ตอนที่ 266 – ตอนที่ 247 สตรีไม่ด้อยกว่าบุรุษ
“แล้วนี่หมายความว่ายังไง? ไหนพวกเจ้าบอกว่าจะไม่เริ่มต้นทำร้ายคนไงเล่า? พวกเจ้าน่ะช่างคุยโตเสียจริง!” เย่ว์หยางปรบมือกล่าวชมเชยดังๆ
“องค์ชายสือจินไม่ควรปฏิเสธคำเชิญของจักรพรรดิเราและพยายามจะหลบหนี การกระทำของเขาทำให้เราโกรธ ลูกผู้ชายที่ดีไม่ควรจะหนีจากเรื่องอะไรทั้งนั้น อาเฮยบางทีอาจจะลงมือรุนแรงไปบ้าง ข้าก็อยากจะขออภัยทุกท่านในเรื่องนั้นด้วย ความจริงตราบใดที่ทุกคนให้ความร่วมมือ เรารับรองว่าเราจะไม่ทำร้ายใครๆ ในที่นี้เลย” บุรุษชุดทองพูดอย่างมีมารยาท
“….” ผู้คนทั้งสนามแข่งขันพากันเงียบกริบ ถ้าพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธคำเชิญ แล้วจะแตกต่างจากการถูกจับอย่างไร?
เย่ว์ปิงอยู่ข้างล่างเวทีรู้สึกห่วงพี่ชายนางเป็นที่สุด
ถ้าพวกเผ่าปีศาจบูรพาเหล่านั้นเริ่มโจมตีพี่ชายนาง แล้วนางจะทำอย่างไร?
นางต้องการช่วยเหลือพี่ชายนาง แต่เนื่องจากนางยังมีพลังด้อย นางอาจทำได้เพียงแค่ฉุดดึงพี่ชายนางลงมาเท่านั้น หากว่านางพยายามช่วยเขา นี่เองทำให้นางรู้สึกเกลียดตนเอง จะดีมากแค่ไหนหากนางมีพลังต่อสู้ได้มากกว่านี้ น่าเสียดายที่นางไม่สามารถยืมมือพี่ชายเพื่อใช้ในการต่อสู้ นางได้แต่ดูพี่ชายนางต่อสู้ตามลำพังโดยไม่อาจยื่นมือช่วยได้ นอกจากเย่ว์ปิงแล้ว หญิงงามลึกลับ, หญิงงามอมโรค, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวทุกคนรอคอยอย่างกังวล รอเวลาเหมาะสมที่จะเข้าไปร่วมกับเย่ว์หยางต่อสู้
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ามีสีหน้าเครียดยิ่งกว่า ความคิดของเขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับการช่วยเย่ว์หยาง หากเกิดการต่อสู้ เขาได้แต่คิดว่าจะพานักเรียนหนีไปโดยปลอดภัยได้อย่างไร
เย่ว์หยางมีพลัง ดังนั้นเขาไม่ใช่คนที่น่ากังวลเป็นห่วงที่สุด
เขากลับห่วงเย่ว์ปิงและคนอื่นๆ แทน ทันทีที่ศัตรูพบเจอพวกเขา เย่ว์หยางจะตกอยู่ในความยุ่งยากแทน
“ถ้าท่านต้องการเชิญเรา ก็ทำได้ แต่โดยปกติ ข้าจะยอมรับคำเชิญของนักรบที่แข็งแกร่งเท่านั้น” เย่ว์หยางที่ยังอยู่บนเวทีควงดาบฮุยจินแล้วตะโกนว่า “ถ้าเจ้าต้องการเชิญเรา พิสูจน์สิ ว่าเจ้ามีพลังเพียงพอ”
“โห…” ผู้ชมนับจำนวนไม่ถ้วนปากอ้าค้าง ทุกคนคิดว่าเจ้าเด็กนี่ต้องบ้าไปแล้ว ศัตรูของเขาแข็งแกร่งมาก แม้แต่องค์ชายสือจินยังถูกสังหารทันที เขายังต้องการท้าทายพวกนั้นสู้ด้วยอีกหรือนี่?”
“เนื่องจากเป็นคำขอของแขกผู้มีเกียรติ เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด” บุรุษวัยกลางคนชื่ออสูรคะนองตาทองยิ้มเล็กน้อย
เจ้ายักษ์ชุดดำทั้งสองคนและบุรุษชุดแดงสองคน จากเผ่าปีศาจบูรพาทั้งสี่คนมารวมกัน
พวกเขาทุกคนยกมือขึ้นและเริ่มเป่ายิงฉุบ แสดงถึงความหยิ่งยโสของแต่ละคน
เหมือนกับว่าเป็นเรื่องง่ายอยู่แล้ว จะสุ่มเลือกพวกเขาคนใดคนหนึ่งก็ได้ ก็สามารถถล่มเย่ว์หยางจนเละ
ในที่สุดบุรุษชุดแดงที่ยืนอยู่ด้านซ้ายห่างที่สุดชนะเกมเป่ายิงฉุบและสาวเท้าก้าวเข้ามาหาคู่ต่อสู้อย่างเย่ว์หยาง บุรุษวัยกลางคนนามว่าอสูรคะนองตาทองแนะนำเขาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมมารยาท “ผู้นี้คืออาเหมยคนน้องแห่งพี่น้องเหมยฮัว และคนน้องมีนามว่าเหมยฮัวเป้า พลังของเขาอยู่ในระดับ 9 ของชาวปีศาจบูรพา ถ้าจะเทียบกับระดับของนักสู้ในทวีปมังกรทะยานก็น่าจะเป็นนักสู้ระดับ 9 (เซียน) แน่นอนว่า เนื่องจากเหตุผลบางอย่าง มันเป็นเรื่องยากมากที่เผ่าปีศาจทั่วไปจะบรรลุเข้าเขตแดนปราณก่อกำเนิด ดังนั้น เขาเป็นเพียงปีศาจราชองครักษ์ที่ยังไม่บรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิด วิธีแบบนี้ ก็จะไม่นับว่าเรารังแกมนุษย์อย่างพวกท่านมากเกินไป คุณชายสามตระกูลเย่ว์ ตราบใดที่ท่านรับมือเขาได้สิบกระบวนท่า ข้าจะกลับไปรายงานจักรพรรดิของข้า พระองค์จะส่งทูตที่แข็งแกร่งไปเชื้อเชิญท่านมายังวังสายรุ้งของพระองค์ ก็เหมือนอย่างที่พระองค์ส่งทูตไปเชิญจุนอู๋โหย่ว จักรพรรดิต้าเซี่ยไงเล่า”
“ว่าไงนะ?”
เย่ว์หยางตะลึงค้างเมื่อได้ยินคำนี้
พวกเผ่าปีศาจบูรพาเหล่านั้นชักจะละโมบเกินไปหน่อยกระมัง? ไม่ใช่แค่ผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ในทวีปมังกรทะยานเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องการลักพาตัวจักรพรรดิต้าเซี่ยจุนอู๋โหย่วด้วยหรือ?
พวกเขากล้าโจมตีจุนอู๋โหย่วผู้มีสององครักษ์พิทักษ์ฟ้าคอยปกป้องและยังมีมหาอำมาตย์ และทั้งหมดเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกด้วย นี่พิสูจน์ว่าเผ่าปีศาจบูรพาที่มาจากดินแดนนอกหอทงเทียนมีพลังที่มิอาจคาดคิดได้
“ไม่ใช่แค่เพียงฝ่าบาทจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้เท่านั้น เรายังเชิญแม่ทัพใหญ่เย่ว์ไห่, แม่ทัพเฟิงขวง, เฟิงเสี่ยวหวิน, เสวี่ยเวิ่นเต้าและเหยียนเชียนจ้ง ประมุขสี่ตระกูลใหญ่ ขณะที่ราชันย์ฟ้าบูรพาและราชันย์ฟ้าปัจจิมจากอาณาจักรเทียนหลัวด้วยเช่นกัน เพียงเรื่องเดียวที่น่าเสียดายก็คือมหาอำมาตย์แห่งต้าเซี่ยปฏิเสธคำเชิญของเราขณะที่เขาต้องไปปกป้องต้าเซี่ยและดูแลกิจการของอาณาจักร เรานับถือความรู้สึกรับผิดชอบของมหาอำมาตย์หัวเซี่ยจึงตัดสินใจเคารพความปรารถนาของเขา ดังนั้นเราจึงไม่บังคับเชื้อเชิญเขา” อสูรคะนองตาทองพูดช้าๆ แต่คำพูดของเขาเหมือนสายฟ้าผ่ายามโล่งแจ้ง ทำให้ทั้งสนามแข่งขันตกตะลึงกันไปทั้งหมด
นักรบแข็งแกร่งในต้าเซี่ยและเทียนหลัวแทบจะทั้งหมดที่มารวมตัวกันที่นี่ถูกพวกเขาจับทั้งหมด
พวกเขามีความแข็งแกร่งแบบไหนกันถึงทำได้สำเร็จ?
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารู้สึกเหมือนหัวใจเย็นยะเยือก แม้ว่าคำของพวกเขา ทำให้เขาเข้าใจว่า นักสู้ปราณก่อกำเนิด, มหาอำมาตย์และทุกคนถูกจับหมดแล้ว
มหาอำมาตย์และคนอื่นๆ กลับไปช่วยเป็นกำลังเสริม เพิ่งจากไปยังไม่ถึงสิบนาที กองทัพทั้งหมดก็ถูกจัดการแล้ว เผ่าปีศาจบูรพานี้และพลังของพวกเขาทำให้คนอื่นรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ พอไม่มีจื่อจุน, จักรพรรดินีราตรีและผู้เฒ่าหนานกงคอยปกป้องพวกเขา ทวีปมังกรทะยานเป็นเหมือนหมู่บ้านอ่อนแอ ถูกพวกปีศาจบูรพารุกรานได้อย่างง่ายดาย แล้วยังเรื่องนั้นอีก คนพวกนี้รู้ได้อย่างไรว่าจื่อจุน, จักรพรรดินีราตรีและผู้เฒ่าหนานกงขึ้นไปยังหอทงเทียนชั้นสิบกันทั้งหมด ทำให้ไม่มีใครคอยปกป้องทวีปมังกรทะยาน?
ต้องมีสายลับอยู่ที่นี่แน่นอน
ที่น่าสงสัยที่สุดน่าจะเป็นสมาชิกนิกายเจดีย์ราชสีห์ตะวันตก
ยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายสือจินไม่ได้ปฏิเสธความสัมพันธ์กับพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำพูดของเขาที่เพิ่งพูดออกมา ก็เปิดเผยอะไรออกมาหลายอย่างแล้ว
มีโอกาสเป็นไปได้มากว่าองค์ชายสือจินและสมาชิกนิกายเจดีย์ราชสีห์ตะวันตกได้ทำข้อตกลงบางอย่างกับเผ่าพันธุ์ปีศาจบูรพาเพื่อนำเขามาที่นี่ ใครจะรู้กันว่าพวกปีศาจบูรพาไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างพวกเขากับองค์ชายสือจินและนิกายเจดีย์ราชสีห์ตะวันตก องค์ชายสือจินเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาต้องการพาตัวเขาไปด้วยโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเจ้าชายเลยแม้แต่น้อย
“นี่เป็นไปไม่ได้.. พวกเขาต้องการบิดเบือนจิตวิญญาณนักสู้ของพวกเราโดยใช้กลอุบาย!” เหยียนพั่วจวินไม่ยอมเชื่อไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร ประมุขตระกูลใหญ่ทั้งสี่จะถูกจับได้อย่างไร? จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และและราชันย์ฟ้าทั้งสองของอาณาจักรเทียนหลัวยังถูกจับด้วยหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร!
“ฆ่ามัน! ฆ่าเจ้าพวกนั้นให้หมดแล้วช่วยคนกลับมา!” เฟิงชิซาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ จนเกือบบ้า
“……” เสวี่ยทันหลางไม่ได้พูดอะไร เขาร่อนลงมาและกระโดดไปอยู่ข้างขวาของเย่ว์หยาง “ข้าจะร่วมสู้กับเจ้า!”
“อย่าเพิ่งรีบอวดฝีมือ, ตอนนี้พวกเจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเผ่าปีศาจบูรพา” เย่ว์หยางพูดตรงๆ กับเขาโดยไม่มีการไว้หน้าทั้งสิ้น
“ข้าจะสู้แม้ว่าข้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา” คำพูดของเย่ว์หยางดูเหมือนไม่มีผลต่อจิตวิญญาณนักสู้ของเสวี่ยทันหลางเลย
“เจ้าคงเป็นเสวี่ยทันหลางจากตระกูลเสวี่ยใช่ไหม? ไม่เลว, เจ้าก็มีพรสวรรค์มาก คู่ควรกับฉายาสามดาวเพชฌฆาต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จิตใจนักสู้ของเจ้า! เจ้าแค่เป็นรองคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้นี้เท่านั้น ข้าชอบเจ้าจริงๆ! ถ้าจักรพรรดิของเราเห็นเจ้า เขาอาจมอบมังกรฟ้าน้ำแข็งแก่เจ้าก็ได้” อสูรคะนองตาทองพูดกับเสวี่ยทันหลางอย่างสุภาพอีกครั้ง
“สามดาวเพชฌฆาต ไม่ได้มีเพียงเสวี่ยทันหลางเท่านั้น!” เหยียนพั่วจวินและเฟิงชิซาเกร็งลมปราณแล้วโดดขึ้นมาบนเวทียืนเคียงข้างเสวี่ยทันหลาง
“ยินดี, ยินดีต้อนรับพวกเจ้า!” บุรุษวัยกลางคนยิ้มและโค้งตัวให้พวกเขาเล็กน้อย
“พวกเจ้าโง่กันทั้งนั้น” เย่ว์หยางพูดไม่ออก ทำไมพวกเขาไม่ซ่อนตัวอย่างว่าง่าย? กลับวิ่งมาหาที่ตายให้ตัวเอง
“เวลาที่ผ่านมาข้าฉลาดมาตลอด หายากจริงๆ ที่จะเห็นข้าแสดงความโง่ออกมา…” เหยียนพั่วจวินหัวเราะลั่น เขารู้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะหลบหนีพลังที่คาดไม่ถึงของศัตรูได้ แทนที่จะยอมถูกฆ่าอย่างองค์ชายสือจิน เขาต้องการอนุโลมไปตามเหตุการณ์
“ยังมีองค์ชายเทียนหลัว, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เย่ว์ปิงคุณหนูเจ็ดตระกูลเย่ว์ ประมุขน้อยนิกายภูเขาหมอกไป๋หวินเฟยและทูตมังกรแห่งนิกายปราสาทแก้วตะวันออกชังหลันวี่ โปรดขึ้นมาบนเวทีด้วยเช่นกัน ตราบใดที่พวกเจ้าทุกคนสามารถต้านรับได้สิบกระบวนท่าจากพี่น้องเหมยฮัวหรือพี่น้องหมีดำ ข้าจะได้กลับไปรายงานจักรพรรดิของเราอย่างมีความสุขและขอให้พระองค์ส่งทูตที่แข็งแกร่งกลับมาเชิญพวกเจ้าทุกคน..” เงื่อนไขที่อสูรคะนองตาทองยกขึ้นอ้างก็คือตราบใดที่นักสู้คนหนึ่งสามารถต้านรับได้สิบกระบวนท่า อย่างนั้นพวกเขาก็จะอยู่ต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม สิบกระบวนท่าเหล่านี้ พวกเขาจะสามารถรับมือได้ง่ายหรือ?
คู่ต่อสู้มีพลังระดับ 9 (เซียน) แม้ว่าจะยังไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่ก็เป็นระดับสูงสุดของนักสู้ เป็นเรื่องยากที่จะต้านรับแม้แต่กระบวนท่าเดียว อย่าว่าแต่สิบกระบวนท่า…
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเอาตัวบังเย่ว์ปิงไว้ ถ้าศัตรูสังเกตเห็นนาง อาจจะเป็นจุดโจมตีใส่เย่ว์หยางก็ได้
เขาไม่ห้ามสามดาวเพชฌฆาตที่จะขึ้นไปบนเวที แต่เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและองค์ชายเทียนหลัวขึ้นเวที เขากลับดุพวกเขาโดยไม่ออกเสียง “ตอนนี้ฝ่าบาทและราชันย์ฟ้าทั้งสองอยู่ในความยุ่งยาก ประเทศของเราตกอยู่ในอันตราย พวกเจ้าเป็นทายาทของอาณาจักร ถ้าพวกเจ้ายังก้าวต่อไปอีก จะกลายเป็นว่าเดินสู่เส้นทางทำลายตนเองไม่ใช่หรือ? เจ้าคิดว่าพวกเจ้าเด็กๆ จะสามารถหยุดและต้านทานเผ่าปีศาจบูรพาที่แม้แต่องครักษ์พิทักษ์ฟ้ายังทำอะไรไม่ได้หรือ?
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีน้ำตาไหลนองหน้า “พระบิดาไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ทำไมพวกท่านถึงต้องสนใจประเทศนี้ด้วยเล่า? ข้าต้องการช่วยสหายเก่านั้น…”
หญิงงามอมโรคโดดลงมาข้างหน้า แสงสว่างเปล่งออกมาจากตัวนางขณะที่นางเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นองค์ชายเทียนหลัวกลางอากาศอย่างรวดเร็วนางร่อนลงอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางเบาอย่างขนนกและตะโกนว่า “องค์ชายเทียนหลัวหัวซื่ออี้คือคนนี้” องค์ชายเทียนหลัวตัวจริงต้องการจะพูด แต่เจ้าโล่วฮัวตะปบคว้าตัวเขาไว้ขณะที่นางกอดเย่ว์ปิงไว้ป้องกันไม่ให้นางวิ่งขึ้นไปบนเวที
หญิงงามลึกลับยังคงเปล่งแสงสีต่างๆ จากร่างนางและเปลี่ยนร่างเป็นเย่ว์ปิง อย่างไรก็ตามนางก็ยังสูงกว่าเย่ว์ปิงตัวจริงหนึ่งช่วงศีรษะ
นางโดดไปอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางเช่นกัน “ข้าเย่ว์ปิงแห่งตระกูลเย่ว์”
เย่ว์ปิงร้องจนนางสับสนไปหมด และเกือบเป็นลมในอ้อมกอดของเจ้าเมืองโล่วฮัว
อี้หนานและเจ้าเมืองโล่วฮัวกอดตัวนางไว้แน่น เกรงว่านางจะวู่วามบอกว่านางคือเย่ว์ปิงตัวจริง ทันทีที่นางถูกพบ พวกเขาจะตกอยู่ในความยุ่งยากยิ่งขึ้น
ทูตมังกรแห่งนิกายปราสาทแก้วตะวันออกชังหลันวี่ก้าวยาวขึ้นเวที สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก แต่สายตาของเขาเปล่งประกายมุ่งมั่น
“ดีมาก ตอนนี้ก็เหลือเพียงประมุขน้อยไป๋หวินเฟยและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน” อสูรคะนองตาทองพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “ทวีปมังกรทะยานมีอัจฉริยะเต็มแผ่นดิน ข้าได้เดินทางไปมาหลายทวีปแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์จำนวนมากอย่างนี้ ตอนนี้เราก็แค่รอองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและประมุขน้อยไป๋หวินเฟยขึ้นเวที ทันทีที่เราได้ครบจำนวนเราจะไปทันที ข้าจะไม่ทำให้ทุกคนต้องเสียเวลามากนัก”
“ไป๋หวินเฟยอยู่ที่นี่” บุรุษลึกลับในที่นั่งชมส่วนบุคคลเปลี่ยนชุดเขากับไป๋หวินเฟย เขาจึงกลายเป็นไป๋หวินเฟยคนที่สอง
วีรสตรีทวนมังกรกระซิบบางอย่างกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางไม่มีทักษะแปลงหน้าเหมือนกับหญิงงามอมโรค แต่นางต้องการเสี่ยงตัวเองและรับหน้าที่แทนเชี่ยนเชี่ยนขึ้นไปบนเวทีแทนนาง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรีบส่ายศีรษะและโบกมือยืนยันคำปฏิเสธของนาง
ถ้าจุนอู๋โหย่ว, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และคนอื่นๆ ถูกเผ่าปีศาจบูรพาจับไป นางจะไม่หนีแน่นอน… แต่ตอนนี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะหลบเลี่ยง ศัตรูของพวกเขาจับเหล่าผู้อาวุโสของพวกเขาบีบบังคับพวกเขาเหล่าผู้เยาว์ให้ปรากฏตัว อาจกล่าวได้ว่าศัตรูของพวกเขาคาดการณ์ทุกอย่างไว้ในแผนของพวกเขาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะปฏิเสธ
ตอนนี้ มีเพียงสองทางเลือก ประการแรกเอาชนะเจ้าคนพวกนี้ จับพวกเขาและใช้พวกเขาแลกเปลี่ยนตัวประกัน
วิธีนี้ไม่สามารถจะใช้ได้ เว้นแต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้แข็งแกร่งจะอยู่ที่นี่
วิธีที่สองคือยอมแพ้ หยุดต่อต้านและไปกับพวกปีศาจบูรพา เมื่อพวกเขาพบว่าญาติพี่น้องของพวกเขาถูกจับเป็นเชลย พวกเขาก็แค่รอโอกาสช่วยเหลือพวกเขา แต่นั่นก็นับว่ายาก แน่นอน, ไม่ใช่ว่าจะหมดหวังโดยสิ้นเชิง ตราบใดที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้ปกป้องทวีปมังกรทะยานเหล่านั้นกลับมาจากหอทงเทียนชั้นสิบและตามไปช่วยเหลือทุกคนที่เผ่าปีศาจบูรพา วิธีนี้น่าจะเป็นไปได้
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้ว่าคงเป็นการดีที่สุดสำหรับนางที่จะอยู่และปล่อยให้วีรสตรีทวนมังกรไปแทนนาง
แต่ว่าถ้าเย่ว์หยางและบิดานางถูกจับจริงๆ ทำไมนางยังต้องอยู่ที่นี่ตามลำพังด้วยเล่า? ถูกจับไปพร้อมๆ กับพวกเขาทุกคนเลยไม่ดีกว่าหรือ?
พอกอดเจ้าเมืองโล่วฮัว, เย่ว์หวี่, เย่ว์ปิงและวีรสตรีทวนมังกรและล่ำลากันแล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปาดน้ำตา เดินลงจากที่นั่งผู้ชมและก้าวขึ้นบนเวทีต่อสู้อย่างกล้าหาญ ดาบยักษ์ที่อยู่บนหลังของนางกระทบกันจนได้ยินเสียง ทันใดนั้นนางใช้ตาดุดันดุจเสือจ้องไปยังศัตรูด้วยความภูมิใจ ด้วยสายตาที่ห้าวหาญ
“ยิ่งใหญ่สมเป็นเจ้าหญิงแห่งต้าเซี่ย! สตรีไม่ด้อยกว่าบุรุษแน่นอน ท่านมีพลังของบิดาท่าน!” อสูรคะนองตาทองชมเชยด้วยเสียงอันดัง
**********