินมื้อค่ำ คนตัวโต, พี่ชายของเจ้าขยันจริงๆ” นีน่าพึมพำ
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าวันที่สองลินลี่ย์ก็ยังคงฝึกอย่างนี้ต่อไป วันที่สามก็เหมือนกัน และวันแล้ววันเล่าผ่านไปในสภาพเช่นนั้น
ในพริบตาเดียวผ่านไปสิบกว่าวันเข้าเดือนพฤษภาคมแล้ว
“ในอีกไม่กี่วันจะถึงวันประลองระหว่างโอลิเวอร์และเฮนด์เซน พี่ชายข้ายังฝึกหนักไม่เสร็จ นั่นจะไม่ทำให้เขาพลาดชมหรือเปล่า?” วอร์ตันพูดกับบาร์เกอร์และน้องๆ
วอร์ตันบาร์เกอร์และน้องๆ ของเขายืนอยู่ที่ประตูทางเข้าลานฝึก
ทุกวันหลังจากพวกเขาฝึกฝนเสร็จ พวกเขาจะมาเยี่ยมลินลี่ย์ ลินลี่ย์ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย และเขายังมีปราณสีฟ้า-ดำล้อมรอบ เพียงแต่เทียบกับเมื่อสิบวันก่อนปราณยุทธสีฟ้า-ดำลดขนาดพื้นที่ลงไปอีกเล็กน้อย
“ข้าสงสัยว่ากระบวนการฝึกฝนของพี่ใหญ่เป็นยังไง” วอร์ตันไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเขากำลังเห็นอะไร
บาร์เกอร์และน้องๆก็ส่ายศีรษะเช่นกัน เกี่ยวกับระดับความเข้าใจ บาร์เกอร์และน้องๆไม่ดีไปกว่าวอร์ตันเท่าใดนัก และไม่สามารถเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับกฎธรรมชาติของธาตุ
“ฮ่าาาาห์” เสียงระบายลมหายใจดังขึ้น
วอร์ตันและพี่น้องบาร์เกอร์ที่เตรียมตัวออกไปหันกลับมามอง ปราณฟ้า-น้ำเงินกลับเข้าไปในร่างของลินลี่ย์และลินลี่ย์ในตอนนี้ยิ้มขณะที่ยืดตัวลุกขึ้นยืน
“วอร์ตัน, เจ้าก็มาที่นี่ด้วย” ลินลี่ย์หัวเราะ
“พี่ใหญ่, ในที่สุดท่านก็ฝึกเสร็จเสียที” วอร์ตันพูดด้วยความตื่นเต้น
“ถูกแล้ว วอร์ตัน ข้าใช้เวลาฝึกไปนานเท่าใด?” ลินลี่ย์หัวเราะ
“เกือบสิบห้าวัน! วันนี้เป็นวันที่หนึ่งพฤษภาคม อีกสามวันจะเป็นวันที่สี่พฤษภาคม คืนนั้นโอลิเวอร์และเฮนด์เซนจะประลองกัน” วอร์ตันพูดอย่างรวดเร็ว
“สิบห้าวัน?”
ลินลี่ย์ประหลาดใจเล็กน้อย ความจริงเขาเพ่งความรู้สึกอยู่กับจังหวะเต้นชีพจรของโลกและประยุกต์ปรับปรุงวิชาชีพจรคุ้มกัน เขาไม่ได้สังเกตเวลาที่ผ่านไปสักนิด
คาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่หลับตาเวลาจะผ่านไปถึงสิบห้าวัน
“แม้ว่าข้าจะมีความเข้าใจอย่างสูงถึงจังหวะเต้นชีพจรของโลกและยังเข้าใจหลักการทั่วไปที่อยู่เบื้องหลังชีพจรคุ้มกัน แต่การพัฒนาวิชาจริงๆใช้เวลาถึงสิบห้าวัน
แต่ลินลี่ย์พอใจมากจริงๆ
ในอดีตเกราะปราณยุทธของเขาใช้ปราณยุทธสร้างอย่างง่ายๆและหยาบแต่พลังป้องกันของชีพจรคุ้มกันในปัจจุบันของเขาใช้ปราณยุทธในปริมาณเท่ากัน แต่แข็งแกร่งมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า
“แต่ดูเหมือนพลังป้องกันของข้าดูจะแตกต่างจากเฮนด์เซน”
เมื่อเขาพัฒนาวิชาของเขาได้ ลินลี่ย์คิดว่าเคล็ดวิชาของพวกเขาเหมือนกัน แต่หลังจากพัฒนาไปแล้วลินลี่ย์จึงได้ตระหนัก พลังป้องกันของเฮนด์เซนนั้นใช้วิธีกระตุ้นการเต้นของชีพจรโลกอย่างง่ายๆ ความเข้าใจชีพจรโลกของเฮนด์เซนยังไม่ลึกซึ้งเท่ากับระดับของลินลี่ย์เอง
อย่างไรก็ตามพลังป้องกันของเฮนด์เซนก็ยังทรงพลังน่ากลัว
นี่เป็นเพราะจังหวะเต้นของชีพจรโลกสนับสนุนเฉพาะส่วนพลังป้องกันของเฮนด์เซนเท่านั้น พลังที่แท้จริงของเขาส่วนใหญ่อยู่ที่ความลี้ลับที่แตกต่างของกฎธรรมชาติธาตุดิน
“ข้าสงสัยว่าเคล็ดพลังป้องกันชีพจรคุ้มกันที่บริสุทธิ์ของข้าจะรับกับพลังป้องกันของเฮนด์เซนได้ไหม?” ลินลี่ย์ลอบสงสัยอยู่ในใจ
“พี่ใหญ่ ท่านคิดเรื่องอะไรอยู่? ไปกินมื้อค่ำกันเถอะ” วอร์ตันเรียกเขา
“ตกลง”
ลินลี่ย์หันไปมองบีบีและแฮรุ “บีบี, แฮรุ ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์คาดได้ว่าบีบีและแฮรุไม่ได้อยู่ห่างเขาระหว่างช่วงเวลาสิบห้าวันนี้
“นี่ข้านึกว่าพี่ใหญ่จะลืมเราเสียแล้ว” บีบีกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของลินลี่ย์จากนั้นเบ้ปาก “แต่พี่ใหญ่, ข้าต้องบอกไว้ก่อน แม้ว่าเราไม่ได้ไปจากลานฝึกในช่วงสิบกว่าวันนี้ พวกบ่าวรับใช้ก็ยังส่งอาหารมาให้เราทุกวันน่าเสียดายคืนนี้จะไม่มีใครส่งอาหารมาให้แล้ว ข้าบีบีจะต้องไปหากินด้วยตัวเอง”
ลินลี่ย์วอร์ตันและบาร์เกอร์กับน้องๆ อดที่จะหัวเราะไม่ได้