ตอนที่แล้วตอนที่ 258 อาวุธสมบัติดินแดนขั้วจักรวาล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 260 พลังของกระเรียน

ตอนที่ 259 หัวหม่าเอ้อ


หวีซุ่นดูคำสั่งในมือของเขาอย่างระมัดระวัง  ท่าทางของเขาสงบเหมือนสายน้ำ

ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไม่กล้าทำอะไรเนื่องจากท่านหวีซุ่นเป็นคนที่มีอำนาจที่แท้จริงในกลุ่มศักดินาชาวยุทธ เป็นผู้นำเดี่ยวในพื้นที่ ดินแดนของพวกเขาเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์มากในกลุ่มดาวหมาป่า  ที่สำคัญพวกเขาอยู่ใกล้กลุ่มดาวกา  แม้ว่ากลุ่มดาวกาจะไม่ได้รุ่งเรืองแต่เส้นทางการค้าของพวกเขาอย่างน้อยก็ไม่ถูกจำกัด พวกเขาสามารถได้รับประโยชน์บางอย่างด้วยวิธีนี้ เนื่องจากพวกเขามักเดินทางไปทำการค้ากับกลุ่มดาวกาเป็นประจำเมื่อเทียบกับกลุ่มดาวหมาป่าซึ่งยุ่งเหยิง สถานที่ของพวกเขานับว่าสะดวกสบายที่สุด

ท่านหวีซุ่นเป็นผู้บัญชาการอันดับสองของกลุ่มศักดินาชาวยุทธ  ดังนั้นเขามีสิทธิ์ถือครองที่ดินที่สมบูรณ์

“เกี่ยวกับคำสั่งที่ข้าได้ส่งไปก่อนแล้วเรื่องยานขนส่งได้ส่งคนไปกี่คน?”

หวีซุ่นยังถือคำแนะนำไว้ในมือของเขาและถามทันที

บริวารของเขาประหลาดใจและตอบทันที  “เราส่งคนของเราให้ไปถ่วงเวลาพวกเขาไว้ตามคำสั่งของนายท่าน  แต่คนผู้นั้นโหดร้าย และคนของเราทั้งหมด...”

“เรายังมีนักสู้ฝีมือดีอยู่อีกกี่คน?”  หวีซุ่นถาม

“ราวๆ 40 คน” บริวารของเขานับ

“ส่งไปเพิ่มอีกสิบ”  หวีซุ่นโบกมือโดยไม่ลังเล

“ขอรับ!” บริวารของเขาตกใจ“ใครอยู่ในยานนั้น?”

“ไม่ว่ายังไงเราต้องถ่วงเวลาพวกมันให้ได้สามวัน” หวีซุ่นพูดเฉยเมย “ท่านสุ่ยเฉิงและหย่งชิวจะพามือดีอีกเจ็ดสิบคนมาถึงในอีกสามวัน”

คราวนี้บริวารของเขาถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก  ท่านสุ่ยเฉิงและท่านหย่งชิวพวกเขาคือหัวหน้าลำดับที่สามและที่สี่ และทั้งคู่เป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี!  ในกลุ่มศักดินาชาวยุทธใครก็ตามที่ได้รับยกย่องว่าเป็นมือดี มักจะเป็นนักสู้ระดับสวรรค์วิถี

นั่นเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่!

“ขอรับ!”  เขาควบคุมใจที่กำลังสั่นและตอบรับ

“เจ้าไปได้” หวีซุ่นโบกมือ บริวารของเขารีบออกไปทันที

หวีซุ่นเหม่อมองไปไกล  หน้าของเขามีแววกังวลทันที

พี่ใหญ่ไปหาคานท์!

ด้วยความช่วยเหลือของคลื่นหมีดินเผา  พี่ใหญ่เหมือนกับเสือติดปีก พลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าหวีซุ่นรู้จักพี่ใหญ่ของเขาดี และหลังจากถูกคานท์ข่มมาหลายปี  ก็เหมือนมีปีศาจในใจเขา  ตอนนี้พลังของเขาเพิ่มขึ้นทำให้เขาไม่ลังเลที่จะตามหาตัวคานท์ในทันที

แต่หวีซุ่นมีความกังวลในใจเขา

ใครจะยอมให้คนอื่นใช้คลื่นหมีดินเผาเป็นรางวัลเอาชนะศัตรูของเขาเองเล่า

หวีซุ่นจู่ๆก็หัวเราะลั่น  บางทีพวกเขาอาจผ่านวันเวลาที่สงบสุขนานเกินไปและสูญเสียพลังใจที่จะต่อสู้แล้วกลายเป็นคนขี้ขลาด  ศัตรูมีนักสู้สวรรค์วิถีสามคนแต่ฝ่ายเขาก็มีนักสู้ในสวรรค์วิถี

นอกจากนี้ในมือของพวกเขา พวกเขามีร้อยคนเป็นยอดฝีมือระดับนักสู้สวรรค์วิถีและร้อยคนนี้ล้วนแต่คุกคามสามคนนี้ได้

พี่ใหญ่ไปพบกับคานท์ได้อย่างสบายใจก็เพราะกระบวนความคิดนี้นั่นเอง

พลังของตัวเขาเองก็ยังนับว่าสูงกว่าศัตรูแน่นอน

ถ้าพวกเขาทำได้สำเร็จ  อย่างนั้นกลุ่มศักดิดาชาวยุทธจะกลายเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มดาวหมาป่า

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นแล้วหวีซุ่นอดปลื้มใจมิได้

ถังเทียนลืมตางัวเงีย  หลับครั้งนี้ได้หลับจนพอใจเขารู้สึกสะดวกสบายและตื่นตัวมาก

เอ๋, เดี๋ยวก่อน....

ทันในนั้นถังเทียนมองดูรอบๆตัวของเขา และตระหนักได้ทันทีว่าเขาอยู่บนหลังของถังอี้  ถังอี้ก้าวได้ยาว ดังนั้นภาพที่เห็นจึงบินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้าตื่นจนได้”  อาเฮ่อกล่าว ร่างของเขาพกความมั่นใจที่ไม่อาจบรรยายได้ถูก  ขณะที่เขาเหินบิน เขาเป็นเหมือนนกกระเรียนใหญ่กำลังบินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

หลิงซิ่วนั่งอยู่บนฟลามิงโกล้อเลียน“เจ้าช่างทำให้หมูทั่วจักรวาลได้อายจริงๆ พวกมันหลับไม่ได้อย่างเจ้าแน่นอน สามวันเต็มๆ หึหึ นับถือ นับถือจริงๆ!”

“นั่น..ยะ.ยาน..”ถังเทียนรู้สึกสูญเสียอะไรไปอย่าง  “เอ๋ยานอยู่ที่ไหนแล้ว?”

“เราเปลี่ยนเส้นทาง”อาเฮ่อกล่าวอย่างใจเย็นขณะบิน “ยานเราเป็นเป้าหมายเด่นเกินไป ดังนั้นเราจึงเก็บไว้”

ยานเป็นสมบัติดวงดาว  ดังนั้นมันสามารถเก็บไว้ได้ และเพื่อความมั่นใจถังเทียนไม่ได้ทิ้งรอยประทับไว้บนยาน

ถังเทียนสับสน  “เปลี่ยนเส้นทาง?  จะไม่มีปัญหากับเส้นทางของติงตังเหรอ?”

“ไม่มีแต่อย่างใด”

คำพูดของอาเฮ่อทำให้ถังเทียนสับสนมากขึ้นอีก

“เรากำลังถูกสอดแนม”  อาเฮ่อกล่าวอย่างใจเย็น “นอกจากการโจมตีระลอกแรกที่เจ้าคลี่คลายไปได้ก่อนนั้น  เรายังถูกลอบโจมตีอีกห้าครั้ง”

“อา!” ถังเทียนถลึงตาทันทีและกล่าว“เราถูกลอบโจมตีเหรอ? ข้ายังไม่เข้าใจเลย? เอ่อ, ทำไมข้าจำไม่ได้เลย? นั่นก็แปลก!”

“บางทีเจ้าเหนื่อยเกินไป”  อาเฮ่อปลอบโยนอย่างอ่อนโยน

หลิงซิ่วอยู่ด้านข้างแค่นเสียงเขาหงุดหงิดมาก  “เจ้าหลับได้หลับดีนานถึงสามวัน  ขณะที่พวกเราเหนื่อยสายตัวแทบขาดแม้กระทั่งนักสู้ระดับสวรรค์วิถีก็ยังโผล่ออกมาเลย  พวกมันน่ารำคาญเหมือนแมลงวัน  เสียเวลาฝึกฝนที่มีค่าของข้า”

“นักสู้ระดับสวรรค์วิถี!”  ถังเทียนตะลึงอีกครั้ง  แม้พวกเขาสามารถรับมือนักสู้ระดับสวรรค์วิถีได้  แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก  ปัญหาก็คือ นักสู้ระดับสวรรค์วิถีไม่ใช่คนอ่อนแอ  สีหน้าเขาหนักแน่นขึ้น  “มีอยู่กี่คน?”

“พวกมันมีห้าคน”เสียงของอาเฮ่อยังคงสงบเหมือนน้ำ “ข้าคาดว่าจะมีการลอบโจมตีข้างหน้าพวกห้าคนที่ลอบโจมตี เห็นได้ชัดว่าเป็นการร่วมมือทำงานโดยคนบางกลุ่ม ฝ่ายตรงข้ามต้องการจะถ่วงเวลาเราไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า  ถ้าเป็นเช่นนั้น ฝ่ายตรงข้ามมีแนวโน้มว่าจะใช้เวลาที่มากพอเพื่อรวบรวมกำลังคน”

ห้านักสู้ระดับสวรรค์วิถี  นั่นพิสูจน์ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่กลุ่มพลังเล็กน้อย

นักสู้ระดับสวรรค์วิถีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังเทียนและพวก  แต่เมื่อพวกเขามีจำนวนเพิ่มขึ้นแน่นอนจะเป็นการคุกคามพวกเขา มีหกคนคอยลอบโจมตีซ้ำๆ กัน นั่นย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน

ข้อสันนิษฐานของอาเฮ่อเป็นไปได้

“เฮ้! ข้าไม่ได้บอกไว้ก่อนแล้วหรือ?ว่าแต่เสี่ยวเฮ่อ, สติปัญญาของเจ้ากำลังจะไล่ข้าทันแล้ว”

ท่าทางอาเฮ่อห่อเหี่ยวทันที

หลิงซิ่วกำลังนั่งอยู่บนฟลามิงโกถึงกับปล่อยก๊าก  “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!  อาเฮ่อ, อย่างนั้นปัญญาของเจ้าก็พอๆกับเจ้าบ้านี่ ยินดีด้วย  ยินดีด้วย!”

อาเฮ่อทำเป็นไม่สนใจทั้งสองคนทันที“ตามเส้นทางที่ติงตังบอก เราเลือกเส้นทางมุ่งไปทางตะวันออกแล้วตีวงอ้อม  เราจะผ่านเมืองม่อซีกันที่เราตั้งใจไปให้ถึงและมุ่งตรงไปยังจุดที่สองคือเมืองปี่ย่า”

“ข้าปล่อยให้เจ้าก็แล้วกัน”  ถังเทียนโบกมือ  เรื่องเหล่านี้ปล่อยให้คนฉลาดๆ ทำดีกว่า  เขาไม่สนใจทั้งนั้นตราบเท่าที่เขาไปถึงปลายทาง”

ทันใดนั้นความคิดของถังเทียนถูกรบกวน  “ใครบางคนกำลังตรงมาที่เรา”

เขาลงจากหลังของถังอี้

อาเฮ่อและหลิงซิ่วยังคงรู้สึกได้เช่นกัน  “ศัตรูตามมาทันหรือ?”  อาเฮ่อและหลิงซิ่วมองหน้ากัน ถ้าศัตรูสามารถตามรอยพวกเขามาได้ในระยะเวลาสั้นๆ  นั่นอันตรายมากแล้ว

คนกลุ่มหนึ่งปรากฏอยู่ในสายตาพวกเขา

สตรีนางหนึ่งอยู่ในชุดหนังเป็นผู้นำกลุ่มราวๆยี่สิบคน  สตรีนางนี้ดูมีเสน่ห์และน่ารักนัยน์ตานางสีฟ้า จมูกโด่งเป็นสันผมแดงและริมฝีปากหนา ดูมีเสน่ห์เร่าร้อนในมือของนางถือแส้หวดม้า

ดูเหมือนพวกเขาไม่คิดว่าจะมีคนอื่นนอกจากพวกเขาเช่นกันและพวกเขาสีหน้าเปลี่ยนทันที เช้ง!  พวกเขาชักดาบออกจากฝักทั้งหมด  เหมือนกับว่าพวกเขามองดูศัตรู

สตรีผมแดงจ้องมองฟลามิงโกของหลิงซิ่วและดวงตานางมีแววประหลาดใจ นางโบกมือห้ามคนของนางและกระตุ้นม้าของนางเดินเข้ามาและหัวเราะทักทาย“สวัสดีสุภาพบุรุษ,ทำไมพวกท่านถึงได้เข้ามาในพื้นที่ของเผ่าหมาป่าเพลิงของเราได้เล่า?”

เสียงของนางนุ่มนวลราวกับจะแทรกซึมเข้าไปในกระดูกของผู้คนได้

ถังเทียนมีสีหน้าระวังตัวมากเมื่อเห็นสตรีผมแดงข้างหน้าเขาเตือนใจให้เขานึกถึงเซรีนในอดีตและประสบการณ์ที่น่ากลัว เขายอมเผชิญหน้ากับอสูรดวงดาวดีกว่าอยู่ใกล้นาง เขาถอยออกมาหนึ่งก้าว

หลิงซิ่วก็ยังคงถอยออกมาเงียบๆเช่นกัน  สตรีคือสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวทุกคน  ปล่อยให้อาเฮ่อรับมือนางจะดีกว่า

สายตาของทุกคนมองมาที่อาเฮ่อพร้อมกัน

อาเฮ่อที่สงบเงียบอยู่เสมอมักสร้างความรู้สึกที่ดีและสตรีสองสามนางในเผ่าก็ยิ้มให้เขาแล้ว

อาเฮ่อคำนับสีหน้าของเขาซื่อสัตย์  “เรากำลังเดินทางไปเมืองปี่ย่า แต่หลงทางและรุกล้ำพื้นที่ของพวกท่านโดยมิได้ตั้งใจ  ข้าต้องขออภัยด้วย”

“ปี่ย่าเหรอ?” สตรีผมแดงหัวเราะ “พวกเจ้ากำลังไปผิดทิศทางแล้ว ถ้าเจ้ายังคงมุ่งหน้าไปตามทางนี้ เจ้าจะไม่มีทางไปถึงเมืองปี่ย่าได้

หา.. ถังเทียนและหลิงซิ่วมองมาที่อาเฮ่อทันที  เจ้าหมอนี่พาพวกเราไปผิดทางหรือนี่?

ความรู้สึกถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรจากด้านหลังของเขาทำให้อาเฮ่อสะดุ้ง  เขาพาพวกเขาไปผิดเส้นทางหรือนี่?

อาเฮ่อมีท่าทีกระวนกระวายทันทีและเขาโค้งให้สตรีผมแดง “ข้าขอถามแม่นาง โปรดแนะนำเส้นทางที่ถูกต้องให้พวกเราด้วย”

ท่าทางของอาเฮ่อสุภาพมากทำให้สตรีผมแดงยิ้ม  “บอกเส้นทางให้พวกเจ้าสิ้นสงสัยก็ได้  เรากำลังจะกลับไปเช่นกันทำไมพวกเจ้าถึงไม่เดินทางไปพร้อมกันเรา? เมื่อไปถึงเผ่าของเราเมืองปี่ย่าก็อยู่ไม่ไกลแล้ว”

อาเฮ่อยินดี  “ขอบคุณแม่นาง”

“ข้าชื่อหัวหม่าเอ้อ!”  สตรีผมแดงกล่าวอย่างมั่นใจ “พ่อหนุ่มรูปหล่อ,เจ้าชื่ออะไร?”

“ข้าชื่ออาเฮ่อ” อาเฮ่อยิ้มและตอบพลางชี้ไปที่ถังเทียนและหลิงซิ่ว  “คนเหล่านี้เป็นสหายของข้า  นี่คือถังเทียนและหลิงซิ่ว”

ถังเทียนกับหลิงซิ่วโบกมือให้หัวหม่าเอ้อทันที

ทุกคนคุ้นเคยกันอย่างรวดเร็ว  อาเฮ่อที่มีท่าทีเป็นมิตรและซื่อสัตย์เห็นได้ชัดว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่จะแทรกซึมเข้าค่ายศัตรูได้ ถังเทียนและหลิงซิ่วได้ซึ้งกับคำว่าหนุ่มเจ้าสำราญในคราวนี้แหละ

“หัวหม่าเอ้อ พวกเจ้ามาจากไหนกัน?” อาเฮ่อสงสัย

คนกลุ่มนี้แข็งแรงคล่องแคล่วนอกจากจำนวนคนยี่สิบแล้ว มีเจ็ดคนที่เป็นนักสู้ระดับสวรรค์วิถี

“เราออกไปซื้ออาหารปันส่วนกัน”  หัวหม่าเอ้อถอนหายใจเล็กน้อย “ฤดูหนาวจะมาเยือนเราต้องเตรียมอาหารไว้แต่เนิ่นๆ ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถรอดผ่านฤดูหนาวไปได้

“พวกท่านขาดแคลนอาหารหรือ?”  อาเฮ่อประหลาดใจ

“เท่าที่เห็นเราบอกได้เลยว่าพวกเจ้าไม่ได้มาจากกลุ่มดาวหมาป่า” หัวหม่าเอ้อหัวเราะ  “ตราบใดที่พวกเจ้ามาจากกลุ่มดาวหมาป่าเจ้าจะรู้ว่าฤดูหนาวของกลุ่มดาวหมาป่าน่ากลัวเพียงไหน  และอาหารราคาแพงเพียงไหน  เพื่อให้ได้อาหารหนึ่งกระสอบบางคนถึงกับฆ่ากันยกหมู่บ้าน”

ถังเทียนกับพวกพ้องถึงกับผมลุกชัน

“หมู่ดาวหมาป่าไม่ผลิตอาหารหรือ?”  หลิงซิ่วอดถามไม่ได้

“ผู้คนชาวดาวหมาป่าถนัดในเรื่องต่อสู้  แต่ไม่ถนัดทำการเกษตร”หัวหม่าเอ้อถอนหายใจ “และพื้นที่ของเราก็ไม่อุดมสมบูรณ์ เผ่าของเราตั้งอยู่ในเขตทะเลทราย เป็นเขตโอเอซิสเล็กนิดเดียวเราจะผลิตอาหารได้มากแค่ไหนกัน?”

“อย่างนั้นพวกเจ้ารอดอยู่ได้อย่างไร?”  ถังเทียนถาม

“ทุกคนในกลุ่มดาวหมาป่าเกิดมาเป็นนักรบ  เนื่องจากสถานที่นี้ไม่สามารถผลิตอาหารได้ อย่างนั้นเราจะใช้ดาบกระบี่ของเราต่อสู้เพื่อชีวิตของเรา  ที่นี่ชีวิตไม่มีค่ามาก  เจ้าเคยได้ยินภาษิตนี้มาก่อนไหมชาวดาวหมาป่าเป็นอาหารสัตว์ปีกชั้นดี? เจ้ารู้ไหมว่าทำไม? เพราะชีวิตที่นี่ราคาถูกและมีมากมายไงเล่า หึหึ”

พูดถึงเรื่องนั้นหัวหม่าเอ้อมีแววเสียใจ

ถังเทียนและสหายได้แต่เงียบ  สถานการณ์นี้พวกเขารู้ว่าหมายถึงอะไร และรู้สึกอย่างไร

ทันใดนั้นถังเทียนสีหน้าเปลี่ยน “มีคนมุ่งหน้ามาทางนี้ และพวกเขามีหลายคนด้วย! เอ่,พวกเขามากันเร็วมาก”

หัวหม่าเอ๋อสีหน้าเปลี่ยน  ตาสีฟ้าฉายประกายเยือกเย็นขณะที่นางรั้งบังเหียนม้าระดับเอวนาง นางตะโกนออกมา “เตรียมตัวรับมือศัตรู!”

************************************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด