ตอนที่ 9-9 ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์
“ลินลี่ย์, ออกมา!”
โอลิเวอร์ระเบิดเสียงตะโกนกึกก้องไปทั้งสนามประลอง แต่ลินลี่ย์ดูเหมือนจะทำเป็นหูหนวก เขายังคงคุกเข่าอยู่ข้างน้องชายของเขาพูดอะไรบางอย่างกับน้องชายเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงตะโกนของโอลิเวอร์แม้แต่น้อย
โอลิเวอร์ยืนอยู่ในกลางอากาศอดขมวดคิ้วไม่ได้
“อาจารย์ลินลี่ย์กำลังทำอะไร? เขาไม่ได้ยินหรือ?”
“เป็นไปไม่ได้ บางทีเขาคงกลัวโอลิเวอร์กระมัง?”
…..
ผู้คนในสนามแข่งขันต่างงงงวยที่ลินลี่ย์ไม่มีปฏิกิริยา หลังจากตะโกนอย่างโมโหแล้วโอลิเวอร์ก็เงียบและจ้องมองลินลี่ย์อย่างเย็นชาจากกลางอากาศ
หลังจากจบการสนทนากับน้องชายแล้วลินลี่ย์ค่อยหันมาและมองดูโอลิเวอร์ ในทันใดนั้น...
ทั้งสองฝ่ายสบตากันฝ่ายหนึ่งอยู่บนพื้น และอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ในกลางอากาศ
สายตาของพวกเขาดูเหมือนปะทะกันกลางอากาศราวกับเป็นการโจมตีกันทางกายภาพ
“โอลิเวอร์” ใบหน้าลินลี่ย์มีรอยยิ้ม เขาพูดอย่างสงบ “ตั้งแต่มาถึงจักรวรรดิโอเบรียนข้าได้ยินผู้คนสรรเสริญเจ้าว่าเป็นเซียนกระบี่อัจฉริยะ จริงหรือเปล่า?เนื่องจากเจ้าเป็นระดับเซียนตอนอายุสี่สิบปี ข้าไม่เห็นว่าจะทำให้เจ้าเป็นอัจฉริยะตรงไหนเลย”
โอลิเวอร์ย่นหน้าผากเล็กน้อย
ลักษณะการพูดข่มของลินลี่ย์ทำให้ผู้ชมทั้งแปดหมื่นตื่นเต้นมากขึ้น โอวสวรรค์อัจฉริยะทั้งสองคนเป็นปฏิปักษ์ต่อกันเสียแล้ว
นี่จะเป็นการประลองที่แท้จริงของอัจฉริยะทั้งสอง
การประลองระหว่างลินลี่ย์กับโอลิเวอร์เห็นได้ชัดว่าเป็นระดับที่แตกต่างจากการประลองระหว่างบลูเมอร์และวอร์ตัน การสู้รบระหว่างพี่ชายจะเป็นการประลองระหว่างสุดยอดอัจฉริยะในทวีปยูลาน
การประลองครั้งนี้กำลังจะเริ่มอยู่แล้ว
ทันใดนั้นลินลี่ย์ขึ้นตรงไปที่อากาศเหนือเวทีประลองเพียงหลังจากที่เขาหยุดภาพเขาที่อยู่ข้างล่างจึงเลือนรางหายไป
เร็วจนน่ากลัว
“ครืนนน...” เกล็ดมังการสีดำครอบคลุมทั้งตัวอย่างรวดเร็วหลาวหนามที่ร้ายกาจขึ้นมาตามสันหลัง เข่า ศอกและหน้าผากของเขา เกล็ดมังกรหางมังกรสีดำเปล่งประกายแสงเยือกเย็นเลือนลาง
ลินลี่ย์ลอยอยู่ในกลางอากาศจ้องมองโอลิเวอร์ด้วยดวงตาสีทองเข้ม
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นร่างแปลงที่น่ากลัวอย่างนั้น แม้จะดูเหมือนสงบแต่แววประหลาดใจก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของโอลิเวอร์ แต่เขารีบสงบอารมณ์เป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“นักรบเลือดมังกรระดับเซียน?” โอลิเวอร์มองดูลินลี่ย์ รังสีปราณยุทธที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากร่างของเขา “เจ้าไม่ใช่ระดับเซียนก่อนแปลงร่าง ดูเหมือนสภาพปัจจุบันของเจ้ายังไม่ใช่สภาพที่ทรงพลังมากที่สุดและช่วงเวลาของนักรบเลือดมังกร... น่าเสียดาย... น่าเสียดายยิ่งนัก...”
ความจริงโอลิเวอร์ต้องการสู้กับนักรบเลือดมังกรระดับเซียนชั้นสูงในตำนาน
“โอลิเวอร์, คนเราควรรู้จักประมาณตัวเองบ้าง” เสียงเย็นชาของลินลี่ย์ดังก้องไปทั้งสนามประลอง “เจ้าคิดว่าอย่างเจ้าจะเป็นคู่มือของสุดยอดนักรบได้หรือ?”
เซียนอัจฉริยะทั้งสองจ้องมองกันกลางอากาศ ทุกคนกลั้นหายใจจ้องมองการต่อสู้ที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนนี้อย่างระมัดระวัง
“ลินลี่ย์!”
โอลิเวอร์เอื้อมมือไปด้านหลัง บนหลังของโอลิเวอร์มีกระบี่ยาวอยู่สองเล่ม หนึ่งในนั้นเป็นกระบี่ใสมีลักษณะคล้ายกระบี่ฝันยะเยือก กระบี่อีกเล่มหนึ่งสีดำสนิท
“สู้กับเจ้าใช้วิชากระบี่เงาแสงก็พอแล้ว” โอลิเวอร์ชักกระบี่ยาวที่ใสเหมือนก้อนน้ำแข็ง กระบี่นี้จริงๆ แล้วเหมือนกับกระบี่ของบลูเมอร์มันคือกระบี่ฝันยะเยือกเล่มหนึ่ง
แค่เพียงพลิกมือ กระบี่ยืดหยุ่นเลือดม่วงที่ดูชั่วร้ายก็ปรากฏ
“พูดพอแล้ว พลังฝีมือต้องผ่านการพิสูจน์ด้วยการกระทำไม่ใช่คำคุยโว” ลินลี่ย์ไม่ให้ความสนใจความเย่อหยิ่งของโอลิเวอร์แม้แต่น้อย
แววมั่นใจในตนเองฉายอยู่ในดวงตาของโอลิเวอร์ ขณะจ้องมองกระบี่ฝันยะเยือกในมือของเขา เขาพึมพำ “หลังจากข้าบรรลุถึงระดับเซียนและเอาชนะดิลลอนได้ ข้าตระเวนไปตามประเทศต่างๆได้พบกับยอดฝีมือระดับเซียนสิบแปดคนและเอาชนะในการสู้แต่ละครั้ง น่าเสียดายไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถรับมือกับความเร็วของข้าได้”
เสียงพึมพำประหลาดใจดังมาจากผู้ชมทั้งแปดหมื่นคน
ไม่มีใครรู้ว่าโอลิเวอร์ผ่านการต่อสู้อย่างโชกโชนกับนักสู้ระดับเซียนมาถึงสิบแปดคน
โอลิเวอร์มองดูลินลี่ย์แววมั่นใจในตนเองยังฉายอยู่ในดวงตาของเขา “โดยทั่วไปคนที่ไม่สามารถรับมือกับความเร็วของข้าได้จะต้องพ่ายแพ้แน่นอน” ขณะพูดกระบี่ฝันยะเยือกในมือของโอลิเวอร์เริ่มฉายแสงสีขาวม้วนพันไปตามผิวกระบี่
เมื่อเห็นเช่นนี้ลินลี่ย์เริ่มเพิ่มความระมัดระวัง
ลินลี่ย์สามารถจำได้ชัดเจนถึงวิธีที่บลูเมอร์ใช้วิชากระบี่เงาแสงนี้แสงบนตัวกระบี่เป็นสีทองเพียงแต่หลังจากนั้นเมื่อบลูเมอร์ใช้เคล็ดวิชาต้องห้ามจึงค่อยทำให้กระบี่ฝันยะเยือกกลายเป็นแสงสีขาว
แม้ว่าจะเป็นเพียงแสงสีขาว แต่พลังโจมตีของกระบี่ฝันยะเยือกก็มากเป็นทวีคูณนับสิบเท่า
เดิมทีกระบี่ฝันยะเยือกไม่สามารถทำอันตรายวอร์ตันได้ แต่หลังจากนั้นมันสามารถแทงทะลุฝ่ามือของวอร์ตันและทะลุผ่านเกล็ดอกของวอร์ตันได้และนั่นคือข้อสังเกตของแสงขาว
แต่โอลิเวอร์เล่า? มันคือแสงบริสุทธิ์
“พลังของการโจมตีนี้มีแนวโน้มว่าจะทรงพลังมากกว่าการทุ่มโจมตีอย่างจนตรอกของบลูเมอร์”ลินลี่ย์เตรียมพร้อมสำหรับรับมือเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง
“ลินลี่ย์, ข้าเกรงว่าวันนี้ โลกจะต้องสูญเสียอัจฉริยะไปอีกคนหนึ่ง” โอลิเวอร์พูดเบาๆด้วยเสียงที่ราบเรียบและจากนั้นแสงสีขาวเริ่มกระพริบต่อเนื่อง
แสงสีขาวกระพริบในแต่ละครั้งเงาร่างของโอลิเวอร์จะปรากฏอยู่ในกลางอากาศเหนือเวทีต่อสู้ร่างแล้วร่างเล่า พลังและผลของแสงกระพริบสีขาวนี้สูงกว่าวิชาที่บลูเมอร์ใช้มากนัก ในพริบตาเงาร่างของโอลิเวอร์ 108ร่างก็ปรากฏอยู่ในท้องฟ้า
ทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออก
“น้องสาม” เยลและเรย์โนลด์ต่างกระวนกระวายมากจนพวกเขาเริ่มหลั่งเหงื่อ วอร์ตัน บาร์เกอร์และน้องๆรีเบ็คกาและเจนน์ต่างมองด้วยความกังวลเช่นกัน
บลูเมอร์ที่ได้รับบาดเจ็บตรงกันข้าม กลับมองด้วยความมั่นใจ
“บลูเมอร์วิชากระบี่เงาแสงของพี่ชายเจ้าเข้าถึงระดับที่สมบูรณ์แล้ว ในท้องฟ้าเต็มไปด้วยเงาร่างของเขา” เฮนด์เซนเซียนกระบี่จ้าวภูผาที่นั่งอยู่ในที่นั่งผู้ตัดสินยิ้มให้บลูเมอร์อย่างใจเย็น
หน้าของบลูเมอร์เต็มไปด้วยความมั่นใจ
…..
ลินลี่ย์ที่มีท่าทางดุดันร้ายกาจยืนอยู่ในกลางอากาศตอนนี้ถูกร่างเงาทั้ง108 ร่างล้อมเอาไว้ ลินลี่ย์ยอมรับว่าความเร็วนี้น่าประหลาดใจแน่นอน
“ลินลี่ย์, เจ้าพร้อมหรือยัง?” ความจริงโอลิเวอร์บอกเตือนลินลี่ย์
เห็นได้ชัดว่าโอลิเวอร์รู้สึกมั่นใจมาก
ลินลี่ย์เพียงหัวเราะอย่างใจเย็น
ประกายแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นแสบนัยน์ตา แม้แต่ลินลี่ย์ก็ยังต้องหรี่ตา แต่ขณะนั้นเองกระบี่ฝันยะเยือกที่มีแสงขาวคลุมทั้งหมดก็พุ่งมาถึงศีรษะลินลี่ย์และแทงเข้าไปตรงๆ
“อา!”
ทุกคนส่งเสียงร้องแตกตื่นอย่างต่อเนื่อง ลินลี่ย์จะตายอย่างนั้นหรือ?
แต่ไม่มีร่องรอยว่าเลือดจะไหลออกมาจากศีรษะลินลี่ย์ แม้จะถูกแทงด้วยกระบี่ฝันยะเยือก ทันใดนั้นลินลี่ย์ค่อยๆ จางหายไปมันเป็นแค่เพียงเงาของลินลี่ย์
“เจ้าเร็วมากจริงๆ แต่น่าเสียดาย อยู่ต่อหน้าข้าเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอจะหยิ่งในเรื่องเช่นนี้ได้” เสียงของลินลี่ย์ดังจากอากาศห่างออกไปร้อยเมตร
โอลิเวอร์จ้องมองลินลี่ย์ในที่ห่างออกไป สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้น
“รวดเร็วเหลือเชื่อจริงๆ!” ตาของเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนจับจ้องมองมาจากที่นั่งผู้ตัดสิน นัยน์ตาเขาเป็นประกาย ความเร็วของลินลี่ย์มิได้ด้อยไปกว่าโอลิเวอร์เลย
คลื่นเสียงฮือฮาประหลาดใจดังอยู่ทั่วสนามประลอง และจากนั้นความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง
ผู้ชมทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของพวกเขายังตกใจกับการรบที่น่าตื่นตะลึง
“อย่างนั้นหรือ?” หน้าของโอลิเวอร์เย็นชามากขึ้น เขาไม่เคยพบคนที่เร็วกว่าเขา สำหรับคนที่เร็วพอๆ กับเขามีอยู่เพียงคนเดียวคือเซียนดาบจ้าวภูผา เขาไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มลินลี่ย์จะทัดเทียมเท่าเขา
ที่สำคัญความเร็วของเขาเร็วมากจนเหนือขีดความสามารถของมนุษย์ไปมาก
เคล็ดกระบี่นี้และเคล็ดความเคลื่อนไหวอาศัยความรู้แจ้งในกฎแห่งธาตุแสงของโอลิเวอร์ เคล็ดท่าร่างนี้ ตามหลักการก็สามารถถึงระดับความเร็วแสงด้วยตัวมันเอง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อจำกัดทางร่างกายของเขาและปราณยุทธของเขา เขาจึงทำได้ในความเร็วระดับปัจจุบันนี้
“เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะ
แสงสีขาวกระพริบอีกครั้งหนึ่ง ลินลี่ย์เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกันระดับความเร็วของทั้งสองคนนั้นน่ากลัวมาก
เงาร่างที่พร่าเลือนปรากฏอยู่ในทุกที่
เงาร่างพร่าเลือนนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ในทุกที่ ผู้ชมทั้งแปดหมื่นรู้สึกว่าภาพเลือนรางยิ่งมากขึ้นพวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าร่างไหนคือร่างลินลี่ย์หรือร่างโอลิเวอร์ตัวจริง
“เร็วจนน่าทึ่ง”ขณะที่พวกเขาประลองความเร็วกันจริงๆ ลินลี่ย์อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ “ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะความจริงที่ว่าข้าได้ร่ายเวทเงาลมไว้ล่วงหน้าข้าก็คงรับมือความเร็วของโอลิเวอร์นี้ไม่ได้แน่”
ลินลี่ย์เร็วจริงๆ
แต่การรู้แจ้งซึ่งโอลิเวอร์ได้รับเกี่ยวกับกฎธรรมชาติธาตุแสงทรงพลังมาก อย่างไรก็ตามได้รับการสนับสนุนจากเวทเงาลมซึ่งเป็นเวทความเร็วที่ทรงพลังมากที่สุด ความเร็วของลินลี่ย์ก็ยกระดับขึ้นมาเทียบเท่ากับของโอลิเวอร์
“ควั่บ!”
ร่องลึกสายหนึ่งปรากฏอยู่บนเวทีประลอง เห็นได้ชัดว่าเป็นรอยตัดจากกระบี่ยาว แต่จากนั้นในพริบตาเดียวหลุมลึกใหญ่ก็ปรากฏพร้อมกับเสียงดังปานฟ้าผ่า
ผู้ชมทั้งแปดหมื่นคนจับจ้องเบิกตาค้างไม่ต้องพลาดแม้แต่นิดเดียว
“แม่เจ้าโว้ย, เร็วเป็นบ้า อาจารย์ของสถาบันของเรามัวแต่คุยโม้โอ้อวด แต่เมื่อเทียบกับคนพวกนี้แล้วไง? เขาก็แค่เด็กหัดเดินเท่านั้น” เมื่อชมการต่อสู้ครั้งนี้ เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งตื่นเต้นจัดจนตาแดงเส้นเลือดขึ้น
คนทั้งแปดหมื่นคนเหล่านี้บางทีไม่เคยเห็นการต่อสู้ด้วยความเร็วสูงขนาดนี้มาก่อนในชีวิตของพวกเขา
การต่อสู้รูปแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อนักสู้ทั้งสองคนมีความเร็วพอๆกัน ถ้าคนใดคนหนึ่งช้าเกินไป การต่อสู้จะจบลงทันที
“บึ้ม!”
หางมังกรดำของลินลี่ย์เฉียดผ่านชุดของโอลิเวอร์กระแทกใส่เวทีประลองอย่างรุนแรงทำให้เวทีทุกตารางนิ้วแตกร้าว ในทันทีต่อมาลินลี่ย์และโอลิเวอร์ก็หายไปทั้งคู่
การต่อสู้ใช้ความเร็วสูงมาจนผู้ชมสามารถเห็นได้แต่เพียงเงาและภาพเลือนรางเมื่อร่างทั้งสองคนลดความเร็วลง ความเร็วของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นพลังโจมตี แต่ทันทีที่นักสู้กลับสู่ระดับเร็วสูงสุดทำให้พวกเขาไม่เห็นแม้แต่เงา
“ควั่บ!”
พายุหมุนดูเหมือนปั่นออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยในกลางสนามประลอง ขณะที่เสียงลมหวีดหวิว ผู้ชมทั้งแปดหมื่นคนแทบจะไม่สามารถจำแนกร่างทั้งสองที่ยืนจ้องกันอยู่ในกลางสายลมได้เลย
ลมรุนแรงค่อยๆ สงบลง
โอลิเวอร์มองดูลินลี่ย์อย่างจริงจัง กระบี่ฝันยะเยือกในมือของเขาเปล่งแสงสีรุ้งงดงามเหมือนภาพลวงตา
ขณะที่ลินลี่ย์ผู้ร้ายกาจส่ายหางที่อยู่ด้านหลังและกระบี่เลือดม่วงในมือของเขามีแสงสีม่วงแปลกประหลาดครอบคลุม
รังสีที่สะกดข่มกันเต็มอยู่ในสนามประลอง
“ข้ายอมรับว่าความเร็วของเจ้าไม่ต่ำทรามกว่าข้า” โอลิเวอร์กล่าว
ดวงตาสีทองเข้มของลินลี่ย์จับจ้องอยู่ที่ร่างของคู่ต่อสู้ เขากล่าวอย่างใจเย็น “และความเร็วของเจ้าก็ไม่ต่ำทรามกว่าข้าเหมือนกัน” หลังจากลองเชิงเพียงแค่นั้นยอดฝีมือทั้งสองก็พบว่าไม่มีใครได้เปรียบกันในเรื่องความเร็ว
ถ้าพวกเขายังคงสู้กันในเรื่องความเร็วต่อไป ก็คงไม่มีที่จบสิ้น
“เจ้ากล้ารับการโจมตีของข้าตรงๆ หรือไม่?” โอลิเวอร์จ้องมองลินลี่ย์ ปราณยุทธทะลักออกมาจากตัวเขา
“ทำไมจะไม่กล้าเล่า?” ร่างของลินลี่ย์ก็เริ่มเปล่งปราณยุทธที่ดุดันออกมาเช่นกัน
ผู้ชมทั้งแปดหมื่นตื่นเต้นมากจนพวกเขาเริ่มสั่นสะท้าน โอวสวรรค์โปรดยอดฝีมือทั้งสองกำลังจะสู้กันตรงๆ แล้ว แม้แต่เฮนด์เซนเซียนดาบจ้าวภูผาก็มองอย่างระมัดระวัง
สำหรับบลูเมอร์วอร์ตันและคนอื่นๆ พวกเขาต่างกระตือรือร้นที่เห็นพี่ชายของตนได้รับชัยชนะ
ลินลี่ย์และโอลิเวอร์จ้องกันกลางอากาศ ในเวลาเดียวกันนั้นเองเคลื่อนเข้าหากัน
“ปัง!” เสียงระเบิดคลื่นกำแพงความเร็วเสียงปะทุออกมาจากพวกเขาเหมือนกับว่าพวกเขาใช้ระดับความเร็วที่น่ากลัว
ขณะที่พุ่งโจมตีใส่ลินลี่ย์ ร่างของโอลิเวอร์ดูเหมือนจะแยกออกเป็นเจ็ดหรือแปดคน และกระบี่ฝันยะเยือกในมือของเขาเปลี่ยนเป็นเงากระบี่นับล้าน
“เจ้าต้องการแข่งความเร็วกระบี่กับข้าหรือ?”
กระบี่เลือดม่วงในมือของลินลี่ย์กระพริบ จากนั้นในพริบตาร่างของลินลี่ย์ดูเหมือนจะถูกพายุหมุนล้อมเอาไว้ ขณะเดียวกันประกายแสงสีม่วงนับไม่ถ้วนฉกเข้าใส่โอลิเวอร์อย่างต่อเนื่อง
“แคล้ง แคล้ง แคล้ง แคล้ง!”
เสียงปะทะกันถี่ยิบสามารถได้ยินได้ และจากนั้นหางมังกรของลินลี่ย์ก็เปลี่ยนเป็นภาพเลือนรางเช่นกันและกระแทกใส่โอลิเวอร์อย่างดุดัน
“แคล้ง”กระบี่ฝันยะเยือกในมือของโอลิเวอร์ปะทะกับหางมังกรของลินลี่ย์จากนั้นเขาถอยออกไปด้วยความเร็วสูง