ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 17 จู้เฉียงบ้าคลั่ง
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 17 จู้เฉียงบ้าคลั่ง
ฉู่เซวียนครุ่นคิดเรื่องนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาจะไม่ยอมเสี่ยงส่งเจตจำนงวิญญาณของเขาออกไปพร้อมกับจู้เฉียงอย่างแน่อนอน
หากการกระทำของเขาเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดของระบบ และวันเวลาที่เขาสะสมมาถูกรีเซ็ตหลังจากออกไปจากบ้าน เขาจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
หลังจากปลูกฝังตราประทับเมล็ดวิญญาณลงบนตัวจู้เฉียงแล้ว ฉู่เซวียนก็ถามถึงจุดประสงค์ในการมาที่นี่ทันที
แน่นอนว่าต้องการสร้างความสูญเสียให้กับตระกูลฉู่ ลัทธิมารได้จ่ายราคามหาศาลหนักทุกครั้งที่พวกเขาจะลงมือ ทั้งครั้งนี้ยังได้นำหมอกมารติดตัวมาด้วย
หมอกมารนั้นแตกต่างจากหมอกพิษและเพลิงพิษ เมื่อมันถูกปล่อยออกมา พื้นที่ที่ถูกปนเปื้อนนั้นยากที่จะฟื้นฟูกลับคืนมา
ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อซื้อมันแพงกว่าหมอกพิษและเพลิงพิษถึงสิบเท่า
ยิ่งกว่านั้น เมื่อผู้ที่มีระดับต่ำกว่าขอบเขตห้วงลี้ลับได้สูดดมหมอกมารเข้าไป สติของพวกเขาจะเกิดอาการสับสนอลหม่าน เริ่มคลุ้มคลั่งขึ้นมา
หากหมอกมารถูกปล่อยออกไปในอาณาเขตตระกูลฉู่ เหล่าคนรับใช้ตระกูลฉู่จะต้องสูญเสียพอสมควร
ต้องรู้ว่าคนใช้ในตระกูลฉู่นั้นล้วนได้รับการคัดเลือกและมีความสามารถในเป็นพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้น ภูมิหลังครอบครัวของพวกเขาต่างขาวสะอาดและค่อนข้างภักดีต่อครอบครัวฉู่ ดังนั้นพวกเขาเป็นทรัพย์สินที่ควรค่าแก่การเลี้ยงดูอย่างแท้จริง
หากมีการบาดเจ็บล้มตายในหมู่พวกเขา มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูลฉู่อย่างแน่นอน
หมอกมารนั้นถูกกลั่นออกมาจากซากศพของเผ่ามาร มีพลังปนเปื้อนที่แข็งแกร่งอย่างมาก หากยังไม่บรรลุขอบเขตวิญญาณ แม้แต่ผู้ฝึกเคล็ดวิชามารก็ยังไม่กล้าที่จะสัมผัสกับหมอกมารอย่างง่ายดาย
เผ่ามารในแผ่นดินหนานโจวนั้นมีอยู่มาช้านาน
เฉพาะสนามรบโบราณบางแห่งเท่านั้นถึงจะมีซากศพของมารหลงเหลืออยู่บ้างประปราย
โดยปกติแล้วมีเพียงผู้ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชามารเท่านั้นที่จะเก็บศพมารเอาไว้
ครั้งนี้พวกลัทธิมารลงมือโหดเหี้ยมเกินไป
ฉู่เซวียนมองไปที่จู้เฉียงและบังคับให้จู้เฉียงทำตามปรารถนา
เขาสั่งให้จู้เฉียงกลับไปที่ฐานของลัทธิมาร ปลดปล่อยหมอกพิษ และทำการลอบโจมตียอดฝีมือของลัทธิมาร
เขาต้องการมอบหมายให้จู้เฉียงสังหารคนของลัทธิมารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และห้ามเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับตระกูลฉู่
หลังจากสั่งจู้เฉียงเสร็จแล้ว ฉู่เซวียนให้อีกฝ่ายอกอไป
จู้เฉียงโศกเศร้าใจอย่างมาก ทั้งสติและความคิดของเขายังแจ่มชัดดี ทว่าสิ่งเดียวที่เขาทำไม่ได้คือการต่อต้านเจตจำนงของผู้บงการที่ซ่อนอยู่ในเงามืด
เขารู้สึกหวาดกลัวอยู่ภายในใจ ทส่าสีหน้าของเขากลับไม่แสดงอะไรออกมาแม้แต่น้อย
ทุกอย่างยังดูปกติ ราวกับไม่มีวี่แววว่าเขาถูกควบคุมแม้แต่น้อย
จบสิ้น!
จู้เฉียงรู้ว่าเขากำลังจะตาย ไม่คาดคิดว่าตระกูลฉู่นั้นจะน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
ณ ฐานลับของลัทธิมารในอาณาเขตตระกูลฉู่
นี่คือฐานหลักแห่งที่สามของพวกเขา
จะทำการเปลี่ยนแปลงสถานที่อยู่บ่อยครั้ง
นอกจากการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากตระกูลฉู่แล้ว พวกเขายังต้องการหลีกเลี่ยงหอจันทร์ทมิฬเช่นกัน
หากพวกเขาอยู่ในสถานที่แห่งเดียวนานเกินไป หอจันทร์ทมิฬก็คงจะค้นพบพวกเขาได้ไม่ยาก และคนพวกนั้นก็อาจขายข้อมูลเกี่ยวกับฐานลับของพวกเขาให้แก่ตระกูลฉู่ในที่ราคาสูงได้เช่นกัน
เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ฐานหลักของพวกจะต้องเปลี่ยนสถานที่อยู่บ่อยครั้ง
มีเพียงจ้าวลัทธิ รองจ้าวลัทธิ และผู้อาวุโสไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ที่ตั้งของฐานหลัก
คนเหล่านี้นั้นเป็นบุคคลที่สามารถเชื่อถือได้ แทบจะสามารถรับประกันได้ว่าหอจันทร์ทมิฬไม่สามารถสอดแนมพวกเขาได้
ภายในถ้ำ
หวังถูรองจ้าวลัทธิมารในแคว้นฉินและผู้พิทักษ์ลัทธิของแคว้นจื่อเย่วกำลังนั่งอยู่บริเวณตรงหัวโต๊ะ
เหล่าผู้นำในอาณาเขตตระกูลฉู่และผู้อาวุโสหลายคนก็นั่งคอยที่โต๊ะเช่นกัน
พวกเขากำลังรอข่าวของจู้เฉียงและซูเหยียน
ฉู่ชิงได้รับบาดเจ็บอย่างหนักและผู้อาวุโสของตระกูลฉู่ที่อยู่ในขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่สามก็ได้ถูกพวกเขาสังหารไป ในที่สุดพวกเขาก็สามารถบังคับให้ฉู่เทียนหมิงออกจากอาณาเขตตระกูลได้
ลัทธิมารได้สั่งการออกมา มีเป้าหมายเพื่อที่จะแก้แค้นตระกูลฉู่อย่างเด็ดขาด
เป็นอีกครั้งที่ตระกูลฉู่ทำให้พวกเขาลัทธิมารได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วง
ลัทธิมารในแคว้นจื่อเย่วถูกกวาดล้าง!
ในแคว้นฉินนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่มีสี่ตระกูลได้ปกครองร่วมกัน และในสถานการณ์ส่วนใหญ่ พวกเขาต่างมีหน้าที่รับผิดชอบในอาณาเขตของตนเองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แคว้นจื่อเย่วไม่ได้เป็นเช่นนั้น ราชวงศ์ของแคว้นจื่อเย่วนั้นทรงอำนาจอย่างมาก พวกเขาควบคุมทั้งแคว้น ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ข้อมูลจากแคว้นฉิน พวกเขารวบรวมขุมกำลังส่วนหนึ่งและโจมตีด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ทำการกวาดล้างลัทธิมารไปทันที
จ้าวลัทธิมารในแคว้นจื่อเย่วที่อยู่ในขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่สี่และผู้อาวุโสจำนวนมากกวาดล้างไปทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้เอง ผู้พิทักษ์ลัทธิของแคว้นจื่อเย่วที่เหลือรอดจึงได้นำหมอกมารออกมาเพื่อแก้แค้นตระกูลฉู่!
“พี่หวังถู เหตุใดเราไม่ร่วมมือกันสังหารปีศาจเฒ่าฉู่เทียนหมิงเสีย”
ผู้พิทักษ์ลัทธิของแคว้นจื่อเย่วเอ่ยถามอย่างมืดมน
หวังถูไม่ได้สนใจที่อีกฝ่ายพูด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตอบกลับไป
หากพวกเขามีความสามารถในการสังหารฉู่เทียนหมิง พวกเขาจะยังคงหลบซ่อนอยู่ที่นี่อีกหรือไม่
ฉู่เทียนหมิงเป็นผู้อาวุโสของหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของแคว้นฉิน เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในขอบเขตกึ่งรวมศูนย์ ทั้งยังพกอาวุธสมบัติติดตัวตลอดเวลา
เว้นแต่จะมีผู้ฝึกยุทธ์ทรงพลังที่อยู่ในขอบเขตรวมศูนย์เคลื่อนไหวด้วยตนเองเท่านั้น แล้วใครกันจะสามารถสังหารฉู่เทียนหมิงได้?
ในแคว้นฉินมีผู้ฝึกยุทธ์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในขอบเขตรวมศูนย์
หากพวกเขาต้องการสังหารฉู่เทียนหมิง พวกเขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิต้าเซี่ย
อย่างไรก็ตาม จักรวรรดิต้าเซี่ยก็ไม่ใช่ไม่มีศัตรูอื่นเช่นกัน ยอดฝีมือในขอบเขตรวมศูนย์ไม่สามารถปรากฏตัวได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อจักรพรรดิมารอยู่ในช่วงปิดประตูฝึกฝน
ในการวิเคราะห์ของจักรวรรดิต้าเซี่ย แคว้นฉินนั้นทั้งอยู่ห่างไกลและไม่ได้มีทรัพยากรมากนัก จักรวรรดิต้าเซี่ยจึงไม่ได้สนใจมากนัก
หากไม่ขาดแคลนและมีทรัพยากร แคว้นฉินก็คงไม่อ่อนแอเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าหวังถูไม่ได้ตอบกลับอะไร ผู้พิทักษ์ลัทธิมารจากแคว้นจื่อเย่วก็ไม่ยอมแพ้และกล่าวต่อ “หากเราผนึกกำลังกัน ต่อให้เขามีอาวุธสมบัติแล้วอย่างไร? เรายังมีโอกาสที่จะสังหารเขาได้!”
จ้าวลัทธิมารในแคว้นจื่อเย่วนั้นเป็นน้องชายของเขา เป็นเพราะตระกูลฉู่ที่ทำให้น้องชายเขาถูกสังหาร
เขาเกลียดชังตระกูลฉู่อย่างมาก!
หวังถูกล่าวอย่างเย็นชาว่า “แล้วเราจะต้องเสียสละคนอีกกี่คน? เจ้าคิดว่าพวกเขาจะยอมตายไปพร้อมกับฉู่เทียนหมิงอย่างนั้นหรือ?”
หวังถูโดยเพิกเฉยต่อผู้พิทักษ์ลัทธิจากแคว้นจื่อเย่วและกล่าวว่า “พอแค่นี้! ไว้วันหน้า หากจู้เฉียงและซูเหยียนยังไม่กลับมา เราจะออกจากที่นี่ทันที!”
หวังถูเขากังวลว่าหอจันทร์ทมิฬจะรู้เรื่องเกี่ยวกับสถานที่นี้ ฉู่เทียนหมิงกำลังโกรธเกรี้ยวอยู่ไม่น้อย เขาอาจใช้เงินก้อนโตเพื่อซื้อข้อมูลนี้
หากฉู่เทียนหมิงโจมตีฐานลับ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะรอดชีวิตกลับไปกี่คน
เขาแน่ใจว่าฉู่เทียนหมิงจะต้องสังหารเขาก่อนเป็นคนแรก เพราะเขาเป็นคนที่ทำให้รุ่นเยาว์ของตระกูลฉู่ต้องบาดเจ็บ
ไม่นานจู้เฉียงก็กลับมา
“เหตุใดเจ้าถึงมาคนเดียว”
หวังถูขมวดคิ้ว
จู้เฉียงรู้สึกโศกเศร้าอยู่ภายในใจ เขารู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด ทว่าเขาก็ไม่สามารถฝืนความตั้งใจของผู้บงการได้
“ท่านจ้าวลัทธิ ซูเหยียนได้หลบซ่อนอยู่ในอาณาเขตตระกูลฉู่ เราพบข้อมูลสำคัญบางอย่าง ดังนั้นข้าจึงรีบกลับมารายงานต่อท่าน”
“ข้อมูลอันใด?”
หวังถูไม่ได้สงสัยในคำพูดของจู้เฉียง
จู้เฉียงมองไปยังผู้พิทักษ์ลัทธิจากแคว้นจื่อเย่ว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไปใกล้
หวังถูมองไปยังผู้พิทักษ์จากแคว้นจื่อเย่วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเช่นกัน อีกฝ่ายเป็นสมาชิกระดับสูงของลัทธิมารและรับใช้จักรวรรดิต้าเซี่ยเช่นกัน คงไม่เป็นปัญหาที่อีกฝ่ายจะได้ยินข้อมูลนี้เช่นกัน
ศัตรูของพวกเขาคือตระกูลฉู่ เนื่องจากข้อมูลนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่ ดังนั้นพวกเขาควรแบ่งปันข้อมูลนี้ร่วมกัน
เนื่องจากจู้เฉียงระมัดระวังตัวมาก อาจเป็นไปได้ว่าข้อมูลนี้มีความสำคัญมากเช่นกัน ผู้อาวุโสคนอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้ล่วงรู้ มิฉะนั้นมันอาจเพิ่มโอกาสในการรั่วไหล
“ท่านจ้าวลัทธิ ตระกูลฉู่ได้รับ…”
จู้เฉียงพุ่งเข้าหาหวังถูในขณะที่เขาทำท่าเหมือนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมา
“ปัง!”
ทันใดนั้นแสงสีเทาที่รุนแรงก็ได้ปะทุขึ้น
จู้เฉียงเคลื่อนไหวพร้อม โจมตีเต็มกำลังทันที
หวังถูที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างกายของเขาครึ่งหนึ่งก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ทันที วิญญาณของเขาเริ่มสั่นคลอน อยู่ไม่ห่างจากความตาย
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง
ปัง!
หลังจากโจมตีสำเร็จ การโจมตีครั้งที่สองของจู้เฉียงก็มุ่งโจมตีไปที่ผู้พิทักษ์ลัทธิจากแคว้นจื่อเย่ว
ฟุ่บ!
ผู้พิทักษ์ลัทธิมารจากแคว้นจื่อเย่วไม่สามารถหลบได้ทันเวลา เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที ทว่าก็ยังไม่ทันได้ตาย
“จู้เฉียง เจ้ากำลังทำอะไร!”
วิญญาณของหวังถูยังไม่แตกสลาย เขาปลดปล่อยเสียงคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว!
“พวกเจ้าทุกคนสมควรตาย!”
จู้เฉียงได้ปล่อยหมอกมารออกมา
หมอกมารพวยพุ่งอบอวลอยู่ภายในถ้ำ จู้เฉียงคำรามออกมา “พวกเจ้าทุกคนสมควรตาย! ข้าคือจ้าวลัทธิมารและข้าจะเป็นอมตะชั่วนิรันดร์ มีข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นจ้าวลัทธิมารในแคว้นฉิน!”
จู้เฉียงโจมตีออกไปอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คนอื่นๆ ก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง
“จู้เฉียงคลุ้มคลั่งไปแล้ว!”
“สังหารเขาเดี๋ยวนี้! เขาเสียสติไปแล้ว!”
“หรือว่าเขาได้รับผลกระทบจากหมอกมาร?”
ผู้อาวุโสลัทธิมารคนอื่นๆ รีบเข้าโจมตีทันที
อย่างไรก็ตาม จู้เฉียงไม่ได้สนใจชีวิตตนเองเลยแม้แต่น้อย ทำการโจมตีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งยังไม่ได้ป้องกันตัว เขามุ่งเป้าโจมตีไปที่คนใดคนหนึ่งอย่างเต็มกำลัง ไม่สนใจการโจมตีที่เข้ามาแต่อย่างไร
ปัง!
ผู้อาวุโสของลัทธิมารอีกคนหนึ่งล้มลง!
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความสิ้นหวัง “ไอ้ลูกหมาจู้เฉียง! ข้าเป็นสหายมาชั่วชีวิตของเจ้า! เหตุใดเจ้าถึงจ้องแต่จะเอาชีวิตข้า!”