ตอนที่ 254 ความหลงใหลของปิง
การแข่งขันจักรกลสุดขอบฟ้าของเมืองม่อเฉิงเพิ่งเปิดฉากขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ชมเกือบทั้งหมดยังไม่หายตกใจกับเรื่องเมื่อวานนี้แม้แต่ผู้เข้าร่วมแข่งก็ยังมึนงง
นักสู้ทำเนียบสวรรค์วิถีถูกฆ่า!
ในดาวทุกดวงในกลุ่มดาวทั้งสี่สิบสองท้องฟ้าด้านใต้ ถือว่านี่เป็นข่าวใหญ่ นอกจากนี้นักสู้ที่ตายในตอนแรกลงสมัครในฐานะนักสู้สายจักรกลในการแข่งขันและทำสถิติที่ยากจะทำลายได้ เพราะนักสู้จักรกลผู้นั้นมีรายชื่ออยู่ในทำเนียบสวรรค์วิถีมีความทะเยอทะยานอีกด้วย
เป็นเวลานานมาแล้วตั้งแต่นักสู้สายจักรกลมีอันดับอยู่ในสวรรค์วิถี วันนี้นักสู้เหล่านั้นผู้มีชื่อในสวรรค์วิถีซึ่งถูกเรียกว่าเป็นสู้สายจักรกลความจริงมิใช่นักสู้สายจักรกลแท้ๆ เพียงแต่สนใจในอาวุธจักรกลดังนั้นพวกเขาจึงตั้งชื่อเช่นนั้น
สายฟ้า (นามแฝงถังเทียน) ดูคล้ายจะเป็นนักสู้สายจักรกล แต่เมื่อเทียบกับนักสู้สายจักรกลที่เหลือ สายฟ้ามีพลังที่น่ากลัวอยู่ในอาวุธจักรกล
หลังจากหลิ่วย่าจือผู้ดึงดูดความสนใจจนผู้คนจับตามองประกาศถอนตัวจากการแข่งขัน ความกระตือรือร้นของผู้ชมลดลง หลายๆคนคาดการณ์ว่าหลิ่วย่าจือจะสามารถคุกคามสายฟ้าได้ซึ่งก็ทำให้พวกเขาหงุดหงิดกับการถอนตัวของเขา
ผู้เข้าร่วมแข่งขันไม่ได้มีแต่เพียงนักสู้สายจักรกลเท่านั้น แต่ยังมีวิศวกรจักรกลจำนวนมากอีกด้วย หลังจากวิจัยซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากวิศวกรจักรกล พวกเขาก็ได้ข้อสรุปที่น่าตกใจ หิมะซึ่งสายฟ้าเป็นผู้ขับขี่ มีรูปแบบที่ไม่เหมือนใครเมื่อเทียบกับอาวุธจักรกลทั่วไป
หิมะมีความคล่องแคล่วว่องไว ไม่เคยมีอาวุธจักรกลที่รวดเร็วได้ถึงระดับที่หิมะมี
ข่าวลือเรื่องตระกูลม่อและหิมะสายฟ้าได้ร่วมมือกันแพร่กระจายไปทั่วเมืองม่อเฉิงราวกับไฟลามทุ่ง
ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ถังเทียนและเซรีนเพิ่งออกไปจากเมืองม่อเฉิง ทองอีกาและแบบพิมพ์เขียวได้ส่งมอบให้ตระกูลม่อหมดแล้ว ถังเทียนขนเงินเหรียญดาวห้าพันสองร้อยล้านและระมัดระวังคนแปลกหน้า คอยมองดูอย่างต่อเนื่องว่าใครจะสังเกตเห็นว่าเขาขนเงินสดไปเป็นจำนวนมากในทางกลับกันเซรีนกำลังจมอยู่กับฝันหวานว่านางจะใช้โชคลาภที่ได้มาอย่างดีที่สุดได้ยังไง ขณะที่นางพึมพำถึงสิ่งที่นางควรจะทำ
“ข้าอยากจะสร้างอาวุธจักรกลระดับพิเศษสุดยอด!”
“ข้าอยากได้ห้องที่เต็มไปด้วยชุดที่งดงาม”
“ข้าอยาก...”
หลังจากหาปิงพบก็ทำให้เขาถอนหายใจโล่งอก
ปิงเห็นถังเทียนสีหน้าไม่ดี จึงพูดอย่างประหลาดใจ “เจ้าล้มเหลวหรือ?”
“ข้าได้เงินมาแล้ว” ถังเทียนยิ้มกว้าง จากนั้นเขาจึงตระหนักได้ว่าเขาเพิ่งมายิ้มได้ตอนนี้ดังนั้นแก้มเขาจึงรู้สึกชา
ปิงตื่นเต้นมาก ด้วยลาภก้อนนี้พวกเขาสามารถพัฒนาอาวุธพวกเขาได้อย่างมากมายและพวกเขาต้องการซื้อการ์ดวิทยายุทธ พวกเขาสามารถซื้อการ์ดวิชาดีๆ ได้เช่นกัน ตอนนี้ถังเทียนจำเป็นต้องได้การ์ดวิทยายุทธระดับหก การ์ดเหล่านี้มีมากมาย แต่ก็ซื้อหากันด้วยราคาที่แพงเนื่องจากการ์ดระดับหกเป็นขอบเขตระดับนักสู้สวรรค์วิถี
การ์ดวิชาระดับเจ็ดก็ยิ่งแพงขึ้นอีก และถังเทียนฝึกฝนจำเป็นต้องใช้หินดวงดาวระดับหก ดังนั้นค่าใช้จ่ายของพวกเขาก็ต้องแพงมาก
เหรียญดาวมากแสดงถึงกระบวนการฝึกที่เร็วมากปิงเข้าใจประโยชน์ที่จะได้รับจากเหรียญดวงดาว
“นั่นเยี่ยมมาก นี่คือเงินจำนวนมากซึ่งจะทำให้เราอยู่ไปได้นาน” พวกเขารู้สึกถึงความสุขได้ภายใต้น้ำเสียงของปิง
ถังเทียนทบทวนเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้นช่วงสองวันมานี้ให้ปิงฟัง รวมทั้งเรื่องที่ตระกูลม่อและพวกเขากำลังมองหาผู้ให้คำปรึกษา ถังเทียนประหลาดใจเมื่อปิงพูดเรื่องการจ้างงานร้อยล้านเหรียญดาวต่อคน แต่ปิงไม่ได้ตื่นเต้นแม้แต่น้อย
ปิงตอบ “ตระกูลม่อเป็นพันธมิตรที่ดีมาก เนื่องจากพวกเจ้าไม่ต้องเข้าสู่ธุรกิจผลิตอาวุธจักรกลวิญญาณ แล้วพวกเจ้าก็ไม่ต้องมีความขัดแย้งเรื่องเศรษฐกิจกับตระกูลม่อด้วย เมื่ออาวุธจักรกลวิญญาณทวีความนิยมมากขึ้น สถานะของนักสู้สายจักรกลก็จะเติบโตควบคู่กันไป และด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ตระกูลม่อมีความสามารถได้รับประโยชน์จากงานนี้ อนาคตของโลกจักรกลอาจจะถูกครอบงำโดยอาวุธจักรกลวิญญาณและสำนักอาวุธพลังสายเลือด ดังนั้นตั้งแต่นี้ไปจะมีความอาฆาตขุ่นเคืองกันระหว่างเราและกลุ่มอาวุธสายเลือดดังนั้น เราต้องเตรียมพร้อม”
ถังเทียนทึ่งประหลาดใจและไม่เข้าใจสิ่งที่ปิงกล่าว “อย่างนั้นก็หมายความว่าลุงเห็นด้วยใช่ไหม?”
“ใช่” ปิงพยักหน้า “แต่เรื่องราคาต้องว่ากันที่หัวละ 300 ล้าน จำกัดเต็มที่แค่สองคน”
ถังเทียนกลืนน้ำลายเอื๊อกแล้วทวนคำ “หัวละสามร้อยล้านเหรอ?”
เซรีนผู้ฟังบทสนทนาอยู่ตะลึงกับราคาที่ปิงเรียก
“ถูกแล้ว” ปิงยืนยัน “ถ้าเป็นระหว่างยุคสมัยของข้าสามร้อยล้านเป็นราคาที่น้อยนิด คิดจะจ้างข้าเป็นอาจารย์ให้ได้ พวกเขากำลังฝันชัดๆ”
ถังเทียนจ้องปิงและเปรียบเทียบกับเขา “ลุง, ข้าคิดว่าข้ารู้จักลุงดีแล้วนะคาดไม่ถึงเลยว่าลุงขูดเลือดขูดเนื้อซะขนาดนั้น”
ปิงไม่สนใจเขาและเปลี่ยนเรื่องคุย “เจ้าตัดสินใจให้อู่กวงกับคนของเขารับมือกลุ่มอาวุธพลังสายเลือดหรือเปล่า? พวกเขาเหมาะกับงานดี เจ้าติดต่อพวกเขาหรือยัง?”
“ข้าไม่สามารถติดต่อกับพวกเขาได้” ถังเทียนตอบ “ข้าไม่แน่ใจว่าทำไมป้ายเกียรติยศชาวยุทธถึงไม่สามารถใช้ติดต่อพวกเขาได้”
เซรีนอุทาน “เป็นเพราะภูมิภาควิญญาณมีเศษจิตวิญญาณพลังยุทธมากเกินไปล่องลอยอยู่รอบๆ ภูมิภาควิญญาณ ดังนั้นของที่ต้องใช้ประโยชน์จากแก่นจิตวิญญาณพลังยุทธจะมีปัญหาในการทำงาน ข้าเคยกังวลมาก่อนแล้วว่าอาวุธจักรกลจะมีปัญหาในการทำงานภายในภูมิภาควิญญาณ”
“นั่นคือสาเหตุนั่นเอง” ถังเทียนตระหนัก
“ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น” เซรีนอธิบาย “การส่งข้อมูลข่าวสารข้ามสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ยังคงทำได้ง่ายมาก นั่นรวมทั้งสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือด้วย แต่ความเวิ้งว้างกว้างขวางทำให้ยากจะส่งข้อความระหว่างสองพื้นที่เหล่านี้”
“อย่างนั้นจะส่งข้อความผ่านพื้นที่ภูมิภาควิญญาณได้ยังไง?” ถังเทียนงง “นั่นหมายความว่าข้ามิต้องเดินทางไปเองหรอกหรือ?”
“ไม่จำเป็น ข้าได้ให้ท่อเสียงพลังวิญญาณพวกเขาไปแล้ว” เซรีนกล่าวอย่างดีใจ “แม้ว่าข้าจะไม่สามารถออกมาพร้อมกับของบางอย่างเหมือนป้ายเกียรติยศชาวยุทธจากสมาพันธ์ชาวยุทธ แต่การส่งข้อความผ่านภูมิภาควิญญาณไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า”
“ขอข้าดูหน่อยซิ” ถังเทียนสงสัยของชิ้นใหม่
ปล้องไผ่สีเขียวทองแดงปรากฏในฝ่ามือนาง “นี่คือการค้นพบที่ข้าเจอจากงานวิจัยจิตวิญญาณพลังยุทธ จิตวิญญาณพลังยุทธทุกชิ้นมีลักษณะเฉพาะตัว ไม่มีสองชิ้นที่คล้ายกัน เช่นเดียวกันข้าก็ไม่มีจิตวิญญาณพลังยุทธที่คล้ายกันสองชิ้น ข้าจึงเอาจิตวิญญาณยุทธมาแยกออกเป็นสอง ทั้งสองชิ้นนี้จะมีพลังวิญญาณเชื่อมถึงระหว่างกันซึ่งทำให้ท่อเสียงพลังวิญญาณใช้งานได้ แต่มันอธิบายกระบวนการทำงานให้เจ้าเข้าใจได้ยากมาก”
“เจ้าพูดถูก” ถังเทียนเห็นด้วย“ ตราบใดที่ข้าไม่ต้องเทียวไปเทียวมาข้าว่าดีแล้ว”
“เราจะไม่คุยกันเรื่องการใช้เงินที่ได้มาเหรอว่าจะใช้กันยังไง?” เซรีนกล่าวอย่างยินดี
ถังเทียนคิดว่า คราวนี้ส่วนใหญ่เป็นความสามารถของเซรีนถ้านางไม่ได้พบคุณค่าของทองอีกา พวกเขาก็คงไม่ได้ลาภก้อนใหญ่นี้ ตลอดตามทางเขาเห็นแล้วว่าเซรีนพยายามอดกลั้นความต้องการใช้เงิน
เมื่อคุยเรื่องจริงจัง สีหน้าเซรีนก็จริงจังมากขึ้น “ก่อนอื่น เราต้องการวัตถุดิบ สภาพภายนอกของหิมะสายฟ้าดูแย่มาก แต่โชคดีที่จิตวิญญาณพลังยุทธของมันก้าวหน้าก็เพราะเจ้า ข้าจะเปลี่ยนร่างของหิมะสายฟ้าซึ่งจะต้องใช้เงินราวๆ สามสิบล้านเหรียญ พยัคฆ์ฟ้าก็ต้องการปรับปรุงเพิ่มด้วยเช่นกัน คงต้องใช้ราวๆ ยี่สิบล้านอาวุธจักรกลวิญญาณทั้งสองนี้จะต้องกลายเป็นอาวุธจักรวิญญาณที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก”
การถือเงินห้าพันสองร้อยล้านเหรียญดาวทำให้ถังเทียนอุทานออกมาอย่างมั่นใจ“ไม่มีปัญหา”
“ความเข้าใจของข้าเรื่องร่างของอาวุธจักรกลวิญญาณหลังจากที่ข้าค้นคว้ามาอย่างต่อเนื่องค่อนข้างลึกซึ้ง ก้าวต่อไปข้าจะพยายามค้นคว้าเรื่องจิตวิญญาณพลังยุทธซึ่งน่าจะใช้ทุนราวๆ สองร้อยล้าน เซรีนกล่าวอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ”อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณพลังยุทธก็แพงทั้งนั้น”
“ข้าจะให้เจ้าสี่ร้อยล้าน” ปิงตอบ “อย่างไรก็ตามข้าหวังว่าจะได้การเปลี่ยนแปลงในมิติการค้นคว้าจิตวิญญาณพลังยุทธของเจ้าและอย่าได้ถูกจำกัดไว้ที่เฉพาะอาวุธจักรกลวิญญาณ”
เซรีนดีใจ “ตราบใดที่ทุนดำเนินการเพียงพอ ก็ย่อมไม่มีปัญหา”
จากนั้นนางมองดูถังเทียนผู้เป็นเจ้านายที่แท้จริงในการจัดการลาภก้อนนี้
ถังเทียนลังเลเล็กน้อย แต่เขาก็ยังเห็นด้วย
การค้นคว้าวิจัยจิตวิญญาณพลังยุทธจะช่วยเหลือการฝึกฝนในอนาคตถังเทียนเป็นอย่างมาก จิตวิญญาณยุทธเงินที่อยู่ในร่างของเขาเป็นกุญแจเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาชนะการต่อสู้จนถึงปัจจุบัน
“เราจำเป็นต้องปรับปรุงความปลอดภัยบริเวณหน้าร้านของเรา เนื่องจากข้าไม่ต้องการเหลือความคลางแคลงใจรอบๆตัวข้าไปตลอดชีวิต” เซรีนกล่าว
“เราสามารถซื้อเมืองสามวิญญาณเลยได้ไหม?” จู่ๆ ปิงก็โพล่งออกมา
ถังเทียนกับเซรีนตะลึงกับสิ่งที่ปิงพูดออกมา จากนั้นถังเทียนถามปิง “ลุง,ทำไมลุงถึงต้องการซื้อเมืองสามวิญญาณ?”
“ทางเข้าของห้องจิตวิญญาณพลังยุทธ!” ปิงตอบ “เราจำเป็นต้องเปลี่ยนเมืองสามวิญญาณให้เป็นฐานที่ไม่มีใครอาจเข้าถึงได้ เพราะทางเข้าเป็นส่วนเชื่อมสำคัญระหว่างค่ายทหารและโลกภายนอกเมื่อเมืองสามวิญญาณถูกปิดกั้น เราจะลำบากกันหนัก”
เซรีนกล่าว “แม้ว่าห้าพันล้านเหรียญดาวจะเป็นเงินที่มาก แต่ก็ยังไม่พอซื้อเมืองสามวิญญาณ”
“เราสามารทำไปทีละขั้นได้” ปิงกล่าว “เราสามารถซื้อหาที่ดินก่อน จากนั้นจึงค่อยสร้างค่าย ส่วนหนึ่งของที่ดินสามารถใช้เป็นห้องทดลองสำหรับเซรีนและร้านอาวุธจักรกลวิญญาณ พื้นที่ส่วนที่เหลือสามารถใช้ฝึกฝนนักสู้สายจักรกลสิ่งอำนวยความสะดวกจะต้องเหมาะสมกับความต้องการทางทหาร”
เซรีนตอบ “คล้ายๆ กับคลังแสงทหารเหรอ?”
“ถูกแล้ว” ปิงพูดต่อ “จากนั้นเราค่อยสร้างเครือข่ายใต้ดินซึ่งจะเชื่อมกับคลังแสงอาวุธทหารคอยปกป้องทางเข้าห้องจิตวิญญาณพลังยุทธ”
แม้ว่าน้ำเสียงของปิงจะเคร่งขรึมแต่ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงความกระตือรือร้นจากวิธีการอธิบายรายละเอียดของเขา
เป็นไปได้ไหมว่าปิงผู้มีสงครามอยู่ในใจต้องการฟื้นฟูเกียรติยศของกองทัพดาวกางเขนใต้? ไม่ว่าถังเทียนจะมองอย่างไรปิงดูเหมือนจะกระฉับกระเฉงกระตือรือร้นในแผนการของเขา
เขายกมือถาม “แล้วต้องใช้เงินเท่าใด?”
เซรีนคำนวณแล้วตอบ “อย่างน้อยต้องสองพันล้าน”
“ว่าไงนะ?” ถังเทียนตาเบิกกว้าง
เซรีนนับนิ้ว “ห้องปฏิบัติการ, หน้าร้าน, และสถานที่ฝึกฝนอบรม พื้นที่ซึ่งจำเป็นต้องได้กินเนื้อที่อย่างน้อยหนึ่งในห้าของเมืองสามวิญญาณ บอกตามตรง เนื่องจากเราอยู่ในเมืองคงยากมากที่เราจะซื้อที่ดินในบริเวณใกล้เคียงกับเรา ดังนั้น สถานที่ประกอบการนี้เราต้องวางแผนสร้างสิ่งก่อสร้างภายนอก”
ทันใดนั้นถังเทียนมีความคิดอย่างหนึ่ง “ตระกูลหลินเป็นยังไงบ้าง? พวกเขามีพื้นที่กว้างขวาง ทำไมเราไม่ซื้อที่ดินจากพวกเขา”
เซรีนตอบ “ถูกแล้ว ข้าได้ยินมาว่าตระกูลหลินต้องการจะย้ายอาจเป็นไปได้ที่เราจะซื้อที่ดินส่วนนั้น แต่มีคนจำนวนมากจับตามองแผนการนั้นตาเป็นมัน”
“ให้ข้าจัดการเรื่องนี้เอง” ปิงพูดอย่างมั่นใจ และด้วยสัญชาตญาณนักฆ่าทำให้ทั้งสองคนถึงกับตัวสั่น
“ถ้าเราทำได้สำเร็จ ห้าร้อยล้านเหรียญน่าจะพอซื้อได้ แต่ต้องมีสถานที่มีมาตรฐานคล้ายกับคลังแสงทหารซึ่งจำเป็นต้องให้บรอนซ์จำนวนมหาศาล ตระกูลหลินเคยเป็นตระกูลจักรกล ดังนั้นพวกเขาน่าจะมีเหลือเก็บไว้ซึ่งเราสามารถเหมาซื้อได้ ข้าคำนวณว่าเราอาจต้องใช้เงินมากมายพันสองร้อยล้านเพื่อซื้อบรอนซ์ขนาดนั้น”
จำนวนรวมนี้ทำให้ถังเทียนสะท้าน
“กันไว้สามร้อยล้านสามารถใช้สร้างอาวุธและอสูรจักรกลเพื่อใช้ป้องกัน เนื่องจากพื้นที่กว้างใหญ่ เราอาจต้องการอสูรจักรกลมาก สามร้อยล้านอาจไม่พอ”
ปิงมองดูถังเทียน
ถังเทียนไม่เคยเห็นความหลงใหลในดวงตาของปิงมาก่อน ความสัมพันธ์และความเชื่อใจกันระหว่างพวกเขาไม่มีอะไรอื่นเปรียบได้ หากไม่มีปิง เขาก็คงไม่มาถึงที่นี่
ถังเทียนกัดฟันและอนุมัติ “ได้เลย ข้าจะให้ท่านสองพันห้าร้อยล้าน! ไม่ต้องเขียมเรื่องห้องทดลองเลย เราต้องซื้อห้องทดลองดีๆ ด้วย”
เซรีนตะลึง วันนี้สองคนนี้เป็นอะไรไป?
ปิงไม่ประหลาดใจ เขาตอบรับจริงจัง“ขอบคุณ”
ถังเทียนใช้จ่ายไปรวมสามพันล้าน “พวกท่านต้องการอะไรอื่นอีกไหม? บอกข้าได้เลย”