ตอนที่ 9-12 วุ่นวายราวกับตลาด
ลินลี่ย์ วอร์ตันบลูเมอร์และโอลิเวอร์หันไปมองจักรพรรดิโจฮันน์ด้วยความประหลาดใจแทบจะทันที
วันที่ 15 มีนาคมจักรพรรดิจะประกาศว่าใครจะได้แต่งงานกับองค์หญิงเจ็ดน่ะหรือ?
ในอดีตจักรพรรดิโจฮัน์ยังคงถ่วงเวลาเหมือนกับจะไม่ใช่คนใจร้อนแม้แต่น้อย ทั้งวอร์ตันและบลูเมอร์ก็คิดไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิโจฮันน์จู่ๆก็พูดเช่นนั้นออกมา
“นีน่า...” วอร์ตันหันไปมองนีน่า
นีน่าส่ายศีรษะและยังคงสับสน “ข้าไม่รู้อะไรพระบิดาไม่ได้บอกอะไรในเรื่องนี้กับข้า” นางก็จ้องดูจักรพรรดิโจฮันน์อย่างสงสัยเช่นกัน แต่เนื่องจากองค์หญิงเจ็ดเป็นสมาชิกราชตระกูล การแต่งงานของนางไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถเลือกได้ด้วยตนเองทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินพระทัยของจักรพรรดิโจฮันน์
“องค์หญิง” ขณะนั้นเองนางกำนัลประจำวังเดินเข้ามาหา “ฝ่าบาทเตรียมเสด็จกลับแล้ว ได้เวลาเสด็จกลับแล้วเพคะ”
นีน่าพยักหน้า
จักรพรรดิโจฮันน์ห้ามไม่ให้นางออกจากวัง เหตุผลเดียวที่นางสามารถพบกับวอร์ได้ครั้งนี้เป็นเพราะการประลองในสนามประลองครั้งนี้หลังจากอำลาอาลัยวอร์ตันแล้ว นีน่าก็ติดตามราชตระกูลกลับและจากไป
กองกำลังของลินลี่ย์และวอร์ตันก็ถอยไปจากสนามประลอง
“โอลิเวอร์” ขณะที่ลินลี่ย์เดินผ่านไปด้านหนึ่งเขามองดูโอลิเวอร์และเห็นว่าโอลิเวอร์ยังมองมาที่เขาด้วยเช่นกัน
สุดยอดอัจฉริยะทั้งสองคนนี้ยังคงจ้องมองกันจากนั้นจึงค่อยต่างคนต่างออกจากสนามประลอง
นับตั้งแต่ผู้ชมแปดหมื่นคนได้เห็นเหตุการณ์ในสนามประลองในวันนี้แล้ววันที่ 4 กุมภาพันธ์ข่าวการประลองที่เสริมเข้ามาในสนามประลองทำให้ทั่วทั้งพระนครหลวงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นราวกับเกิดพายุโหม
หลายคนจากเมืองอื่นและจากมณฑลอื่นเมื่อเดินทางกลับ จะนำข่าวการประลองนี้กลับไปยังภูมิลำเนาของพวกเขาด้วยเช่นกัน
ลินลี่ย์เอาชนะเคนยอนได้อย่างง่ายดายและจากนั้นยังได้ต่อสู้กับโอลิเวอร์ จากนั้นโอลิเวอร์ได้ท้าทายเฮนด์เซน สามเหตุการณ์นี้กลายเป็นที่รับทราบกันอย่างรวดเร็วและข่าวลือเหตุการณ์เหล่านี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ชื่อสียงของลินลี่ย์กลายเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลวงและยังแพร่กระจายไปทุกสารทิศด้วยเช่นกัน
เมืองหลวงถนนโบลเดอร์ นอกคฤหาสน์เคานท์วอร์ตัน รถม้าคันแล้วคันเล่ามาเยือน ทั้งหมดนั้นมาเพื่อเยี่ยมเยือนลินลี่ย์
ลานภายในคฤหาสน์
ลินลี่ย์ เยลและเรย์โนลด์นั่งอยู่ด้วยกันสนทนาพลางหัวเราะสนุกสนาน แม้ว่าจะมีขุนนางและคนผู้มีชื่อเสียงหลายคนมาชุมนุมรออยู่หน้าลานหน้าบ้าน ลินลี่ย์ก็ไม่ได้ให้ความสนใจพวกเขา
ความจริงขุนนางคนชั้นสูงเหล่านั้นคาดและเข้าเรื่องนี้อยู่เต็มหัวใจ สถานะคนอย่างลินลี่ย์จะยอมมาต้อนรับพวกเขาเป็นการส่วนตัวหรือ?
คนระดับลินลี่ย์อำนาจที่ยึดติดกับโลกธรรมดาไม่มีความหมายอะไรต่อเขา แม้แต่จักรพรรดิยังต้องมีมารยาทมากเมื่อต้องรับมือกับยอดฝีมือระดับเซียนและไม่กล้าแม้แต่จะถอนหายใจ
ไม่มีอะไรต้องสงสัย....
ตอนนี้ตระกูลบาลุคสร้างคนอย่างลินลี่ย์ออกมา แต่แม้ว่าลินลี่ย์ไม่เคยเป็นขุนนางอยู่ในจักรวรรดิและแม้ว่าวอร์ตันจะมีบรรดาศักดิ์เป็นแค่เคานท์ ตระกูลบาลุคก็ยังอยู่เหนือตระกูลอื่นในพระนครหลวงอยู่ดี
“น้องสาม เจ้าซ่อนพลังและพรสวรรค์ของเจ้าเอาไว้ แต่ตอนนี้เจ้าเอาออกมาแสดงต่อหน้าผู้คนเจ้าทำให้คนสองสามคนต้องตกใจจริงๆ” เยลหัวเราะลั่น
เรย์โนลด์พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ใช่ ใช่แล้วข้าคำนึงอยู่ว่าศาสนจักรเจิดจรัสคงได้ปวดหัวอย่างหนักแน่ในคราวนี้”
เยลและเรย์โนลด์รู้เรื่องคดีที่ลินลี่ย์มีต่อศาสนจักรเจิดจรัส เพราะพลังของศาสนจักรเจิดจรัสการที่พวกเขาจะฆ่าลินลี่ย์ที่มีระดับพลังในปัจจุบันนี้แทบเป็นไปไม่ได้
นี่เป็นความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะลินลี่ย์ในตอนนี้อยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิโอเบรียน ศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่กล้าส่งยอดฝีมือระดับเซียนมา เพราะกลัวว่าเทพสงครามจะเข้าใจผิด ที่สำคัญนี่คือดินแดนของเทพสงคราม
“จัดการกับศาสนจักรเจิดจรัสน่ะหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “ข้าได้ฆ่าเป้าหมายหลักในการแสวงการแก้แค้นไปแล้ว สำหรับการจัดการกับศาสนจักรเจิดจรัสที่เหลือ ข้าไม่ได้เร่งอยู่แล้ว ในตอนนี้ ข้าไม่กลัวคนของศาสนจักรเจิดจรัสอีกต่อไป แต่จะจัดการกับศาสนจักรเจิดจรัสได้นั้น...ข้ายังมีพลังไม่พอ”
ศาสนจักรเจิดจรัสมียอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูงอีกสองสามคน
ไฮเดนส์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนปัจจุบัน ผู้นำวิญญาณของพวกโยคี ท่านใบไม้ร่วง, หัวหน้าตุลาการศาลศาสนจักรโอเซนโน หัวหน้ามือปราบพิเศษสเตลห์และยังมีผู้นำของผู้คลั่งไคล้...
ห้ายอดฝีมือเฉพาะสเตลห์มีแนวโน้มว่าจะอ่อนแอที่สุดในกลุ่มนี้
ขณะที่อีกสี่คนไม่มีคนไหนที่จะประมาทได้เลย แม้แต่กับสเตลห์ ลินลี่ย์ก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้โดยง่าย เหตุผลที่ลินลี่ย์สามารถเอาชนะเคนยอนได้ง่ายก็เป็นเพราะเคนยอนไม่มีอะไรมากไปกว่ายอดฝีมือระดับเซียนชั้นกลาง
“เมื่อร่างมนุษย์ของข้าเข้าถึงระดับเซียนและทักษะจอมเวทของข้าเข้าถึงระดับเซียน...” นัยน์ตาของลินลี่ย์เป็นประกายดุร้าย
“เมื่อร่างมนุษย์ของเจ้าถึงระดับเซียนน่ะหรือ?” เยลและเรย์โนลด์ชำเลืองมองกัน พวกเขาอดรู้สึกกังวลอนาคตของศาสนจักรเจิดจรัสไม่ได้
ถ้าลินลี่ย์เข้าถึงระดับเซียนในร่างมนุษย์ อย่างนั้นทันทีที่เขาแปลงกายแค่อาศัยพลังกายล้วนๆ ปราณยุทธ พลังป้องกันและความเร็วเขาก็มีระดับพลังที่น่ากลัวอยู่แล้ว สุดยอดนักรบได้รับการสรรเสริญว่าทรงพลังที่สุดในหมู่เซียนนักสู้ผู้แข็งแกร่ง พวกเขาไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่หัวเราะ
รากฐานอันทรงพลังดังกล่าวผนวกกับสัจธรรมแห่งธาตุลมและสัจธรรมแห่งธาตุดินของลินลี่ย์....
พวกเขาเชื่อว่าเมื่อลินลี่ย์เข้าถึงระดับเซียนในร่างมนุษย์ อย่างนั้นสัจธรรมแห่งธาตุทั้งสองอย่างก็จะก้าวหน้าไปอีกระดับ และตอนนั้น เมื่อเขาเข้าถึงความเป็นจอมเวทระดับเซียน...
เขาจะเป็นนักสู้ที่ไร้เทียมทานและสู้ระยะห่างไกล เวทของเซียนจอมเวทก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้
ถ้าคู่ต่อสู้ของเขาใช้ทักษะคลื่นมนุษย์แค่เวททำลายล้างอย่างเดียวก็สามารถทำลายพวกเขาได้แล้ว
“น่ากลัวเหลือเกิน” เยลและเรย์โนลด์ชักจะกลัวเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลินลี่ย์ในปัจจุบันก็เป็นยอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูงอยู่แล้ว ถ้าในอนาคตพลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่าในทุกด้าน .... ใครจะสามารถหยุดเขาได้?
“พอเถอะเรื่องนี้ไม่ต้องพูดอีกแล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น
เยลหัวเราะและพยักหน้า “น้องสาม เจ้ารู้ไหม?ผู้เฒ่าของข้ายังคอยบอกให้ข้าจัดการเรื่องนี้ เรื่องนั้น แต่หลังจากได้ยินว่าเจ้ามาถึงที่นี่ เขาเลิกกดดันข้าเลย ความจริงเขาสนับสนุนให้ข้าใช้เวลาร่วมกับเจ้ามากขึ้น ข้าต้องบอกไว้ก่อน..หอการค้าของข้าขีดฆ่าข้อตกลงนี้เราถือว่าเจ้าเป็นผู้อาวุโสของหอการค้าของเราอย่างถูกต้อง”
ก่อนหน้านั้นที่เมืองเอกเบซิล เยลได้ให้เหรียญตราผู้อาวุโสกับลินลี่ย์
“ต่อให้เจ้าไม่มอบเหรียญตราให้ข้า ถ้าหอการค้าดอว์สันมีปัญหายุ่งยากอะไรอาศัยความสัมพันธ์ของเรา พี่ใหญ่เยลข้าจะไปช่วยเจ้าแน่นอน” ลินลี่ย์หัวเราะ
เยลรู้สึกอบอุ่นในใจและซาบซึ้งใจ
“พูดได้กินใจดี! มาเถอะ ดื่ม!” เยลชูแก้วดื่มฉลองทันที และลินลี่ย์กับเรย์โนลด์ก็หัวเราะด้วยกัน
หัวใจของผู้คนยากจะแยกแยะได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เติบโตแล้วคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเยลลินลี่ย์และเรย์โนลด์ที่จะยอมเชื่อถือผู้คนได้ง่าย แต่สำหรับสหายที่ดีเหล่านี้พวกเขามีมิตรภาพผูกพันกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก พวกเขาไม่รู้สึกอะไรนอกจากความเชื่อถือไว้วางใจกัน
เป็นเรื่องยากที่ใครๆจะหามิตรแท้ได้
ลินลี่ย์และพวกพ้องรู้สึกโชคดีที่มีพี่น้องที่ดีเช่นนั้น
“พี่สาม” เรย์โนลด์เม้มปาก “เจ้าแสดงพลังฝีมือดุจเทพยดาในครั้งนี้ที่สนามประลอง แม้แต่ตระกูลดันสตันของเรายังส่งคนมาพบเจ้าเลย”
“พวกเขาส่งคนมาด้วยหรือ?” ลินลี่ย์สะดุ้ง “ใคร?”
“คนหนึ่งคือลุงทางฝ่ายพ่อข้า” เรย์โนลด์พูดอย่างรังเกียจ “แต่เขาไม่มีโอกาแม้แต่จะพบเจ้า”
ลินลี่ย์พยักหน้า ลินลี่ย์ปฏิเสธที่จะพบกับใครก็ตามที่มาเยี่ยมเขา แม้แต่จะเป็นคนจากราชตระกูลก็ถูกหมางเมินพอๆกัน
“ถ้าตระกูลของเจ้าต้องการพบกับข้าจริงก็แค่ให้ข้าไปหาก็ได้ และข้าจะไปพบกับพวกเขา” เขาจะเห็นแก่หน้าหนึ่งในพี่น้องของเขาแน่นอน
“ไม่จำเป็น” เรย์โนลด์ส่ายศีรษะ “ข้าไม่พบกับคนในตระกูลข้าตรงๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงตรงนี้แล้ว พี่สาม,เจ้ากลายเป็นผู้มีชื่อเสียงจริงๆ แล้ว นี่ทำให้ชีวิตของข้าง่ายขึ้นเช่นกัน หลายคนในตระกูลทำดีต่อข้าขึ้นมากเช่นกัน พวกเขารู้ว่าข้าเป็นพี่น้องกับเจ้า” เรย์โนลด์หัวเราะขณะมองดูลินลี่ย์ “พี่สามในอนาคต ถ้ามีอะไรดีเข้ามาทางเจ้า เจ้าก็ต้องดูแลข้าผู้น้องอยู่แล้ว เจ้าก็รู้”
“เจ้าเด็กวายร้าย” เมื่อเห็นสีหน้าซุกซนบนใบหน้าของเรย์โนลด์ ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้ ขณะที่เขาทุบหยอก “เจ้าก็อยู่ในกองทัพมาถึงเจ็ดหรือแปดปีแล้ว แต่เจ้าก็ยังทำตัวแบบนี้อีก!”
สหายสนิทในหอพักหมายเลข1987 เยลเป็นคนประเภทเจ้าสำราญ ขณะที่เรย์โนลด์เป็นคนที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินและกล้าทำทุกอย่าง
“พี่สาม พี่ใหญ่เยลข้าเพียงแต่ทำอย่างนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกท่านเท่านั้น อยู่ต่อหน้าทหารทั่วไปข้าก็ต้องคอยปั้นสีหน้าข้าอยู่ตลอด” เรย์โนลด์ตั้งใจปั้นสีหน้าเคร่งขรึม หน้าของเขาจึงเคร่งขรึมไปด้วย
ต้องบอกกล่าวว่าเมื่อเรย์โนลด์ปั้นสีหน้าแข็งเขาจึงจะมีมาดของทหารอยู่ในสายตาและความมุ่งมั่นของเขาด้วย
หลังจากคุยและหยอกล้อกันกับสหายสนิทแล้ว หน้าของลินลี่ย์ก็เคร่งขรึมขึ้น “พี่ใหญ่เยลน้องสี่มีบางอย่างที่ข้าต้องการให้ท่านทั้งสองช่วยข้าวางแผน”
“เรื่องอะไร?” เรย์โนลด์และเยลมองหน้าลินลี่ย์
เนื่องจากสถานะปัจจุบันของลินลี่ย์ยังมีอะไรที่เขาต้องกังวลอีกหรือ?
“เรื่องนี้เกี่ยวกับน้องชายของข้า วันนั้นจักรพรรดิโจฮันน์ประกาศว่าในวันที่ 15มีนาคม เขาจะประกาศอย่างเปิดเผยในตำหนักผู้กล้าว่าใครจะได้แต่งงานกับองค์หญิงเจ็ด” หน้าของลินลี่ย์เคร่งขรึมมาก
เรย์โนลด์และเยลพยักหน้าทั้งคู่
“น้องชายข้าวอร์ตันและองค์หญิงเจ็ดมีความรักต่อกันอย่างลึกซึ้ง หากปราศจากองค์หญิงเจ็ดข้าเกรงว่าน้องชายข้าจะต้องตกอยู่ในความเจ็บปวดไปเป็นเวลานานข้าไม่อยากเห็นเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก และโดยเฉพาะกับตัวน้องชายข้าเอง” เสียงของลินลี่ย์เบาลงเรื่อยๆ
เรย์โนลด์และเยลมองหน้ากันเอง
พวกเขายังคงจำได้ว่าลินลี่ย์ถึงกับกระอักโลหิตออกมาในปีนั้นเมื่อเขาและอลิซเลิกคบหากัน และจากนั้นจึงเกิดงานสลัก ‘ตื่นจากฝัน’ ที่ใช้เวลาสิบวันและสิบคืนโดยไม่ดื่มไม่กินอะไร
แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่พูดอะไร พวกเขาทั้งสองคนก็เข้าใจว่านี่คือความเจ็บปวดลึกของลินลี่ย์
“น้องสาม ว่าไปเลยบอกเรามาต้องการให้เราช่วยอะไร” เยลพูดตามตรง และเรย์โนลด์พยักหน้าอยู่ข้างเขาเช่นกัน
ลินลี่ย์พยักหน้า “ตอนนี้ ข้ามีแผนให้เลือกอยู่สองแผน ถ้าจักรพรรดิโจฮันน์ตั้งใจเลือกน้องชายข้า อย่างนั้นก็คงเป็นเหตุการณ์ที่น่ายินดี แต่...ถ้าเขาเลือกบลูเมอร์...”
หน้าของลินลี่ย์เย็นชา
“ถึงเวลานั้นข้าจะไม่สนความจริงว่าเขาเป็นจักรพรรดิหรือว่าพี่ชายของบลูเมอร์แข็งแกร่งมากเพียงไหน ข้าจะช่วยน้องชายข้าพาองค์หญิงเจ็ดออกจากวังและให้พวกเขาหนีไปด้วยกัน ถ้าใครพยายามหยุดข้า ข้าจะฆ่าพวกเขา!” รังสีฆ่าฟันสามารถเห็นได้ในดวงตาของลินลี่ย์
เรย์โนลด์และเยลอดรู้สึกสะท้านใจไม่ได้
คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจ แต่พวกเขาเข้าใจชัด ห้าพี่น้องบาร์เกอร์ซึ่งลินลี่ย์นำมากับเขาความจริงก็คือนักรบอมตะและอีกสามคนมีพลังระดับเซียน และนอกจากนั้นยังมีเสือดำเมฆาและบีบี
ยอดฝีมือระดับเซียนถึงหก!
เมื่อลินลี่ย์ตัดสินใจทุ่มสุดตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบีบีซึ่งไม่ได้อ่อนแอกว่าลินลี่ย์เลย ทั่วทั้งเมืองหลวงจะต้องสั่นสะเทือนจากผลกระทบที่เกิดจากนักสู้ระดับเซียนถึงหก
“ข้าหวังว่าฝ่าบาทจะเลือกวอร์ตันนะ” เรย์โนลด์และเยลภาวนาอยู่ในใจทั้งคู่
“น้องสาม” เยลมองดูลินลี่ย์อย่างเคร่งขรึม “อย่าเพิ่งใจร้อน ต่อให้เจ้าใช้กำลังพาองค์หญิงเจ็ดไปก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกอย่างตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น”
“ข้าทราบ” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “ข้าเพียงแต่พูดว่า ถ้ามีใครพยายามหยุดข้า อย่างนั้นข้าจะฆ่าพวกเขา น้องชายข้าและตัวข้าปกติก็ไม่ได้มีความเข้าใจกิจการของเมืองหลวงของตระกูลท่านซึ่งนั่นคือสาเหตุที่ข้าหวังว่าพวกท่านทั้งสองจะช่วยข้าคิดแก้ปัญหานี้”
ตระกูลดันสตันและตระกูลดอว์สันทั้งสองตระกูลหยั่งอำนาจไว้ลึกมากและรู้หลายอย่างหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง
“น้องสาม ทำใจสบายเอาไว้กองกำลังของหอการค้าดอว์สันของข้ามีมาก เรามีนางกำลังและสาวใช้ที่เชื่อฟังคำของหอการค้าของเรา” เยลพูดด้วยความมั่นใจ
เงินคือสิ่งอัศจรรย์ อำนาจเงินนั้นมีมากมหาศาล
“เมื่อข้ากลับไปแล้ว ข้าจะคุยกับผู้เฒ่าของข้า อย่ากังวล ผู้เฒ่าของข้าจะต้องช่วยและสนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอน” เยลหัวเราะ
ลินลี่ย์ก็มั่นใจเรื่องนี้เช่นกัน
ถ้าประธานหอการค้าดอว์สันปล่อยให้ข้อมูลนี้รั่วไปถึงจักรพรรดิ เขาคงไม่เห็นผลกำไรอะไรมากนัก ที่สำคัญหอการค้าดอว์สันไม่ขาดแคลนเงิน แต่สำหรับยอดฝีมือจักรพรรดิไม่อาจสั่งยอดฝีมือระดับเซียนให้มารับใช้หอการค้าดอว์สันได้ใช่ไหม?
“ท่านควรจะรับผิดชอบเรื่องของพี่สามเป็นหลัก ที่สำคัญอำนาจหลักของตระกูลข้าอยู่ในมือกองทัพ” เรย์โนลด์รู้ขีดจำกัดตนเองดี
ลินลี่ย์พยักหน้า
“อย่างนั้นข้าปล่อยให้ท่าน พี่ใหญ่เยล” ลินลี่ย์พูดจริงจัง
เยลพยักหน้ามั่นใจ
หลังจากพ่อแม่ของเขาตายไป ลินลี่ย์มีญาติเหลืออยู่เพียงคนเดียวคือวอร์ตัน ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจะไม่ยอมปล่อยให้น้องชายต้องเจ็บปวด ถ้าจักรพรรดิโจฮันน์เลือกวอร์ตัน อย่างนั้นนั่นจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้าเขาไม่เลือก...ลินลี่ย์ไม่ประสงค์จะเปิดเผยอำนาจแท้จริงกับเขาแล้วใช้กำลังฉุดนีน่าออกมา