ตอนที่ 241 แข่งขันจักรกลสุดขอบฟ้า
“อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า!”
ถังเทียนส่งเสียงร้องออกมาเหมือนผีขณะที่พายุหิมะพุ่งเข้าหาพยัคฆ์ฟ้า
ปัง ปัง ปัง!
เสียงโจมตีดังต่อเนื่องทำให้เกิดควันและฝุ่นละอองฟุ้งกระจายไปทุกที่แสงของเงาสีฟ้าบินออกมากระแทกเข้ากับผนัง ฉากภาพนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากเกินไป การฝึกของปิงเป็นลงมือต่อเนื่องและโหด
ถังเทียนเด็กหัดใหม่ เมื่อเผชิญหน้ากับปิง ไม้ตายสูงสุด ทำให้เห็นว่าหิมะสายฟ้ายังมีระดับที่ห่างไกลจากพยัคฆ์ฟ้ามาก ผลชัดเจนอยู่แล้ว ปิงไม่มีความปราณีเพียงเพราะเห็นว่าถังเทียนเป็นมือสมัครเล่น แต่เขากลับทำกับถังเทียนเหมือนเป็นศัตรูโจมตีใส่อย่างดุเดือดบ้าคลั่งใครเห็นเป็นได้ขนหัวลุก
ตลอดทั้งตัวของหิมะสายฟ้าเกินกว่าครึ่งเปลี่ยนแปลงไปมากมีร่องยาวเจ็ดถึงแปดเซ็นฯและรูอยู่ทั่วร่าง หิมะสายฟ้าไม่มีความสวยจับตาอีกต่อไปมองดูแล้วเหมือนกับอาวุธจักรกลขยะที่ถูกโยนทิ้ง มันดูโทรมมาก
หิมะสายฟ้าล้มกับพื้นหน้าคว่ำเหยียดยาวไม่เคลื่อนไหว
ถังเทียนอ้าปากหอบหายใจ เขาเหนื่อยจัดและรู้สึกว่าการควบคุมอาวุธจักรกลต่อสู้เหนื่อยยิ่งกว่าสู้ด้วยตัวเองเสียอีก เขาอ้าปากหอบ เหงื่อไหลย้อยมาตามใบหน้าจนถึงคาง ทันใดนั้นเขารู้สึกอาการพองยุบตามจังหวะหอบหายใจของเขา
มันคือหิมะสายฟ้า
ถังเทียนเทียนตะลึงอยู่ชั่วขณะ แต่แล้วก็เริ่มหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“เฮ้,หิมะสายฟ้า เจ้าไม่ต้องหายใจสักหน่อย แล้วทำไมต้องมาเลียนแบบข้าด้วยเล่า?”
คำพูดของถังเทียนทำให้หิมะสายฟ้าตะลึง ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ว่าอาการพองยุบตามจังหวะหายใจของหิมะสายฟ้าหยุดลงขณะที่มันหายไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ถังเทียนหัวเราะดังกว่าเก่า
“เฮ้,พ่อหนุ่ม เจ้าจะนอนอยู่อย่างนั้นไปถึงไหน?” เสียงยั่วยุของปิงดังออกมาจากพยัคฆ์ฟ้า ขณะที่เขามองดูหิมะสายฟ้า แม้ว่าเขาจะเยาะเย้ยถังเทียน แต่ในใจเขาก็เต็มไปด้วยความทึ่ง
เพียงแค่เวลาสั้นๆ สามวัน แม้ว่าถังเทียนจะไม่มีทักษะฝีมือ แต่เขาก็สามารถอดทนรับพลังห้ากระบวนท่าของปิงได้
ห้าท่า!
ห้าท่านี้ในแง่ของเวลาที่ใช้ แม้ว่าปิงจะรู้ดีว่าไม่ง่ายดายอย่างนั้น
เพียงสามวันสั้นๆก็สามารถเติบโตได้ถึงขนาดนี้...
หิมะสายฟ้าไม่ใช่อาวุธจักรกลที่โดดเด่น นอกจากความแตกต่างของวัสดุของมันสิ่งที่เป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือจิตวิญญาณพลังยุทธของมัน เทียบกับอาหู่แล้ว หิมะสายฟ้าด้อยกว่ามากมาย อาหู่เกิดมาเป็นนักสู้ ปกติจะเงียบๆแต่มีพลังที่แข็งแกร่งใจเย็นและไม่เคยกลัวอะไร เห็นได้ชัดว่าอาหู่คือคู่หูร่วมต่อสู้ในฝันของปิง
แต่สำหรับหิมะสายฟ้า มันขี้อาย, โง่,ไม่ค่อยกล้าและมีพลังจิตอ่อนแอ จุดอ่อนทั้งหมดเหล่านี้ถือว่ามีมากแก่นจิตวิญญาณพลังยุทธของหิมะสายฟ้าไม่มีชื่อเสียง แต่จากสิ่งที่ปิงเห็น จิตวิญญาณพลังยุทธแบบนี้ไม่เหมาะสมจะใช้เป็นจิตวิญญาณพลังยุทธของอาวุธจักรกลเลย
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสามวันนี้เกินกว่าที่ปิงคาดสิ้นเชิง
จุดอ่อนหิมะสายฟ้าได้เผยออกมาทั้งหมด แต่มันไม่ท้อถอยจากการต่อสู้ กลับบากบั่นมุ่งมั่นภายใต้การโจมตีอย่างดุเดือดของปิงแทน
ปิงเป็นผู้มีไหวพริบและเขี้ยวลากดินและเขาได้พบรากเหง้าของปัญหานี้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง แต่เป็นเพราะถังเทียน
ถังเทียนคำรามไม่เคยหยุด ไม่ว่าพวกเขาจะถูกทุบตีหนักเพียงไหน ถังเทียนไม่เคยหยุดให้กำลังใจหิมะสายฟ้าเลย ในสายตาของถังเทียน หิมะสายฟ้าเป็นสหายร่วมต่อสู้ของเขา แม้ว่ามันจะมีจุดอ่อนมากแต่เขาไม่เคยคิดเลิกใช้งานมัน
ไม่ว่าพวกเขาจะล้มลงไปกี่ครั้ง หรือโดนเล่นงานย่ำแย่แค่ไหน ถังเทียนไม่เคยตำหนิมันหรือด่ามันเลย
เสียงที่ร่าเริงคอยให้กำลังใจจะดังขึ้นสม่ำเสมอสอดคล้องกับการกระทำที่ไม่เคยยอมแพ้ แม้จะถูกทุบอย่างต่อเนื่อง
นี่คือวิธีที่หิมะสายฟ้าเริ่มต้นพัฒนา แม้ว่าระดับความก้าวหน้าจะช้า แต่นั่นก็นับว่าเป็นความก้าวหน้า
ตาของปิงไม่เคยเหลือบแลหิมะสายฟ้า สำหรับเขาแล้วหิมะสายฟ้าไม่ใช่จิตวิญญาณพลังยุทธนักสู้ ความก้าวหน้าของมันมีขีดจำกัดและจุดอ่อนของมันที่มีมาแต่กำเนิดถูกป้องกันไม่ให้เติบโต เขาได้ลอบตั้งข้อสังเกตไว้แล้ว จะต้องเตือนเซรีนว่าจิตวิญญาณพลังยุทธของอาวุธจักรกลไม่จำเป็นต้องมีระดับสูง แต่ต้องเหมาะกับการต่อสู้ เศษวิญญาณโบราณเหล่านั้น ถูกตัดลดลงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังมีพลังจิตที่หนักแน่น
นอกจากนี้การแสดงออกพื้นฐานของผู้นำของถังเทียนทำให้ปิงนึกสรรเสริญเขามาก
สามารถส่งเสริมและช่วยเหลือสหายนับเป็นลักษณะที่โดดเด่นอย่างมากแม้แต่วิญญาณพลังยุทธที่อ่อนแออย่างหิมะสายฟ้าก็ยังสู้สุดกำลัง เจ้าเด็กนี่นับเป็นนักสู้สายจักรกลที่มีพรสวรรค์แน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดของปิงหิมะสายฟ้าชะงักไปชั่วขณะ แต่ถังเทียนตอบอย่างไม่ลดราวาศอก “ล้มเหรอ? ฮะฮะ ลุงดูถูกเรามากไปแล้ว มาเลย! ดูซิว่าเราจะเอาชนะลุงยังไง! หิมะสายฟ้า ลุยพร้อมกัน ไปเลย!”
คลื่นความเอาจริงเอาจังผุดขึ้นมาจากหิมะสายฟ้าอีกครั้ง
แต่ก็เป็นฉากภาพที่ต้องทนดูกันต่อไป
****************************
เจ็ดวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เซรีนเบื่อและไร้เรี่ยวแรง หลังจากร้องไห้มาพักใหญ่ นางก็ไม่เศร้าอีกต่อไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะดังขึ้นหน้าประตู เซรีนถามอย่างอารมณ์ไม่ดี “ใครกัน? ถ้าไม่มีอะไร ก็อย่ามารบกวนข้า!”
“เซรีน,เราต้องไปเข้าร่วมแข่งขันกันแล้วนะ” ถังเทียนเตือน
ปิงเปลี่ยนใจแล้วหรือ? เซรีนตาเป็นประกาย นางลุกขึ้นจากเตียง เปิดประตูและถาม“ลุงหน้าไพ่ตัดสินใจเข้าร่วมแข่งด้วยเหรอ?”
“ไม่”ถังเทียนส่ายศีรษะ และชี้มาที่ตัวเอง “ข้าจะร่วมเอง”
สำเนียงผิดหวังในน้ำเสียงของนางขณะที่เซรีนตอบอย่างเศร้าใจ “ไม่ไปหรอก”
นางเตรียมจะปิดประตู แต่ถังเทียนใช้มือกันประตูไว้อย่างไม่สบายใจ “เฮ้, เซรีน, ถ้าเจ้าไม่นำเราไปที่นั่นเราก็ไม่รู้จักเส้นทาง”
“ใครจะไปก็ไปเถอะ!” เซรีนหมุนตัวและเดินไปที่เตียงของนางจากนั้นนอนคลุมโปง“แต่ว่าข้าไม่ไปด้วย”
“ทำไมเจ้าถึงไม่ไปด้วยเล่า?” ถังเทียนไม่เข้าใจ “อย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่ต้องการห้าพันล้านเหรียญดาวอีกต่อไป?”
“ห้าพันล้าน....”เซรีนร้องไห้น้ำตานองหน้าและสะอึกสะอื้น “ฮือ ฮือ,เราไม่มีห้าพันล้านเหรียญดาวอีกต่อไปแล้ว!”
เมื่อเห็นเซรีนทำท่าอย่างนั้น ถังเทียนได้แต่ผิดหวัง แต่แม้ว่าเขาไม่รู้จะพูดอะไร เขาคิดว่าต้องทำอะไรบางอย่างและด้วยความขี้เกียจพูด ถังเทียนคว้าตัวเซรีนทันทีแล้วแบกขึ้นบ่าเดินออกไป
เซรีนร้องกรี๊ด เมื่อพบว่านางอยู่บนบ่าของถังเทียน นางโกรธและดิ้นอยู่บนไหล่ของถังเทียนอย่างสุดกำลังทันที “วางข้าลงนะ, ปล่อยข้า”
ถังเทียนไม่สนใจเสียงกรี๊ดของนางและเดินตรงออกมาจากคลังแสง
ปิงเก็บของเสร็จแล้วและเตรียมพร้อม
“เดินทาง”
ถังเทียนแบกเซรีนและพุ่งออกจากประตูอย่างเร่งร้อน
****************************
การแข่งขันจักรกลสุดขอบฟ้าเป็นการแข่งขันที่มีชื่อเสียงมากในวงการเครื่องจักรกล เพราะจัดขึ้นเพียงปีละสองครั้ง การแข่งขันทุกครั้งวิศวจักรกลทุกคนและนักสู้สายเครื่องจักรกลจากกลุ่มดาวต่างๆในสวรรค์วิถีจะมารวมตัวกัน นี่คือการประชันขันแข่งที่ทรงพลังที่สุดในวงการวิศวจักรกล ทุกครั้งที่มีการจัดขึ้นจะมีอสูรจักรกลแปลกๆใหม่ๆ พอๆ อาวุธจักรกลรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้น นักสู้สายจักรกลผู้แข็งแกร่งที่สุดจะปรากฏตัวและเกิดการต่อสู้ที่โชกเลือดขึ้น
นี่เป็นการจัดการแข่งครั้งที่สี่สิบห้าแล้ว มีเวลาอีกสามวันก่อนจะเริ่มการแข่งขัน แต่เมืองมั่วเฉิงก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว เมืองมั่วเฉิงเป็นเมืองที่ใหญ่โต มีประชากร 47ล้านคนเมื่อเทียบกับเมืองสามวิญญาณ
วงการวิชาจักรกลมีขนาดลดลงก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นสมาชิกก็ยังมีจักรกลในสวรรค์วิถีประหลาดมากมายมีให้เห็น
ในชานเมือง การสัญจรของมนุษย์คับคั่งน่ากลัวและเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านเข้าไป
ถังเทียนเหลียวมองเลิกลั่กหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “หวา,มีคนมากมายในที่นี่อยู่ก่อนแล้ว”
“ไม่รู้ด้วย” เซรีนแค่นเสียง การดิ้นรนของนางไร้ประโยชน์นางจึงตัดสินใจหยุด แต่ความโกรธในใจนางยังไม่ลดทอน ดังนั้นน้ำเสียงนางจึงมีแววไม่พอใจ “อย่าทำอะไรเชยๆ ให้ขายหน้าล่ะ”
ปิงหยุดอยู่กับที่ทันที
ถังเทียนรู้สึกได้โดยเร็วและหยุดถาม“มีอะไรหรือ?”
“เมืองนี้มีกระแสพลังผันผวน” น้ำเสียงของปิงสั่น “มันมีผลโดยตรงต่อขุนพลวิญญาณ”
ถังเทียนใจจดใจจ่อมากขึ้น สีหน้าเขาเปลี่ยนไป เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความผันผวนที่เลือนรางมาก มันอยู่ในสภาพของหมอก แต่ช่วงระยะของมันกลับครอบคลุมไปทั้งเมืองม่อเฉิง
“จะมีปัญหาอะไรไหม?” เซรีนประหลาดใจ ตอนแรกนางคิดว่าปิงสับสนทั้งที่ไม่มีอะไร การแข่งขันจักรกลสุดขอบฟ้าจัดแข่งขันมาหลายครั้งแล้วไม่เคยมีอันตรายใดๆ เกิดขึ้น เพียงแค่นั้นนางก็เข้าใจจริงๆแล้วว่าความกังวลใจของปิงนั้นมีเหตุผล
นางทำหน้าจริงจัง “เมืองมั่วเฉิงปกครองโดยตระกูลมั่วมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ตลอดทั้งเมืองถูกมองว่าเป็นเมืองจักรกล ใช่แล้ว, ดูเหมือนว่าข้าจะมองข้ามเรื่องนั้นไป”
“ตระกูลมั่ว?”ถังเทียนสงสัย “พวกเขาแข็งแกร่งทรงพลังนักหรือ?”
“ใช่แล้วแข็งแกร่งทรงพลังมาก!” เซรีนตอบ “ตระกูลมั่วคือตระกูลชนชั้นสูงที่เชี่ยวชาญจักรกล และมีประวัติศาสตร์ยาวนานในยุคหลังกองทัพมหาอำนาจทั้งสาม มาตรฐานจักรกลของตระกูลมั่วไม่มีใครรู้มั่วเหลิ่งจากตระกูลมั่วเป็นปรมาจารย์วิศวจักรกลคนหนึ่งคู่กับกวนจือมั่ว ทั้งสองคนได้รับการยกย่องว่าเป็นพี่น้องตระกูลมั่ว”
“ว้าว,ทรงพลังมาก!” ถังเทียนไม่สามารถเข้าใจได้ทุกอย่าง แต่กับวลีว่าปรมาจารย์วิศวจักรกลนั้น เขาเข้าใจดี
“ใช่แล้ว แต่พวกเขามักทำตัวไม่โดดเด่นและเราคงยากจะได้ยินอะไรพิเศษเกี่ยวกับพวกเขา พวกเขาลึกลับมาก นอกจากการแข่งขันจักรกลสุดขอบฟ้าแล้ว พวกเขาไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรอื่น” เซรีนกล่าว
จู่ๆ ปิงถามขึ้นทันที “อาวุธจักรกลของพวกเขาเป็นยังไงบ้าง?”
“มาตรฐานก็งั้นๆ” เซรีนแค่นเสียง “ข้าไม่เคยเห็นอาวุธจักรกลระดับสูงของพวกเขามาก่อน แต่อาวุธจักรกลธรรมดาของพวกเขา ก็ไม่ถึงกับดีไม่ถึงกับแย่อะไร”
ปิงคิดลึก เขากวาดตามองดูพื้นที่อีกครั้งและเขาเหลือบไปเห็นภูเขาโดดเด่นไกลออกไป เขาชี้ไปที่นั่น “ข้าไปจะตระเวนรออยู่บริเวณนั้น ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้รีบออกจากเมืองข้าจะมารับพวกเจ้า”
“ก็ได้!” ถังเทียนพยักหน้า
ปิงไม่ได้พูดอีกต่อไป และหายไปอย่างรวดเร็ว
ถังเทียนและเซรีนกำลังเตรียมตัวเข้าเมืองแต่ทันใดนั้นถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกายและชี้ไปที่คนๆ หนึ่ง “หวา,แมงมุมนั่นสวยจริงๆ”
ในตำแหน่งที่เขาชี้มีบุรุษคนหนึ่งนั่งอยู่บนแมงมุมโลหะสีแดงเข้มแมงมุมสีแดงตัวค่อนข้างใหญ่และบุรุษนั้นก็นั่งได้อย่างมั่นคงมันดูเหมือนมีชีวิตจริงมากและโลหะสีแดงผิวมันเลื่อมตลอดทั้งตัวแพรวพราวและงดงาม การเคลื่อนไหวของแมงมุมแดงคล่องแคล่วมาก ขาทั้งหมดของมันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วมาก
“นั่นคืออสูรจักรกลตัวหนึ่ง” เซรีนชำเลืองตามอง แต่ก็ค่อนข้างประหลาดใจมาตรฐานของแมงมุมน่าทึ่งจริงๆ ด้วยมาตรฐานของเซรีนในปัจจุบัน การจะยกย่องผลงานของคนอื่นๆก็ถือว่าเป็นผลงานที่ประสบผลสำเร็จแล้ว
“เป็นอสูรจักรกลที่สวยจริงๆ!” ถังเทียนน้ำลายไหล เขายกฟลามิงโกให้หลิงซิ่วไปแล้วและแมงมุมแดงตัวนี้ดูเคร่งขรึมและเย็นชาดูมีลักษณะดุร้ายและเย็นชาเป็นพิเศษ
บุรุษที่อยู่บนแมงมุมแดงได้ยินถังเทียนชมเชยก็รู้สึกยินดีเขาอดถามไม่ได้ “ยินดีที่ได้พบพวกท่านทั้งสองคน อยากจะขึ้นมาสนทนาด้วยกันไหม?”
เซรีนไม่ทันได้อ้าปากเงาข้างตัวนางก็ก็วูบผ่านไปแล้ว
“ตกลงได้เลย” ถังเทียนเผ่นขึ้นไปอยู่บนหลังแมงมุมแดง
เซรีนไม่มีทางเลือกได้แต่ตามไป