ตอนที่แล้วตอนที่ 252 คว้าชัยชนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 254 ความหลงใหลของปิง

ตอนที่ 253 รวยซะอย่าง


เมื่อถังเทียนแบกร่างบุรุษประหลาดที่มีหญ้าปกคลุมไปทั้งตัวเดินออกไปหลิ่วย่าจือและท่านจางถึงกับสีหน้าเปลี่ยน และทั้งสองคนตกใจร้องออกมาพร้อมกัน

“หุ่นไล่กา!”

“ผู้อาวุโสหุ่นไล่กา!”

หน้าของท่านจางมองดูเหมือนคนกำลังจะตาย ริมฝีปากสั่นเทิ้มเหมือนกับว่าเขาทรมานจากอาการถูกทุบศีรษะ โลกกลับตาลปัตร เลือดของเขาเดือดและขาอ่อน

เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง?

หลังจากนั้นเป็นเวลานานสายตาของเขาจึงกลับมามั่นคง  อย่างไรก็ตามเขายังคงมองเห็นจุดเงามืดและรู้สึกว่าความตายกำลังมาเยือนอยู่ตรงหน้าความรู้สึกทั้งหมดของเขารวมเป็นความคิดเดียว ข้าทำมันลงไปแล้ว

ข้าทำทุกอย่างพังหมดแล้ว

หุ่นไล่กาคือคนที่องค์การให้การยอมรับมากและเขามีตำแหน่งที่สูงส่งในองค์การ ถ้าภารกิจไม่จำเป็นต่อองค์การ ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกหุ่นไล่กา ภารกิจล้มเหลวสิ้นเชิงและเขารู้สึกเศร้าขณะมองดูพื้นอย่างเศร้าสร้อยเขาเป็นคนติดต่อเรียกหาหุ่นไล่กาเองและเขาต้องรับผิดชอบต่อภารกิจ เขาต้องรับผิดชอบเรื่องที่เขาเริ่มก่อขึ้นไว้ ก่อนหน้านั้นเขาก็ล้มเหลวในทำนองเดียวกันที่ทำให้ถังเทียนสนิทกับตระกูลม่อ

เขามักมีความภูมิใจอยู่เสมอ และคิดว่าสติปัญญาของเขาอยู่เหนือคนอื่นใครจะคาดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้...

เมื่อเขาคิดถึงเรื่องการลงโทษที่เขาจะได้รับเมื่อเขากลับไปที่องค์การเขาสั่นและถูกความกลัวครอบงำ

เมื่อถังเทียนและคนตระกูลม่อเดินเรียงแถวออกมาผ่านผู้ที่ชมดูทั้งในมุมมืดและที่สว่าง ม่อเว่ยเทียนเห็นผู้คุ้มกันล้มอยู่ที่หน้าประตูทำให้รู้สึกโกรธ  ผู้คุ้มกันที่เขาจ่ายค่าจ้างสูงลิ่วพ่ายแพ้กันหมดสำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นเรื่องอัปยศอย่างมาก

ม่อเว่ยเทียนกำหมัดแน่น

ถังเทียนเดินไปที่คานไม้ที่มัดคนของม่อลิ่ว และกวาดมือออกทุกอย่างก็ร่วงลงมา พวกเขาเห็นประมุขตระกูลอยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาเป็นแค่อันธพาลเร่ร่อนตามถนน ตอนนี้หน้าของทุกคนซีดไร้สีเลือด พวกเขาสั่นเป็นใบไม้และได้แต่ก้มหน้านิ่ง

ม่อเว่ยเทียนเงยหน้าหัวเราะแล้วกล่าว“คุณชายสายฟ้าจะจัดการกับคนพวกนี้ยังไงดี?”

ม่อลิ่วหวาดกลัวอย่างหนัก

“ไม่ต่อยตีกันก็ไม่รู้จักกัน ถือว่าพวกเขาไม่รู้เรื่อง ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”  ถังเทียนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ

ม่อเว่ยเทียนทำสีหน้าดุดันและกล่าวกับม่อลิ่ว “เนื่องจากคุณชายสายฟ้าแก้ต่างให้เจ้า เจ้าจึงไม่ต้องตายทีนี้ไสหัวไปจากนี่ได้แล้ว”

คนของม่อลิ่วที่ร่อแร่เจียนตายเผ่นหนีไปอย่างน่าสงสาร

เซรีนประหลาดใจเล็กน้อย ที่สำคัญถังเทียนไม่ใช่คนที่ใจกว้างอย่างนั้นแต่ก็ไม่ถึงกับเจ้าคิดเจ้าแค้นมิใช่หรือ?  ในตอนนี้นางเห็นถังเทียนมัดหุ่นไล่กาด้วยด้ายเล็กเขาพยายามจะแขวนหุ่นไล่กาด้วยสิ่งนั้นหรือนี่?

เซรีนหัวใจเต้นแรง นางรีบทักท้วง “เจ้าทำแบบนี้มันไม่ดีนะ”

ถังเทียนไม่ได้แม้แต่จะสะดุ้ง  “ข้าทำไม่ดียังไง?เจ้าพยายามจะแสดงมนุษยธรรมหรือ? เลิกฝันเถอะ ถ้าเขาไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าข้า  มีหรือที่ข้าจะฆ่าเขา!”

เซรีนหยุดพูด นางคิดว่าการฆ่าศัตรูที่น่ากลัวของพวกเขา อีกฝ่ายจะไม่กล้ากลับมาเมื่อต้องเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่  สำหรับถังเทียน..เขาเป็นคนบ้าที่ไม่เคยปล่อยวางความแค้น

จู่ๆ ถังเทียนหันมาทางม่อเว่ยเทียนและกล่าว “พวกท่านกลัวหรือเปล่า?”

มีแววกร้าวฉายผ่านนัยน์ตาของม่อเว่ยเทียน เขาตอบ “กลัว?แค่กลุ่มเพียงกลุ่มเดียวอย่างกลุ่มอาวุธพลังสายเลือดยังจะกล้าท้าทายเราหรือ?  ถ้าเราต้องกล้ำกลืนเรื่องอย่างนี้คงเป็นการสร้างความอัปยศให้กับบรรพบุรุษเราแน่”

เขาชะงักและมีสีหน้าผ่อนคลาย “นี่คือโลกใบใหญ่ที่เราอาศัยอยู่ มีคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากมายและทุกคนชอบเหรียญดาว  ข้าได้เตรียมเงินไว้ห้าร้อยล้านเหรียญดาวแล้วข้ามั่นใจพอว่าสามารถสร้างความลำบากให้กับเขาแน่”

“ห้าร้อยล้านเหรียญดาว!” ถังเทียนนัยน์ตาเบิกกว้าง, เป็นเรื่องปกติของคนรวย

เป็นความจริงที่ว่าตระกูลเก่าแก่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งย้อนหลังไปนานเมื่อคิดถึงว่าคนผู้หนึ่งใช้เงินยี่สิบห้าล้าน เมื่อเทียบกับม่อเว่ยเทียนดูเหมือนจะเป็นจำนวนเล็กน้อย  อย่างไรก็ตามเขาคิดถึงเรื่องที่อู่กวงเคยพูดไว้ เขาบอกว่า “ข้ารู้จักคนผู้หนึ่งมานานแล้วและระดับความสามารถของเขายากปฏิเสธได้จริงๆ”

ม่อเทียนเว่ยเป็นผู้ที่รอบรู้เขาเตรียมทุ่มห้าร้อยล้านเหรียญเพื่อรับมือสังหาร แต่ข้อเสนอแนะของถังเทียนดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดีกว่า  เขาไม่กลัวการใช้จ่ายเงิน แต่เขารู้ว่าเขาจะต้องได้คนน่ากลัวมาอย่างช่วยไม่ได้  ด้วยความช่วยเหลือของถังเทียน  เขาสามารถทำเงินได้อย่างคุ้มค่าและขณะเดียวกันก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาไปด้วย

เบื้องหลังของเขาเป็นที่น่าประหลาดจริงๆ

เขารีบพูดว่า“ถ้าได้ความช่วยเหลือจากเจ้าก็นับว่าเยี่ยม เราเจรจาต่อรองราคากันได้เสมอ”

ถังเทียนกล่าวพร้อมกับกล่าว “ไว้ข้าค่อยขอวันหลัง”

เขายกร่างของหุ่นไล่กามัดกับคานไม้แล้วแบก หุ่นไล่กาหันหน้าลงพื้นในตอนแรก และไม่มีใครเห็นเขาได้ชัด ตอนนี้เขาถูกแขวนกลางอากาศทำให้ทุกคนเห็นเขาได้ชัด

มีเสียงร้องประหลาดใจไปทั่วทุกมุม

“หุ่นไล่กา!”

“นั่นคือหุ่นไล่กามู่จื้อ!”

“นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี!”

….

คนที่ชมดูอยู่ในสภาพสับสน นักสู้ที่มีชื่อในทำเนียบสวรรค์วิถีตายจริงๆ!   ข่าวยังไม่ลงตัว  นักสู้สายจักรกลเป็นกลุ่มวงการเล็กๆ  แต่นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีอยู่ในวงการที่ทรงอิทธิพล  พวกเขาทุกคนมีสถานะและได้รับการชื่นชม

ความตายของนักสู้สวรรค์วิถีเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาจริงๆ

ทุกคนจ้องดูอย่างมึนงง และอยู่ในสภาพสับสนกันหมด

เมื่อเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นในเมืองม่อเฉิง ถือเป็นเรื่องใหญ่และส่งผลกระทบมากมาย

ใครฆ่าหุ่นไล่กามู่จื้อ?

สำหรับพวกที่เพิ่งหายสับสน  พวกเขามีความคิดอย่างหนึ่ง ใครก็ตามที่ฆ่านักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีได้ก็ต้องน่ากลัวเช่นกัน

ทุกคนให้ความสนใจถังเทียน

เป็นไปได้หรือว่า เด็กอายุสิบหกสิบเจ็ดปีผู้นี้จะเป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี?

นั่น... เหลือเชื่อเกินไปแล้ว

เมื่อคิดดูอีกที หิมะสายฟ้าได้ทำลายสถิติก่อนหน้านี้ จากนั้นทุกคนจึงได้ตระหนักว่า ใช่แล้วถ้าเขาไม่ใช่นักสู้สวรรค์วิถี แล้วเขาจะได้ผลการทดสอบเช่นนั้นได้อย่างไร?

ตรงกันข้าม ท่านจางมีท่าทางพ่ายแพ้กลับตะลึงมองภาพถังเทียนแบกศพหุ่นไล่กา

ม่อเว่ยเทียนยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่พยายามห้ามปรามอะไร เห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ร่วมมือกับใครก็ตามที่ทำงานล้มเหลวเขาสูญเสียนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีและยังสร้างความขุ่นเคืองให้อีกฝ่าย เขาได้สร้างศัตรูให้องค์การ เขาอยู่ในองค์การแต่กลับสร้างเรื่องอัปยศต่อหน้าทุกคน..

ท่านจางรู้สึกเจ็บแปลบปลาบในอก เขากระอักโลหิตและล้มลงหมดสติ

หลิ่วย่าจือร้องด้วยความประหลาดใจ “ท่านจาง,  ท่านจาง”

เขาเขย่าตัวท่านจาง อย่างไรก็ตามเขายิ่งตกใจหนักเมื่อพบว่าท่านจางตายเสียแล้ว

ตระกูลม่อต้อนรับถังเทียนและเซรีนอย่างเป็นทางการที่สุด ทั่วทั้งตระกูลพอรู้ว่าถังเทียนเป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีก็ยิ่งเพิ่มความเคารพและยำเกรงเขา

ทันทีที่เซรีนก้าวเข้าไปในบ้านตระกูลม่อ นางรีบเดินไปดูอาวุธจักรกลของพวกเขา ม่อเว่ยเทียนพาถังเทียนเดินชมรอบๆ บ้าน อาวุธจักรกลไม่ได้มีมาตรฐานที่สูงนัก แต่พวกเขาสร้างออกมาได้ดีมาก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถังเทียนสนใจก็คือสนามฝึกฝน

ศิษย์ตระกูลม่อหลายคนได้รับการฝึกฝนวิธีใช้อาวุธจักรกลและมีเครื่องมือที่ทันสมัยที่ถังเทียนเห็นแล้วยังทึ่ง

ม่อเว่ยเทียนเห็นถังเทียนให้ความสนใจในการฝึกฝนนักสู้สายจักรกลและคิดถึงเคล็ดการต่อสู้ของถังเทียน เขาถาม “วิธีการใช้อาวุธจักรกลในการต่อสู้ของเจ้าน่าสนใจขอถามได้ไหมเจ้าเรียนมาจากไหน?”

ถังเทียนพยักหน้าตอบ “เป็นลุงคนหนึ่งสอนข้า”

ม่อเว่ยเทียนตอบโดยไม่เสียบุคลิก “ดูเหมือนว่าลุงท่านนี้จะมีความสามารถสูงส่งสินะ ถึงได้สามารถอบรมเจ้าจนได้เป็นนักสู้สวรรค์วิถี”

ถังเทียนตอบอย่างไม่ลังล“เขาน่าจะเป็นนักสู้สายจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้แล้ว”

พูดถึงเรื่องการใช้อาวุธจักรกล ถังเทียนไม่เคยเห็นใครดีกว่าปิง ยิ่งกว่านั้นในยุคนี้ซึ่งอาวุธจักรกลพัฒนาไปมากและการเป็นระดับหัวหน้าในกองทัพดาวกางเขนใต้ เขานับว่าแข็งแกร่งในยุคนี้นับว่าเหมาะสมแล้ว

ความคิดของถังเทียนนั้นเรียบง่าย

ม่อเว่ยเทียนลิงโลดอยู่ในใจ เขาตกใจกับคำตอบของถังเทียน

นักสู้สายจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้!

ถ้าไม่ใช่เพราะถังเทียนพูด เขาคงให้คนตบสั่งสอนแน่ใครจะบ้าพออ้างว่าเป็นนักสู้สายจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคนี้? อย่างไรก็ตามถังเทียนที่เป็นคนกล่าว พูดได้ไม่ลังเลใจสักนิดและนี่ก็พิสูจน์ได้ถึงสิ่งที่เขาคิดไว้จริงๆ

เขาไม่อาจค้นพบได้ว่า นักสู้สายจักรกลแบบไหนถึงได้ห้าวหาญมากขนาดนั้น?

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้สงสัยสิ่งที่ถังเทียนพูดเขารู้ว่าถังเทียนเป็นคนยังไง ถังเทียนเป็นคนที่ซื่อตรง พูดไม่เกินจริง

ทันใดนั้น ม่อเว่ยเทียนมีความคิดอย่างหนึ่ง เขากระแอม และคำนับถังเทียน“ข้ามีบางเรื่องอยากจะขอร้องท่าน”

ถังเทียนตกใจกับพฤติกรรมของม่อเว่ยเทียน “มีเรื่องอะไรหรือ?”

ม่อเว่ยเทียนกล่าว “ตระกูลม่อสามารถได้รับทักษะของเซรีน ดังนั้นมาตรฐานอาวุธจักรกลก็จะสูงตามขึ้นไปด้วย  อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีอาวุธที่ดีที่สุดแต่ก็ต้องการคนควบคุมมัน ศิษย์ในตระกูลเรายังควบคุมันไม่ได้  ข้าอยากจะขอลุงที่ท่านพูดถึงช่วยแบ่งปันความรู้ให้ศิษย์สำนักเราด้วย”

“เอ่อ..”  ถังเทียนลังเล

ม่อเว่ยเทียนรีบกล่าว  “โปรดมั่นใจเถอะว่าเรายินดีจ่ายด้วยราคาที่เหมาะสมกับเขา ร้อยล้านเหรียญต่อคนเป็นยังไง?”

เขารู้ว่าถังเทียนกำลังอารมณ์ดีมาก จะทำให้เขาตื่นเต้น เหรียญดาวเป็นสิ่งสำคัญ

ถังเทียนชะงักและเขามีความคิดอย่างหนึ่ง ตระกูลม่อร่ำรวยขนาดไหนกันแน่?เขามีเงินสำรองมากมายเหลือเฟืออย่างนั้นหรือ?

“ศิษย์สองคน” ม่อเว่ยเทียนกล่าวต่อ “ถ้าท่านปรมาจารย์สามารถสอนได้มากกว่านั้น ก็นับว่ายอดเยี่ยม”

ถังเทียนต้องใช้พลังใจทั้งหมดหักห้ามใจไม่ให้รับปากเขา  เขากลืนน้ำลาย และกล่าวอย่างยากเย็น “เอ่อ..ข้าต้องขอไปคุยกับลุงข้าก่อน”

“ไม่มีปัญหา โปรดพูดส่งเสริมข้าด้วย” ม่อเว่ยเทียนพูดต่อ “ถ้าปรมาจารย์ท่านนั้นไม่พอใจกับราคา โปรดบอกข้าได้ตามความรู้สึก ไม่ต้องเกรงใจ”

เมื่อเห็นทัศนคติที่ม่อเว่ยเทียนเปิดโอกาสให้ได้เปรียบ  ถังเทียนอดคิดไม่ว่าดูเหมือนว่าเขาคงเห็นโลกมาน้อย พวกคนรวยมีพฤติกรรมแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด