ตอนที่แล้วตอนที่ 254 ความหลงใหลของปิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 256 ที่หมายต่อไป กลุ่มดาวหมาป่า!

ตอนที่ 255 จ่าสิบตรีถังอี้


“นั่นคือทั้งหมดสำหรับตอนนี้” ปิงยังคงประหม่าเล็กน้อย ที่สำคัญเขาทุ่มเงินสามพันล้านเพื่อฟื้นฟูกองทัพดาวกางเขนใต้ของเขาโดยไม่กระพริบตา  แต่เขารู้ว่าถังเทียนมีเงินสดคับกระเป๋าในตอนนี้

“ได้ ได้เลย” เซรีนก็รู้สึกประหม่าด้วย นางคาดว่าต้องใช้เพียงสามร้อยถึงสี่ร้อยล้านในการเริ่มต้น  แต่จำนวนรวมสามพันล้านไม่เคยอยู่ในใจนางมาก่อน

เป็นสิ่งที่ยากจะกลืนน้ำลายได้ลงจริงๆ!

อย่างไรก็ตาม หลังจากคิดถึงโครงการวิศวกรรมขนาดใหญ่ที่พวกเขาเตรียมจะทำ  นางรู้สึกตื่นเต้นด้วย คลังแสงทหารคือการก่อสร้างวิศวกรรมจักรกลภายในกองทัพดาวกางเขนใต้  แม้ว่าจะผ่านมาพันปีแล้วแต่กลับรู้สึกว่าเหมือนกับเมื่อวันวาน ด้วยเนื้อที่มากขนาดนั้น เซรีนจึงตระหนักได้ในที่สุดถึงโครงการในจินตนาการบางส่วนของนางที่นางมักต้องการสร้างอยู่เสมอ

สำหรับวิศวกรจักรกลทุกคน ถือว่าเป็นเกียรติที่สามารถรับผิดชอบในการจัดการโครงการที่ยิ่งใหญ่อย่างนั้น

ป้อมปราการบรอนซ์

นางตื่นเต้นเสียแล้วเพียงแค่คิดถึงโอกาสที่จะได้สร้างป้อมปราการบรอนซ์ขนาดใหญ่นี้ สามารถสร้างได้ด้วยมาตรฐานของคลังแสงอาวุธกองทัพ  ข่าวนี้จะเดินทางข้ามจักรวาลและจากนี้ไปจะเป็นที่กล่าวขานไปอีกหลายร้อยปี

ก็ได้ อย่างนั้น เรายังมีอีกสองพันล้าน ถังเทียนถอนหายใจโล่งอก

“เจ้าจำเป็นต้องจัดหาหินดวงดาวระดับหกมาใช้สำหรับให้เจ้าฝึกฝนคิดดูสิว่าเจ้าอาจต้องใช้หินดวงดาวระดับหกในบางครั้ง เจ้าต้องพิจารณาหาซื้อวิทยายุทธระดับหกด้วยเช่นกัน ไม่มีวิชาใดที่ทรงพลังเท่ากับกรงเล็บเพลิงภูตพรายของเจ้าซึ่งทรงพลังมากในตอนนี้มันจะกลายเป็นวิชาที่ใช้รุกโจมตีเป็นหลัก นอกจากนี้เจ้ายังได้รับการ์ดจากเซียนกระบี่ลับด้วย  ภายในนั้นน่าจะเป็นวิชาหมัดเหล็กกลืนแสงเจ้ามิได้ขาดแคลนวิชารุกโจมตี แต่ขาดวิชาตั้งรับป้องกัน  วิชาตัวเบาและวิชาข้อต่อ  เจ้าสามารถซื้อการ์ดวิทยายุทธที่มีศักยภาพได้” ปิงกล่าว

“การ์ดวิทยายุทธที่มีศักยภาพ?”  ถังเทียนถาม

“ใช่แล้ว การ์ดวิทยายุทธที่มีศักยภาพเพื่อใช้ฝึกวิทยายุทธที่ไม่ซ้ำใคร” ปิงตอบ  “ไม่ใช่ว่าวิทยายุทธทั้งหมดจะมีศักยภาพที่ถึงความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร  ขณะเดียวกันมีวิทยายุทธเหล่านั้นที่ไม่ถึงระดับเป็นวิทยายุทธโดดเด่นไม่ซ้ำใครเช่นกัน อย่างเช่นวิชาราชันย์ถวิลรักของสาวน้อยคนนั้น แค่ต้องก้าวไปอีกระดับหนึ่งจึงจะกลายเป็นวิชาโดดเด่นไม่ซ้ำใคร  และแน่นอน แม้ว่าเจ้าจะครอบครองวิทยายุทธเหล่านี้ก็อาจจะไม่ได้รับวิชาที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครนี้นี่เป็นเรื่องของโชคชะตา”

“แล้วข้าจะไปหาการ์ดแบบนั้นได้ที่ไหน?”  ถังเทียนถาม

“เจ้าจำเป็นต้องไปที่ร้านการ์ดใหญ่ๆ เหล่านั้น” เซรีนตอบ  “การ์ดวิทยายุทธแบบนี้ราคาแพง ราคาของการ์ดแบบนี้จะสูงมากกว่าการ์ดวิชาระดับทองและเรียกว่าการ์ดวิชาระดับม่วงทอง ร้านขายการ์ดจะมีวิชาธีการพิเศษเพื่อประเมินการ์ดกำหนดศักยภาพของวิทยายุทธเหล่านี้

“การ์ดวิทยายุทธม่วงทอง ฟังดูแล้วน่าจะแพง” ถังเทียนหัวเราะ

“มันแพงแน่นอน”  เซรีนเคยทำธุรกิจขายการ์ดวิชามาก่อน ดังนั้นนางรู้ราคาของการ์ดแต่ละรูปแบบเป็นอย่างดี  “การ์ดทองระดับหกจะอยู่สิบถึงห้าสิบล้าน  การ์ดทองม่วงจะแพงมากกว่าสิบเท่า”

“สะ..สิบเท่า...”  ถังเทียนหน้าซีดกว่าเดิม  “ก็หมายความว่าร้อย ถึงห้าร้อยล้าน?”

“ใช่แล้ว ที่แพงมากกว่าการ์ดวิชาระดับม่วงทองก็คือการ์ดวิชาโดดเด่นไม่ซ้ำใครการ์ดอย่างนี้ราคาเกินกว่าพันล้านเหรียญดาว อย่างไรก็ตามการ์ดวิชาโดดเด่นไม่ซ้ำใครนี้ไม่สามารถหาพบได้ตามร้านการ์ดทั่วไป” เซรีนตอบ

“พันล้าน...”  ถังเทียนตาเบิกกว้าง  “กรงเล็บเพลิงภูตพรายขายได้ถึงพันล้านเหรอ?”

“ใช่ ถ้าเจ้าเปลี่ยนสภาพเป็นการ์ดวิทยายุทธได้ เจ้าก็ขายได้พันล้านเหรียญดาว”  เซรีนพยักหน้าเห็นด้วย  “อย่างไรก็ตามการจะสร้างการ์ดวิชาโดดเด่นไม่ซ้ำใครจิตวิญญาณพลังยุทธของเจ้าจะต้องเป็นระดับทอง เมื่อเจ้าสร้างการ์ดวิชา ค่าของจิตวิญญาณพลังยุทธของเจ้าจะตกลงมาหนึ่งระดับ”

“นี่มันราคาสูงลิ่วเกินไปไม่ใช่หรือ” ปากของถังเทียนอ้าปากกว้าง

เซรีนยักไหล่ “แน่นอน! เจ้าคิดว่าหนึ่งพันล้านจะได้รับกันง่ายๆ หรือ? ความต้องการวิทยายุทธโดดเด่นไม่ซ้ำใครผ่านตัวเจ้ามีสูงมาก  สำหรับพวกที่เข้าใจวิทยายุทธโดดเด่นไม่ซ้ำใคร แต่จิตวิญญาณพลังยุทธของเขายังไม่ถึงชั้นทอง  ก่อนที่พวกเขาจะตาย  การ์ดวิทยายุทธสร้างขึ้นจากความต้องการจิตวิญญาณพลังยุทธจะเป็นได้แต่เพียงการ์ดวิทยายุทธชั้นม่วงทอง ขณะที่ลูกหลานของตนได้รับมรดกที่ไม่สมบูรณ์  ถ้าพวกเขาโง่สักหน่อยวิทยายุทธโดดเด่นไม่ซ้ำใครจะหายไป”

ถังเทียนทิ้งความคิดที่จะขายกรงเล็บเพลิงภูตพราย  อย่าว่าแต่จิตวิญญาณพลังยุทธระดับทองเลย ตอนนี้เขาไม่ยินดีเปลี่ยนจิตวิญญาณพลังยุทธระดับเงินของเขาให้เป็นการ์ดวิชาโดดเด่นไม่ซ้ำใครเนื่องจากเมื่อเทียบกับการฝึกฝนร่างกายจริงๆ การฝึกจิตวิญญาณพลังยุทธหนักกว่ามาก

หลังจากได้ยินสิ่งที่เซรีนพูดแล้วปิงยังคงรู้สึกว่าพวกเขาคงไม่อาจแตะต้องการ์ดวิทยายุทธระดับม่วงทองได้  เขาพูด “เจ้าไม่ต้องกังวลใจ  นอกจากการ์ดจากเซียนกระบี่ลับแล้ว  ยังมีการ์ดอื่น”

“ยังมีการ์ดอีกใบหนึ่งเหรอ?”  ถังเทียนถาม

“ถูกแล้ว ก่อนที่ผู้เฒ่าหนงกรงเล็บภูตพรายจะตายเขาทิ้งแก่นจิตวิญญาณพลังยุทธไว้ในการ์ดที่แปะอยู่ที่ผนังวิชาวิทยายุทธนั่นก็คือกรงเล็บเพลิงภูตพราย การ์ดใบนี้เริ่มมีพฤติกรรมที่แปลกและกลืนกินการ์ดใบอื่น” ปิงกล่าว“  จนถึงตอนนี้ มันกินการ์ดใบอื่นไปสิบแปดใบแล้ว”

“กรงเล็บภูตพราย!” ถังเทียนสั่นหลังจากได้ยินชื่อ “ทำไมลุงไม่บอกข้าให้ไวกว่านี้?”

“เพราะกระบวนการทั้งหมดนี้อาจล้มเหลวได้ทุกเมื่อ” ปิงอธิบาย  “ผู้ตายไม่ปรารถนาจะมีชีวิตทรมานจากความเสียใจนั่นคือความปรารถนาสุดท้ายของเขาก่อนตาย ถ้าทำได้สำเร็จ อย่างนั้นก็สมประสงค์ แต่ถ้าไม่สำเร็จเขาก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจเช่นกัน”

ถังเทียนพยักหน้า  “การ์ดวิทยายุทธจะสามารถกลายเป็นขุนพลวิญญาณได้ไหม?”

ปิงเข้าใจความหมายของถังเทียน  “เจ้าปรารถนาให้มันกลายเป็นขุนพลวิญญาณหรือ? แน่นอนว่าเจ้าทำได้ แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อน ขุนพลวิญญาณใหม่จะไม่มีสัญลักษณ์ของกรงเล็บภูตพราย  ความทรงจำของกรงเล็บภูตพรายจางลงไปมากเนื่องจากเขาทิ้งแก่นวิญญาณของเขาไว้ แม้ว่าขุนพลวิญญาณใหม่จะถือกำเนิดเพราะกรงเล็บภูตพรายแต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีความสัมพันธ์กับกรงเล็บภูตพราย”

ถังเทียนเหม่อมองไปไกลแล้วถาม “ข้ารู้ผู้ตายไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทนเพราะความเสียใจ แต่นั่นไม่ใช่ความเสียใจนี่คือความปรารถนามีชีวิตเพื่อสานความสัมพันธ์ ข้ามักคิดเสมอว่ากรงเล็บภูตพรายตอนนี้อยู่ในดินแดนห่างไกล  ข้าไม่รู้สึกเสียใจข้าเพียงแต่ต้องการให้เขาปรากฏตัว ขุนพลวิญญาณใหม่จะมีชะตากรรมของตนเองและเขาจะต่อสู้เคียงข้างเรา แต่แค่คิดถึงความเป็นไปได้ว่ากรงเล็บภูตพรายจะกลับมาเกิดใหม่ นั่นก็ทำให้ข้ารู้สึกมีความสุขแล้ว  การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อกังวลห่วงใยและรู้สึกดีต่อคนอื่น”

เซรีนตะลึงกับคำที่ถังเทียนเพิ่งพูด ช่างลึกซึ้งและคมคายซึ่งไม่เคยคาดหวังจากเขาเลย เขาถูกใครบางคนครอบงำหรือเปล่า?

มีชีวิตเพื่อห่วงใยและรู้สึกดีต่อคนอื่น

ปิงมีความคิดผุดขึ้นในใจมากมาย หลังจากเขาสงบจิตใจได้และรวบรวมความคิดใหม่อีกครั้ง  เขาถอนหายใจยาว “สิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง”

ปิงกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง “การ์ดใบนี้จะถูกตั้งค่าให้เป็นขุนพลวิญญาณ  ข้าจะวางการ์ดของเซียนกระบี่ลับในห้องจิตวิญญาณพลังยุทธและค้นหาต้นกำเนิดเดิมหมัดเหล็กกลืนแสงของซางกู่ยังคงต้องประเมิน ข้าจะไปหาร้านใหญ่ๆ ที่ไหนสักแห่งเพื่อประเมินการ์ดนี้ได้บ้าง?”

ประโยคสุดท้ายเจาะจงที่เซรีน

เซรีนคิดถึงเรื่องนี้  “ถ้าเราต้องการซื้อการ์วิชาระดับม่วงทอง  เราเข้าไปที่เมืองใหญ่ตรวจสอบได้

หลังจากตั้งใจเดินทาง พวกเขารีบออกไปยังเมืองสามวิญญาณ เมื่อพวกเขามาถึงร้านของเซรีนพวกเขาก็พบกับติงตังและผี่ผา

หลังจากเห็นสองคนหน้าคล้ายกัน ถังเทียนถามอย่างประหลาดใจ “ฝาแฝดเหรอ?”

“เจ้านาย!” ติงตังตะโกนผี่ผาที่ยืนอยู่ข้างติงตังเหลือบถังเทียนและพยายามประเมินเขา

เจ้านายของพี่สาวยังอายุน้อยอยู่เลย

“แหล่งซ่อนตัวเดิมของข้าถูกคนแปลกหน้าพบแล้วตอนนี้ข้าขึ้นอยู่กับท่านแล้วนะ เจ้านาย”  ติงตังบอกถังเทียนขณะตรวจสอบสีหน้าเขา

“ได้เลย” ถังเทียนตอบ  “พอดีเลย เราเพิ่งจะเริ่มสร้างฐาน”

“ฐาน?”  ติงตังตกตะลึง

“ที่นี่จะกลายเป็นฐานถาวรของเรา” ปิงอธิบาย  “เราจะสร้างป้อมปราการบรอนซ์ตรงนี้”

“ป้อมปราการบรอนซ์!”  สองพี่น้องตะลึงกับสิ่งที่ปิงพูด

“นี่คือเซรีนวิศวกรจักรกลของเรา  และนี่ติงตังตำแหน่งม้าขององค์การวิญญาณมืด ถ้าเจ้าต้องการข้อมูลใดๆ เจ้าถามนางได้ นี่คือน้องสาวนาง  เอ่อ... เจ้าชื่ออะไรนะ?” ถังเทียนแนะนำตัวทุกคน

“ท่านเรียกข้าว่าผี่ผาได้”  ผี่ผากล่าวเสียงไพเราะ

“อาการป่วยของผี่ผาเป็นยังไงบ้าง?”  ถังเทียนสามารถได้ยินจากเสียงลมหายใจที่แผ่นเบาของผี่ผาขณะที่กำลังพูด

“เราไม่มีเวลาพอ  เมื่อเรามาถึงบ้าน กลุ่มคนแปลกหน้าก็ไล่กวดเราแล้ว” ติงตังตอบ

“จากนี้ไปพวกเจ้าอยู่ที่นี่กันทั้งหมดได้”  ถังเทียนตอบ  “ผู้เฒ่าบอดจะมาถึงในไม่ช้า  จากนั้นข้าค่อยรวบรวมคนเพิ่ม ถึงตอนนั้นอำนาจในการป้องกันของเราจะแข็งแกร่งเพียงพอ”

ติงตังเห็นด้วย  “นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดเช่นกัน”

“ขอโทษด้วยที่ต้องรบกวนพวกท่านทุกคน” ผี่ผาบอกทุกคน

เบื้องหลังประตูแสง

ถังเทียนมองเห็นการ์ดวิชาใบหนึ่งที่กำลังเปล่งรัศมีจากหลังประตูแสง  ช่างน่าทึ่งจริงๆ

“การ์ดใบนี้กลืนการ์ดวิญญาณอื่นไปสิบแปดใบแล้ว  มันถึงระดับที่เจ้าสามารถเชี่ยวชาญได้  เจ้าแน่ใจนะว่าต้องการเปลี่ยนให้เป็นขุนพลวิญญาณ?” ปิงหันไปมองถังเทียน

เวลานี้ ขลุ่ยวิเศษมาถึงค่ายทหารใหม่แล้ว เขายังคงตื่นเต้นเช่นกัน

“แน่ใจสิ” ถังเทียนตอบขณะพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น

“ยกมือของเจ้าและวางบนผนังวิชาต่อสู้”  ปิงสั่งถังเทียน “จากนั้นใช้จิตวิญญาณพลังยุทธของเจ้าเรียกมันออกมา”

ถังเทียนไม่ลังเลแต่อย่างใด เขาวางมือลงบนผนังวิชายุทธ เวลานี้รอบมือเขาไม่ผ่านทะลุประตูแสง เขาหลับตา ทันใดนั้นจิตวิญญาณพลังยุทธของเขาเปล่งรัศมีเพลิงเงินตรงไปที่ผนังวิชายุทธซึ่งอยู่ด้านหลังประตูแสง

ประตูแสงเปล่งรัศมีเจิดจ้า

สถานที่นั้นสั่นสะเทือนรุนแรงก่อนที่ประตูแสงจะกลืนถังเทียนเข้าไป ถังเทียนรู้สึกเหมือนว่าเขาถูกดูดเข้าไปในสนามรบมหึมา  พื้นที่มีสนามเพลาะขุดขวางเข้าไปในสนาม  ควันดำทะมึนลอยเต็มในอากาศและแผ่นดินกลายเป็นสีเทาซากศพกระจัดกระจายรวมทั้งชิ้นส่วนอาวุธจักรกลเศษธงกลุ่มดาวกางเขนใต้เป็นส่วนหนึ่งของการสังหารนี้

ทันใดนั้น อาวุธจักรกลสีทองที่สภาพได้รับความเสียหายหนักกระโดดออกมาจากสนามเพลาะมันหยิบธงกลุ่มดาวกางเขนใต้และเริ่มตะโกน “กองทัพกลุ่มดาวกางเขนใต้!”

“วันทยา...วุธ” เสียงดังออกมาจากทั่วทุกมุมของสนามเพลาะมีพลังดังไปทั่วสนามรบ

แผ่นดินไร้ชีวิตดูเหมือนจะถูกปลุกด้วยเสียงดังนี้ อาวุธจักรกลบรอนซ์เริ่มคลานออกมาจากสนามเพลาะ ทุกเครื่องมีรอยบาดแผลเกลื่อนกลาดและบาดเจ็บหนักสนามรบที่ครั้งหนึ่งว่างเปล่าในตอนนี้รุมล้อมไปด้วยอาวุธจักรกลบรอนซ์

ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยศัตรู

อาวุธจักรกลสีทองสูดลมหายใจลึกขณะที่ถือธงหมู่ดาวกางเขนใต้ไว้แน่น  “พวกเจ้าทุกคนยังสู้ต่อไหวไหม?”

“สู้!”อาวุธจักรกลทั้งหมดตะโกนออกมา

อาวุธจักรกลสีทองตะโกนอีกครั้ง แต่คราวนี้ตะโกนดังกว่าเดิม  “พวกเจ้ายังสู้ต่อได้อีกไหม?”

อาวุธจักรกลสีบรอนซ์ทั้งหมดกล่าวทวนอีกครั้ง “สู้!  สู้!  สู้!”

เสียงคำรามที่เร่าร้อนดังก้องทั่วสนามรบ

“ฆ่า!”อาวุธจักรกลสีทองตะโกนออกมาขณะนำกลุ่มออกไป

“ฆ่า!”  อาวุธจักรกลบรอนซ์ตะโกนอีกครั้งหนึ่ง

อาวุธจักรกลบรอนซ์นับไม่ถ้วนเริ่มบุก เท้าที่หนักหน่วงของพวกเขาเปล่งเสียงดังปังในทุกก้าวย่าง

โลกสั่นสะเทือน ขณะที่ท้องฟ้าครึ้มหม่น

เสียงกู่ก้องในสงครามจางลงเมื่อเวลาผ่านไป

เสียงเฉื่อยชาเสียงหนึ่งดังขึ้นจากแต่ไกล

“วิญญาณทหารหาญไม่เคยดับสูญ  เราจะสู้จนกว่าจะตาย!”

“จ่าสิบตรีถังอี้แห่งกองทัพกางเขนใต้รายงานตัวขอรับ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด