ตอนที่แล้วตอนที่ 25 เสียเวลาเปล่า (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 27 นั่งรถไฟ (อ่านฟรี)

ตอนที่ 26 ตอนนี้เราไม่ต่างกัน (อ่านฟรี)


หลังจากที่โอลลิแวนเดอร์อยู่ในโหมดท้อแท้สิ้นหวังจนต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะกลับคืนสู่สภาพปกติ เขาโบกไม้กายสิทธิ์แล้วกล่องไม้กายสิทธิ์ทั้งหมดที่เขานำออกมาก็บินกลับไปที่เดิม ทั้งหมดยกเว้นหนึ่งไม้กายสิทธิ์ไม้หนึ่งที่ยังอยู่

“ดูเหมือนว่าคุณเป็นคนที่มีเอกลักษณ์มากเลย คุณแกรนท์” โอลลิแวนเดอร์แสดงความคิดเห็น

มักกอนนากัลพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

แม็กนัสรู้สึกเหนื่อยใจ "แล้วผมควรทำอย่างไรดีครับ หรือให้ผมไปฮอกวอตส์โดยไม่มีไม้กายสิทธิ์ได้ไหมครับ?"

“ก็.. มันมีสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์ไร้ไม้กายสิทธิ์ แต่ขนาดพ่อมด ผู้ใหญ่ที่เก่งที่สุดก็ยังแทบจะหาคนทำแบบนั้นไม่ได้ คุณแกรนท์ เธอในฐานะนักเรียนปี 1 ต้องการไม้กายสิทธิ์มากกว่าใคร ดูเหมือนว่าเธอจะต้องไปสำรวจหาไม้กายสิทธิ์ในภายหลัง เพื่อหาไม้ที่เหมาะสม” โอลลิแวนเดอร์แนะนำเขา

"แล้วตอนนี้ล่ะ มิสเตอร์แกรนท์จะใช้อะไรในโรงเรียน" มักกอนนากัลถาม

“สำหรับเรื่องนั้น เขาจำเป็นต้องประนีประนอม ไม้ยิว ยาว 15 นิ้ว แกนกลางเป็นเอ็นหัวใจมังกร เป็นไม้กายสิทธิ์เพียงชิ้นเดียวที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้ แม้ว่าจะแค่ 40 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับคาถาเวทมนตร์ปี 1” โอลลิแวนเดอร์พูดพลางโชว์ไม้กายสิทธิ์ที่แม็กนัสใช้ก่อนหน้านี้

มันเป็นไม้กายสิทธิ์แบบยาวที่ครึ่งหน้าเป็นไม้สีน้ำตาลและส่วนปลายไม้เป็นสีดำและมีลวดลายบิดเป็นเกลียวตรงด้าม

ถึงมักกอนนากัลจะไม่พอใจกับข้อตกลงนี้มากนัก เพราะช่วงเริ่มต้นของพ่อมดรุ่นเยาว์คือส่วนที่สำคัญที่สุด การมีไม้กายสิทธิ์ที่จำกัดความสามารถของคนๆ หนึ่งจะทำให้พ่อมดรุ่นใหม่ที่ทรงพลังถูกจำกัดความสามารถให้ด้อยกว่าปกติมาก แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือก เธอว่าจะบอกดัมเบิลดอร์เรื่องนี้ในภายหลัง

"แล้วไม้นี้ราคาเท่าไหร่คะ?" เกรซรีบถาม ตอนนี้เธอเบื่อเกินไปแล้ว

“2 แกลเลียน มันไม่ใช่ไม้กายสิทธิ์ที่ดีสำหรับเขา ดังนั้นผมจึงไม่สามารถเรียกเก็บเงินเต็มจำนวนจากคุณได้ พ่อหนุ่มวันไหนเธอพบไม้กายสิทธิ์ที่เข้ากันได้ รบกวนแสดงให้ฉันดูที ฉันอยากรู้สิ่งฉันขาดไป” โอลิแวนเดอร์กล่าว

แม็กนัสให้เงินอย่างละเหี่ยใจและออกจากร้านไปพร้อมกับไม้กายสิทธิ์ธรรมดาๆ

“ต่อไปก็เครื่องแบบ ที่นี่ไง นี่คือรายการสิ่งที่ต้องซื้อทั้งหมด ฉันเชื่อว่าพวกคุณสามารถจัดการเองได้ ฉันยังมีธุระไม่ไกลจากนี่ ถ้าคุณจัดการเสร็จแล้วฉันจะพาออกไปเอง” มักกอนนากัลก็จากพวกเขาไป

อดัมถือลิสรายการไว้ในมือ "เสื้อคลุมของมาดามมัลกิ้นสำหรับทุกโอกาสคือชื่อร้านต่อไปฮะ"

แม็กนัสซื้อชุดและอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่เขียนไว้ในรายการ หม้อปรุงยา 1 ใบ, ชุดตวงที่ทำจากแก้วไม่ก็คริสตัล 1 ชุด, กล้องดูดาว 1 ตัว, ตาชั่งทองเหลือง 1 ชุด

"เรามีแชดอยู่แล้วเพราะผมว่าจะให้เขาเป็นสัตว์ในวิชาเรียน ตอนนี้ก็เหลือแค่หนังสือ” แม็กนัสพึมพำขณะอ่านรายการ

เขาพาพ่อแม่ไปที่ร้านขนมใกล้ๆ เพื่อให้ลิ้มลองอาหารที่แตกต่างกัน แต่เหตุผลหลักก็คือเขามีหนังสืออยู่แล้วจนถึงปี 4 และถ้าพ่อแม่ของเขารู้ พวกเขาจะดุเขาเพราะมันหมายความว่าเขารู้เรื่องเวทมนตร์และฮอกวอตส์แล้วก่อนที่ดัมเบิลดอร์จะมาที่บ้าน

เขาไปที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกสั่งซื้อหนังสือสำหรับปีที่ 5-7 พวกเขาดูจะคุยง่ายหน่อย ไม่ได้ซอกแซกสงสัยอะไรเป็นพิเศษ เขาหยิบหนังสือสำหรับทุกวิชาของปี 6 และ 7

“พ่อของผมกำลังสร้างห้องสมุดส่วนตัว ดังนั้นผมเลยต้องการซื้อหนังสือทั้งหมดที่เป็นไปได้ฮะคุณผู้หญิง ผมขอหนังสือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเลขคณิต ชีววิทยา คาถาและคำร่าย เคมีและฟิสิกส์ การทำอาหารและการดูแลบ้าน การทำนาย การรักษาและการดูแลสุขภาพ ประวัติศาสตร์ อักษรรูนโบราณศาสตร์และทฤษฎีเวทมนตร์ และสุดท้าย กฎหมายเวทมนตร์ ผมต้องการหนังสือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับวิชาเหล่านี้” เขาเรียกร้อง

เขาไม่ได้ล้อเล่นที่เขาบอกว่าเขาจะดูดความรู้จนไม่เหลือหลอ ไม่สำคัญว่าเขาเก่งในสาขาเหล่านี้หรือไม่ สิ่งสำคัญคือความรู้อยู่ในหัวของเขา นอกจากนี้ยังมีห้องสมุดฮอกวอตส์อยู่อีก

ผู้ช่วยเจ้าของร้านมองเขาด้วยสีหน้าตกใจ ~ เขาเป็นลูกค้ามือเติบ โอ้เคราเมอร์ลีน ฉันคงได้โบนัสอีกบาน~

"ได้สิจ๊ะ โปรดรอสักครู่ อาจใช้เวลาหน่อย คุณมีอะไรที่จะพกติดตัวไปไหม หรือให้เราจัดหาให้" ผู้ช่วยถาม

"ไม่มีฮะ รบกวนใส่ไว้ในสิ่งที่พอจะพกพาได้ฮะ" แม็กนัสตอบกลับด้วยความสุภาพ

ผู้ช่วยรีบไปจัดการให้ สำหรับเธอแล้วการซื้ออย่างบ้าคลั่งในเด็กวัย 11 ขวบไม่ใช่เรื่องน่าตกใจมากนัก เนื่องจากเธอเคยเผชิญหน้ากับนายน้อยจากตระกูลร่ำรวยหลายคน พวกเขาใช้เงินเพียงแค่เพราะทำได้ ไม่ใช่เพราะอยากได้อะไร

ผู้ช่วยใช้เวลาไปกว่า 20 นาทีในการรวบรวมหนังสือทั้งหมดด้วยความช่วยเหลือของเวทมนตร์ แม็กนัสประหลาดใจมีจำนวนหนังสือล่าสุดทั้งหมดคือ 97 เล่ม ทั้งหมดถูกใส่ไว้ในหีบเล็กที่ขยายได้

"คุณแกรนท์ ทั้งหมดราคา 521 เกลเลียน ฉันให้ส่วนลดคุณไปพอสมควรแล้ว มีหนังสือขั้นสูงบางเล่มที่ทำให้คุณต้องเสียเงินมากขนาดนี้" ผู้ช่วยพูดอย่างกระวนกระวาย โดยหวังว่าแม็กนัสจะไม่ปฏิเสธทันทีหลังจากได้ยินราคา

“มีแค่ 97 เล่มเองเหรอ? ฉันคาดว่าจะมากกว่านี้ แต่ไม่เป็นไร ฉันจะได้มากกว่านี้ในฮอกวอตส์” แม็กนัสให้เงินโดยไม่ต่อรองราคา

ผู้ช่วยฝ่ายขายไม่สามารถมีความสุขไปกว่านี้ "ปีหน้ารบกวนกลับมาอีกนะคะ เราจะมีหนังสือมากกว่านี้ค่ะ"

"แน่นอน ขอบคุณฮะ" หลังจากนั้นเขาก็จากไป การผจญภัยในตรอกไดแอกอนของเขาสิ้นสุดลงแล้ว เขาพบว่าพ่อแม่ของเขากำลังกินไอศกรีม จากนั้นแมกนัสก็นึกขึ้นได้ว่าเขาต้องซื้อของบางอย่างให้บ็อบบี้ เขาจึงซื้อนาฬิกาวิเศษ 1 เรือนที่บอกอารมณ์ของผู้คนรอบตัวคุณ และเยลลี่เม็ดทุกรสของเบอร์ตี้บอตต์

“พ่อฮะ กลับกันเถอะ เรามีของจำเป็นครบแล้ว” เขาแจ้ง.

"จ้า จ้า เรากลับกันเถอะ อา ยังเหลือคุณนายมักกอนนากัล"

ในไม่นานพวกเขาก็ถูกพากลับไปที่ร้านหม้อใหญ่รั่ว มักกอนนากัลปล่อยพวกเขาไว้ที่นั่นหลังจากส่งตั๋วรถไฟให้แม็กนัส

จากนั้นครอบครัวแกรนท์ก็กระโดดขึ้นรถและขับกลับบ้าน บ๊อบบี้ยังรออยู่ที่นั่น แม็กนัสจึงพาเขาไปที่ห้องเริ่มโชว์ของเจ๋งๆ กับไม้กายสิทธิ์ให้เขาดู

"นี่นาฬิกาเรือนนี้ซื้อให้นาย และกล่องลูกอมนี้ด้วย" เขามอบของขวัญ

บ๊อบบี้หยิบเยลลี่เม็ดจากกล่องแล้วกินทันที

"อุแวะ... บ้าจริง รสชาติเหมือนอ้วกแมวอายุ 5 ขวบ เดี๋ยวนะ แล้วฉันรู้ได้ไงเนี่ย" บ๊อบบี้โพล่ง

แม็กนัสหัวเราะ "ฮ่าฮ่าฮ่า เวทมนตร์ไง เพื่อนเอ๋ย ลูกอมเหล่านี้มีทุกรสชาติจริงๆ มันไม่ได้มีแค่ของดีแต่มีของไม่ดีด้วย"

“แล้วทำไมต้องทรมานตัวเองแบบนี้ด้วย” บ๊อบบี้สงสัย

“คงเพราะตื่นเต้นมั้ง ไม่รู้ว่ารสอะไรจะตามมา” แม็กนัสอนุมานได้

หลังจากนั้นพวกเขาก็เล่นต่ออีกชั่วโมงหนึ่งแล้วบ๊อบบี้ก็กลับบ้าน อดัมขับไปส่งเขา

แม็กนัสเริ่มจัดข้าวของที่จะออกเดินทางในอีกไม่กี่สัปดาห์

“เฮ้ เจ้าหนู มีเวลาคุยกันหน่อยไหม?” อาเธอร์พูดขึ้นทันที

แม็กนัสประหลาดใจ "คุณกลายเป็นพวกพิธีรีตองตั้งแต่เมื่อไหร่"

“ฮะ ก็เด็กนั่นไง บ๊อบบี้ หลังจากที่เจ้าออกไปแล้ว เขายังคงนั่งหดหู่นิ่งๆ อยู่บนเตียงตั้ง 2 ชั่วโมง เขาไม่มีสหายคนอื่นจริงๆ รึ?” อาเธอร์ถาม

รอยยิ้มของแม็กนัสจางหายไปทันใด “เขาร้องไห้หรือเปล่าครับ?”

“เปล่า แต่ข้ามั่นใจว่าเกือบแล้ว” อาเธอร์ตอบ

*เฮ้อ* “ครับ เขาไม่มีเพื่อนคนอื่น เขาเหมือนพวกเก็บตัวแต่ถ้าคุณได้รู้จักพวกเขาพวกเขาจะร่าเริงมาก เขาอ่อนไหวกับคำพูดของคนอื่นๆ ที่มีต่อตัวเขามาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่มีเพื่อนเพราะเขาคิดว่าทุกคนล้วนเสแสร้ง” แม็กนัสอธิบาย

“ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสาร” อาเธอร์เห็นใจ

“แต่ผมเชื่อใจเขา ผมมีแผนใหญ่สำหรับเขาเพราะผมรู้ว่าเขามีศักยภาพที่จะยิ่งใหญ่ได้ แต่ก่อนอื่นผมต้องตรวจสอบสถานการณ์ของผมให้มั่นใจก่อน คุณเล่นไม่บอกอะไรผมเลย ผมจึงต้องทำอะไรสักอย่าง” แม็กนัสกล่าว

“เจ้าจะรู้ทุกอย่างในไม่ช้า ว่าแต่ตอนไหนกันที่เจ้าพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ” อาเธอร์ถามด้วยความสนใจ

“ตั้งแต่ที่ซิเรียสบอกผมว่าเขาไม่เคยรู้จักใครที่สามารถจุดไฟจากมือของพวกเขาได้ อีกอย่างผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นที่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ขนาดอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนซึ่งเป็นพ่อมดที่แข็งแกร่งที่สุดที่รู้จักกันในปัจจุบัน มาที่บ้านผมเพื่อมอบจดหมายให้ผมด้วยตัวเอง แถมผมไม่ได้มาจากตระกูลผู้วิเศษชื่อดังหรือตระกูลที่มีอิทธิพล”

“แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขาตอบสนองอย่างไร ผมแน่ใจว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แน่ ทั้งหมดที่ผมเดาได้ก็คือคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน ผมลองตรวจสอบเรื่องราวของคุณ คุณคือราชามังกร อาเธอร์ เพนดราก้อน น่าแปลกที่คนในโลกแห่งเวทย์มนตร์รู้ว่าคุณมีตัวตนอยู่จริง” แม็กนัสพูดยาว

“อา ปลื้มใจที่ได้ยินว่ามีคนจำข้าได้” อาเธอร์ถอนหายใจโล่งอก

...

ไม่กี่วันต่อมา แม็กนัสอยู่กับครอบครัวและเล่นกับบ๊อบบี้ตลอดทั้ง 4 สัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะต้องไปแล้ว

เขามาที่สถานีคิงส์ครอสในลอนดอนกับพ่อแม่ของเขา แม็กนัสอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ ดังนั้นเขาจึงรู้เกี่ยวกับชานชาลาที่ 9¾

ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงที่ ซึ่งแม็กนัสกับพ่อแม่เห็นเด็กบางคนมุ่งตรงไปที่กำแพง แต่แทนที่จะชนเข้ากับกำแพง พวกเขากลับหายเข้าไป เรื่องทั้งหมดนี่มันยังคงเป็นประสบการณ์ที่วิเศษมากสำหรับพวกเขา

ในสถานี พ่อแม่ที่ไม่มีเวทมนตร์ก็ได้รับอนุญาตให้เข้ามาเช่นกัน ดังนั้นแม็กนัสจึงมองไปที่พ่อแม่ของเขา “แม่ฮะพ่อฮะ จับไหล่ผมไว้แล้วตามผมมาเลยนะฮะ อย่าลังเล”

ทั้งสองพยักหน้าทำตามที่ขอ พวกเขาวิ่งเข้าไปในกำแพงด้วยกันและออกมาอีกด้านหนึ่งทันที เบื้องหน้าพวกเขาคือรถจักรไอน้ำขนาดใหญ่ ดูมีระดับเหมือนในสมัยก่อน

อดัมซึ่งเป็นวิศวกรเครื่องกล เกือบจะร้องไห้เมื่อได้เห็นสิ่งนี้ "สวยอะไรเบอร์นั้น"

ในทางกลับกัน เกรซมองไปรอบๆ ชานชาลา มันไม่แออัดขนาดนั้น

“แม่เดาว่าเราคงมาเร็วไปหน่อยนะจ๊ะ” เกรซอนุมานได้

"พ่อแม่สอนผมว่ามาก่อนดีกว่ามาสายนี่ฮะ" แม็กนัสอ้างคำพูดของพวกเขาเอง

พวกเขาเดินไปที่โบกี้นึง เขามองไปที่พ่อแม่ของเขา "แล้วเจอกันในวันหยุดคริสต์มาสนะฮะ"

เกรซน้ำตาไหลทันที "เราคงคิดถึงลูกมากแน่จะแม็ก ลูกไม่อยู่บ้านคงจะน่าเบื่อมาก"

อดัมพยักหน้า "ใช่ ไม่มีตัวป่วน พ่อจะสนุกได้ยังไง"

แม็กนัสหัวเราะ "ฮ่าๆ พ่อ แน่ใจนะว่าผมเป็นตัวป่วนของบ้าน"

เขากอดพ่อแม่ทั้งสองแน่น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะอยู่ห่างจากพวกเขา เขาแค่รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย ขณะเดียวกัน พ่อแม่ของเขาก็รู้สึกประหม่า จึงส่งลูกวัย 11 ขวบไป

“ลูกรัก สัญญาว่าจะเขียนจดหมายถึงแม่ทุก ๆ สองวัน” เกรซพูดพร้อมกับลูบไล้ใบหน้าของเขา

“ฮะแม่จ๋า ผมสัญญาว่าถ้าทำได้จะเขียนถึงแม่ทุกวัน” เขามั่นใจอย่างมีความสุข

"ดี ตั้งใจเรียนแล้วกลายเป็นพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่นะจ๊ะ ลูกมีข้าวกล่องที่แม่เตรียมไว้ให้แล้วใช่ไหมจ๊ะ?" เธอถามเขา

“ฮะ ผมเอามาด้วย” เขายกกระเป๋าขยายพื้นที่ขนาดเล็กของเธอให้เธอดู

จากนั้นอดัมก็ลูบหัวของเขา “เฉียบมากแม็ก ถ้ามีปัญหาอะไรให้รีบบอกเราทันทีนะ”

“ฮะพ่อ เลิกกังวลเกี่ยวกับผมได้แล้ว โอเค ผมควรไปหาที่นั่งดีๆ พ่อแม่ดูแลตัวเองนะฮะ” เขาหอมแก้มของพวกเขาแล้วเดินไปที่ประตู

เกรซกับอดัมมองดูเขาเดินจากไป เกรซถอนหายใจ "เขาโตไวมาก ฉันหวังว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไปมากนัก"

“ผมรู้สึกว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไปไม่ว่าเขาจะอายุเท่าไหร่ เขารักเรามากๆ เลย” อดัมตอบกลับ

...

แม็กนัสลากกระเป๋าเดินทางกับกรงแมวของเขาผ่านไปทางประตูตู้รถ แต่ทันทีที่เขาข้ามประตู เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้ผ่านน้ำตกที่มองไม่เห็น เว้นแต่ว่ามันไม่ใช่น้ำ แต่เป็นอากาศที่หนาทึบ

เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยน้ำตกนี้ แต่เขาทำให้ร่างกายของเขาร้อนขึ้นทันทีและทำให้มันไม่สัมผัสกับผิวหนังของเขาเลย เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ตัดสินใจถามเรื่องนี้ในภายหลัง

เขามองหาห้องโดยสารที่ว่างๆ สักพักก็เจอ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขากำลังจะเข้าไป กระเป๋าเดินทางของเขาชนเข้ากับขาของใครบางคน เขามองไปด้านข้างจึงไม่รู้ว่าใครยืนอยู่ข้างหน้าเขา

เขามองและพบว่าเป็นเด็กผู้ชายตัวสูง ใบหน้าที่เย่อหยิ่งผมยาวสีบลอนด์ เขาสวมเสื้อคลุมพ่อมดสีเข้มทั่วไป มีความเหยียดหยามในดวงตาของเขา

"หึ ดูสิว่าเจ้าจะเลือดสีโคลนโสโครกจะไปถึงไหน?" เด็กชายผมบลอนด์สบถใส่แม็กนัส

ตอนนี้แม็กนัสรู้แล้วว่าคำนี้หมายถึงอะไร เขาเคยอ่านมันในประวัติเวทมนตร์ มันน่ารังเกียจไม่น้อยไปกว่าคำ N แม็กนัสกำลังจะขอโทษ แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว

นอกจากนี้ อย่างที่คนส่วนใหญ่ทราบกันดีว่าแม็กนัสไม่กลัวใคร เขาปล่อยให้ใครรังแกเขาแบบนี้ไม่ได้ เขาตัดสินใจเรื่องนี้ไปนานแล้ว

“ฮ๊าาาาาาาา....ฮ๊าาา...ฮ๊าดดดด ชูวววว....” แม็กนัสจามออกมาให้ดังที่สุด น้ำลายของเขาหยดไปทั่วเด็กชายผมบลอนด์ตัวสูงซึ่งดูน่าขยะแขยง

“อ่า นั่นเป็นการจามหนักที่สุดเลยนะเนี่ย โทษทีนะ แต่เดี๋ยวนะ มองในแง่ดี ตอนนี้นายหายใจเอาละอองจามของฉันเข้าไปแล้ว นี่ทำให้นายเป็นเลือดสีโคลนโสโครกด้วยหรือเปล่า? ฉันเดาว่าตอนนี้เราเท่ากันแล้ว ว่ามะ” แม็กนัสพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันในตอนท้าย

“ถ้างั้นก็ขอโทษด้วย” เขาเลื่อนเปิดประตูห้องโดยสารที่ว่างเปล่าและเข้าไปนั่ง

เด็กชายตัวสูงพูดไม่ออกเพราะความกล้าของเด็กคนนี้ เขาเป็นรุ่นพี่ เป็นหัวหน้าเด็กสลิธีริน ปล่อยให้ตัวเองถูกดูหมิ่นได้อย่างไร เขาจะต้องทำลายชื่อสกุลของเขาหากเขาปล่อยเรื่องนี้ไป

“แก...” แต่เขากลืนคำพูดของเขาเพราะเห็นนักเรียนบางคนเข้ามาแล้ว เขาปล่อยให้พวกเขาเห็นว่าเขาทำตัวไร้มารยาทไม่ได้

~ ฉันจะจัดการกับแกในภายหลัง ~ เขาตัดสินใจหลังจากมุ่งเป้าไปที่แม็กนัส ซึ่งดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจ

แม็กนัสไม่รู้ว่า มีเด็กชายสองคนที่นั่งอยู่ในห้องโดยสารถัดไปฟังการปะทะเล็กๆ ไว้ทั้งหมด แล้วพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ

[ปล. พอเดากันออกไหมว่าชายผมบลอนคือใคร?]

_____________________________

เพจแปลถ้าเช่นนั้นข้าขอลา

ไม้กายสิทธิ์

ตั๋วรถไฟ

ขบวนรถไฟฮอกวอตส์

ห้องโดยสาร

หนุ่มผู้หยิ่งยโส

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด