ตอนที่ 9-11 ท้าทาย
ยุติการต่อสู้?
ผู้ชมทั้งแปดหมื่นคนเริ่มบ่นพร้อมกันเมื่อได้ยินคำพูดนี้จากเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน บางคนลอบสบถใส่เขาเงียบๆ
ลินลี่ย์และโอลิเวอร์เป็นสองคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทวีปยูลาน นักรบหลายคนสละชีวิตพวกเขากันเลยทีเดียวหากหมายความว่าพวกเขาจะได้เห็นการต่อสู้เช่นนั้นระหว่างยอดฝีมืออัจฉริยะระดับเซียน
แต่ขณะที่การต่อสู้กำลังดำเนินไปถึงจุดที่ตื่นเต้นที่สุด เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนก็โผล่ออกมา
จะไม่ให้พวกเขาโกรธได้ยังไง?
แต่คนที่ยุติการต่อสู้ก็คือเฮนด์เซน เซียนหมายเลขหนึ่งของโลก
“ดีที่สุดแล้วถ้าเรายุติการต่อสู้ที่เกิดขึ้นไว้เพียงเท่านี้และเดี๋ยวนี้” หน้าผากพ่อบ้านแอชลี่ย์เต็มไปด้วยเหงื่อ
ไม่ใช่แค่พ่อบ้านแอชลี่ย์ ฮิลแมน วอร์ตันและคนอื่นๆที่ห่วงลินลี่ย์กันทุกคนเท่านั้น ฝีมือที่โอลิเวอร์แสดงออกมาไม่ด้อยไปกว่าของลินลี่ย์เลย และวิชากระบี่อัคนีนั้นดูเหมือนจะแปลกประหลาดด้วยเช่นกัน
สัจธรรมแห่งธาตุดินของลินลี่ย์ก็ทรงพลังอย่างแท้จริง
แต่พลังโจมตีซึ่งโอลิเวอร์พัฒนาขึ้นมาจากพื้นฐานความเข้าใจกฎธรรมชาติของธาตุมืดจะอ่อนแอกว่าสัจธรรมแห่งธาตุดินของลินลี่ย์จริงๆหรือ? โอลิเวอร์เองก็บอกว่าเขาไม่สามารถควบคุมพลังของกระบี่อัคนีได้เมื่อชักออกจากฝักแล้วไม่ใช่หรือ?
เพราะเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนเข้ามาแทรกแซงกะทันหัน ลินลี่ย์และโอลิเวอร์ยืนอยู่ที่ปลายสนามประลองในกลางอากาศตรงกันข้ามกันมองหน้ากันและโดยมีเฮนด์เซนคั่นอยู่ตรงกลางพวกเขา
ยอดฝีมือระดับเซียนสามคน สองคนเป็นสุดยอดอัจฉริยะ ขณะที่คนที่สามเป็นยอดฝีมือระดับเซียนที่เก่งที่สุดในโลก
“ยุติการต่อสู้?” โอลิเวอร์จ้องมองเฮนด์เซน
ลินลี่ย์ก็จ้องมองเฮนด์เซนเช่นกัน
“พลังของเฮนด์เซนผู้นี้น่าประหลาดจริงๆวิชาที่เขาเพิ่งแสดงออกมาไม่ได้ขึ้นอยู่กับปราณยุทธบริสุทธิ์ แต่น่าจะเป็นเคล็ดพลังป้องกันที่พัฒนาขึ้นมาจากกฎธาตุดินที่ลึกล้ำของเขา”
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าคลื่นสีธาตุดินที่เฮนด์เซนเปล่งออกมาก่อนนั้นบรรจุไปด้วยชั้นพลังงานคล้ายคลื่น
“อย่างไรก็ตาม เขาคงไม่อาจทนต่อสัจธรรมแห่งธาตุดินของเราได้แน่” ลินลี่ย์ยังมั่นใจในระดับพลังโจมตีสูงสุดของเขา
ความจริงเมื่อต่างคนต่างพุ่งเข้าโจมตีกันในลักษณะนี้ ลินลี่ย์และโอลิเวอร์ทั้งสองคนอยู่ในสภาพเร่งพลังขึ้น
ระดับของลินลี่ย์และของโอลิเวอร์ยอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูง พวกเขาไม่ได้สูญเสียพลังงานไปแต่อย่างใด ทั้งวิชาสัจธรรมแห่งธาตุดินทั้งพลังโจมตีของโอลิเวอร์จะต้องรอจนกระทั่งเมื่อพลังโจมตีของทั้งสองฝ่ายปะทะกันก่อนที่พลังของพวกเขาจะปะทุออกมาทันที
ผู้ตกเป็นเหยื่อของสัจธรรมแห่งธาตุดินหลายคน เมื่อปะทะกับดาบหนักอดาแมนเทียม ในตอนแรกจะไม่รู้สึกถึงอันตรายแต่อย่างใด แต่หลังจากนั้นในทันที...
พวกเขาจะรู้สึกถึงคลื่นโจมตีที่สั่นสะเทือนชั้นแล้วชั้นเล่าส่งผ่านเข้ามายังอวัยวะภายในของพวกเขา
เพียงแค่นั้น เฮนด์เซนผลักทั้งลินลี่ย์และโอลิเวอร์ด้วยวิชาเดียวได้จริงๆ แต่นั่นเป็นเพราะไม่ว่าจะเป็นลินลี่ย์ไม่ว่าจะเป็นโอลิเวอร์ทั้งคู่ไม่ได้ใช้พลังโจมตีสุดยอดต่อเฮนด์เซน มิฉะนั้นเฮนด์เซนคงไม่สามารถป้องกันพลังโจมตีของพวกเขาได้ง่ายแน่นอน
“ฮ่าฮ่า โอลิเวอร์, ลินลี่ย์” ตอนนี้จักรพรรดิโจฮันน์ลุกขึ้นยืนแล้ว ภายใต้สายตาผู้ชมแปดหมื่นคน จักรพรรดิโจฮันน์เดินออกมาจากที่นั่งกรรมการผู้ตัดสินตรัสด้วยเสียงดัง “โอลิเวอร์, ลินลี่ย์การสู้กันระหว่างพวกเจ้าทั้งสองคนเป็นภาพที่เหลือเชื่อจริงๆและขยายมุมมองของเราด้วย นอกจากนี้พวกเจ้าหาได้มีความแค้นเคืองจริงจังจนถึงกับต้องคลี่คลายกันด้วยความตายไม่”
จักรพรรดิโจฮันน์ไม่ปรารถนาให้ลินลี่ย์หรือโอลิเวอร์ต้องตาย
ถ้าอัจฉริยะทั้งสองคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ อย่างนั้นอิทธิพลของจักรวรรดิโอเบรียนในทวีปยูลานจะต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ลินลี่ย์และโอลิเวอร์มองหน้ากัน
“ก็ได้” โอลิเวอร์พยักหน้า และหัวเราะอย่างใจเย็น “เมื่อน้องลินลี่ย์สามารถรับพลังโจมตีจากกระบี่เงาแสงของข้าได้ ข้าก็ไม่มีความต้องการจะสู้ต่อไปอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามข้าเองก็ผิดอยู่บ้างในเรื่องนี้เช่นกัน..” โอลิเวอร์มองลินลี่ย์
“พลังของน้องลินลี่ย์เหนือกว่าที่ข้าคาดไว้มาก ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าวิชากระบี่ที่เขาแสดงออกมาตอนแรกเริ่มจะเป็นความสามารถผิวเผินของเขา” โอลิเวอร์ยิ้มให้ลินลี่ย์ “ข้ายอมรับว่าพลังของน้องลินลี่ย์ไม่ด้อยไปกว่าข้าเอง”
เห็นได้ชัดว่าโอลิเวอร์ตั้งใจแสดงความเป็นมิตรต่อลินลี่ย์ ถึงกับเรียกลินลี่ย์เป็นพี่น้องเลยทีเดียว
วิชากระบี่อัคนีทรงพลังจริง แต่วิชาดาบหนักอดาแมนเทียมก็แข็งแกร่งเช่นกัน ถ้าอัจฉริยะทั้งสองคนนี้สู้กันเต็มที่จนถึงจุดที่มีความตายเกิดขึ้นนั่นจะเป็นความสูญเสียและไม่คุ้มค่าเลย
เนื่องจากโอลิเวอร์พูดคุยด้วยมารยาทอันสมควร ลินลี่ย์จึงไม่กดดันต่อแต่อย่างใด
ที่สำคัญคือ เขาเพิ่งเข้ามาในจักรวรรดิโอเบรียนมาได้ไม่นาน ไม่สร้างศัตรูมากเกินไปจะดีที่สุด
“ถ้าอย่างนั้นยุติการต่อสู้ไว้แต่เพียงเท่านี้ก็ได้”เสียงสงบของลินลี่ย์ดังก้องไปทั่วทั้งสนามประลองและผู้ชมทั้งแปดหมื่นคนเข้าใจได้ว่าการต่อสู้ระหว่างสุดยอดอัจฉริยะทั้งสองคงจะไม่มีต่อในวันนี้อีกแล้ว
แต่สิ่งที่ตามมาทันที...
เสียงปรบมือดังสนั่นทั่วทั้งสนามประลอง ผู้ชมทุกคนเปล่งเสียงเชียร์สนับสนุนอย่างเต็มที่ แม้ว่าการประลองจะต้องยุติลงแต่พวกเขาก็ยังตื่นเต้นอย่างควบคุมมิได้
“โอลิเวอร์!” “โอลิเวอร์!” “โอลิเวอร์!”
“ลินลี่ย์!” “ลินลี่ย์!” “ลินลี่ย์!” “ลินลี่ย์!”
คลื่นเสียงแสดงความยินดีดังสนั่นแสบแก้วหูของทุกคน ทุกคนส่งเสียงเชียร์แบบอย่างของพวกเขา
ในช่วงเวลานี้เองพวกเขาลืมไปว่าการประลองในวันนี้เกิดขึ้นระหว่างวอร์ตันกับบลูเมอร์
เห็นได้ชัด..
แม้ว่าวอร์ตันกับบลูเมอร์จะเป็นอัจฉริยะ แต่เมื่อเทียบกับพี่ๆ ของพวกเขาแล้วยังคงมีช่องว่างใหญ่ระหว่างพวกเขาในทุกด้าน พลกำลังที่น่าทึ่งของลินลี่ย์และโอลิเวอร์ข่มขวัญทุกคนในสนามประลองได้
เมื่อเห็นการต่อสู้ของพวกเขายุติลง เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน ก็รู้สึกยินดีมากเช่นกัน ขณะนี้เองลินลี่ย์บินลงมาทางด้านของเขาเอง
เสียงโห่ร้องยินดีทั่วทั้งสนามประลองยังคงดังกระหึ่ม ตอนนี้สายตาของผู้คนลินลี่ย์มีคุณค่าในระดับเดียวกับสถานะของโอลิเวอร์ ถ้ารวมปัจจัยเรื่องที่ลินลี่ย์อายุเยาว์และเป็นผู้เชี่ยวชาญงานสลักหินระดับปรมาจารย์ด้วยแล้วบางทีคุณค่าของลินลี่ย์อาจมากกว่าฉายากระบี่อัจฉริยะโอลิเวอร์ก็เป็นได้
“พี่ใหญ่..” จากตำแหน่งที่เขานั่ง วอร์ตันเห็นลินลี่ย์บินลงมา เขาเรียกพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
“ใต้เท้า” บาร์เกอร์และน้องๆต้อนรับการกลับมาของเขาเช่นกัน เจนน์ รีเบ็คกาและลีนาทุกคนถอนหายใจโล่งอกขณะที่พวกนางออกมาต้อนรับเขาด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
ลินลี่ย์กลับคืนร่างมนุษย์ปกติและสวมชุดยาว
“ใต้เท้า, ขืนสู้ต่อไป! โอลิเวอร์นั่นไม่ใช่คู่มือใต้เท้าแน่นอน ข้าคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถต้านรับพลังโจมตีของสัจธรรมแห่งธาตุดินของท่านได้” เกทส์พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
บาร์เกอร์และคนอื่นๆรู้กันทุกคนว่าสัจธรรมแห่งธาตุดินของลินลี่ย์ทรงพลังมากเพียงไหน ทุกคนเชื่อมั่นว่าลินลี่ย์สามารถเอาชนะได้
แต่ลินลี่ย์ส่ายศีรษะและหัวเราะ “อย่าประเมินโอลิเวอร์ต่ำเกินไป เพราะว่าเขาสามารถสร้างพลังโจมตีที่พิเศษได้ วิชากระบี่เงาแสง หมายความว่าพลังของกระบี่อัคนีของเขานั้นประหลาดอย่างมาก เจ้าต้องคิดถึงเรื่องนี้ ข้าสามารถรู้แจ้งสัจธรรมนี้ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นไม่ได้มีความสามารถจริงไหม? กฎธรรมชาติแห่งธาตุกว้างขวางไร้ขอบเขตเหมือนกับมหาสมุทร และความรู้แจ้งของข้าเป็นแค่น้ำหยดเดียวในมหาสมุทรเท่านั้น”
บาร์เกอร์และคนอื่นๆ ทุกคนพยักหน้าเหมือนกับว่าพวกเขาเข้าใจ
แต่ขณะนั้นเองมีเสียงดังขึ้นจากกลางอากาศเหนือสนามประลอง “ท่านเฮนด์เซน ท่านยังจำได้ไหมการสู้กันระหว่างเราเมื่อหกปีที่แล้ว?”
ลินลี่ย์หันหน้าไปมองท้องฟ้าทันที คนที่กล่าวคำพูดเหล่านี้ก็คือเซียนกระบี่อัจฉริยะ โอลิเวอร์ ตาของเขาโอลิเวอร์เต็มไปด้วยประกายแสง และเขาจ้องเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนซึ่งเตรียมจะบินกลับลงมา
เฮนด์เซนชะงักและหันไปมองโอลิเวอร์ เขาพยักหน้ากล่าว “หกปีที่แล้วคืนวันพระจันทร์เต็มดวง แน่นอนข้ายังจำการต่อสู้คราวนั้นได้ ความเร็วของเจ้าทำให้ข้าประทับใจจริงๆ”
โอลิเวอร์มองดูเฮนด์เซน เขาพูดอย่างจริงจัง “ข้าท่องเที่ยวมาหลายอาณาจักรและได้รับชัยชนะต่อยอดฝีมือต่างๆในจักรวรรดิอื่นๆ มาโดยตลอด แต่ข้าแพ้ท่านและท่านผู้เดียวเท่านั้น หกปี... หกปีเต็มระหว่างหกปีเหล่านี้ ข้าได้พัฒนาวิชากระบี่ศิลาดำเพื่อรับมือท่านโดยเฉพาะ”
สนามประลองเงียบลงอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าจะมีประวัติที่ค้างคาใจกันเล็กน้อยระหว่างยอดฝีมือระดับเซียนทั้งสองคนนี้
“โอว, ใช้รับมือกับข้าน่ะหรือ?” เฮนด์เซนหัวเราะอย่างใจเย็น “เจ้าเชื่อว่ากระบี่อัคนีของเจ้าสามารถทำลายแนวป้องกันของข้าได้งั้นหรือ?”
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่สุดซึ่งเฮนด์เซนเป็นที่รู้จักกันดีในนามว่าเซียนดาบจ้าวภูผาก็คือเพราะมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง ยอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูงหลายคนไม่สามารถทำลายได้หรือทำให้เขาบาดเจ็บเท่าใดนัก
โอลิเวอร์นึกย้อนกลับไปถึงการต่อสู้เมื่อหกปีที่แล้ว นั่นเป็นความอัปยศอย่างมาก!
ไม่ว่าเขาจะโจมตีเฮนด์เซนเพียงใด เขาก็ไม่สามารถทำร้ายเฮนด์เซนได้แม้แต่รอยขีดข่วน เขาเองได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากผลกระทบในการโจมตีแต่ละครั้ง นอกจากนี้ เฮนด์เซนไม่ได้ช้ากว่าเขาแม้แต่น้อย
ความเหนือชั้นกว่า!
แม้ว่าโอลิเวอร์จะเป็นนักสู้ระดับเซียนชั้นสูง แต่เมื่อเทียบกับเฮนด์เซน เขาเหนือชั้นกว่าสิ้นเชิง เหมือนกับว่าพวกเขามีระดับที่แตกต่างกันคนละชั้น ชื่อเสียงของเขาในฐานะยอดฝีมือชั้นเซียนอันดับหนึ่งมิใช่ได้มาง่ายๆ
“เราจะรู้กันว่าข้าจะสามารถทำลายพลังป้องกันของท่านได้หรือไม่ ถ้าเราได้ทดสอบกันจริงไหม? ท่านเฮนด์เซน วันนี้ที่สนามประลองข้าขอท้าทายท่านอย่างเป็นทางการ ถ้าท่านยอมรับ อย่างนั้นอีกสามเดือนเราจะประลองกันนอกเมือง” โอลิเวอร์กล่าว
วันนี้โอลิเวอร์ใช้ปราณยุทธไปมากแล้วในการต่อสู้กับลินลี่ย์เขาจึงไม่อยู่ในสภาพพร้อมสูงสุด
“ท้าทาย?”
เฮนด์เซนย่นหน้าผาก แต่มีรอยยิ้มบนใบหน้า
สนามชมการประลองเริ่มเต็มไปด้วยเสียงฮือฮาตื่นเต้น เซียนกระบี่อัจฉริยะโอลิเวอร์ท้าทายเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนอย่างเปิดเผย หลายคนตื่นเต้นจนหน้าพวกเขาแดง
ทุกคนหันไปมองเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน
“ก็ได้ ข้ายอมรับ” เฮนด์เซนยิ้มและพยักหน้า “สามเดือนจากนี้ไป ข้าจะขอลองพลังของวิชากระบี่อัคนีซึ่งเจ้าพัฒนาขึ้นมาในช่วงหกปีมานี้”
“แน่นอน ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” หน้าของโอลิเวอร์เต็มไปด้วยความมั่นใจสูงสุด
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฮนด์เซนสดใสขึ้น
หกปีที่แล้ว มีความเหนือชั้นถึงขนาดที่เขาไม่เหลือความรู้สึกอยากต่อสู้ต่อไป โอลิเวอร์ได้เรียนรู้ว่าพลังป้องกันของเฮนด์เซนนั้นแข็งแกร่งเพียงใด แต่โอลิเวอร์ยังมั่นใจขนาดนี้ โอลิเวอร์ไม่ใช่คนโง่ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องมีบางอย่างที่เขาวางใจได้
“ไม่ทำให้ข้าผิดหวังน่ะหรือ? ข้าหวังจริงๆว่าจะเป็นอย่างที่เจ้าพูด” เฮนด์เซนเต็มไปด้วยความคาดหมายบางอย่าง
เขาไม่ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่สามารถคุกคามเขาได้มาเป็นเวลานานแล้ว
เพียงก้าวสั้นๆ สามก้าวเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนก็มาปรากฏที่นั่งผู้ตัดสินอีกครั้ง สำหรับโอลิเวอร์ก็บินมาอยู่ที่ข้างตัวน้องชายเขา
ทั่วทั้งสนามชมการประลองเต็มไปด้วยเสียงพึมพำปรึกษากัน
ลินลี่ย์พอลงสนามต่อสู้ก็เอาชนะเคนยอนได้อย่างง่ายดายและจากนั้นยังยืนหยัดสู้กับโอลิเวอร์ได้อีกด้วย และตอนนี้โอลิเวอร์ท้าประลองกับเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน
เหตุการณ์ต่อเนื่องครั้งนี้น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สุด
“ทุกท่าน” ขณะนั้นบุรุษชราผมหงอกกลับขึ้นไปอยู่บนเวทีประลอง “เมื่อครู่นี้ข้าเตรียมจะประกาศผลของการประลอง แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านโอลิเวอร์จะมาถึง”
บุรุษชราผมเงินมีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “นั่นยิ่งทำให้ข้าตื่นเต้นมากขึ้น นี่เป็นวันที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตที่ยาวนานของข้า การต่อสู้ของท่านโอลิเวอร์กับท่านลินลี่ย์คือสิ่งที่ข้าเชื่อว่าจะไม่มีใครลืมไปได้ในตลอดชีวิตที่ยังเหลือของพวกท่าน แค่มองจากเวทีประลองและดูเสาธงเหล่านั้น”
การต่อสู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้เวทีเกิดรอยแตกร้าวและรูพรุนไปทั่วเสาธงส่วนใหญ่ที่รายล้อมรอบเวทีหักไปครึ่งหนึ่ง และเสื้อผ้าของผู้ชมก็ปลิวกระจายไปอยู่ตามซอกมุมต่างๆของสนามประลอง มันภาพภัยพิบัติฉากหนึ่ง
แต่ฉากภัยพิบัตินี้กลับทำให้คนทั้งแปดหมื่นคนเริ่มหัวเราะ
“ฮ่าฮ่า พูดพอแล้วทุกท่านคงทราบกันแล้วว่าการประลองก่อนนั้นระหว่างวอร์ตันและบลูเมอร์ เป็นบลูเมอร์คว้าชัยชนะไปได้อย่างเฉียดฉิว” บุรุษชราผมทองหัวเราะให้จักรพรรดิโยฮันน์ “ฝ่าบาทมีพระดำรัสจะตรัสบอกข้าหวังว่าทุกท่านจะตั้งใจฟังให้ดี”
หลังจากพูดเพียงเท่านี้บุรุษชราผมเงินก็ลงมาจากเวที
ตอนนี้จักรพรรดิโจฮันน์ประทับยืน ประชาชนบางส่วนในสนามประลองมองดูจักรพรรดิโจฮันน์ขณะที่คนอื่นๆมองดูลินลี่ย์ โอลิเวอร์และเฮนด์เซน ยอดฝีมือระดับเซียน
“วันนี้เป็นวันที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นการประลองระหว่างวอร์ตันกับบลูเมอร์ หรือพี่ชายพวกเขา ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์สิ่งที่เราเห็นประจักษ์ตานั้นน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง
จักรพรรดิโจฮันน์ทรงแย้มพระโอษฐ์ “ทุกท่านก็รู้ว่าทั้งวอร์ตันและบลูเมอร์ต่างก็สู่ขอธิดาคนที่เจ็ดของเราแต่งงาน หลังจากเห็นบุรุษหนุ่มทั้งสองผู้ฉลาดนี้ในวันนี้แล้วเราตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว เราตัดสินว่าวันที่ 15 มีนาคม ณ ตำหนักผู้กล้าเราจะประกาศอย่างเปิดเผยถึงผู้ที่จะแต่งงานกับธิดาคนที่เจ็ดของเรา”