ตอนที่แล้ว894 - ดินแดนแห่งหยินและหยาง 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป896 - การปะทะกันของสองผู้ยิ่งใหญ่ 

895 - ชุมนุมผู้ยิ่งใหญ่ 


895 - ชุมนุมผู้ยิ่งใหญ่

บ่อน้ำฮั่วเซียนอยู่บนยอดเขาขนาดใหญ่ที่ซึ่งเปิดโล่งและมองเห็นได้ง่าย บ่อน้ำเต็มไปด้วยความสดใส มีรังสีของแสงพุ่งออกมาเหมือนไฟบนท้องฟ้า

อีกด้านหนึ่งของภูเขากว้างใหญ่ ถ้ำโบราณที่ปราณมังกรถูกปลดปล่อยออกมา มันเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่มีหยางแก่นแท้ของดวงอาทิตย์ถูผสมอยู่ด้วย

“มังกรโบราณในฉางหลิงเคลื่อนไหวได้!”

หลายคนประหลาดใจ ภูเขาใหญ่ที่ถ้ำมังกรตั้งอยู่ไม่หยุดนิ่ง มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ซึ่งพิเศษมาก

“เราพบบ่อน้ำฮั่วเซียนแล้ว และเรายังเห็นถ้ำโบราณในภูเขาฉินหลิงอีกด้วย เหลือเชื่อจริงๆ !”  พวกเขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน

ในเวลานี้เย่ฟ่านขมวดคิ้ว แม้ว่าระยะทางจะอยู่ห่างออกไปมากกว่าสิบลี้แต่ทุกย่างก้าวไปข้างหน้าจะเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอันน่าสะพรึงกลัว มันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าใกล้

“เป็นการยากที่จะข้ามคูน้ำ นี่เป็นทางตันที่ผ่านไม่ได้” เขาเตือนทุกคนอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าผลีผลาม อย่าเพิ่งเดินหน้า”

แม้ว่าการขึ้นสู่ดินแดนเซียนจะง่าย และพลังป้องกันของมันจะอ่อนแอลงอย่างไม่มีสิ้นสุด แต่ช่วงสุดท้ายของการเดินทางนั้นน่ากลัว และเป็นการยากที่จะขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามซึ่งเรียกว่า “คูเมืองสวรรค์”

“ผ่านความตายร้อยลี้ เก้าสิบลี้ขึ้นสู่เส้นทางเซียน และสิบลี้ข้ามคูเมืองสวรรค์ สิบลี้สุดท้ายต่างหากที่จะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะอยู่หรือตาย!”

“มันร้ายแรงกว่าที่ข้าพูด การข้ามคูเมืองสวรรค์อาจเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่แม้แต่เซียนก็ไม่สามารถข้ามได้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่านด้วยพลังของมนุษย์ มันเป็นหนึ่งในภูมิประเทศที่น่ากลัวที่สุดในโลก!” เย่ฟ่านกล่าวเสียงต่ำ

นอกจากนี้เขายังไม่คาดคิดว่าสิบลี้สุดท้ายจะท้าทายสวรรค์จนได้ชื่อว่า “ผู้เป็นเซียนไม่สามารถข้ามได้” ภูมิประเทศแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนในสมัยโบราณและปัจจุบัน แต่กลับปรากฏขึ้นที่นี่

“ข้าควรทำอย่างไรดี?” แม้ว่าพวกเขาจะมาถึงถ้ำมังกรที่เก่าแก่ที่สุดในจงโจว แต่พวกเขาก็เข้าใกล้ไม่ได้ ทุกคนรู้สึกไม่เต็มใจอย่างยิ่ง

เย่ฟ่านกล่าวว่า “ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เราทำได้คืออดทนและรอสักครู่ บางทีโอกาสของเราอาจจะมาถึงในไม่ช้า”

ในอดีตจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เคยผ่านเข้าสู่สถานที่แห่งนั้นได้ย่อมแสดงให้เห็นว่ามันมีเส้นทางไปอย่างแน่นอน

“สถานที่แห่งนี้ชั่วร้ายมาก แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม”

บนพื้นดินแสงอาทิตย์อัสดงได้ย้อมทุกอย่างเป็นสีแดง และมีสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว แต่พวกมันไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน

“มีสุสานโบราณมากมายอยู่ใต้ภูเขาฉินหลิงและศพโบราณบางศพก็มีต้นกำเนิดที่น่าตกใจ”

“ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตถูกฝังอยู่ในถ้ำของมังกรโบราณจะไม่ธรรมดา ใครจะจัดการกับมันได้หลังจากได้รับแสงอาทิตย์และแสงจันทร์หล่อเลี้ยงมาหลายปี”

ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นที่ขอบฟ้า ยักษ์ปีกสีเงิน ภูติผีที่บินได้ สิ่งมีชีวิตมากมายมหาศาลปรากฏตัวอย่างฉับพลัน

ที่ขอบฟ้า มีเสียงดังขึ้น และชายชรารูปร่างสูงใหญ่ที่มีเส้นผมยุ่งเหยิงได้ก้าวออกมาจากความว่างเปล่า

เขาสูงกว่ากว่าเจ็ดฉื่อ สูงกว่าคนธรรมดามาก มีร่างกายที่สง่าผ่าเผยและพละกำลังอันไร้ขอบเขต พื้นดินสั่นสะเทือนทุกครั้งที่เขาก้าวเท้า

“ร่างกายของบุคคลนี้เกือบจะเทียบได้กับอาวุธศักดิ์สิทธิ์เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?”

“นี่คือจักรพรรดิชราจากชนเผ่าจิ่วหลี” หลายคนประหลาดใจ

บุคคลนี้เสียชีวิตไปนานแล้ว และชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่สวมอยู่บนร่างกายของเขาก็พังทลายเกือบจะสมบูรณ์ แต่รอยประทับของราชวงศ์อมตะยังพอจะมองเห็นได้รางๆ

“นี่คือเครื่องแต่งกายของราชวงศ์อมตะ มันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แต่ก็ยังพังทลายไปแล้ว คนคนนี้ตายมานานแค่ไหนกัน?”  รูม่านตาของอู๋จงเทียนหดตัวลง

“อย่างน้อยมันก็น่าจะสี่หมื่นปี มิฉะนั้นชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ของเขาคงไม่เปื่อยยุ่ยแบบนี้อย่างแน่นอน” จี้ฮ่าวเยว่กล่าว

หลายคนรู้สึกกังวล แต่สิ่งเดียวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจก็คือศพโบราณนี้ดูเหมือนจะเพิ่งตื่นขึ้นและดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความมืดมนไม่มีสติ

“แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งแต่ไม่มีวิญญาณอยู่ภายใน บางทีเราอาจจะจัดการกับเขาได้” เย่ฟ่านแอบดีใจว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่นักบวชชราคนเดิม

“เขากำลังมาหาเรา!”

จักรพรรดิชราผู้สง่างามเดินเข้ามาด้วยความมุ่งมั่นและคว้ามือขนาดใหญ่ไปข้างหน้า

จี้ฮ่าวเยว่ดีดนิ้วและเม็ดประคำห้าสีก็พุ่งเข้าหาฝ่ามือที่ผุพังข้างนั้น นี่คือเลือดของจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่า มันมีอำนาจในการทำลายสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง

บูม!

เลือดศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังมากจนกระแทกร่างของจักรพรรดิชราให้กระเด็นกลับไปทางด้านหลัง อย่างไรก็ตามเลือดศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้กลับไม่สามารถเจาะทะลุผิวหนังเขาได้เลย

“คนๆ นี้จะต้องมีพลังอันน่าเหลือเชื่อก่อนที่เขาจะตาย อย่างน้อยก็ควรจะอยู่ในระดับเซียนโบราณ!” จี้ฮ่าวเยว่อุทานด้วยความตกใจ

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็แย่แล้ว?!” ทุกคนดูหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

โชคดีที่วิญญาณชั่วร้ายนี้เพิ่งตื่นขึ้นมาได้ไม่นาน และเขารู้จักเพียงวิธีการกลืนกินแก่นแท้ของดวงอาทิตย์และจันทราเท่านั้น ในขณะเดียวกันทักษะการโจมตีของเขาก็ไม่มีอะไรเลย

“ปัง”

อู๋จงเทียน หลี่เหอซุยและคนอื่นๆ เคลื่อนไหว อาวุธศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดถูกย้อนไปข้างหน้าและเคลื่อนไหวด้วยจิตวิญญาณของตัวเอง อย่างไรก็ตามอาวุธของพวกเขาไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับจักรพรรดิชราได้แม้แต่น้อย

“ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมาก!”

ใบหน้าของทุกคนซีดขาวไร้สีเลือด คนคนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า!”

ผังป๋อก้าวไปข้างหน้าโดยซัดตะปูที่ใช้ตอกโลงศพของจักรพรรดิอมตะออกไปอย่างรวดเร็ว

“ปัง”

ร่างของจักรพรรดิชราในที่สุดก็ล้มลง ผู้คนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพราะหากปล่อยให้จักรพรรดิชราแสดงความบ้าคลั่งต่อไปบางทีเขาอาจจะฟื้นสติปัญญากลับมาก็ได้

“ช่างเป็นตะปูที่ทรงพลังและลึกลับจริงๆ !” จี้ฮ่าวเยว่ตกตะลึง

ตะปูเหล่านี้มีต้นกำเนิดอันยิ่งใหญ่ พวกมันคือตะปูตอกโลงศพของจักรพรรดิอมตะ และเย่ฟ่านได้มอบพวกมันให้กับผังป๋อ

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงตะปูตอกโลงศพ แต่มันถูกมีโอกาสได้สัมผัสกับร่างกายของจักรพรรดิอมตะ ดังนั้นพลังของมันจะน่ากลัวมากแค่ไหนเป็นที่ทราบได้

“ไม่รู้ว่าจักรพรรดิอมตะคนนั้นจะทรงพลังเพียงใดในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ แม้แต่ตะปูที่เคยสัมผัสกับกลิ่นอายของเขาก็ยังน่ากลัวถึงขนาดนี้”

ครึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา เย่ฟ่านได้สังเกตบ่อน้ำฮั่วเซียนและถ้ำมังกรอย่างระมัดระวัง

เขาใช้ทักษะต้นกำเนิดเพื่ออนุมานเส้นทางที่จะทำให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้แต่สุดท้ายมันก็ไม่เป็นผล

“หากปล่อยเวลาให้ล่วงเลยอีกอีกครึ่งเดือนเกรงว่าเราคงไม่ได้รับอะไรแล้ว!”

“เราต้องค้นหาเส้นทางใหม่ ดูเหมือนคำภีร์ต้นกำเนิดสวรรค์จะไม่ได้บันทึกวิธีเข้าสู่บ่อน้ำฮั่วเซียน” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเคร่งขรึม

หลังจากคำนวณมาหลายวันเย่ฟ่านก็เกิดความหวาดหวั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างนี้ได้มีสิ่งมีชีวิตมากมายที่ต้องการบุกรุกไปข้างหน้า แต่ทันทีที่พวกมันเข้าใกล้รัศมีสิบลี้ร่างของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็กลายเป็นหมอกเลือดทันที

ในอีกสิบวันข้างหน้าเย่ฟ่านแทบจะกลายเป็นบ้าไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะค้นหาวิธีอย่างไรก็ไม่สามารถผ่านสิบลี้สุดท้ายได้เลย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หมอกที่เคยหนาแน่นก็จางหายไป มีคนค้นพบสถานที่นี้มากขึ้นเรื่อยๆ และข่าวก็แพร่กระจายออกไปทันที

หลังจากนั้นอีกสองวัน คูน้ำสิบลี้สุดท้ายก็เปลี่ยนไป จิตสังหารก็อ่อนลง และสามารถเดินผ่านไปได้

“อย่าผลีผลาม รออีกครึ่งวัน!” เย่ฟ่านหยุดพวกเขาไว้

ที่นี่มีคนอื่นเข้ามามากมาย ทุกคนต่างเร่งรีบ แต่พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะส่งเสียงได้ เพราะทันทีที่ประมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใกล้เคียงตรวจพบพวกเขา มันจะกลายเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ทันที

“ไปกันเถอะ!”

เย่ฟ่านประเมินว่ามันใกล้จะจบลงแล้ว และทั้งแปดคนก็แยกกันไปตามเส้นทางเล็กๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน

ทุกคนต่างมีความจริงจังและบันทึกทุกๆ ที่ที่พวกเขาผ่านไปลงในกระดาษอย่างละเอียด

ถนนสิบลี้นี้พิเศษมาก และมีเส้นทางปลอดภัยเพียงแปดทางเท่านั้น ดังนั้นทุกคนจึงไม่กล้าที่จะทำการโดยขาดความระมัดระวัง

“โอ้!”

จี้จื่อเยว่ตะโกนด้วยความตื่นตระหนกจี้ฮ่าวเยว่ในพื้นที่ใกล้เคียงตกใจ จากนั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก ปรากฎว่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลได้ติดตามพวกเขามาแล้ว

“ถอยออกไปเร็วๆ อย่าเข้ามาที่นี่ มันอันตรายเกินไป”

ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลจี้กล่าว

“จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้มาที่นี่ทำไม?” เย่ฟ่านบ่นพึมพำกับตัวเองบนถนนอีกสายหนึ่ง

“ผู้อาวุโสพาข้าเข้าไปด้วย” จี้จือเยว่ทำหน้าบึ้งพลางเขย่าแขนของชายชราไม่ยอมปล่อย

“วันนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังจะตายที่นี่ เจ้าควรถอยโดยเร็ว”

ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลจี้กางแขนเสื้อออกแล้วเหวี่ยงนางออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย

จี้จื่อเยว่ย่นจมูกที่บอบบางของนาง จากนั้นก็วิ่งไปที่เส้นทางของเย่ฟ่านอยู่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่

ในระยะไกลปรมาจารย์ของตระกูลเจียงและดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงรวมถึงตระกูลเฟิงล้วนปรากฏตัวขึ้น

ในหมู่พวกเขาโอหยางเย่ผู้ซึ่งอยู่ใกล้กับอาณาจักรของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์แน่นอนว่าจะต้องถูกเชิญมาที่นี่เช่นกัน

ในอีกด้านหนึ่งนิกายทั้งหมดของจงโจวเริ่มปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นนักบวชชราที่มีวงแหวนสีทองรอบศีรษะก็มุ่งหน้าเข้ามาในที่ทางนี้อย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันชายหนุ่มที่ขับรถศึกสีทองก็นำขบวนของเขาติดตามไปในเส้นทางของเจียงฮ่วยเหรินอย่างรวดเร็ว

“ปัง…”

รถศึกสีทองบินข้ามศีรษะของเจียงฮ่วยเหรินและทำให้ผมของเขายุ่งเหยิง เจียงฮ่วยเหรินรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากเขากำลังจะคำรามกลับไป แต่ทันทีที่มองเห็นฝ่ายตรงข้ามคำพูดที่มาถึงปากก็ถูกกลืนลงท้องทันที

บนรถศึกสีทองมีเด็กชายท่าทางดื้อรั้นคนหนึ่ง เขาคือหวังซ่ง ในขณะนั้นเขาหันกลับมามองเจียงฮ่วยเหรินและกล่าวเหยียดหยามว่า

“อย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก รีบกลิ้งออกไปให้ไกลที่สุด เจ้าเด็กที่ก่อกวนพวกเราในเมืองต้องเป็นเย่ฟ่านแน่ๆ คราวนี้พี่ชายของข้ามาที่นี่ด้วยร่างจริงจงบอกเขาให้ล้างคอรอได้เลย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด